ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1044 เถียนกวาเอาแต่ใจ

ฉินสือโอวถามว่าผลการตรวจเป็นอย่างไร แอนนี่ยักไหล่และพูดว่า “ก็ไม่เลว ไม่มีปัญหา เพียงแต่เด็กอ้วนเกินไปและถ้าจะพลิกตัวกับลุกขึ้นนั่ง เขาต้องใช้เวลามากกว่าเด็กคนอื่น”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็เดินเข้าไปดูบูลน้อยใกล้ๆ
แม่เจ้า เป็นเด็กอ้วนจริงๆ ถ้าหากขนยาวอีกนิดก็เหมือนกับฉงต้าตอนเด็กแล้ว ฉินสือโอวมองด้วยความประหลาดใจอย่างมาก สิ่งที่เห็นอยู่ในอ้อมกอดของแอนนี่คือ ไขมันกองโตที่รวมอยู่ด้วยกัน หัวโต ตัวโต แขนเล็กขาเล็กไม่อ้วน ตาตี่ ปากเล็ก คางนิดหน่อย…
พลังงานของทารกอ้วนตัวโตมีอยู่เหลือเฟือมาก เขาถูกแอนนี่อุ้มไว้ในอ้อมแขนก็ยังไม่ยอมอยู่นิ่งๆ และดิ้นไปมาอย่างต่อเนื่อง ไขมันบนตัวสั่นสะเทือนเหมือนกับลูกระเบิดลูกหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจมากยิ่งขึ้นคือ รูปร่างที่แสนบอบบางของแอนนี่ นึกไม่ถึงว่าจะอุ้มทารกอ้วนตัวโตขนาดนี้ได้อย่างง่ายดาย พลังแห่งความรักของผู้เป็นแม่นี่ไม่สามารถดูถูกได้จริงๆ
ฉินสือโอวเอื้อมมือไปเล่นกับทารกอ้วนตัวโต เขายื่นมือข้างหนึ่งไป ทารกอ้วนตัวโตก็ยกอุ้งมืออันอวบอ้วนขึ้นมาจับ
เมื่อรู้สึกถึงพลังของทารกอ้วนตัวโต ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “อูย บูล ลูกชายของนายแข็งแรงมากจริงๆ”
ทารกอ้วนตัวโตจับมือของเขาและดึงลงมา เด็กน้อยอ้าปากและทำท่าจะดึงนิ้วของฉินสือโอวเข้าปากเพื่อกิน
ฉินสือโอวตกใจรีบดึงมือกลับ เมื่อเห็นว่าอาหารบินหายไปจากตัวเอง ทารกอ้วนตัวโตก็วิตกกังวลในทันทีและอ้าปากฉีกคอร้องไห้เสียงดังออกมา
บูลทำตาโตและเป่าปาก แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ทารกอ้วนตัวโตไม่แม้แต่จะสนใจและร้องไห้อยู่กับตัวเองต่อ แอนนี่อุ้มทารกอ้วนตัวโตเดินออกไปและเขย่าเขาเบาๆ เพื่อปลอบโยนเขา จากนั้นเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ ลดลง
นี่ทำให้บูลรู้สึกอายนิดหน่อย เขาเกาหลังหัว “ขอโทษครับ บอส ลูกชายของผมชอบกินมากเกินไป”
ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะถาม “ฉันสงสัยว่า ทำไมลูกชายนายถึงมีความอยากอาหารขนาดนี้? ปกตินายไม่ได้ให้เขากินอาหารปลาหรอกใช่ไหม? นายสามารถป้อนอาหารลูกชายจนอ้วนขนาดนี้ได้ นายก็เก่งเกินไปแล้ว”
บูล “…”
เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวเชิญบูลกับแอนนี่ให้พาบูลน้อยมาเล่นที่บ้าน ก่อนหน้านี้เพราะลูกยังเล็กเกินไป แอนนี่จึงไม่พาลูกออกมาข้างนอก ดังนั้นฉินสือโอวคิดว่า ตอนนี้ควรจะให้เด็กทั้งสองคนได้ทำความรู้กันสักหน่อย
ตรงข้ามกับลูกวัวอย่างบูลน้อย เสี่ยวเถียนกวาจัดการได้ง่ายกว่ามาก เมื่อวินนี่วางเธอไว้บนโซฟา เธอจะพยายามพลิกตัวไปมาอยู่ตรงนั้นด้วยตัวเองและเล่นกับตัวเองอย่างสนุกสนาน
เมื่อฉินสือโอวกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวเถียนกวาเอียงตัวมองมาที่เขาและพลิกตัวอย่างคล่องแคล่ว เธอต้องการให้เขาอุ้มจึงยื่นมือออกมาและส่งเสียงร้องเรียก
เมื่อเห็นฉากที่เสี่ยวเถียนกวาพลิกตัวได้อย่างง่ายดาย บูลกับแอนนี่ต่างก็รู้สึกอิจฉามาก ลูกชายตัวอ้วนของพวกเขายังทำไม่ได้เลย
เมื่อมีคนมาเป็นแขก วินนี่ก็ลุกขึ้นไปชงชา เธอเห็นแอนนี่อุ้มลูกชายมาเหนื่อยๆ จึงอยากจะรับมาวางไว้ที่โซฟา
ผลคือเมื่อแอนนี่ปล่อยมือ ใบหน้าอันมีเสน่ห์ของวินนี่ก็ขาวซีดในทันที ฉินสือโอวสามารถมองเห็นส่วนโค้งของแขนทั้งสองข้างของเธอในจุดที่ต่ำลงได้อย่างชัดเจน ทารกอ้วนตัวโตดูเหมือนกับกำลังนั่งชิงช้าที่ตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำในทันที
วินนี่อุ้มทารกอ้วนตัวโตด้วยความยากลำบากและฝืนยิ้ม “ลูกชายคุณตัวหนักมาก!”
เธอวางทารกอ้วนตัวโตไว้ข้างๆ เสี่ยวเถียนกวา ทารกอ้วนตัวโตนอนอยู่บนโซฟาส่งเสียงร้อง ‘ฮืมๆ ฮือๆ’ และยื่นมือน้อยๆ ออกมาแล้วคว้าไปรอบๆ ตอนแรกเสี่ยวเถียนกวาเอียงตัวและยื่นมือไปทางฉินสือโอวอยู่ เมื่อหันหน้าไปเห็นเพื่อนตัวน้อยมาอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที
เมื่อเห็นทารกที่เหมือนกับตัวเองเป็นครั้งแรกจึงไม่แปลกที่เสี่ยวเถียนกวาจะอยากรู้อยากเห็น ดวงตากลมโตสีดำจ้องมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนและมองดูไปสักพักก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เธอยื่นมือไปทางวินนี่พร้อมกับส่งเสียงร้อง ‘แอ้ๆ’ ออกมาสองครั้ง
วินนี่ยิ้มอย่างเอาใจ เธอช่วยเสี่ยวเถียนกวาจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบและพูดจาหยอกล้อด้วยเสียงเล็กๆ “มีความสุขเหรอคะ? เพื่อนตัวน้อยหล่อใช่ไหมคะ? ไปเล่นด้วยกันกับเขาไหมคะ?”
ทารกอ้วนตัวโตยังไม่สามารถพลิกตัวได้ ทำได้แค่นอนหงาย มือเล็กๆ ของเขาคว้าไปมาและบังเอิญไปคว้าหมวกของเสี่ยวเถียนกวาได้ เขาหดแขนลงตามจิตใต้สำนึกและยัดมันใส่ปาก
ดวงตาของเสี่ยวเถียนกวาที่กำลังถูกวินนี่หยอกล้ออยู่เบิกกว้างยิ่งขึ้น นี่เป็นของของคุณย่า นายเอามันยัดใส่ปากแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?
เสี่ยวเถียนกวาที่นอนอยู่ข้างๆ พลิกตัวและแกว่งมือไปจับหมวกใบเล็กของตัวเองแล้วดึงกลับมา ในเวลาเดียวกันก็แกว่งขาเตะไปที่ต้นขาด้านนอกของทารกอ้วนตัวโต เธอแย่งหมวกกลับมาและเตะทารกอ้วนตัวโตออกไป
การเคลื่อนไหวที่ดูเป็นธรรมชาติชุดนี้ ฉินสือโอวที่อยู่ข้างๆ รู้สึกทึ่งมากที่ได้เห็น ลูกสาวของเขามีทักษะที่ดีจริงๆ
ไวส์ที่กำลังต่อสู้กับหู่จือและเป้าจืออยู่ข้างๆ ก็เห็นฉากนี้ เขาปรบมือและตะโกนด้วยความตื่นเต้นว่า “เคโอ! น้องสาวตัวน้อยเก่งมาก!”
ทารกอ้วนตัวโตทั้งตัวล้วนเป็นไขมัน ถูกเตะครั้งหนึ่งคงไม่รู้สึกเจ็บ อันที่จริงเสี่ยวเถียนกวาก็ไม่ได้แข็งแรง แต่หมวกที่เขาได้มาถูกแย่งไปอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงอ้าปากและร้องไห้ ‘อุแว้ๆ’ ออกมาเสียงดัง
เสี่ยวเถียนกวากอดหมวกเอาไว้และพลิกตัวกลับมา เธอนอนหงายอยู่บนโซฟาและเงยหน้ามองทารกอ้วนตัวโตด้วยความโกรธจัด นายแย่งของของคุณย่าที่อยู่ในขอบเขตของคุณย่าไปไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ยังมีหน้ามาร้องไห้อีก? น่ารำคาญจริง รีบไปให้พ้นๆ สักที!
เสี่ยวเถียนกวาพลิกตัวอย่างขยันขันแข็ง ขาเล็กๆ ทั้งสองข้างเริ่มเตะอย่างต่อเนื่อง เธอเตะทารกอ้วนตัวโตเหมือนกับเตะลูกบอล
ทารกอ้วนตัวโตยิ่งเสียใจร้องไห้หนักขึ้น เขาอ้าปากร้องไห้คร่ำครวญ เสียงร้องไห้ผันผวนไม่แน่นอน เสียงสูงและต่ำคู่กันเหมือนกับการร้องเพลง
แอนนี่กับวินนี่ลุกขึ้นไปปลอบด้วยกัน แต่ครั้งนี้ทารกอ้วนตัวโตเสียใจมาก ปลอบอย่างไรก็ไม่ได้ผล น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
วินนี่ต้องเอาหมวกออกจากมือของลูกสาวและส่งให้ทารกอ้วนตัวโต เดิมทีเธอต้องให้เสี่ยวเถียนกวาซึ่งถือเป็นความโอบอ้อมอารีสำหรับเด็กน้อยของพ่อแม่ แต่ตอนที่เธอเห็นว่าแม่เป็นคนเอาหมวกของตัวเองไปให้ทารกอ้วนตัวโตก็โกรธขึ้นมาในทันที
เธอยื่นมือออกไปและตะโกน ‘แอ้ๆ’ อยู่สองสามครั้ง เมื่อเห็นวินนี่ไม่สนใจตัวเอง เธอก็นำไพ่ตายออกมาและปากเล็กๆ ก็เริ่มส่งเสียงร้องไห้เหมือนกัน
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยทั้งสองคนเป็นระลอกๆ ฉินสือโอวก็รู้สึกปวดหัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำไมการเลี้ยงเด็กถึงได้เหนื่อยขนาดนี้? เขาเคยเลี้ยงหมาเคยเลี้ยงหมีเคยเลี้ยงหมาป่าตอนนี้ยังเลี้ยงอินทรีอีก การเลี้ยงสัตว์พวกนี้ยังง่ายกว่าการเลี้ยงเด็กเยอะมาก
หู่เป้าฉงหลัวกับแมวป่าได้ยินเสียงร้องไห้ของเสี่ยวเถียนกวาก็ลุกขึ้นมาในทันที พวกมันรวมตัวกันรายล้อมอยู่ด้านหน้าโซฟาและมองดูเสี่ยวเถียนกวา
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวกังวลว่าพวกมันจะทำร้ายเสี่ยวเถียนกวา ดังนั้นเขาจึงสอนพวกมันว่าต้องเล่นกับทารกตัวน้อยอย่างไรและยังสอนพวกมันอีกว่าตอนที่เสี่ยวเถียนกวาร้องไห้ต้องไปปลอบเธออย่างไร
หู่จือกับเป้าจือขึ้นไปอยู่ใกล้ๆ และแลบลิ้นเลียที่ใบหน้าเล็กๆ ของเธอเบาๆ เสี่ยวเถียนกวายื่นมือไปเกาคางของหู่จือสองสามครั้งและคิดว่าเจ้าตัวน้อยขนปุยสนุกดี ในที่สุดเธอก็เปลี่ยนความสนใจและไม่ร้องไห้เสียงดังอีก มือข้างหนึ่งยื่นออกไปเพราะต้องการหมวก แต่มืออีกข้างกลับยื่นไปเกาให้หู่จือ
วินนี่จำใจต้องเอาหมวกคืนให้เสี่ยวเถียนกวา เธอลากเป้าจือไปอยู่ด้านหน้าของทารกอ้วนตัวโตเพื่อให้มันหยอกล้อทารกอ้วนตัวโต
เมื่อเห็นเป้าจือที่ขนปุย เสียงร้องไห้ของทารกอ้วนตัวโตก็หยุดลง เขาพยายามเปิดตากลมโตที่เหมือนตะเข็บมองไปที่เป้าจือและยื่นมือออกไปเพราะอยากสัมผัสของเล่นขนปุยตัวนี้สักหน่อย
เด็กๆ มักจะชอบของที่มีขนปุยแบบนี้เสมอ
เสี่ยวเถียนกวาเอียงหัวมอง เมื่อเห็นว่าทารกอ้วนตัวโตไปเล่นกับเป้าจือ เธอก็รู้สึกไม่พอใจในทันที ประจวบเหมาะกับที่ก้นของเป้าจือยังอยู่ด้านนี้ของเธอ เธอจึงยื่นมือไปจับหางของเป้าจือ ปากเล็กๆ ส่งเสียงร้องและดึงหางนิดหน่อย เป้าจือหันหลังกลับมาแกว่งหางและวิ่งกลับมาอย่างเอาอกเอาใจ
เมื่อเห็นของเล่นตัวใหญ่สุดรักแยกไปจากตัวเองไกลขึ้นเรื่อยๆ ทารกอ้วนตัวโตก็อ้าปากและส่งเสียงร้องไห้อีกครั้ง!
ฉินสือโอวได้ยินเขาร้องไห้เสียใจขนาดนั้นราวกับคนอกหัก เขาคิดว่าในดวงตาของทารกอ้วนตัวโต ไม่เพียงแต่ของเล่นที่จากไป แต่เปรียบเสมือนกับอาหารดีๆ มื้อใหญ่ก็จากไปเหมือนกัน…
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset