ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1015 ภาพถ่ายครอบครัว

การจัดกิจกรรมข้ามช่องแคบในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นไปตามที่ฉินสือโอวคาดหวังไว้ เขาได้รับตำแหน่งชนะเลิศและได้มีมูลนิธิเกิดขึ้นเป็นที่แรกในชีวิตของเขาและยังเอาชื่อของลูกสาวตัวเองมาตั้งเป็นชื่อมูลนิธิอีกด้วย
ในคืนวันนั้นก็มีการจัดงานเลี้ยงตอนเย็น ซึ่งฉินสือโอวต้องเป็นตัวหลักของงานอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่ฉลองตำแหน่งชนะเลิศของเขาเท่านั้น แต่ยังฉลองเพราะเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมมากอีกด้วย
เนื่องจากฉินสือโอวเป็นคนทำสถิติใหม่ในการข้ามช่องแคบสิบห้ากิโลเมตรด้วยเวลาสามชั่วโมงห้าสิบสองนาที และเขายังทำสถิตินี้ได้สำเร็จด้วยการเปลือยท่อนบน เช่นเดียวกับที่นักข่าวกล่าวไว้ก่อนหน้านี้คือเขาได้ทิ้งตำนานไว้ที่นี่
หู่จือและเป้าจือก็ตามฉินสือโอวมาเข้าร่วมงานเลี้ยง พวกมันจึงได้กลายเป็นตัวหลักของงานไปด้วยเพราะงานเลี้ยงครั้งนี้ล้วนเป็นพ่อและแม่ที่มีครอบครัวแล้วเกือบทั้งหมด หลายๆ คนจึงพาเด็กๆ มาด้วย หู่จือและเป้าจือทำตัวน่ารักมาตลอดทาง เด็กๆ จึงชอบพวกมันมาก
ในขณะที่รับประทานอาหารอยู่นั้นก็มีตากล้องคนหนึ่งถ่ายภาพที่คมชัดมากให้กับฉินสือโอว เขายิ้มและพูดว่า “คุณฉิน หวังว่ารูปใบนี้จะเก็บความทรงจำที่ดีไว้ให้พวกคุณ”
ในภาพฉินสือโอวยิ้มอย่างสดใส โดยมีพื้นหลังเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และท้องฟ้าสีคราม ข้างๆ เขาเป็นวินนี่ที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขและในอ้อมแขนของเขาก็เป็นแลบราดอร์ขนสีเหลืองทองกำลังหรี่ตาพร้อมกับยกมุมปากขึ้นราวกับว่าพวกมันกำลังยิ้มอยู่
เมื่อเห็นเนื้อหาในภาพแล้ว ฉินสือโอวก็หัวเราะเสียงดังขึ้น จากนั้นจึงเขากอดตากล้องอย่างอบอุ่นแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณมากๆ เลยนะ นี่เป็นรูปที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้รับมาเลย ผมจะเอารูปไปขยายแล้วแขวนไว้ในห้องนั่งเล่น”
หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะกลับก็มีคนร้องเรียกเขาเอาไว้ “เฮ้ ฉิน อยู่คุยกันสักครู่ได้ไหม?”
ฉินสือโอวจึงหันกลับไปมองและคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแรนส์ เคลวิน จากนั้นจึงคว้าวินนี่มาหลบอยู่ข้างหลังเขาและถามอย่างระแวงว่า “คุณต้องการคุยเรื่องอะไร?”
เมื่อเห็นท่าทางของเขา แรนส์จึงยิ้มเจื่อนแล้วพูดว่า “ผมมาที่นี่เพื่อขอโทษคุณ คุณไม่ต้องระแวงผมขนาดนั้น ผมก็เป็นพ่อของลูกสองคน ผมจะทำร้ายคนที่กำลังจะเป็นพ่อเหมือนกันและวินนี่ที่กำลังจะเป็นแม่ได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าตัวเองกังวลมากเกินไป เขาก็ไม่ได้โกรธแค้นอะไรแรนส์มากขนาดนั้น แน่นอนว่าถ้าแรนส์รู้ถึงแผนสกปรกตอนที่เขาอยู่ใต้น้ำแล้ว เขาจะไม่พูดอย่างนี้
วินนี่ตบหลังฉินสือโอวเบาๆ เพื่อบอกว่าตัวเองจะไปหาบูลกับเด็กๆ ก่อน และปล่อยให้เขากับแรนส์ได้พูดคุยกันดีๆ
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในร้านกาแฟข้างๆ โรงแรม แรนส์ถูฝ่ามือไปมาและชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ผมมาที่นี่เพื่อขอโทษคุณ ฉิน เมื่อตอนเช้าผมพูดเกินไป ผมดูถูกประเทศและเชื้อชาติของคุณ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นผมถึงเลวร้ายมากขนาดนั้น บางทีผมก็อาจจะโลภมากจนขาดสติ”
แต่ไหนแต่ไรฉินสือโอวเป็นคนนิสัยใจอ่อน ต่อให้ใครมาขอโทษ เขาก็จะให้อภัย เขาจึงโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรแรนส์ ผมก็มีส่วนผิดเหมือนกัน ตอนนั้นปฏิกิริยาของผมก็รุนแรงเกินไป ดูเหมือนว่าผมจะต้องปรับอารมณ์ของตัวเองด้วยเหมือนกัน”
แรนส์ยิ้มเจื่อนๆ แล้วพูดว่า “ไม่ๆๆๆ ฉิน ปฏิกิริยาของคุณเป็นปกติ ในตอนนั้นอาจเป็นเพราะว่าคุณได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าผมจะเป็นตัวหลักและตัวตั้งตัวตีในการแข่งขันการกุศลครั้งนี้ สุดท้ายผมก็พบว่าคนจำนวนมากให้ความสนใจคุณ ดังนั้นผมจึงอิจฉาคุณและจงใจเป็นศัตรูกับคุณ ซึ่งมันไม่ถูกต้อง”
พอได้ยินเช่นนั้นฉินสือโอวก็ตระหนักได้ทันที ไม่น่าล่ะที่ผู้ชายคนนี้เผชิญกับคำตอบของตัวเองในตอนนั้นได้อย่างรวดเร็ว ใช่ การแข่งขันการกุศลในครั้งนี้ จริงๆ แล้วยังไม่ได้เป็นที่รู้จักกันดีเท่าไรนัก นักนักกีฬาระดับชาติอย่างแรนส์ยอมมาเข้าร่วม ก็ถือว่าเป็นการโฆษณาที่ยอดเยี่ยมมากแล้วจริงๆ
น่าเสียดายที่แรนส์บังเอิญเจอกับผู้ทิ้งตำนานไว้ที่เกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดอย่างฉินสือโอว การมาถึงของฉินสือโอวทำให้แรนส์มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี สำหรับคนที่มีนิสัยหยิ่งยโสแล้ว นี่เป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริงๆ
เพราะอยากจะเข้าใจในจุดนี้ ฉินสือโอวจึงไม่มีความเห็นอะไรกับแรนส์ ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะตัวเองบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามยอมแพ้การแข่งขันและเขาก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย
เมื่อปรับความเข้าใจกันแล้ว ทั้งสองก็ยิ้มพร้อมกับจับมือกันและกลายเป็นเพื่อนกัน
สุดท้ายในขณะที่กำลังแยกจากกัน แรนส์ก็พูดว่า “ฉิน ผมอิจฉาคุณจริงๆ เพราะคุณมีภรรยาที่ดีมาก วินนี่มาหาผม เธอมาขอโทษผมแทนคุณ ซึ่งมันทำให้ผมเข้าใจความผิดพลาดของตัวเองว่าอยู่ตรงไหน เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและจิตใจดี ขอให้คุณทะนุถนอมเธอด้วย”
ฉินสือโอวถึงกับผงะ จากนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำแค่เพียงพยักหน้า หลังจากแยกจากกันเขาก็รีบไปหาวินนี่ เขาไม่สนว่าเธอจะอยู่กับใคร เขายื่นมือออกไปกอดเธอและจูบลงที่ริมฝีปากของเธออย่างลึกซึ้ง
“นี่คุณเป็นบ้าอะไร?” วินนี่ถามอย่างไม่พอใจ
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “อยู่ๆ ผมก็รักคุณมากเป็นพิเศษ ดังนั้นก็เลยจูบคุณ”
บูลกะพริบตาปริบๆ พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ จึงหันกลับมากอดแอนนี่แล้วจูบลงที่ริมฝีปากของเธออย่างลึกซึ้งเช่นกัน
แอนนี่เม้มปากพร้อมกับสะบัดหน้าหนีและผลักเขาออก แล้วพูดอย่างด้วยความโมโหว่า “พระเจ้า นี่คุณเป็นบ้าอะไร?”
“อยู่ๆ ผมก็รักคุณมากเป็นพิเศษ…” บูลว่า
“งั้นเมื่อก่อนคุณไม่เคยรักฉันเลยเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมวันนี้อยู่ๆ ถึงมาจูบฉันล่ะ?” แอนนี่ถาม
บูล “…”
หลังจากพักอยู่ที่เกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดได้สองวัน ฉินสือโอวก็พาพ่อแม่ วินนี่และลูกสาวไปเที่ยวชมรอบๆ เกาะสวรรค์แห่งนี้ก่อนจะนั่งเรือกลับเกาะแฟร์เวล
เนื่องจากสภาพอากาศดี แม้ว่าวิลล่าจะว่างหลายวัน แต่ก็ไม่มีฝุ่นเลย ฉินสือโอวจึงเอาภาพถ่ายหมู่ของเขา วินนี่ หู่จือและเป้าจือมาขยายเป็นภาพวาดขนาดใหญ่ที่มีความยาวและความกว้างหนึ่งเมตรแล้วแขวนไว้บนผนัง ซึ่งเข้ากันได้ดีกับภาพ ‘พื้นที่บริเวณรอบแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’
ฉงต้าเงยหน้าขึ้นมองรูปนี้ มันขมวดคิ้วสั้นของมันและมองดูรูปสักพัก ทันใดนั้นก็ยืนขึ้นและชี้ไปที่รูปพร้อมกับร้องตะโกนอาวูๆ อย่างไม่พอใจ หน้าอันอ้วนท้วนของมันก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าหากัน ดูท่าทางเหมือนจะไม่พอใจมาก
ฉินสือโอวรีบขึ้นมาดูอย่างรวดเร็วและเข้าใจว่าฉงต้าไม่พอใจที่ในรูปถ่ายไม่มีเขาอยู่ แต่ตอนนี้ภาพก็ถ่ายออกมาแล้วและเขาก็ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นฉินสือโอวจึงทำได้เพียงถ่ายรูปคู่กับฉงต้าและแสดงบนคอมพิวเตอร์ให้มันเห็น
แต่ฉงต้าก็ยังไม่พอใจ มันจ้องไปที่รูปภาพบนผนังแล้วกรีดร้องอาวูๆ ออกมาไม่หยุด วินนี่ก็เลยต้องเตรียมชามสลัดผลไม้ให้มัน ในที่สุดมันก็สงบลงและกินอย่างมีความสุข หลังจากกินเสร็จมันก็แบะปากแล้วชี้ไปที่รูปพลางกรีดร้องไปด้วย
วินนี่จึงต้องเปิดโฟโตชอป แล้วเอารูปถ่ายฉงต้าวางระหว่างฉินสือโอวกับเธอ หลังจากพิมพ์ภาพออกมาก็นำมาแขวนไว้บนผนังใหม่อีกครั้ง
จากนั้นหลัวปอจึงเข้ามาเห็น ก็เริ่มส่งเสียงร้องเห่าหอนบรู้วๆ ใส่รูปภาพด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกเสียใจ ทำให้ดึงดูดคู่รักหมาป่าขาวเข้ามาในเวลากลางคืน
วิธีนี้ค่อนข้างได้ผล วินนี่กลัวว่าจิตใจอันเปราะบางของหลัวปอจะวิ่งตามพ่อและแม่ไป จึงรีบใช้โฟโตชอปตัดต่อรูปนี้อีกครั้งอย่างต่อเนื่องและเอาหลัวปอไปวางตรงเท้าของเธอ
คราวนี้วินนี่ก็ถือโอกาสทำการตัดต่อเพิ่มเติมอีก คือเอาแมวป่าซิมบ้าวางไว้ในอ้อมแขนของเธอ เอากระรอกเสี่ยวหมิงวางไว้บนไหล่ของฉินสือโอว นิมิตส์และบุชก็บินสูงบนท้องฟ้าอยู่ข้างหลัง กวางอูฐปอหลัวก็มุดหัวโผล่ออกมาและมาสเตอร์ก็นอนอย่างสบายอกสบายใจอยู่บนพื้น
พอได้เห็นรูปถ่ายใหม่แล้ว ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะปกปิดความรู้สึกบนใบหน้าของตัวเอง รูปถ่ายใบนี้เป็นรูปที่ดีมาก ในเมื่อตอนนี้เป็นแบบนี้แล้ว ช่างรนหาที่จริงๆ เลย!
รูปถ่ายต้นฉบับก่อนหน้านี้ วินนี่ก็ไม่ได้เอาทิ้ง แต่แอบแขวนไว้ในห้องนอนอย่างเงียบๆ ตอนนี้ฉงต้าเป็นหมีตัวโตกึ่งตัวเต็มวัยแล้ว ซึ่งน้อยครั้งมากที่มันจะเข้ามาในห้องนอน ขอแค่มันไม่เห็น ก็จะไม่เป็นไร
ภาพถ่ายครอบครัวใหม่ถูกแขวนไว้บนผนัง ฉงต้าและพวกหลัวปอก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างพึงพอใจและกลับมาเป็นเด็กดีอีกครั้ง
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset