ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1045 เดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอย

ทารกอยู่ด้วยกันแล้วเหนื่อยจริงๆ โดยเฉพาะปีศาจจอมตะกละสองคนมารวมตัวกัน ปกติเสี่ยวเถียนกวาจะมีพฤติกรรมที่ดีมาก บางครั้งยังขายความน่ารักอีกด้วย แต่เมื่อเจอกับทารกอ้วนตัวโต เธอก็แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ของของคุณก็เป็นของของฉัน ของของฉันก็ยังเป็นของของฉัน ของของทุกคนก็เป็นของของฉันเหมือนกัน…
ตอนแรกบูลกับแอนนี่มาที่นี่ เพราะอยากให้บูลน้อยทำความรู้จักกับเสี่ยวเถียนกวาสักหน่อย พวกเขาสองคนถูกฟ้าลิขิตให้เป็นคู่กัน หลังจากนี้ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยก็อยากให้เติบโตไปด้วยกัน
ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์นี้จะเชื่อมได้ไม่ดีนัก บูลน้อยที่ตัวใหญ่กว่ากลับถูกเสี่ยวเถียนกวากลั่นแกล้ง ยิ่งไปกว่านั้นดูนิสัยอารมณ์ร้ายของเสี่ยวเถียนกวานั่นสิ ช่วงนี้ทั้งสองคนคงไม่มีทางเป็นคู่รักกันได้
แต่จัดการพวกเขาสองคนก็ง่ายเหมือนกัน แอนนี่อุ้มลูกชายไปทางซ้ายของโซฟา ส่วนเสี่ยวเถียนกวาอุ้มไปทางขวาของโซฟา ทั้งสองคนยังคลานไม่เป็น เมื่อจับแยกกันก็จะตีกันไม่ได้ เสี่ยวเถียนกวาได้แต่เอียงตัวมองอย่างหมดหนทาง
หู่จือกับเป้าจือเป็นของเสี่ยวเถียนกวา เพียงแค่อยู่ใกล้กับทารกอ้วนตัวโตก็ไม่ได้ วินนี่ก็เลยต้องแอบยัดแมวป่าตัวน้อยให้ทารกอ้วนตัวโต ถ้าเสี่ยวเถียนกวาไม่เห็น เรื่องนี้ก็จะจบลงในทันทีและเด็กน้อยทั้งสองคนก็จะหยุดร้องในที่สุด
เมื่อตอนค่ำ ฉินสือโอวเดินอยู่บนชายหาดเฝ้ามองพระอาทิตย์ตกไปทางทิศตะวันตกอย่างเชื่องช้า
ทันทีที่เข้าสู่เดือนเมษายน สภาพอากาศก็ค่อยๆ อบอุ่นขึ้นในที่สุด ฉินสือโอวไม่สามารถจับปลาในฤดูหนาวที่มีลมทะเลพัดได้ ตอนนี้เขายืนอยู่บนชายหาดและได้กลิ่นอายทะเลจางๆ ในอากาศทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก
ไวส์ตามมาที่ชายหาดทีหลัง เขาก็มองไปที่พระอาทิตย์ตกเหมือนกันและแสดงถึงความโดดเดี่ยวออกมาบนใบหน้าเล็กๆ
ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมดูไม่มีความสุขอีกแล้วล่ะ? คิดถึงแม่เหรอ?”
ไวส์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ อาจารย์ ผมแค่คิดว่า เมื่อไหร่ผมจะฝึกวิชาตัวเบาได้สำเร็จและสามารถเดินบนผิวน้ำได้อย่างไร้ร่องรอยสักที?”
ฉินสือโอวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและให้กำลังใจเขา “นายต้องออกกำลังกายก่อน นี่คือขั้นแรก ไม่กี่วันก่อนนายไม่รู้สึกว่าได้รับพลังหรอกเหรอ? ต่อมาก็ความขยัน ขยันเรียน ขยันออกกำลังกาย ดังคำกล่าวที่ว่า ‘เมื่อหัวใจมีพระโพธิสัตว์ สายลมสงบก็จะมาเอง’ การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพในที่สุด ถึงตอนนั้นนายก็จะเดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอยได้”
ไวส์ฟังไม่เข้าใจว่าอาจารย์พูดถึงอะไร แต่ฟังดูลักษณะเหมือนจะจริงจังมาก เขาก็เลยถามอย่างคาดหวัง “อาจารย์ งั้นคุณสามารถเดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอยได้ไหมครับ?”
ฉินสือโอวอยากใช้ฝ่ามือเหล็กกับเขาจริงๆ และแยกสมองน้อยๆ ของเขาออกมาเพื่อดูว่าเขาคิดอะไรอยู่ พวกเราจะสามารถดำเนินชีวิตอย่างจริงจังได้เหรอ? นายก็เป็นแฟนศิลปะการต่อสู้ที่จริงจังเกินไปเหมือนกัน สุดท้ายแล้วพวกเราใครเป็นคนจีนกันแน่?
เขาครุ่นคิดอยู่ในใจว่าตอบยังไงถึงจะรักษาความน่าเกรงขามของตัวเองที่เป็นอาจารย์ไว้ได้ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเตร็ดเตร่อยู่รอบๆ น่านน้ำตามความประสงค์ จู่ๆ หัวใจก็เต้น เมื่อพบว่าฝูงเต่ากลับมาแล้ว!
ยังคงเป็นเต่ามะเฟืองที่ว่ายน้ำอยู่ด้านหน้าสุดและเต่าตนุที่ไล่ตามมาด้านหลัง เทียบกับตอนที่ฉินสือโอวเห็นฝูงเต่าที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟในตอนนั้น ฝูงเต่าที่กลับมาครั้งนี้จำนวนเพิ่มขึ้นเยอะมาก เพิ่มขึ้นอย่างน้อยเป็นสองเท่า รวมทั้งหมดน่าจะมากถึง 200 กว่าตัว
เต่าที่ตัวใหญ่ที่สุดในฝูงเต่าคือเต่ามะเฟือง เช่นนิโคลัส กูสที่ตัวใหญ่แบบนี้ ถ้ามันว่ายอยู่ในทะเลจะดูเหมือนกับแนวเกาะเล็กๆ และเมื่อเต่ามะเฟืองฝูงใหญ่เกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันก็จะเหมือนกับเกาะเล็กๆ ที่กำลังลอยอยู่
เต่าสายพันธุ์อื่นที่ตามหลังฝูงเต่ามะเฟืองมาค่อนข้างน่าสับสน เต่าตนุขนาดใหญ่เป็นกำลังหลักซึ่งอาจจะดึงดูดมาบ้างในช่วงเวลานั้น จาก 20 ตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 50 กว่าตัว นอกจากนี้ยังมีเต่ากระ เต่าหญ้าแอตแลนติกและอื่นๆ ซึ่งเป็นเต่าทะเลขนาดใหญ่
จำนวนของเต่ามะเฟืองเมื่อเทียบกับตอนที่ออกจากเกรตแบร์ริเออร์รีฟก็เยอะขึ้นเหมือนกัน ตอนที่ออกไปมีประมาณ 100 ตัว ตอนนี้มี 140 ถึง 150 ตัว
น่านน้ำที่รัฐนิวฟันด์แลนด์ในฤดูนี้ยังเป็นฤดูใบไม้ผลิที่หนาวเย็นอยู่ แต่ตอนนี้กลับเป็นทางเลือกที่ดี เดือนพฤษภาคมกับเดือนมิถุนายนเป็นนาทีทองของเต่าทะเลที่จะขึ้นไปทางเหนือ แต่ตอนนั้นจะมีเรือจับเต่าอยู่ในทะเลซึ่งมาจับเต่าทะเลเพื่อนำไปขายโดยเฉพาะ
เรือจับเต่าจัดเป็นเรือประมงที่ผิดกฎหมาย ส่วนมากจะแขวนสัญลักษณ์อื่นเหมือนกับเรือจับฉลามและเป็นหนึ่งในเรือที่ยามชายฝั่งจะเพ่งเป้าโจมตี
พลังโพไซดอนช่วยให้ฝูงเต่าใหญ่มากขึ้น พวกมันแทบจะไม่ต้องหยุดพัก ว่ายน้ำไปด้วยดำลงไปนอนด้วย ตั้งแต่ซีกโลกใต้กลับมาจนถึงซีกโลกเหนือ พวกมันก็ไม่ได้หยุดพักเลยตลอดการเดินทาง
หลังจากที่เห็นเต่าตัวใหญ่พวกนี้ ในใจของฉินสือโอวก็รู้สึกมีความสุขและควบคุมเต่าที่ตัวใหญ่ที่สุดสองสามตัว เขาส่งพลังโพไซดอนให้พวกมันเพื่อย้ายไปที่บริเวณท่าเรือ หลังจากนั้นเขาก็พาไวส์ไปและแสร้งทำเหมือนไปเดินเล่นที่ท่าเรือ
เมื่อถึงปลายสุดของท่าเรือ ฉินสือโอวนำไปยังจุดที่เงียบสงบที่สุดในฐานะที่เป็นยอดฝีมือและควบคุมนิโคลัส กูสที่แข็งแรงที่สุดให้เข้ามาใกล้ๆ และลอยอยู่บนผิวน้ำ
กระดองเต่าของเต่ามะเฟืองเป็นสีดำสนิท เมื่อมันลอยอยู่บนผิวน้ำถ้าไม่มองให้ละเอียดถี่ถ้วนก็ค้นหาได้ยากมาก นี่เป็นผลลัพธ์จากการวิวัฒนาการทางธรรมชาติเพื่อซ่อนตัวจากการจับของนักล่า
แต่นอกจากคน ในทะเลยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถกินเต่ามะเฟืองเป็นอาหารได้จริงๆ เต่าพวกนี้อายุยืน สามารถวิ่งหนีได้และมีกระดองขนาดใหญ่ที่ทำลายไม่ได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าวาฬเพชฌฆาตราชาแห่งท้องทะเลจะมองเห็นมันก็ทำได้แค่ว่ายวนอยู่รอบๆ เท่านั้น
ฉินสือโอวกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือก่อน หลังจากนั้นก็ถอดรองเท้ากับถุงเท้าออก เขาหันหลังให้ทะเลและหันหน้าไปทางไวส์พร้อมกับยิ้ม “นายอยากเห็นวิชาตัวเบาที่เหมือนกับเดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอยใช่ไหม?”
ไวส์ถามอย่างมีความหวัง “คุณทำได้จริงๆ เหรอครับ อาจารย์?”
ฉินสือโอวถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนแผ่นกระดูกตรงกระดองหลังของนิโคลัสพอดีซึ่งค่อนข้างเรียบ แต่เขาทรงตัวอยู่บนนิโคลัสได้ รวมกับกำลังขาที่ไม่เลวจริงๆ หลังจากขึ้นไปเหยียบเขาก็ยืนอยู่ได้ในที่สุด
เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของไวส์คู่นั้นก็เบิกกว้างในทันทีเหมือนกับลูกพีชลูกเล็กๆ สองลูก เขาชี้ไปที่ฉินสือโอวและตะโกนแปลกๆ ออกมา “อะอะอา! อะอะเอ๊ย! อาจารย์ คุณสุดยอดไปเลย! คุณสามารถเดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอยได้จริงๆ เหรอครับ?”
ภายใต้ความตกใจ ไวส์ถึงขั้นพูดออกมาเป็นภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าเขาจะขยันเรียนภาษาจีนอยู่ตลอดเวลา แต่ความสามารถของเขาก็ยังอยู่ในระดับทั่วๆ ไป แต่ทั้งประโยคแบบนี้ เขาพูดออกมาเป็นครั้งแรก
ฉินสือโอวยิ้มและพยักหน้า เขาเหวี่ยงแขนทั้งสองข้างไปด้านหลังอย่างดีและหมุนตัวก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง นิโคลัสกระดองยาว 2 เมตรครึ่ง เขาสามารถเดินบนตัวของมันได้ถึงสองก้าว
เขาเดินผ่านนิโคลัสไปก็จะมีเต่ามะเฟืองอีกตัวลอยขึ้นมา ฉินสือโอวก้าวขึ้นไปแบบนี้เรื่อยๆ น้ำทะเลแทบจะไม่ถึงข้อเท้าของเขาทำให้เขาดูเหมือนลอยขึ้นไปบนฟ้าและยืนอยู่บนผิวน้ำจริงๆ
แววตาที่ประหลาดใจของไวส์แทบจะถลนออกมา เขาอ้าปากกว้างจนทำให้ฉินสือโอวอดสงสัยไม่ได้ว่าคางจะหลุดออกมาหรือไม่ แถมจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าที่แสดงถึงความตื่นเต้นจนเปลี่ยนเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าขั้นต่อไปจะเป็นการสักการะ
ฉินสือโอวเดินไปรอบๆ เป็นวงกลมวงเล็กๆ อยู่บนผิวน้ำ พวกเต่ามะเฟืองดูดซับพลังโพไซดอนเหมือนกับการแข่งวิ่งผลัด ถ้าตกลงไปก็จะเสียหน้ามากทำให้เขาหมุนตัวอย่างระมัดระวังและเดินกลับไปที่ดาดฟ้าเรืออีกครั้ง
เมื่อเขาเหยียบย่างที่ท่าเรือ ไวส์ก็กระโดดเข้ามาคว้าแขนของเขาในทันทีและตะโกนด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์ๆๆ…”
ฉินสือโอวจำเป็นต้องทำให้เขาใจเย็นก่อน ไม่อย่างนั้นเด็กคนนี้ต้องขาดอากาศหายใจตายแน่
ไวส์หายใจหอบอย่างหนัก “ผมอยากเรียนวิชาตัวเบา! ผมอยากเรียนทักษะการเดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอย!”
ฉินสือโอวทำท่าทางจริงจังออกมาและพูดว่า “ข้าวต้องกินทีละคำ ทางต้องเดินทีละก้าว ลูกศิษย์ จะเรียนศิลปะการต่อสู้ที่เกินตัวเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด! ตอนนี้ นายต้องสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตกับการเรียนศิลปะการต่อสู้ก่อน ตั้งใจเรียน ตั้งใจออกกำลังกาย เข้าใจไหม?”
ไวส์พยักหน้าอย่างแรงและมองพระอาทิตย์ด้วยสีหน้าตั้งตารอคอย ในดวงตามีแสงแห่งความหวังส่องประกายออกมา ทำให้ฉินสือโอวแอบเสียงใจ ครั้งนี้อาจจะเล่นใหญ่ไปและคงไม่ง่ายที่จะจัดการในภายหลัง
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset