ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 140 ราชาสวรรค์ผู้ลึกลับ

บทที่ 140 ราชาสวรรค์ผู้ลึกลับ

ห้าไมล์ห่างจากที่ๆซุนไคอยู่ ในอาณานิคมที่มีชื่อว่าต้นหลิวเขียว ราชาสวรรค์ได้ปิดกำไลสื่อสารของเฉินเฉียงลงในทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังจิตสายหนึ่งที่กระจายและพัดผ่านตัวเขาไป

ราชาสวรรค์ได้ค่อยๆยกมือขึ้นมา และนี่ทำให้ทั่วทั้งวังต้นหลิวเขียวนี้ถูกปกคลุมด้วยกำแพงป้องกันที่มีไม่เห็น

เฉินเฉียงผู้ซึ่งจะลืมตาฟื้นขึ้นมาก็ได้เห็นความทรงพลังของราชาสวรรค์ผู้นี้จนตื่นตะลึง ถึงกระนั้น หัวใจของเขาก็ยังคงคิดหาวิธีที่จะหลุดรอดไปจากที่นี่ให้ได้ในตอนนี้

แต่ในขณะที่เฉินเฉียงมองไปยังราชาสวรรค์ ราชาสวรรค์เองก็มองไปที่เฉินเฉียงด้วยเช่นเดียวกัน

แต่ด้วยชั้นหมอกดำที่ปลุกคลุมราชาสวรรค์อยู่ นี่ทำให้เฉินเฉียงไม่อาจรู้ได้ว่าราชาสวรรค์กำลังแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่กันแน่

“ท่านราชาสวรรค์ ทุกอย่างนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด”

เฉินเฉียงพยายามอธิบายแต่หมอกดำที่ปกคลุมใบหน้าของสวรรค์ก็ไม่ได้มีท่าทีขยับเขยื้อนแต่อย่างใด

ที่ด้านนอกนั้น ซุนไคเองได้บินอยู่เหนือวังหลิวเขียวแห่งนี้ไม่ถึงร้อยเมตรดีและเลยผ่านเฉินเฉียงไปราวกับมองไม่เห็น

เฉินเฉียงที่เห็นก็แสดงออกมาซึ่งท่าทีอยู่ไม่สุข เขาไม่รู้ว่าทำไมผอ.ซุนถึงไม่เห็นเขาได้กัน

ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เฉินเฉียงก็ยังคงคิดหาเหตุผลที่พอจะทำให้เขานั้นหลุดรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ในที่สุด

“ท่านราชาสวรรค์ ถึงแม้ข้าจะฆ่าหลินเสี่ยวและพาคนไปสังหารนักรบกลายพันธุ์รุ่นเยาว์พวกนั้นไปก็จริง”

“แต่ข้านั้นไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่ทำแบบนั้นเท่านั้น”

“ข้าไม่รู้ว่าที่ผ่านมานั้นหัวหน้ากงจะทำงานมาได้ดีขนาดไหน แต่ในครั้งนี้ข้อมูลที่เขาพูดมานั้นใช้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”

“ตัวข้านั้นเพียงเข้าไปในสำนักมังกรอาชูร่าได้ไม่นานก็ถูกจับได้แล้ว”

“ไม่สิ ต้องบอกว่าถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง”

ราชาสวรรค์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายแกมหยอกเฉินเฉียงออกมา “ข้าได้ยินพวกนั้นเรียกเจ้าว่าเฉินเฉียงสินะ มันเป็นชื่อจริงของเจ้างั้นรึ”

“ว่ามา ข้าล่ะอยากจะฟังจริงๆว่าเจ้าจะโกหกเรื่องไหนกับข้าอีก”

“แล้วก็ อย่าได้คิดฝันว่าจะถ่วงเวลาให้ซุนไคมันลงมาช่วยเจ้าได้จะดีกว่า”

“ข้าขอแนะนำว่าให้เจ้าเลือกคิดเรื่องนี้ไป มันหาพวกเราไม่เจออย่างแน่นอน”

เฉินเฉียงแม้จะตกตะลึง แต่เขาก็เชื่อว่าสิ่งที่ราชาสวรรค์พูดออกมานั้นเป็นความจริง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีท่าทีนิ่งสงบได้แบบนี้

“ท่านราชาสวรรค์ สิ่งที่ข้าบอกเป็นความจริง”

“ข้าถูกเปิดโปงแทบจะในทันทีตั้งแต่เข้าไป”

“ข้อมูลของตงเจี๋ยนที่ได้มานั้นไม่มีการกล่าวถึงกลิ่นตัวของตงเจี๋ยน ชุนเต๋ามองข้าออกในจุดนี้”

“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเรื่องจะออกมาเป็นยังไง แต่ยังไงซะข้าก็ยังเป็นอัจฉริยะที่ท่านราชาสวรรค์ชุบเลี้ยงมีหรือที่ข้าเมื่อจะถูกพบแล้วจะเปิดเผยเรื่องของพวกเรา”

“ท้ายที่สุดข้าจึงไม่มีทางเลือกทำได้เพียงสละหลินเสี่ยวและรุ่นเยาว์เหล่านั้นเพื่อทำให้ซุนไคนั้นเชื่อใจในตัวข้า”

“ท่านราชาสวรรค์ ที่ข้าพูดออกมานั้นคือความจริง”

“หากท่านไม่เชื่อ ทำไมท่านไม่ฆ่าข้าซะเลยล่ะ”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้หลับตาปี๋หลีในทันที

ไม่นาน พลังจิตของเฉินเฉียงก็พบว่าราชาสวรรค์นั้นได้ยื่นมือขวาออกมาแล้วค่อยๆวางบนส่วนบนของหัวเขา

-จบแล้วซินะ-

ฉากนี้เป็นฉากที่เขาคุ้นเคยอีกครั้ง

ท่าทางของราชาสวรรค์นั้นเหมือนกับที่ซุนไคเคยทำกับเขามาก่อนตอนที่เขาต้องการจะดูดเอาแผ่นพลังงานออกมาจากหัวสมองของเฉินเฉียง

และในเมื่ออีกฝ่ายในตอนนี้คือราชาเหนือมนุษย์ เขาเชื่อว่าเขาต้องโดนตรวจพบว่าตัวเขานั้นไม่มีแผ่นพลังงานฝังอยู่ในหัวอย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็คงทำได้เพียงรอคอยความตายเพียงเท่านั้น

แต่ต่อให้เขาคิดต่อต้านราชาสวรรค์ นั่นก็เท่ากับว่าเขานั้นตกตายเร็วขึ้นเพียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขานั้นหลับตาปี๋รอคอยความตายอยู่นาน เฉินเฉียงก็ยังไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าราชาสวรรค์นั้นจะทำการดูดเอาแผ่นพลังงานออกจากหัวเขาแต่อย่างใด กลับกัน ในตอนนี้บนหัวของเขานั้นกลับส่องแสงเป็นวงกลม ก่อนที่จะราชาสวรรค์จะถอนมือกลับไป

และคำพูดถัดมาของราชาสวรรค์นั้นได้ทำให้เขานั้นยินดีประดุจดั่งได้เกิดใหม่เลยทีเดียว

“เฉินเฉียง ดูเหมือนว่าระบบสติปัญญาของแผ่นพลังงานของเจ้านั้นจะมีปัญหาจึงทำให้ตัวเจ้านั้นคิดอ่านด้วยตรรกะวิบัติเช่นนี้”

แต่อย่างน้อยสิ่งที่เจ้าทำลงไปนั้นก็ไม่ได้ทำให้ข้าสูญเสียอะไรไปมากมายนัก

“ถึงแม้ว่าการสูญเสียมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นเยาว์ที่ชุบเลี้ยงมากว่าสิบสามปีไปถึงยี่สิบสองคนมันจะน่าเสียดายไปหน่อย”

“แต่ต่อให้เจ้าพาพวกเขาเข้าไปในสำนักมังกรอาชูร่าได้สำเร็จ มันก็ยังพึ่งดวงอย่างมหาศาลที่จะทำให้แผนนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี”

“แต่ในตอนนี้ ในเมื่อผอ.สำนักมังกรอาชูร่าอย่างซุนไคออกมาหาเจ้าด้วยตัวเองแบบนี้นั่นหมายความว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเจ้าแล้ว”

“นี่ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า”

“สิ่งที่ข้าต้องการคือคนเช่นเจ้าที่สามารถพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ได้เช่นนี้”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เขาเองก็รีบคุกเข่าลงและก้มลงคำนับ “ขอบคุณท่านราชาสวรรค์ ข้าจะช่วยท่านราชาสวรรค์อย่างสุดความสามารถ ต่อให้ต้องตกตายก็ไม่เสียใจ”

“ดีมาก” ราชาสวรรค์พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ

“เอ้อ เจ้าคงได้เห็นก้าวย่างสวรรค์ที่องครักษ์หยานใช้แล้วสินะ ข้าจดจำได้ว่าท่าเท้านี้เป็นของสำนักเต่าดำแห่งเขตกันหนัน เจ้าเองได้เรียนรู้มาจากสำนักเต่าดำเช่นนั้นรึ”

“ใช่แล้วครับ” เฉินเฉียงตอบ “ท่านราชาสวรรค์ ข้าได้เรียนท่าเท้านี้มาจากหลูคังเฟิงแห่งสำนักเต่าดำ”

“เข้าใจล่ะ”

เพื่อให้เกิดความเชื่อใจ เฉินเฉียงจึงได้ถามออกมาด้วยท่าทางสงสัยอย่างที่สุด “ท่านราชาสวรรค์ เป็นไปได้ไหมว่าท่านหยานเองก็เรียนท่าเท้านี้มาจากหลูคังเฟิงแห่งสำนักเต่าดำด้วยเช่นกัน”

หยานเสวี่ยที่อย่าข้างๆก็ได้สบถออกมาด้วยสายตาที่ดูถูกหนึ่งทีก่อนที่จะหันไปมองทางอื่น

“เฉินเฉียง สิ่งที่ข้าจะบอกกับเจ้านี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในเมื่อเจ้านั้นได้รับความเชื่อใจจากสำนักมังกรอาชูร่าแล้วแถมยังทำให้ซุนไคเชื่อมั่นในตัวเจ้าได้อีก กับเรื่องนี้แล้วถือได้ว่าดีมากๆ”

“นับจากนี้ เจ้าต้องอยู่ที่สำนักมังกรอาชูร่าและรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หากเจ้าพบข้อมูลสำคัญเพียงน้อยนิด เจ้าต้องบอกองครักษ์หยานให้รับรู้”

“แต่ท่านราชาสวรรค์ แล้วข้าจะติดต่อองครักษ์หยานได้ยังไง ข้าไม่สามารถใช้ตัวบอกตำแหน่งสื่อสารกับองครักษ์หยานยามที่อยู่ในสำนักได้นี่นา”

“เฉินเฉียงเอ๊ย ข้าขอแนะนำว่าให้เจ้านั้นเลิกอวดฉลาดจะดีกว่า เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไมองครักษ์หยานถึงได้พาตัวเจ้ามาได้รวดเร็วแบบนี้”

ขอบอกเจ้าไว้ตรงๆเลยนะว่า ตั้งแต่เจ้าอยู่ที่เกาะเทียนลี่ องครักษ์หยานนั้นได้รับรู้ทั้งหมดว่าเจ้านั้นทำอะไรบ้างยามที่เจ้าอยู่ที่นั่น

เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉินเฉียงหันไปมองหยานเสวี่ยพร้อมความรู้สึกเย็นยะเยียบที่ฉายแววออกมาใจหัวใจ พร้อมกับความคิดหนึ่งนั่นก็คือ เขาคงไม่อาจจะรอดพ้นหญิงสาวผู้นี้ไปได้ตลอดชีวิตแล้วสินะ

“เฉินเฉียง ข้ามาที่นี่เพื่อบอกให้เจ้านั้นคงอยู่ในสำนักมังกรอาชูร่าต่อไป อีกหนึ่งคือข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดกับเจ้าเอาไว้”

หลังจากพูดจบ ราชาสวรรค์ได้ชี้ไปยังแหวนของเฉินเฉียงก่อนจะพูดออกมา “ข้าได้ยินมาจากกงเหลียงว่าเจ้านั้นได้ใช้แผ่นแก่นพลังงานถึงยี่สิบห้าแผ่นเพื่อเปิดจุดชีพจรลับไปถึงระดับเจ็ดใช่หรือไม่”

“หึหึหึ แต่หากข้าเดาไม่ผิด อย่างน้อยเจ้าต้องมีพวกมันเหลืออย่างน้อยก็สิบแผ่นอยู่ในแหวนของเจ้าในตอนนี้ แถมมันยังไม่ได้ใช้อีกด้วย ถูกต้องรึเปล่า”

คำพูดของราชาสวรรค์ที่เปิดเผยกลโกงเล็กๆของเฉินเฉียงนี้ทำให้เฉินเฉียงนั้นคิดจะพูดอะไรออกมาเพื่อจะให้หลุดรอดไปได้ แต่ราชาสวรรค์กลับพูดออกมาต่อ “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ข้าไม่โทษเจ้าที่เจ้านั้นจะละโมบ”

“ตราบใดที่เจ้าละโมบนั้นมันจะดีต่อตัวข้า นั่นหมายความว่าเจ้าเองก็มีเป้าหมายและไม่อาจจะขาดข้าให้เป็นผู้สนับสนุนเจ้าได้”

“แผ่นแก่นพลังงานทั้งสิบแผ่นนี้สมควรจะทำให้เจ้านั้นเพียงพอที่จะบรรลุไปถึงระดับขั้นนายพลทักษะพิเศษขั้นกลางได้ แต่ข้าเองก็มีเรื่องที่ต้องเตือนเจ้าเอาไว้”

“เฉินเฉียง จงจดจำไว้ว่าหากเจ้านั้นต้องการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง เมื่อเจ้าไปถึงระดับนายพลทักษะพิเศษขั้นต้นช่วงปลายแล้วอย่าพึ่งรีบก้าวข้ามไปยังขั้นกลาง”

“นั่นก็เพราะเมื่อเจ้าไปมีระดับการบ่มเพาะไปถึงระดับนายพลทักษะพิเศษขั้นต้นช่วงปลายแล้ว มันยังมีระดับขั้นเล็กๆที่ยากจะรับรู้ได้ มันเรียกว่าขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้อยู่”

“ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้…..เหรอ”

เฉินเฉียงนั้นไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จากอาจารย์ของเขา ฮู่ต้าไฮ่มาก่อน แถมตอนที่ศิษย์พี่ใหญ่ของเขา หลู่ฟางอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นช่วงปลายแล้ว เขาเองยังใช้ยาหลอมรวมเลือดเพื่อบรรลุไปยังระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วไปได้อีกด้วย

แล้วไอ้สิ่งที่เรียกว่าขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้นี่มันคืออะไรกันล่ะ

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset