ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1043 ครอบครัวอบอุ่น

วินนี่ปลอบโยนเสี่ยวเถียนกวาพลางเดินเข้ามาและถามว่า “งั้นกอร์ดอน อาจารย์ของพวกนายดุเพื่อนร่วมชั้นของนายว่ายังไงเหรอ?”
กอร์ดอนหัวเราะคิกคัก “อาจารย์ของพวกผมดุว่าพวกเขาเป็นอึ”
ฉินสือโอวตกตะลึง อาจารย์คนนี้ไม่คิดถึงเรื่องความสกปรก? ดูหมิ่นนักเรียนขนาดนี้ต้องถูกฟ้องร้อง
วินนี่ยิ้มต่อและพูดว่า “นายลองพูดคำพูดที่เป็นสาเหตุหน่อยสิ”
กอร์ดอนไอออกมาทีหนึ่งและยื่นมือชี้นิ้วไปข้างหน้า “กอร์ดอน นายเป็นตัวป่วนในชั้นเรียนของพวกเราจริงๆ!” หลังจากพูดประโยคนี้จบเขาก็มีความสุขขึ้นมาและพูดต่ออย่างภาคภูมิใจว่า “ดูสิ อาจารย์กำลังดุว่าคนอื่นเป็นอึใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอว “…”
เมื่อเห็นสีหน้าของฉินสือโอวกับวินนี่ที่มองตัวเองสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน กอร์ดอนยักไหล่ “ทำไมล่ะ มันมีอะไรไม่ถูกเหรอ?”
ฉินสือโอวโบกมือให้เขาออกไปจากที่นี่อย่างจนปัญญาและบ่นพึมพำกับตัวเอง “หวังว่าฉันจะไม่สอนอะไรให้เจ้าปีศาจน้อยคนนี้อีก!”
คนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังพากันหัวเราะจนท้องแข็งและกลับมาเล่นกันต่อ ฉินสือโอวนำของขวัญที่อยู่ในกระเป๋าหนังออกมาและส่งของขวัญให้ทีละคน ของขวัญของวินนี่เป็นผ้าไหมผืนหนึ่ง ด้านบนมีดอกทิวลิปปักอยู่ทั่วทั้งผืน ส่วนของลูกสาวอย่างเสี่ยวเถียนกวาเป็นหมวกใบเล็ก ด้านบนก็มีดอกทิวลิปปักไว้โดยรอบเช่นกันซึ่งดูน่ารักมาก เมื่อได้รับของไว้ในมือปากเล็กๆ ก็หุบลง
ไวส์เหงื่อท่วมตัวอยู่ในวงล้อมของเด็กๆ เขาไม่รู้จะจัดการกับชาร์คน้อยอย่างไร ชาร์คน้อยใช้ความโตกว่า ตัวใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่ามาแกล้งเขา ไวส์เริ่มไม่พูดอะไร เขาเห็นหู่จือกับเป้าจือจึงตะโกนขึ้นมาทันทีว่า “กัดเขา!”
ตอนที่ไวส์เพิ่งมาถึงฟาร์มปลาเขาไม่มีเพื่อนเลยจึงเล่นอยู่กับพวกหู่จือกับเป้าจือ ที่บ้านของเขาก็มีสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ตัวหนึ่งอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงมีความสุขมากที่ได้เล่นกับพวกมัน หู่จือกับเป้าจือฉลาดมาก พวกมันเห็นว่าความสัมพันธ์ของฉินสือโอวกับไวส์ไม่ธรรมดา พวกมันจึงเกรงใจเด็กชายคนนี้ทุกเรื่อง
เมื่อได้รับคำสั่งจากไวส์ หูขนาดใหญ่ของหู่จือกับเป้าจือก็กระดิกไปมาสองสามครั้ง ตัวหนึ่งพุ่งเข้าไปจากด้านหน้าส่วนอีกตัวก็ตะครุบจากทางด้านข้างทำให้ชาร์คน้อยล้มอยู่บนพื้นในทันทีและเริ่มต่อสู้กับเขา ชาร์คน้อยสนใจแต่หัวไม่สนใจหางจึงถูกเลียจนน้ำลายเต็มหน้า
ไวส์แกว่งกำปั้นด้วยความตื่นเต้น ฉินสือโอวถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “วันนี้ชาร์คน้อยแกล้งเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โรงเรียน ผมเป็นจอมยุทธ์ไวส์ แน่นอนว่าผมต้องยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม!”
“ถ้ามีความกล้านายก็มาด้วยตัวเองสิ ฉันจะไม่ฆ่านายแน่นอน!” ชาร์คน้อยหนีออกมาจากปากของหู่จือกับเป้าจือด้วยความยากลำบากและชี้ไปที่ไวส์พร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่อง
ไวส์พูดอย่างดูถูกว่า “แม้แต่กองทัพสุนัขของฉันนายยังไม่สามารถเอาชนะได้เลย ยังคิดว่าจะสู้ฉันได้อีกเหรอ? นับว่านายโชคดีมาก รอฉันเป็นจอมยุทธ์เทพอินทรีก่อนเถอะ ฉันจะมาปราบนายแน่นอน!”
ขณะที่พูดเขาก็ไปที่ห้องครัวเพื่อหาเนื้อปลาและวิ่งไปหาบุชกับนิมิตส์ที่รออยู่ด้านหน้าอย่างใจจดใจจ่อ เขาเดินไปให้อาหารเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวเพื่อเอาอกเอาใจพวกมัน
บุชเหล่ตามองมองไวส์ด้วยท่าทางเซ่อซ่า พวกมันไม่เคยกินเนื้อปลาที่สดใหม่แบบนี้เลยเหรอ? พวกมันสามารถจับปลาสดๆ กินได้ด้วยตัวเองงั้นเหรอ? ปลาสดๆ พวกนั้นรสชาติดีมากเลยเหรอ?
ไวส์เห็นเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวไม่สนใจตัวเอง เขาก้มหน้าถอนหายใจและจากไปอย่างไม่มีความสุข
ฉินสือโอวหยิบโมเดลเฉินหลงออกมาและส่งให้เขา “ดูสิ ฉันให้อะไรนายเป็นของขวัญ?”
โมเดลตัวนี้คือเฉินหลงนักแสดงที่เล่นหนังเรื่องใหญ่เต็มฟัดซึ่งโพสต์ท่าชกมวยและเสื้อยืดที่สวมอยู่ยังพิมพ์ตัวอักษร ‘ไชน่า-กังฟู’ ไว้อีกด้วย
เมื่อเห็นโมเดลที่มีกลิ่นอายของอัศวินตัวนี้ ไวส์ก็มีความสุขขึ้นมาอีกครั้งและวิ่งไปเล่นกับหู่จือกับเป้าจือ
วิเวียนยิ้มมองลูกชายเล่นกับพวกเจ้าตัวน้อยและหัวเราะคิกคักกับพวกสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก บนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจอยู่ตลอดเวลา
ฉินสือโอวส่งของขวัญที่นำมาจากฮอลแลนด์ให้เธอและยักไหล่ “ขอโทษนะ นี่เป็นของปลอม”
ของขวัญที่เขาให้วิเวียนคือภาพวาดภาพหนึ่ง ‘ทานตะวัน’ ที่มีสีสันงดงาม นี่เป็นของปลอมแน่นอน ถ้าเป็นของจริง มันจะมีมูลค่าหลายร้อยล้านเลยทีเดียว
วิเวียนรับมาและยิ้ม “ฉันจะเอากลับไปแขวนมันไว้ในห้องรับแขกของพวกเรา ฉิน ขอบคุณคุณมาก ฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณเรื่องหนึ่ง พรุ่งนี้ฉันอาจจะต้องกลับชิคาโกแล้ว ขอบคุณมากสำหรับการต้อนรับของคุณในช่วงนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่ที่นี่”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ไวส์โยนเนื้อปลาที่อยู่ในมือทิ้ง เขาวิ่งเข้ามากอดที่แขนของแม่และตะโกนเสียงดังขึ้นมา “ไม่ๆๆ แม่ครับ ผมไม่กลับชิคาโก! ผมอยากอยู่ที่นี่ ผมไม่กลับ!”
ฉงต้าที่กำลังล้มตัวนอนอยู่บนพื้นลุกขึ้นมาอย่างว่องไวและพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบเพื่อคว้าเนื้อปลาที่ไวส์โยนทิ้ง มันกินอยู่ในปากและเรอออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะวิ่งกลับไปนอนอย่างเชื่องช้า
ฉินสือโอวก็คว้าโอกาสนี้เซ้าซี้ให้อยู่เธอต่อเหมือนกัน “ใช่แล้ว วิเวียน อยู่ที่นี่กับพวกเราไม่มีความสุขเหรอ? อยู่เที่ยวเล่นอีกสักพักสิ คิดซะว่าคุณให้วันหยุดพักผ่อนกับตัวเอง”
วิเวียนสมกับที่เป็นชนชั้นสูงที่ถูกครอบครัวเลี้ยงดูมาอย่างดี เธอเป็นคนมากความสามารถ หลังจากเธอมาถึงฟาร์มปลาก็ช่วยงานพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปกติเธอจะใช้คอมพิวเตอร์จัดการงานอยู่เงียบๆ และช่วยวินนี่ทำงานบ้านกับดูแลเด็กๆ
นอกจากนั้น เธอยังให้ของขวัญเด็กๆ เป็นครั้งคราวอีกด้วย ที่ไวส์ได้รับการยอมรับจากพวกเด็กแสบตัวน้อยกลุ่มนี้อย่างรวดเร็วก็มีผลมาจากความสัมพันธ์ของเธอเป็นอย่างมาก
วิเวียนลูบไล้เส้นผมอันสวยงามของลูกชายและโน้มตัวลงมาจูบบนหน้าผากของเขา “ขอบคุณมากนะ ฉิน ฉันมีความสุขมากจริงๆ ที่ได้อยู่ที่นี่ แต่ฉันสะสมงานเอาไว้ไม่น้อยคงต้องกลับชิคาโกเพื่อไปจัดการ ส่วนไวส์ ฉันอยากรบกวนให้คุณช่วยดูแลเขาหน่อย ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้ไหม?”
ไวส์ตกตะลึงและพูดอย่างมีความสุขในทันที “ผมไม่จำเป็นต้องกลับไปชิคาโกเหรอครับ? เยี่ยมไปเลย แม่ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ”
เมื่อพูดจบ เขาวิ่งไปอยู่ข้างๆ ห่านขาวตัวใหญ่อย่างไม่ลังเลเลยและพยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้นกอินทรีทองตัวน้อยที่อยู่ด้านหลังและสานต่อความฝันที่อยากเป็นจอมยุทธ์เทพอินทรีของเขาที่ยังไม่สมบูรณ์
วิเวียนขุ่นเคืองไม่เบาและพูดล้อเลียนว่า ‘ไอ้เด็กบ้า’ หลังจากนั้นก็พูดกับฉินสือโอวว่า “ฉิน หลังจากนี้ต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ ช่วยฉันกับจอร์จดูแลไวส์ทีได้ไหมคะ?”
ฉินสือโอวฝืนยิ้ม “ผมยินดีมาก คุณรู้ไหม วิเวียน ผมกับไวส์ถูกคอกันมาก แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าสุขภาพของเขาจะเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ที่นี่”
เมื่อพูดถึงปัญหานี้ วิเวียนก็ยิ้มอย่างมีความหวัง “นี่คือเหตุผลที่ฉันให้ไวส์อยู่ต่อ ฉิน กำลังภายในของคุณน่าอัศจรรย์มาก สภาพแวดล้อมที่ฟาร์มปลาก็เยี่ยมมากเช่นกัน สภาพของไวส์ก็ไม่เลว เมื่อวันก่อนฉันพาเขาไปตรวจ มันน่าเหลือเชื่อมาก หมอบอกว่าร่างกายของเขาคล้ายกับเด็กวัยเดียวกันแล้ว ความสามารถในการสร้างเม็ดเลือดของไขกระดูกก็กำลังฟื้นตัวขึ้นทีละนิดด้วย!”
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉินสือโอวก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายอีกและพยักหน้าให้ไวส์อยู่ต่อ
ตอนเที่ยงของวันต่อมา ที่นครเซนต์จอห์น ฉินสือโอวกับไวส์มาส่งวิเวียนขึ้นเครื่องบิน
ก่อนหน้านี้ไวส์มีท่าทีไม่สนใจและเมื่อแม่ของเขาขึ้นเครื่องบินไป ดวงตาของเขาก็เริ่มแดงขึ้นมา
ฉินสือโอวเข้าใจว่า เขาแกล้งทำเป็นเหมือนไม่สนใจมาโดยตลอดและหวังว่าความเศร้าจะจางหายไป แต่เด็กอายุสิบขวบคนหนึ่งที่ต้องแยกจากพ่อแม่กะทันหันจะไม่สนใจจริงๆ ได้อย่างไรกัน?
ฉินสือโอวนั่งยองๆ ลงและยื่นหมัดออกไป “ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้ดี หลังจากที่อากาศอุ่นขึ้นเล็กหน่อยฉันจะส่งนายกลับชิคาโกเพื่อไปเจอพ่อแม่ของนายโอเคไหม?”
“โอเคครับ!” ไวส์เปลี่ยนน้ำตาให้เป็นเสียงหัวเราะและชนหมัดกับฉินสือโอว “ขอบคุณครับอาจารย์!”
ระหว่างทางกลับ บูลกับแอนนี่ก็กำลังพาลูกชายเดินทางกลับพอดี ทั้งสองฝ่ายขึ้นเรือลาดตระเวนไปด้วยกัน
ฉินสือโอวถามเขาว่าไปทำอะไรที่นครเซนต์จอห์น บูลพูดอย่างคลุมเครือว่าไม่มีอะไร แต่แอนนี่กลับพูดว่าเกิดอะไรขึ้น “เด็กไม่สามารถพลิกตัวได้ตลอดเวลา บูลตาโง่นี่เขาก็เป็นห่วงกระวนกระวาย พวกเราเลยไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูค่ะ”
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset