ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 159 ช่วยชีวิตนกใหญ่

บทที่ 159 ช่วยชีวิตนกใหญ่
โดย
Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวเพ่งมอง หืม มันคือนกฟรีเกตตัวหนึ่งนั่นเอง แต่ไม่รู้ว่าเป็นตัวเดียวกับที่ไปแย่งนกบูบีเท้าแดงไปครั้งที่แล้วหรือเปล่า
นกฟรีเกตร่อนลงมาเหนืออินทรีทอง ตัวอินทรีที่เตรียมจะโจมตีอีกครั้งก็ผวารีบบินหลบออกไปอีก
ทันใดนั้นนกฟรีเกตก็โฉบลงมาก่อนบินหลบไปอีกรอบแล้วกางปีกบินจากไป
อินทรีทองที่เพิ่งถูกนกฟรีเกตยั่วโมโหเมื่อครู่นี้แผดเสียงลั่นด้วยความโกรธแล้วไล่ตามอย่างขุ่นเคือง
และในตอนนั้นก็มีศีรษะเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยขนฟูฟ่องสองตัวโผล่ขึ้นมาบนทราย ตัวหนึ่งเป็นสีน้ำตาลแดง อีกตัวเป็นสีทองเหมือนหาดทราย ที่แท้ก็คือเจ้าเสี่ยวหมิงกับกระรอกน้อยอีกตัวนั่นเอง
ฉินสือโอววิ่งเข้าไปคว้าเสี่ยวหมิงขึ้นบ่า ดวงตากลมๆ ของเจ้ากระรอกจับจ้องมาที่เขา แถมด้านหลังยังมีลูกน้อยทั้งสี่ปีนป่ายไปมาซ่อนอยู่หลังแม่กระรอก
ฉินสือโอวนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนจะอุ้มแม่กระรอกกับพวกลูกน้อยเอาไว้ในมือ เมื่อครู่นี้กระรอกแม่ลูกช่วยชีวิตเสี่ยวหมิงไว้ ถ้าไม่ได้มันขุดหลุมแล้วดึงเสี่ยวหมิงหลบเข้าไป ป่านนี้เสี่ยวหมิงคงโดนอินทรีทองคาบไปแล้ว
บนฟ้าอินทรีทองยังคงไล่ตามนกฟรีเกตไม่หยุด จากนั้นนกผู้ล่าทั้งสองก็เริ่มปะทะกัน
หนึ่งคือนักล่าบนท้องฟ้าสูง อีกหนึ่งคือราชาแห่งท้องฟ้า ต่างฝ่ายต่างมีความยาวปีกเท่ากัน แถมยังมีนิสัยอันธพาลดุร้ายเหมือนกันอีกด้วย
อินทรีทองนั้นคงอยู่เพื่อล่าเหยื่อขนาดใหญ่บนบกอย่างพวกแมวป่า หรือหมาป่าตัวเล็กๆ ทว่านกฟรีเกตคือเจ้าแห่งหมู่ปักษาที่มักขโมยอาหารจากนกตัวอื่น ดังนั้นการปะทะกันของนกทั้งสองตัวนี้จึงเรียกได้ว่าดุเดือดเลยทีเดียว
ฉินสือโอวหวังว่านกฟรีเกตจะชนะ แม้เมื่อครู่นี้อีกฝ่ายจะไม่ได้ตั้งใจช่วยเสี่ยวหมิงและคิดเพียงว่าพออินทรีทองล่าเหยื่อได้แล้วก็อยากมาขอส่วนแบ่งเสียหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายก็ได้ช่วยเสี่ยวหมิงไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นตอนที่อินทรีทองโจมตีครั้งที่สอง เสี่ยวหมิงคงหนีไปซ่อนในทรายไม่ทัน
ทว่าในการต่อสู้ นกฟรีเกตย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอินทรีทอง ต่างฝ่ายต่างโจมตีกันไปหลายครั้งและตัวนกฟรีเกตก็โดนจิกจนขนร่วงไปหลายเส้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ทางที่ดีที่สุดสำหรับมันคือการหลบหนี เพราะจุดแข็งของมันคือการบิน อินทรีทองไม่สามารถบินตามมันทันแน่
แต่นกฟรีเกตมีนิสัยค่อนข้างห้าวหาญ ต่อให้หล่นลงมากลางอากาศมันก็ไม่หวั่นเกรง เมื่อทรงตัวได้มั่นคงแล้วมันก็เปล่งเสียงใส่อินทรีทองแล้ววนกลับมาหมายสังหาร
นกผู้ล่าทั้งสองช่างเหมือนกับอัศวินผู้กล้าแกร่ง พวกมันกำลังประชันฝีมือกันกลางอากาศและต่อสู้อย่างดุเดือด พลังอันกล้าหาญนั้นทำฉินสือโอวที่อยู่บนพื้นเพลิดเพลินไม่หยุด
ลูกผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ลึกๆ ในใจพวกมันต่างหวังว่าตัวเองจะได้เป็นนักรบที่ต่อสู้อย่างมีเกียรติในสนามรบ ไม่ใช่ไอ้ขี้ขลาดที่เสียเวลาอยู่ในห้องนอนกับห้องครัวทั้งชีวิต
ที่จริงการต่อสู้ระยะประชิดไม่ใช่จุดแข็งของนกฟรีเกต ขนนกมากมายร่วงจากฟ้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นของนกฟรีเกต และสุดท้ายอินทรีทองก็สบโอกาสจิกกระชากใต้ลำคอของมันจนทำให้นกฟรีเกตได้รับบาดจับรุนแรง มันกรีดร้องดังลั่นเหมือนว่าวสายป่านขาดแล้วตกลงมากลางอากาศ
ฉินสือโอวหัวใจเต้นรัว ถ้านกฟรีเกตตกลงมาจากฟ้าแบบนี้ มันได้ตายคาที่แน่
นกฟรีเกตกำลังหาทางเอาตัวรอด เมื่อห่างจากพื้นอีกสิบกว่าเมตร มันก็พยายามกางปีกออกด้วยกำลังทั้งหมดที่มีแล้วบินขึ้นไปอีกครั้งได้ไม่กี่เมตรจนหมดแรงไปในท้ายที่สุด แต่เพราะมันยังคงกางปีกไว้จึงทำให้มันร่อนลงมาบนหาดทราย
อินทรีทองส่งเสียงร้องอย่างจองหองแล้วสะบัดปีกบินขึ้นสูง
ฉินสือโอววิ่งเข้าไป เขายังมองไม่เห็นอะไรจากระยะไกล แต่พอเข้าไปใกล้เขาก็พบกับสภาพน่าอนาถ!
ขนบนร่างของนกฟรีเกตยุ่งเหยิงไปหมดจนไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดออกมา ขนปีกทั้งสองข้าง ท้องน้อยและหน้าอกล้วนโดนจิกหลุดหมดและเผยให้เห็นแผลฉกรรจ์บนเนื้อ แถมขาซ้ายของมันยังหักไปแล้วด้วย เมื่อเทียบกับกรงเล็บแข็งแรงของอินทรีทองแล้ว ขานกฟรีเกตช่างอ่อนแอราวกับกิ่งไม้
แต่พวกนั้นไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต ที่ร้ายแรงที่สุดคือตรงคอของมันต่างหาก คอของมันถูกอินทรีทองจิกจนเนื้อหลุดไปเป็นชิ้นใหญ่และยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดด้วย
เมื่อเห็นฉินสือโอว นกฟรีเกตที่มีสภาพร่อแร่ก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามยกหัวขึ้น แต่น่าเสียดายที่มันไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆแล้ว มันอ้าปากออกมาก่อนจะล้มลงไปบนพื้นทรายเหมือนเดิม
นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่พวกพาวลิสเลิกเรียนพอดี รถโรงเรียนต่างชาติแล่นเข้ามาในฟาร์มปลา เด็กทั้งสี่ลงจากรถโบกมือลาคนขับอย่างมีมารยาท เมื่อเห็นฉินสือโอวอยู่ที่ชายหาด พวกเขาจึงวิ่งมาหาจนกระเป๋านักเรียนใบเล็กกระเพื่อมขึ้นลง เหมือนกระต่ายน้อยกระโดดเด้งดึ๋ง
พอเห็นนกฟรีเกตในสภาพสะบักสะบอม เด็กสี่คนต่างก็เบิกตากว้าง กอร์ดอนถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นครับ?”
ฉินสือโอวตอบ “มันตีกับอินทรีทองแล้วบาดเจ็บน่ะ เพราะงั้นทีหลังพวกเธอก็อย่าทะเลาะกันนะ เข้าใจไหม? การทะเลาะวิวาททำให้เกิดการบาดเจ็บได้!”
เด็กทั้งสี่พยักหน้า ฉินสือโอวแอบดีใจที่ตัวเองสามารถสอนเด็กๆ ได้ มาคิดๆ ดูเมื่อก่อนไม่ว่าตอนเรียนหรือทำงานเขาก็ต้องเป็นฝ่ายโดนสั่งสอนตลอด แต่ตอนนี้ฮวงจุ้ยเปลี่ยนไปแล้ว ประโยคอะไรนะที่ในนิยายชอบใช้กัน? ‘อย่าดูถูกคนหนุ่มว่าตื้นเขิน’ สินะ!
มิเชลล์ครุ่นคิดก่อนถามเสียงเบา “ถ้าพวกเราถูกรังแก ก็สู้ไม่ได้เหรอครับ?”
ฉินสือโอวไม่ได้เป็นเด็กดีอยู่แล้ว ตอนเรียนเขาเคยทะเลาะวิวาทมาไม่น้อย และตอนที่เขาต้องเสียงานไปก็เพราะความใจร้อนของเขาเอง เพราะงั้นอย่างไรก็ควรสอนเด็กทั้งสี่คนเอาไว้
เมื่อได้ฟังคำถามมิเชลล์ เขาก็พูดออกมาอย่างเฉียบขาด “พวกเธอห้ามก่อเรื่อง แต่ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่ต้องกลัว! ถ้าใครมารังแกพวกเธอ พวกเธอสี่คนต้องร่วมมือกันแล้วกระทืบไอ้เวรนั่นให้ได้!”
เชอร์ลี่ย์ดึงมือเขาแล้วเอ่ยออกมา “ลุงฉิน อย่าเพิ่งพูดเรื่องทะเลาะได้ไหมคะ? คุณรีบช่วยเจ้านกน้อยนี่เถอะค่ะ ขอร้องล่ะค่ะ มันดูน่าสงสารมากเลย”
นกน้อย? มันน่าจะเป็นนกใหญ่มากกว่านะ? ฉินสือโอวแอบท้วงอยู่ในใจ ที่จริงเขาตั้งใจจะช่วยนกตัวนี้อยู่แล้ว แต่แค่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเท่านั้น สภาพของเจ้านกในตอนนี้เหมือนแค่ขยับเบาๆก็สามารถฆ่ามันตายได้แล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นเห็นกระติกน้ำสีชมพูของเชอร์ลี่ย์จึงพลันเกิดความคิดขึ้นมา เขาเปิดกระติกน้ำเทลงบนปากแผลก่อนที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนจะแทรกซึมผ่านน้ำเข้าไปในร่างนกฟรีเกตแล้วส่งพลังไปทั่วบาดแผลตามตัวมัน
“ล้างแผลมันก่อน แล้วค่อยห่อมัน” ฉินสือโอวทำไปอธิบายไป
กอร์ดอนกับมิเชลล์กระซิบกัน “ฉันรู้สึกว่าลุงฉินทำไม่ค่อยถูกนะ หรือเขาจงใจจะทำนกตายกันแน่?”
“จะทำนกตายทำไมล่ะ?”
“กินเนื้อไง ลุงฉินชอบกินเนื้อจะตาย…”
ฉินสือโอวที่ได้ยินเสียงกระซิบของเด็กทั้งสองคนก็แทบจะร้องไห้ นี่เห็นเขาเป็นคนแบบนั้นกัน?
เชอร์ลี่ย์โบกมือเล็กๆ แล้วพูดอย่างดีใจ “เจ้านกขยับแล้ว มันขยับแล้ว!”
แม้บาดแผลจะไม่ได้สมานเร็วมาก แต่แผลส่วนใหญ่ก็ไม่มีเลือดไหลออกมาแล้วและดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อยจนสามารถค่อยๆขยับปีกได้
ฉินสือโอวแอบเรียกพลังโพไซดอนนี้ว่าเฮโรอีนเพื่อสุขภาพ เขาอุ้มนกฟรีเกตขึ้นมาวางเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลอย่างระมัดระวัง พาวลิสรีบวิ่งกลับไปยังคฤหาสน์เพื่อหากล่องปฐมพยาบาลแล้ววิ่งเอากลับมาให้ฉินสือโอว
เขาใช้ไอโอดีนทารอบแผลนกฟรีเกตเพื่อฆ่าเชื้อ ฉินสือโอวเจอกิ่งไม้เลยคลี่ผ้ากอซมาพันรอบขาซ้ายของนกอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ใช้เทปแต่งแผลพันรอบคอเพื่อปิดแผล เท่านี้ก็เรียบร้อย
เชอร์ลี่ย์นิ่งคิดแล้วหยิบสารละลายยาปฏิชีวนะ (Azithromycin) ออกมาให้นกฟรีเกตกินไปหลายคำ
นกไม่สามารถกินน้ำแบบนี้ได้ ฉินสือโอวอุตส่าห์พยายามช่วยนกอย่างยากลำบาก แต่กลายเป็นว่ามันจะตายเพราะโดนเชอร์ลีย์กรอกยาเสียแล้ว
พวกเด็กๆจริงจังกับการช่วยนกฟรีเกตเหมือนกลายเป็นภารกิจชิ้นหนึ่ง พวกเขาพากันรุมล้อมช่วยเสนอความคิด ฉงต้าเองก็มาร่วมด้วย มันเอนพิงเก้าอี้มองนกฟรีเกตตัวอ้วนพลางน้ำลายไหล
หู่จือกับเป้าจือขาสั้นตัวเล็ก พวกมันเลยขึ้นไปเบียดด้วยไม่ได้และได้แต่กระโดดไปมาอย่างกังวลอยู่ด้านนอก ส่วนเสี่ยวหมิงและต้าป๋ายก็ปีนขึ้นไปบนเสาร่มกันแดดราวกับพวกมันรู้อะไรบางอย่าง
……………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset