ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1058 แปลกประหลาด

ย่านที่อยู่อาศัยที่ศาลนครเซนต์จอห์นเลือกให้พวกเด็กๆ นั้นเงียบสงบมาก ล้อมรอบด้วยทะเลสาบขนาดเล็กสองแห่ง มีต้นไม้สีเขียวเรียงราย สภาพแวดล้อมงดงามมาก และห่างจากถนนค่อนข้างไกล นอกจากพวกเขา ฉินสือโอวก็ไม่เห็นรถคันอื่นอีก
หู่จือกับเป้าจือเงียบไปสักพัก ฉินสือโอวเปิดกระจกหน้าต่างรถให้ พวกมันยื่นหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง
ปีศาจน้อยจะมีวิธีที่ใช้สร้างความสนุกสนานให้ตัวเองอยู่เสมอ พวกแลบราดอร์ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าลมจะแรงมากในความเร็วรถแบบนี้ ดังนั้นพวกมันจึงอ้าปากและแลบลิ้นออกมาทำให้ลมพัดลิ้นกับขนที่ปากจนปลิว นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะเล่นกันอย่างสนุกสนาน
หลังจากที่หลุยส์เห็นก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างมีความสุขและชื่นชมแลบราดอร์ที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาอีกครั้ง ฉินสือโอวแอบเหงื่อตก ปีศาจน้อยไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองกำลังทำเสียหน้า
เมื่อจอดรถ ก่อนหน้านี้หลุยส์โทรศัพท์แจ้งสามีภรรยาชราที่รับผิดชอบดูแลเด็กสาวทั้ง 3 คนแล้ว ดังนั้นตอนที่ได้ยินเสียงรถจึงมีคนเดินออกมาจากในบ้าน เด็กสาวทั้งสามคนที่มีอายุแตกต่างกันก็ค่อยๆ เดินออกมาจากด้านหลัง
หลังจากเห็นฉินสือโอว เด็กสาวทั้งสามคนก็หดตัวลงตามสัญชาตญาณ เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจได้รับความบอบช้ำเป็นอย่างมาก
จากนั้นหู่จือกับเป้าจือที่หลบอยู่ก็ออกมาจากด้านหลังของฉินสือโอว สายตาของพวกเด็กสาวเปล่งประกายในทันทีและมองแลบราดอร์ทั้งสองตัวอย่างเฝ้ารอ
หลุยส์มองเด็กสาวทั้งสามคนอย่างให้กำลังใจและพูดกับเด็กสาวที่โตที่สุดว่า “จูดี้ นี่คือสุนัขกล้าหาญในช่องครอสซิ่งที่พวกหนูอยากรู้จักมาตลอดไง พาน้องสาวอีกสองคนไปทักทายพวกมันดีไหม?”
ฉินสือโอวขยิบตาให้หู่จือกับเป้าจือและย่อตัวลงชี้ไปที่พวกเด็กสาว เขาเกาคอของแลบราดอร์ เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวก็วิ่งเข้าไปอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
พวกมันมาที่นครเซนต์จอห์นเป็นครั้งแรก แต่พวกมันไม่กลัวคนแปลกหน้าเลย
หลังจากที่หู่จือกับเป้าจือเข้ามาใกล้ เด็กสาวทั้งสามคนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที ความรู้สึกหดหู่และกลัวที่เพิ่งจะพบกันก็หายไป พวกเธอเดินอ้อมไปด้านหน้าเพื่อมองสุนัขแลบราดอร์ด้วยกันและพูดคุยกันเบาๆ
ฉินสือโอวเดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “เฮ้ สาวๆ สวัสดี ฉันเป็นเพื่อนของหู่จือกับเป้าจือ พวกหนูอยากเป็นเพื่อนกับพวกมันไหม?”
เด็กสาวตัวน้อยสองคนที่พบกับความรุนแรงในครอบครัวรู้สึกกลัวเขาอยู่บ้างและไม่ได้ตอบรับ พวกเธอแค่ก้มหน้าลง จูดี้ยังดีกว่านิดหน่อย เธอตอบเบาๆ ว่า “ใช่ค่ะ พวกหนูชอบพวกมัน พวกมันกล้าหาญ น่ารัก ฉลาด สวยและดูมีเสน่ห์”
ฉินสือโอวยื่นมือไปเกาขนที่ใต้คางของหู่จือ หู่จือรู้สึกดีมาก มันครางเบาๆ อยู่ในลำคอและนอนลง มันหลับตาลงฉีกปากยิ้มและแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา
ในความคิดของฉินสือโอว สีหน้าแบบนี้ต้องน่าเกลียดมากและก็น่าเกลียดมากจริงๆ แต่ในความคิดของพวกเด็กๆ นี่กลับดูน่ารัก
จูดี้เดินไปเกาที่ขนหลังคอของเป้าจือ เป้าจือกระดิกหูใหญ่และก็นอนลงบนสนามหญ้าเหมือนกัน มันร้องขึ้นมาเบาๆ อย่างร่าเริงและยกอุ้งเท้าขึ้นไปวางไว้บนเข่าของจูดี้ มันพิงศีรษะเล็กๆ บนเท้าของเธอและลุกขึ้นเพื่อขอการลูบไล้
เมื่อเห็นฉากนี้ เด็กหญิง 2 คนที่เหลือก็อยากสัมผัสพวกมันมาก พวกเธอมองหู่จือกับเป้าจืออย่างใจจดใจจ่อ
ฉินสือโอวใช้โอกาสนี้หลีกทางให้ เด็กหญิงตัวน้อย 2 คนเดินไปเกาให้หู่จือ ท่าทางของหู่จือดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเล็กน้อย มันถูกเกาอยู่สักพักก็ลุกขึ้นมาแลบลิ้นเลียแก้มของเด็กหญิงตัวน้อย เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกจักจี้จึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา เธอลุกขึ้นหนี หู่จือไล่ตามเธอไปและเล่นอยู่กับพวกเด็กหญิงตัวน้อย
ดังนั้น หลุยส์จึงวางใจ เขาเข้าไปในบ้านกับฉินสือโอวและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เยี่ยมไปเลย ผมพึ่งเคยเห็นโรชานหัวเราะอย่างมีความสุขขนาดนี้เป็นครั้งแรก ตอนที่เพิ่งจะรู้จักกันเธอเหมือนกับมนุษย์หินและกลัวคนจริงๆ”
ฉินสือโอวพูดว่า “ดูเหมือนว่าหู่จือกับเป้าจือจะทำได้ไม่เลว การมาถึงของพวกมันดูเหมือนจะได้ผล ไม่ใช่เหรอครับ?”
หลุยส์แสดงท่าทางที่โอ้อวด “ไม่ใช่แค่ไม่เลว เพื่อน ไม่ใช่แค่ไม่เลว! คุณไม่รู้หรอกว่าพวกมันทำได้ดีแค่ไหน! ผมต้องขอบคุณคุณแทนเด็กๆ พวกนี้ด้วย ถ้าไม่มีเจ้าตัวน้อยทั้ง 2 ตัว ผมคิดว่าผมคงไม่ได้เห็นฉากที่พวกเธอผ่อนคลายขนาดนี้”
หญิงชราท่าทางใจดีนำกาแฟมาเสิร์ฟให้สองแก้ว หลังจากนั้นเธอก็มองออกไปนอกหน้าต่างดูพวกเด็กน้อยที่กำลังเล่นกับสุนัขทั้ง 2 ตัวที่วิ่งเล่นและสู้กันในเวลาเดียวกัน เธอยิ้มอย่างพึงพอใจและพูดว่า “ไม่น่าเชื่อว่า จูดี้และพวกเธอจะมีความสุขขนาดนี้ พระเจ้าทรงเมตตา!”
หู่จือกับเป้าจือไล่ตามเด็กหญิงตัวน้อย 2 คน จูดี้กอดหู่จือเอาไว้ เป้าจือจึงเข้าไปแย่งพี่ชายของตัวเอง เด็กหญิงอีก 2 คนก็เข้าไปร่วมด้วยและสู้กันเพื่อขัดขวางเป้าจือ แลบราดอร์แข็งแรงมากจึงล้มเด็กสาวทั้ง 3 คนได้ หลังจากนั้นทุกอย่างก็อยู่ในความยุ่งเหยิง…
ฉินสือโอวอยู่ที่นี่มา 5 ถึง 6 ชั่วโมงแล้ว หู่จือกับเป้าจือก็เล่นกับเด็กสาวทั้ง 3 คนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมา 5 ถึง 6 ชั่วโมงเช่นกัน ช่วงนี้พวกเด็กๆ เหนื่อยจึงอยากพักผ่อน และเวลานี้พวกแลบราดอร์ก็ไปพักอยู่ข้างๆ พวกเธออย่างใกล้ชิดเหมือนกัน
แลบราดอร์ไม่ได้แค่ฉลาด หลังจากที่พวกมันคุ้นเคยกับเด็กสาวทั้ง 3 คน พวกมันดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความโดดเดี่ยวกับความตื่นตระหนกของพวกเธอ ภายใต้ธรรมชาติที่ถูกกระตุ้น พวกมันเข้าไปปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำของพวกเด็กสาว
สุนัขที่สามารถทำเรื่องนี้ได้ บนโลกมีอยู่แค่สองสายพันธุ์คือ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์กับสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ นี่คือข้อสรุปของผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ในยุโรปและอเมริกาหลังจากทำการค้นคว้า
ส่วนฮัสกีที่ทุกคนชื่นชอบมากที่สุดนั่นเหรอ? ช่างมันเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย…
ฉินสือโอวรอจนกระทั่งเด็กสาวทั้ง 3 คนหลับไปด้วยความเหนื่อยก่อนจะพาหู่จือกับเป้าจือออกไป หลังจากนั้น 1 วันพวกเขายังจะได้เจอกันอีกครั้ง แต่ในเวลานั้นสถานที่ที่พวกเขาจะเจอกันก็คือศาล
ตอนที่แยกกันที่ท่าเรือ หลุยส์กอดเจ้าตัวน้อยทั้ง 2 ตัวอย่างมีความหวังและยังสัญญาว่า “ภรรยาของผมใกล้จะคลอดลูกแล้ว เมื่อลูกน้อยของผมเกิด ผมจะตั้งชื่อให้เขาว่าหู่จือหรือเป้าจือ เฮ้ ฉิน คุณคิดว่าหู่จือกับเป้าจือชื่อไหนดีกว่ากัน?”
“ผมคิดว่าเถียนกวาดีกว่า” ฉินสือโอวไม่ลืมที่จะขายชื่อของลูกสาวของตัวเอง
หลุยส์ยักไหล่ “คุณล้อเล่นเก่งจริงๆ”
ฉินสือโอวไม่อยากเล่นกับชายคนนี้ทันที
หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ในฟาร์มปลาเลยแม้แต่คนเดียว
ในวิลล่าก็ว่างเปล่า ในห้องควบคุมเรดาร์ก็ว่างเปล่า แม้กระทั่งที่อพาร์ตเมนต์ของชาวประมงก็ว่างเปล่า ราวกับว่าระหว่างนี้อยู่ดีๆ ทุกคนก็หายไปกันหมด
ฉินสือโอวไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนล่ะ? คนหายไปได้อย่างไร?
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาวินนี่ โทรหาเออร์บัก โทรหาชาร์ค นีลเซ็น บูล แต่พวกเขาปิดโทรศัพท์กันหมด!
เรื่องที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากเขาเข้าช่องความถี่ของวิทยุสาธารณะ เขาพบว่าช่องความถี่สาธารณะที่มีเสียงดังและวุ่นวายอยู่ตลอดก็เงียบผิดปกติ ไม่มีเสียงอะไรเลย เขาตะโกนออกไปสองสามครั้ง ก็ไม่มีใครตอบกลับมา
ฉินสือโอวกังวลนิดหน่อย ในฟาร์มปลาไม่เพียงแค่ไม่มีคน พวกสัตว์เลี้ยงตัวน้อยทั้ง ฉงต้า หลัวปอ ปอหลัว มาสเตอร์ก็หายไป แม้กระทั่งลูกนกอินทรีทองกับห่านขาวแม่นมของมันก็หายไปเหมือนกัน!
เขาเจอผีเข้าแล้วจริงๆ ตอนนี้ฉินสือโอวมีแค่ความคิดอย่างนี้
หลังจากหาอีกรอบ ทันใดนั้นเขาก็พบว่าหู่จือกับเป้าจือก็หายไปเหมือนกัน เวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ราวกับว่าเขาเข้าไปอยู่ในฝันร้าย ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นมา “หู่จือ เป้าจือ พวกแกอยู่ที่ไหน?”
ร่างที่แข็งแรงสองร่างวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ตัวหนึ่งอยู่ด้านหน้าอีกตัวอยู่ด้านหลัง พวกมันคือหู่จือกับเป้าจือ โชคดี เจ้าตัวน้อยสองตัวนี้ไม่ได้หายไป
หลังจากวิ่งออกมา หู่จือกับเป้าจือก็ยังคงมีความสุข พวกมันอ้าปากแลบลิ้นออกมาและไปพยักหน้ากระดิกหางทำตัวน่ารักอยู่ด้านหน้าของฉินสือโอว
ฉินสือโอวกังวลอย่างมาก เขาตะโกนว่า “ไม่มีใครอยู่แล้ว พวกแก 2 ตัวยังจะขายความน่ารักอีกเหรอ? รีบตามหาคนเร็ว ตามหาคน!”
หู่จือกับเป้าจือตกตะลึงและดมกลิ่นด้วยจมูกสีดำในทันที พวกมันเห่า ‘โฮ่งๆ’ ออกมาสองครั้งและวิ่งออกไปข้างนอก
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset