ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1009 เดินทางถึงสนามรบ

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฉินสือโอวก็ฝึกซ้อมว่ายน้ำระยะทางสิบห้ากิโลเมตรอย่างจดจ่อตั้งใจ ครั้งแรกที่ลองซ้อมเขาก็สามารถทำเวลาสี่ชั่วโมงได้แล้ว หลังจากนั้นสถานการณ์ในช่วงที่ดีที่สุดเขาก็สามารถว่ายน้ำได้สำเร็จภายในเวลาสามชั่วโมงครึ่ง
บัตเลอร์นำปลาทูน่าตัวใหญ่ขนาดเก้าร้อยปอนด์ไปที่ญี่ปุ่น เมื่อปลาตัวนี้เผยโฉมหน้าออกไป มันก็สร้างความตกใจขึ้นในเมืองโตเกียวเป็นอย่างมาก
ปีนี้ตลาดปลาทูน่าของญี่ปุ่นตกต่ำลง ปลาหนักห้าร้อยปอนด์ขึ้นไปก็นับว่าเป็นปลาใหญ่แล้ว ปลาหนักแปดร้อยปอนด์ขึ้นไปก็ไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไรแล้ว เมื่อปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวนี้ปรากฏตัวจึงแทบจะได้รับการยืนยันว่าเป็นราชาแห่งปลาแล้ว
สิ่งที่ช่วยปลุกใจให้บรรดานักธุรกิจอาหารทะเลในโตเกียวรู้สึกฮึกเหิม ไม่ใช่เพราะน้ำหนักของปลาตัวนี้เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีคุณภาพของเนื้อปลาอีกด้วย ปริมาณไขมันในร่างกายของปลาตัวนี้สร้างสถิติใหม่ คุณภาพสูงกว่าปลาใหญ่ตัวที่ฉินสือโอวนำไปประมูลเมื่อปีที่แล้วเสียอีก ราคาประมูลที่คาดการณ์ไว้ก็น่าจะสูงกว่าเดิม ไม่มีทางต่ำกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน
ฉินสือโอวไม่ได้ติดตามเรื่องนี้เท่าไรนัก วันที่สิบเดือนมีนาคม เขาก็ขับเรือพาคนในครอบครัวพร้อมกับเหล่าสัตว์เลี้ยงพวกหู่เป้าฉงหลัวไปที่เกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ด เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันครั้งใหญ่ในสนามนี้แล้ว
เรือแฟร์เวลเดินเรือด้วยความเร็วสูง ฝ่าลมโต้คลื่นไปตลอดทั้งทาง หนึ่งวันก่อนจะถึงการแข่งขันพวกเขาก็ไปถึงช่องแคบนอร์ทัมเบอร์แลนด์แล้ว
ตอนที่เดินทางมาถึงช่องแคบ ก็เป็นช่วงเช้าตรู่พอดี ฉินสือโอวยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือแล้วกวาดตามองไปรอบๆ สิ่งที่เขามองเห็นเป็นอย่างแรกก็คือสะพานสมาพันธ์ที่มีชื่อเสียงของแคนาดา
สะพานสมาพันธ์เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์ของแคนาดาในการท้าทายและพิชิตธรรมชาติหลังจากแปซิฟิกเรลโรด เป็นสะพานที่เชื่อมกันระหว่างเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดกับรัฐนิวบรันสวิก เป็นสะพานข้ามมหาสมุทรขนาดยักษ์
สะพานใหญ่ยักษ์แห่งนี้มีลักษณะแคบสูงและทอดตัวยาวติดต่อกัน มีรูปแบบการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ น่าทึ่ง ทว่ามีเค้าโครงที่ดูงดงามสบายตาเป็นอย่างยิ่ง หากใช้ประโยคคำพูดที่พบได้บ่อยในเมืองจีนมาบรรยาย ก็จะบรรยายได้ว่าราวกับมังกรยักษ์ตัวหนึ่งที่วนเวียนอยู่เหนือมหาสมุทรนั่นเอง
พระอาทิตย์ในยามเช้าเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า แสงแดดสาดส่องลงมาบนผิวน้ำและบนสะพาน ยิ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์มากขึ้น
ฉินสือโอวค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตอยู่สักพัก สะพานแห่งนี้มีความยาวทั้งหมด 12.9 กิโลเมตร เป็นสะพานพาดผ่านผืนน้ำที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในโลกของยุคปัจจุบัน การก่อสร้างสะพานแห่งนี้รวมถึงการเปิดให้รถสัญจรผ่านไปผ่านมา ได้เปลี่ยนแปลงเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดที่แยกตัวออกจากโลกภายนอกอย่างโดดเดี่ยวมาเป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปีไปโดยสิ้นเชิง และยังถูกคนทั่วโลกยอมรับให้เป็นสิ่งโครงการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแคนาดาในศตวรรษที่ 20
สำหรับเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดแล้ว ตอนนี้สะพานสมาพันธ์ได้กลายเป็นสะพานแห่งใหญ่ของชีวิต ก่อนหน้าที่จะสร้างสะพานใหญ่แห่งนี้ การสัญจรไปมาระหว่างเกาะแห่งนี้กับโลกภายนอกล้วนแต่ต้องอาศัยเรือข้ามฟากและเครื่องบินทั้งสิ้น
ในตอนนั้นเพื่อที่จะพิชิตอุปสรรคทางการจราจรที่แยกแคนาดาออกจากกัน ในช่วงศตวรรษที่ 20 ยุคปี 80 รัฐบาลส่วนภูมิภาคของเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดจึงได้เสนอให้รัฐบาลกลางสร้างอุโมงค์ที่ลอดผ่านใต้ทะเล หรือไม่ก็สะพานข้ามทะเล
เรื่องนี้เคยเกือบจะสร้างความวุ่นวายภายในเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ด เนื่องจากผู้อยู่อาศัยบนเกาะส่วนหนึ่งกังวลว่าหากสร้างเส้นทางการจราจรได้สำเร็จ จะทำให้ “สภาพที่มีมาแต่เดิม” ของเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ด ถูกทำลายลง จนทำให้การใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบของพวกเขาต้องยุ่งเหยิงวุ่นวาย
ส่วนผู้อยู่อาศัยอีกส่วนหนึ่งก็สนับสนุนการสร้างอุโมงค์ใต้น้ำหรือสะพานข้ามทะเลเพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ที่ “วิเวกวังเวง” ให้ดีขึ้น
ครั้งหนึ่งความคิดเห็นสองแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเคยมีอิทธิพลจนทำให้เกิดการขัดแย้งอย่างรุนแรง ท้ายที่สุดรัฐบาลส่วนภูมิภาคจึงต้องใช้กำลังทหารเข้าปราบปราม และตัดสินใจใช้วิธีให้ผู้อยู่อาศัยทั่วทั้งเกาะลงประชามติ และดำเนินการลงประชามติเมื่อ วันที่ 18 เดือนมกราคม ปี 1988
ผลสรุปสุดท้ายมีผู้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนให้สร้างสะพานข้ามมหาสมุทรอยู่ 59.4% เริ่มโครงการในปี 1993 ใช้แรงงานห้าพันคน กับเงินลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ดำเนินงานสำเร็จลุล่วงและเปิดให้รถสัญจรในปี 1997 กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างคุณูปการอันเกริกก้องได้สำเร็จ
การเลือกจัดการแข่งขันเพื่อการกุศลที่ช่องแคบนอร์ทัมเบอร์แลนด์ก็มีความหมายโดยนัยที่แอบแฝงอยู่เช่นกัน ซึ่งสะพานสมาพันธ์ก็คือจิตวิญญาณของการแข่งขัน เป็นสัญลักษณ์ของผู้เข้าร่วมที่ต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้ต่อกับความยากจน โรคภัยไข้เจ็บ และความท้อแท้สิ้นหวัง
ชาร์คเดินออกมาจากห้องบังคับการเรือ เขาเห็นฉินสือโอวกำลังใช้สายตาที่ตื่นตะลึงมองดูสะพานใหญ่แห่งนี้ จึงพูดขึ้นมาว่า “บอส คุณต้องดูมันไว้ให้มากๆ นะครับ ตอนที่เข้าแข่งขันมันจะเป็นสัญลักษณ์บอกทิศทางในการว่ายน้ำให้กับพวกคุณ ถ้าคุณเห็นว่าตัวเองอยู่ไกลจากสะพานเกินไป ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางในการว่ายน้ำแล้ว”
ฉินสือโอวพยักหน้ารับ ตอนที่เรือยอชต์ขับผ่านใต้สะพานใหญ่ เขาก็แหงนหน้าขึ้นมอง ธงผืนใหญ่ทั้งสี่ด้านปลิวไสวอยู่ใต้ลมทะเลพัดหวีดหวิว แบ่งออกเป็นธงชาติแคนาดา ธงประจำรัฐเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ด ธงประจำรัฐนิวบรันสวิกรวมไปถึงธงของสะพานสมาพันธ์
วินนี่เห็นเขาเอาแต่จ้องมองสะพานใหญ่อย่างใจลอย เธอจึงถามเขาว่า “คุณมองอะไรอยู่เหรอคะ? เพิ่งเคยเห็นสะพานที่ยิ่งใหญ่สง่างามแบบนี้เป็นครั้งแรกเหรอ?”
ฉินสือโอวกล่าวว่า “ไม่ใช่ครับ ผมกำลังใคร่ครวญเรื่องเรื่องหนึ่งอยู่ ผมกำลังคิดว่าเกาะแฟร์เวลควรจะเอาอย่างเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดบ้างหรือเปล่า ควรจะสร้างสะพานข้ามทะเลอย่างนี้บ้างหรือเปล่า?”
วินนี่ชะงักงันไปทันที ต่อจากนั้นเธอจึงหัวเราะคิกคัก แล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณล้อเล่นเรื่องอะไรกันคะ? เกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดมีพื้นที่อยู่หกพันตารางกิโลเมตร มีพื้นที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 104 ของโลก เป็นอันดับที่ 23 ของแคนาดา ส่วนเกาะแฟร์เวลน่ะเหรอ?”
ฉินสือโอวไหวไหล่พูดว่า “เนื้อที่ของเกาะแฟร์เวลก็ใหญ่มากเหมือนกัน มีพื้นที่ตั้งสี่ร้อยห้าร้อยตารางกิโลเมตรเลยไม่ใช่เหรอครับ?”
วินนี่พินิจพิเคราะห์สีหน้าท่าทางของเขาอย่างเอาใจใส่ เธอเผยท่าทางหวาดหวั่นออกมาพร้อมกับพูดว่า “คุณจริงจังเหรอคะ?”
สะพานสมาพันธ์อาจจะดูยิ่งใหญ่เกรียงไกร แต่แท้ที่จริงแล้วมีความยาวแค่สิบกิโลเมตรกว่าๆ เท่านั้น แล้วระยะห่างระหว่างเกาะแฟร์เวลกับนครเซนต์จอห์นน่ะเหรอ? แปดสิบกิโลเมตรกว่าๆ! อีกทั้งในช่วงศตวรรษก่อนสะพานสมาพันธ์ที่ยาวกว่าสิบกิโลเมตรยังมีค่าใช้จ่ายถึงมูลค่าหนึ่งพันล้าน แล้วสะพานใหญ่ที่มีความยาวกว่าแปดสิบกิโลเมตรล่ะ?
วินนี่ยิ่งคิดใจของเธอก็ยิ่งสั่นกลัว เธอกำลังคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมฉินสือโอวให้ละทิ้งความคิดที่อยู่เหนือความเป็นจริงแบบนี้ แต่ฉินสือโอวกลับหัวเราะเสียงดังแล้วพูดขึ้นมาก่อนว่า “คุณเชื่ออย่างนั้นจริงๆ เหรอครับ? ผมมันแค่คนโง่ๆ สมองกลวงๆ จะมีความคิดที่จะสร้างสะพานใหญ่ที่มีความยาวหลายสิบเมตรได้ยังไงกัน?”
ระยะห่างไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่คุณค่าของมัน ความหนาแน่นของจำนวนประชากรบนเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดอยู่ที่ยี่สิบห้าคนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร นี่เป็นระดับความหนาแน่นที่มากที่สุดจากทุกๆ รัฐในแคนาดา แล้วที่เกาะแฟร์เวลน่ะเหรอ? โดยเฉลี่ยแล้วหนึ่งตารางกิโลเมตรจะมีประชากรเพียงสี่ถึงห้าคนเท่านั้น…
ที่ฉินสือโอวมาถึงเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดก่อนเวลา ไม่ใช่เพราะจะทำความคุ้นเคยกับสนามการแข่งขันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังอยากจะเที่ยวเล่นรอบๆ เกาะนี้ด้วย
เกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดมีชื่อเสียงในเรื่องของวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ในการนำเสนอรัฐแต่ละรัฐของแคนาดา การนำเสนอสำหรับที่นี่ก็คือ พระเจ้าได้สรรค์สร้างแผ่นดินใหญ่ผืนหนึ่งไว้ท่ามกลางมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีคลื่นซัดสาดอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้จึงก่อกำเนิดเป็นเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีความงดงาม
ในภาษาของชาวอินเดียนแดงที่เป็นผู้อยู่อาศัยมาแต่เดิม ชื่อของเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดคือ ‘อาเบกไวท์’ มีความหมายว่า “เปลที่ลอยไปบนคลื่น” จากสิ่งนี้ก็ทำให้รู้ได้ว่ามันสวยงามมากขนาดไหน
นอกจากวิวทิวทัศน์ที่งดงามแล้ว เกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของแคนาดา ซึ่งก็คือสภาพอากาศที่อบอุ่นนั่นเอง
น้ำทะเลของอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ที่มีอุณหภูมิที่อบอุ่น ทำให้สภาพอากาศบนเกาะอบอุ่นกว่าสภาพอากาศบนแผ่นดินใหญ่ของแคนาดา จึงเสริมให้ที่นี่มีสภาพอากาศที่เปียกชื้นตลอดทั้งปี
ฤดูร้อนของที่นี่มีอากาศอบอุ่นและชุ่มชื้น อุณหภูมิมักจะคงตัวต่ำกว่ายี่สิบองศา อุณหภูมิสูงสุดอาจจะสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส สำหรับแคนาดานับว่าที่นี่เป็นที่มีอากาศร้อนแผดเผาที่สุดแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาช่วงเดือนมีนาคม อุณหภูมิยังค่อนข้างต่ำ จะอยู่ที่ราวๆ สี่ถึงห้าองศาเซลเซียส แต่สำหรับชาวแคนาดาที่คุ้นชินกับอากาศหนาวเย็นแล้ว อุณหภูมิเท่านี้ก็นับว่าสามารถสวมเสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ผลิได้แล้ว
เรือแฟร์เวลเข้าเทียบท่า ขณะที่ฉินสือโอวลงมาจากเรือเขายังเห็นชาวประมงที่อยู่บนท่าเรือหลายคนสวมใส่เสื้อนวมที่บุด้วยผ้าฝ้าย แต่เมื่อเข้ามาในเขตเมืองแล้ว กลับพบเห็นการแต่งกายแบบนี้ได้น้อย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือเด็ก ต่างก็เปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงแทนแล้ว ต่อให้ลมหนาวจะพัดผ่านเข้ามาจนทำให้หนาวจนตัวสั่นเป็นครั้งคราว แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset