ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 130 ภารกิจพิเศษ

บทที่ 130 ภารกิจพิเศษ

เฉินเฉียงได้กลับไปยังห้องข้อมูลของราชาสวรรค์ และเขาต้องมีท่าทีสับสนในทันทีเมื่อเห็นว่าราชาสวรรค์นั้นได้รอเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ตงเจี๋ยนทำความเคารพท่านราชาสวรรค์”

เฉินเฉียงโค้งคารวะด้วยความเคารพ

“ดี ตงเจี๋ยน ข้าเชื่อว่ากงเหลียงได้มอบข้อมูลภารกิจกับเจ้าเรียบร้อยแล้ว”

เฉินเฉียงได้นำเอกสารปิดผนึกที่กงเหลียงส่งให้เขาออกมาและพูดออกไป “เรียบร้อยแล้วครับนายท่าน”

“ภารกิจในเอกสารที่ส่งมอบให้เจ้านั้นพิเศษกว่าใคร”

“ในหมู่พวกเจ้าทั้งสิบสี่คนที่ถูกส่งออกจากเกาะเทียนลี่ในครั้งนี้นั้น มีเพียงเจ้าที่เป็นนักรบมีชีวิต และเจ้ายังมีทักษะในการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ นี่จึงทำให้ภารกิจที่เจ้าได้รับนั้นยากเย็นกว่าของคนอื่น”

หลังจากพูดจบ ราชาสวรรค์ได้โยนลูกบอลไขเคลือบให้เฉินเฉียง

“ข้างในนี้มีพิกัดที่ตั้งอยู่ข้างใน เจ้าต้องรีบไปยังที่อยู่ที่ระบุในนั้นก่อนเป็นอันดับแรกหลังจากที่เจ้าไปถึงที่ราบภาคกลาง ที่นั่นมีใครบางคนที่ถูกเรียกว่าหลินเสี่ยว เขาจะเป็นผู้ช่วยเหลือของเจ้า”

“ภารกิจของเจ้าคือการนำคนของหลินเสี่ยวเข้าไปในสำนักมังกรอาชูร่าและทำให้พวกนั้นยอมรับคนเหล่านั้นให้เป็นศิษย์สำนักมังกรอาชูร่าให้ได้”

“หลังจากนั้น เพื่อไม่ให้ศิษย์สำนักมังกรอาชูร่าคนอื่นต้องไหวตัว เจ้าจะต้องรีบออกจากที่นั่นหลังจากเสร็จภารกิจนี้ในทันที เมื่อออกมาได้แล้ว ให้เจ้าหาทางร่วมกับทีมภารกิจอื่นหาข้อมูลเกี่ยวกับตึกจอมพลฮัวจ้งและส่งให้เกาะเทียนลี่เป็นระยะ เจ้าจดจำได้หรือไม่”

เฉินเฉียงนำบอลไขเคลือบใส่ไว้ในแหวนเก็บของของตนก่อนพยักหน้ารับและพูดออกมา “ข้าจะจดจำไว้ อย่างไรก็ตาม ข้ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจ”

“สิ่งใดรึ”

“ข้าขอถาม คนที่ท่านต้องการให้ส่งเข้าสำนักมังกรอาชูร่านั้นเป็นใครกัน และทำไมท่านไม่ส่งคนคนนั้นเข้าสำนักมังกรอาชูร่าตรงๆไปเลยล่ะครับ”

ราชาสวรรค์ยิ้มและพูดออกมา “คนพวกนี้เป็นเฉกเช่นอย่างพวกเรา พวกเขาคือนักรบมีชีวิต พวกเขานั้นคือเด็กเกิดใหม่ที่ถูกพวกเราจับตัวไปจากอาณานิคมเผ่าพันธุ์มนุษย์ในเขตตึกจอมพลฮัวจ้งเมื่อสิบสามปีก่อน”

“หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือพวกเขามีอายุเพียงสิบสามปีเท่านั้น แต่ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาในตอนนี้ก็อยู่ที่ระดับทหารขั้นสูงเรียบร้อยแล้ว”

“กับอัจฉริยะอายุน้อยแบบนี้ข้าเชื่อว่าหากผู้นำของหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ภาคกลางอย่างสำนักมังกรอาชูร่าเห็นเข้าคงยากที่จะไม่ดึงมาร่วม เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ”

“ทั้งยี่สิบคนนี้ความจริงแล้วคือนักรบเหนือมนุษย์ขั้นสูงของเผ่าพันธุ์เราที่ได้คอยชุบเลี้ยงดูมา พวกเขานั้นมีพลังเหนือมนุษย์ตั้งแต่ยังเยาว์วัย พร้อมทั้งถูกปลูกฝังความเน่าเฟะของมนุษย์จนทำให้พวกเขานั้นเกลียดชังในความเป็นมนุษย์เหนือกว่าสิ่งใด”

“และเมื่อนักรบเหนือมนุษย์กว่ายี่สิบคนนี้เติบโตขึ้น พวกเขาจะกลายเป็นฝันร้ายของมวลมนุษยชาติ”

“ในอนาคต พวกเขาเองก็จะเป็นเหมือนกับเจ้า แฝงตัวเข้าร่วมกับมนุษย์คอยบ่อนทำลายพวกมันจากภายใน และนี่จะทำให้พวกเขาแต่ละคนมีพลังเทียบเท่ากับทหารนับพัน”

“ส่วนที่ว่าทำไมไม่ให้หลินเสี่ยวส่งไปด้วยตัวเองนั้น มันย่อมเป็นไปได้ยากเพราะว่าเขาเองเป็นเพียงแค่นักรบซากศพย่อมมีโอกาสถูกเปิดเผยตัวตน”

“แต่เจ้านั้นแตกต่างออกไป”

“เจ้าในตอนนี้คือศิษย์แผนกมังกรทองคำแห่งสำนักมังกรอาชูร่า และผู้หญิงของเจ้าเองก็เป็นถึงลูกสาวของหัวหน้าแผนก”

“ตราบใดที่เจ้าไปถึงแล้วสั่งผู้หญิงของเจ้าที่ชื่อว่าซุนเต๋าไป นั่นมันจะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายกับการที่พวกเราจะส่งนักรบเหนือมนุษย์เหล่านี้เข้าไปในสำนักมังกรอาชูร่า”

“โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว”

เฉินเฉียงได้ก้มหัวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ภายในใจเขานั้นกลับดิ้นพล่านราวกับถูกน้ำร้อนลวก

เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่ามนุษย์กลายพันธุ์นั้นจะมีการวางแผนระยะยาวนับสิบปีแบบนี้มาก่อน พวกมันจับทายาทของเผ่าพันธุ์มนุษย์และปลูกฝังความเกลียดชังที่มีต่อเผ่าพันธุ์ของตัวเองตั้งแต่ยังเยาว์วัย หลังจากนั้นยังใส่แผ่นพลังงานลงในยี่สิบคนนี้อีก และด้วยวิธีการนี้ หากในอนาคตยามที่กองกำลังมนุษย์ต่อสู้กับมนุษย์กลายพันธุ์ แล้วพวกเขาจะไปมีโอกาสชนะได้ยังไงกัน

แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ยอมให้แผนการของราชาสวรรค์สำเร็จอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์อีกสิบสามตนที่อยู่ที่สำนักฝึกพิเศษเองก็สมควรจะได้รับภารกิจในทำนองเดียวกับเขา ต่อให้จะได้รับแตกต่างกันไป แต่ทุกๆภารกิจย่อมมุ่งเน้นในการสั่นคลอนมนุษยชาติ

โชคยังดีที่เขาต้องออกไปพร้อมกับมนุษย์กลายพันธุ์พวกนี้ นี่จะทำให้เขาสามารถฆ่าพวกมันให้ตกตายไปทีละตน

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงก็กล่าวลาและเดินจากไป

แต่ในทันทีที่เขานั้นอยู่หน้าประตู ก่อนที่เขาจะได้ก้าวเดินออกไปเขาก็ได้รู้สึกถึงไอเย็นที่มาจากหลังหัวของเขา

เมื่อเขาหันกลับไปดูก็ต้องประหลาดใจ นั่นก็เพราะเขาพบเห็นดาบหักที่ส่องประกายเย็นยะเยียบลอยอยู่ตรงหน้า

หากว่าราชาสวรรค์ต้องการจะฆ่าเขา ดาบเล่มนี้ก็สมควรที่จะตัดหัวเขาออกได้ไปนานแล้ว

“เจ้าไม่ยากจะได้ดาบดั้นเมฆของเจ้าคืนแล้วรึไง”

“….ดาบดั้นเมฆ….งั้นเหรอ”

เฉินเฉียงค่อยๆหยิบดาบที่เป็นของดูต่างหน้านี้มาตรวจสอบดู เขาพบว่าดาบดั้นเมฆของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก

นอกจากคำว่าเล็กที่สลักไว้ว่าดาบดั้นเมฆที่ด้ามจับแล้ว รูปทรงของมันเรียกได้ว่าต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ถึงแม้ตัวใบดาบจะยังคงเป็นของเดิมก็ตาม แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าด้วยวิธีการหรือวัตถุดิบอะไรที่เพิ่มเติมเข้าไป ทำให้เขานั้นรู้สึกได้เลยว่าดาบเล่มนี้ทรงพลังมากกว่าเดิมนับสิบเท่า

“ท่านราชาสวรรค์ ดาบเล่มนี้….”

“เหอะ ไอ้การหลอมอาวุธของไอ้พวกมนุษย์จะเทียบเท่าได้กับของมนุษย์กลายพันธุ์ได้ยังไง”

“ในช่วงสองเดือนมานี้ข้าปรับแต่งมันด้วยตัวเอง ต่อให้เจ้าพบมนุษย์ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าเจ้า เจ้าก็ไม่อาจจะพ่ายแพ้ได้โดยง่ายอย่างแน่นอน”

“คิดซะว่านี่เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้เจ้าก็แล้วกัน”

“ขอขอบคุณท่านราชาสวรรค์”

เฉินเฉียงในตอนนี้มีความสุขอย่างเห็นได้ชัดและรีบเดินออกจากห้องข้อมูลไป

เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าการมาเกาะเทียนลี่ในครั้งนี้ ไม่เพียงจะได้มีโอกาสเพิ่มระดับขั้นการบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็วแล้ว ดาบดั้นเมฆของเขาจะยกระดับของมันไปอีกหลายช่วงตัว

แต่ยังมีสิ่งที่เฉินเฉียงไม่ได้คาดคิดอยู่อีก นั่นก็คือ หลังจากที่เขาออกจากห้องไปแล้ว ร่างร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาในห้องข้อมูลนี้

“นายท่าน นายท่านไม่คิดว่าไอ้เด็กนี่มีปัญหาเช่นนั้นหรือ”

“ฮ่าอ่าฮ่า หยานเสวี่ย เจ้าพูดถูกต้อง ตั้งแต่ข้าเห็นตงเจี๋ยนข้าก็เริ่มสงสัยในตัวเขาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว”

“และด้วยเหตุนี้ นับแต่นี้เจ้าต้องจับตาดูเขาไว้และรายงานข้าในทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น”

“แต่เจ้าต้องจำไว้ว่า นอกจากมีคำสั่งของข้าแล้ว เจ้าต้องไม่ทำอะไรเขาเป็นอันขาด”

“แต่นายท่าน หากว่าเขานั้นกลับเข้าไปในสำนักมังกรอาชูร่าแล้วข้าจะรู้ความเคลื่อนไหวของเขาได้ยังไง”

“อย่ากังวลไป ตัวบอกตำแหน่งนี้นอกจากจะใช้สื่อสารกับข้าได้แล้ว มันยังแสดงความเคลื่อนไหวของตงเจี๋ยนอีกด้วย”

ราชาสวรรค์ได้มอบกำไลสื่อสารให้หยานเสวี่ยก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆผ่านม่านหมอกดำที่เคลือบใบหน้าไว้ “ตงเจี๋ยนนั้นให้ความสำคัญกับดาบดั้นเมฆมาก แต่เขานั้นไม่รู้ว่าข้าได้ฝังเครื่องติดตามในระหว่างที่ปรับปรุงดาบให้เขาไป”

“นอกซะจากว่าเขาจะทิ้งดาบนั้นแล้ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ต่อให้เขาเก็บมันไว้ในแหวนเก็บของ เจ้าก็ยังสามารถรับรู้ตำแหน่งของเขาได้โดยง่ายจากกำไลนี้ได้อยู่ดี”

“เข้าใจแล้วค่ะนายท่าน ข้าจะเฝ้าดูตงเจี๋ยนทุกฝีก้าวอย่างสุดความสามารถ”

หลังจากพูดจบ หยานเสวี่ยก็ได้หายตัวไป

“ตงเจี๋ยนหนอตงเจี๋ยน ใครใช้ให้เจ้ากล้าบุกที่นี่เพียงลำพัง ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม ข้าก็ไม่สน ข้าจะต้องรู้เบื้องหลังของเจ้าให้ทะลุปรุโปร่งให้จงได้”

เสียงที่เย็นยะเยือกได้ออกมาจากร่างของราชาสวรรค์ และนี่ทำให้หมอกดำที่ปกคลุมร่างของเขาฟุ้งกระจายไปทั่วห้องข้อมูล

หลังจากกลับไปยังห้องฝึกพิเศษแล้ว เฉินเฉียงก็ได้รับสูตรยาสีสันตามที่เขาต้องการ

“ตงเจี๋ยน ผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานยาขอให้ข้าได้บอกเจ้าเพิ่มเติมว่าหากเจ้านั้นต้องการจะเปลี่ยนสีพลังสายเลือดของเจ้าเป็นสีอื่นล่ะก็ เจ้าเพียงแค่เปลี่ยนตัวยาหญ้าเขาเงินเป็นตัวยาอย่างอื่นที่มีคุณสมบัติตามสายเลือดอย่างที่เจ้าต้องการเช่นหากจะเปลี่ยนสีเป็นสายเลือดอัคคีก็ใช้ยาเปลวไฟ เป็นต้น”

“เขาบอกออกมาว่าหากเจ้ามีความรู้ด้านนี้จริง เพียงฟังแค่นี้เจ้าก็จะเข้าใจในไม่ช้า”

“เอาล่ะ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกเจ้า ออกเดินทางได้”

เมื่อกงเหลียงพูดจบลง เฉินเฉียงและมนุษย์กลายพันธุ์ตนอื่นๆก็ได้ออกจากพื้นที่ฝึกพิเศษนี้ไปในทันที พวกเขาต่างกางปีกออกและเปิดเครื่องบอกตำแหน่ง และโบยบินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset