ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 149 เหยี่ยวดาราที่ชาญฉลาด

บทที่ 149 เหยี่ยวดาราที่ชาญฉลาด

ถึงแม้ว่าธนูพลังงานของเฉินเฉียงจะไม่ทะลุร่างของเหยี่ยวดารา แต่มันก็ทำให้ปีกของมันหักไปเสียตรงนั้น

เป็นตอนนี้ที่เหยี่ยวดาราตกตะลึงอย่างที่สุดเมื่อมันพบว่าคู่ของมันนั้นถูกตัดหัวจนขาดวิ่น

แล้วเมื่อกี้ใครกันล่ะที่เรียกมันเข้ามา

หรือคู่ของมันนั้นเรียกมันก่อนที่จะตกตาย

ไม่มีทาง

“เป็นแก แก แกพูดภาษาพวกเราได้….” เหยี่ยวดาราที่ปีกหักนั้นได้มองเฉินเฉียงที่เผยรอยยิ้มอำมหิตที่กำลังมองมันอยู่แต่ไกล ฉากนี้ทำให้มันนึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างสุดหัวใจ

“โฮ่ ฉลาดแท้” เฉินเฉียงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะง้างธนูพลังงานในทันที

เมื่อเห็นฉากนี้ เหยี่ยวดาราได้ตีปีกที่ยังอยู่ดี แต่ด้วยปีกที่หักไปข้างหนึ่งของมันนี้ยังเทียบไม่ได้กับสัตว์ประหลาดระดับทหารด้วยซ้ำ มันทำได้เพียงหมุนตัวไปมาในถ้ำอย่างรวดเร็วและนี่ทำให้สมุนไพรดาราจันทรานั้นเสียหายไปหลายสิบต้น

เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงนึกปวดใจอย่างที่สุด เขาจึงได้ปล่อยลูกธนูพลังงานของเขาไปอย่างไม่ลังเล

ธนูของเขาแหวกอากาศและตรงเข้าสู่หัวใจของเหยี่ยวดาราอย่างแม่นยำ

มีเพียงเหยี่ยวดาราตัวนี้แน่นิ่งไปแล้ว เขาจึงค่อยๆเดินไปหามัน

แต่ดูเหมือนว่าตอนที่เขาเดินเข้าไปหามันนั้น มันจะยังไม่สิ้นลมดี และได้ใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณที่ทรงพลังอย่างมากใส่เฉินเฉียง นี่ทำให้เฉินเฉียงต้องปล่อยธนูในมือก่อนที่จะใช้มือของเขาโอบรัดหัวของตัวเองไว้อย่างแน่นหนา พร้อมความรู้สึกที่ราวกับว่าหัวสมองของเขาจะระเบิดได้ทุกเมื่อและนี่เกือบทำให้เขาสิ้นสติไป

และในช่วงที่กำลังจะสิ้นสตินี้ เฉินเฉียงได้สัมผัสรสชาติแห่งความตายอีกครั้ง

หากว่าเขาตายในมือศิษย์ด้วยกัน อย่างมาก เขาก็ขอถูกจับถอนตัวและกลับไปมีชีวิตใหม่ที่โลกภายนอก

แต่สิ่งที่เขาเผชิญอยู่ในตอนนี้คือสัตว์ประหลาด

ก่อนจะเข้ามา เว่ยหยวนตี้ได้ประกาศไว้ชัดเจนแล้วว่าหากไม่สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดได้ ให้รีบกดปุ่มที่อยู่บนบัตรประจำตัวเพื่อหนีออกจากมิติแสงนี้ให้ทัน ไม่อย่างนั้นเขาจะตกตายจริงๆ

แต่นึกไม่ถึงว่าในขณะที่เขากำลังจะนำบัตรประจำตัวศิษย์ออกมาเพื่อกดปุ่ม ความเจ็บปวดที่เหลือล้นได้แล่นเข้ามาอีกครั้งจนทำให้เขานั้นหมดเรี่ยวหมดแรง

ในขณะเดียวกัน ตอนที่เขาจะสิ้นสตินี้ เขารู้สึกได้ว่าเขาถูกขนของเหยี่ยวดารานับสิบพุ่งใส่เข้าร่างกาย

ต่อให้เขามีระบบ แต่เขาไม่คิดว่าในครั้งนี้ระบบจะช่วยเขาได้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปพักใหญ่ สติของเฉินเฉียงก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง

หลังจากนวดขมับตัวเองอยู่พักใหญ่ เขาก็ได้รู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอกและอวัยวะภายใน

เมื่อรีบตาตื่นขึ้นมา เขาก็พบว่าความรู้สึกเจ็บปวดก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่ความคิดไปเองแต่อย่างใด

นั่นก็เพราะร่างกายส่วนหน้าของเขาในตอนนี้ถูกเสียบไปด้วยขนนกจากปีกของเหยี่ยวดาราลึกเข้าไปถึงสามเซนติเมตร

หากว่ามันทิ่มลึกลงไปกว่านี้อีกนิด เขาเชื่อได้เลยว่าหัวใจและอวัยวะภายในของเขานั้นจะต้องขาดเป็นชิ้นๆ

ต่อให้ฮัวโต๋กลับมามีชีวิตอีกครั้งก็ไม่อาจจะช่วยชีวิตเขาได้เป็นแน่

และเมื่อได้เห็นเหยี่ยวดาราที่อยู่ตรงหน้าดีๆ เขาดูแล้วมันน่าจะตายไปนานพอดู

เมื่อนึกเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาถึงตอนนี้ เหงื่อเม็ดเป้งก็ได้ผุดขึ้นมาจากหน้าผากของเขา

นี่สมควรจะเป็นตอนที่เขายิงธนูปักหัวใจเหยี่ยวดาราตัวนี้ มันคงได้ตัดสินใจแกล้งตายและเปิดปากของมันเพื่อปล่อยการโจมตีทางจิตวิญญาณในนาทีสุดท้ายตอนที่เขาเข้าไปใกล้

หากไม่ใช่ว่าพลังภายในของมันหมดลง เขาเองก็คงตกตายไปนรกนานแล้ว

การต่อสู้ในครั้งนี้สอนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ให้กับเฉินเฉียงจริงๆ

นี่ขนาดเป็นเพียงสัตว์ประหลาดระดับนายพลระดับต้นที่เริ่มมีสติปัญญาเพียงเท่านั้น แล้วถ้าหากเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ล่ะ พวกมันนั้นนอกจากแผ่นพลังงานแล้วไม่มีความแตกต่างจากมนุษย์เลยด้วยซ้ำ

หากมนุษย์แกล้งตายแล้ว พวกสัตว์ประหลาดและมนุษย์กลายพันธุ์จะทำยังไงกัน

ดูเหมือนว่าเวลาเขาเผชิญหน้ากับศัตรูในอนาคตจะต้องทำให้มั่นใจว่ามันตกตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นต่อให้มานั่งนึกเสียใจก็ทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป

เฉินเฉียงได้กัดฟันแน่นก่อนจะดึงขนของเหยี่ยวดาราออกมาจากอกและอวัยวะภายใน ก่อนที่จะนำสมุนไพรออกมาพร้อมเตาปรุงยาแล้วทำการกลั่นยาเสียตรงนั้น

ที่ด้านนอกในตอนนี้ เหล่าคนใหญ่คนโตที่กำลังดื่มไวน์อยู่ในขณะมองไปที่อันดับที่เปลี่ยนแปลงก็ได้พูดคุยกันบ้างในบางครั้ง

ที่นั่งประธานพิธี เว่ยหยวนตี้นั้น นอกจากลูกสาวของตนแล้ว เขาสนใจเพียงเฉินเฉียง

หลังจากเวลาภายในผ่านไปได้เพียงวันเดียว ชื่อของเฉินเฉียงก็ตกไปอยู่อันดับที่เจ็ดสิบ แม้แต่เฉียนฝู่ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยังเงียบงัน

ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่งในการต่อสู้แล้ว เขาเชื่อว่าเฉินเฉียงนั้นไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากัวเหลียงเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้กัวเหลียงเองจะเกือบบรรลุเป็นนายพลวิญญาณขึ้นกลางได้ แต่หากดูเพียงประสบการณ์ศึกเป็นตายนั้น เขาเชื่อว่าเฉินเฉียงสามารถโค่นล้มกัวเหลียงได้อย่างไม่อยากเย็น

แต่นี่เวลาในนั้นผ่านมาหนึ่งวัน เฉินเฉียงกลับมีคะแนนยังไม่ถึงสี่ร้อยคะแนนดี ส่วนกัวเหลียงนั้นได้คะแนนเกือบจะห้าร้อยแล้ว

นี่เฉินเฉียงตกลงไปนรกขุมใดกัน

แต่เพียงไม่นาน มีบางอย่างที่ทำให้เฉียนฝู่ต้องนึกสงสัยในทันที

“เอ่ออออ ท่านเว่ย นี่ตาข้าไม่ได้ฟาดไปใช่รึเปล่า”

“ข้าเห็นว่าคะแนนของเฉินเฉียงนั้นลดลงจาก 397 เป็น 373 ”

“นี่คะแนนเขาลดลง 24 แต้มใช่หรือไม่”

“มีอะไรเกิดขึ้นกับระบบคะแนนกัน”

เว่ยหยวนตี้ที่สังเกตคะแนนของเฉินเฉียงอยู่ก่อนแล้ว ตอนแรกเขาเองก็คิดว่ามองผิดไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดของผอ.เฉียน เขาก็มั่นใจว่าไม่ผิด และส่ายหัวออกมา

“พี่เฉียน ระบบคะแนนนั้นไม่มีทางมีปัญหาอย่างแน่นอน”

“นั่นก็เพราะของคนอื่นนั้นยังเป็นปกติดี”

“เป็นไปได้ว่าเขาได้ใช้แก่นคริสตัลไม่ก็สมุนไพรทำให้คะแนนลดลง”

“คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ ยังไงซะหลังการต่อสู้ในมิตินั้น เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องเสียแรงกายแรงใจ เป็นไปได้ว่าเขานั้นกำลังดูดซับแก่นคริสตัลจากสัตว์ประหลาดที่ได้รับมา”

“เป็นไปไม่ได้” อีกฝากฝั่งหนึ่ง ซุนไคได้พูดขึ้นมา “นายพลเว่ย ท่านยังไม่รู้ว่าในแหวนของเฉินเฉียงนั้นมีของดีอยู่มากมายขนาดไหน”

“แค่แก่นคริสตัลอย่างเดียวก็ปาเข้าไปแสนกว่าก้อนแล้ว แถมพวกมันยังมีระดับกลางสูงกว่าพวกสัตว์ประหลาดหลายตัวที่อยู่ในมิตินั่นอีก”

“ข้าเชื่อว่าต่อให้เขาใช้ก่อนเข้าไปก็ยังมีเหลือมากพอดู”

“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าคะแนนของเขาเพิ่มไม่หนึ่งก็สองอย่างนั้นเหรอ”

“หากใช้สิ่งนี้เป็นเกณฑ์ล่ะก็ ถ้าอย่างนั้น…..มันมีสถานการณ์สองอย่างที่เขากำลังประสบพบเจอ”

“หนึ่ง เขามอบคะแนนให้คนอื่นด้วยตัวเอง สองคือเขาทำอะไรบางอย่างกับสมุนไพรเหล่านั้นอย่างเช่นการใช้มัน”

“สมุนไพร..เหรอ จะว่าไปพี่เฉียนบอกว่าหลานชายเฉินเฉียงของข้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนี่นา”

“แต่นี่….พึ่งจะผ่านไปวันเดียวแล้วอะไรที่ทำให้เขานั้นสามารถบาดเจ็บได้กัน”

ผอ.เฉียนพยักหน้ารับพร้อมสีหน้าที่เคร่งขรึม

“ท่านเว่ย นี่ก็ไม่ได้แปลกอะไร เฉินเฉียงต้องไปพบเจอกับสัตว์ประหลาดบางตัวเข้าแล้วรอดชีวิตมาได้จึงรักษาตัว นี่ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้น”

ความจริงนั้น ผอ.เฉียนก็หวังไม่น้อยในตัวของเฉินเฉียงเหมือนกันที่จะให้เขานั้นได้มอบยุคสมัยที่สดใสให้กับสำนักเต่าดำ

อย่างไรก็ตาม เขานั้นไม่คิดว่าเฉินเฉียงจะต้องพบเจอเรื่องอันตรายหลังจากพึ่งจะผ่านไปได้เพียงวันเดียว

เว่ยหยวนตี้เองที่เห็นท่าทางของเฉียนฝู่แล้วก็วางมือไว้บนบ่าอย่างเข้าใจความรู้สึก “พี่เฉียนอย่าได้กังวลไป ด้วยประสบการณ์การต่อสู้ของเฉินเฉียง เขาคงไม่ได้พบเจออันตรายอะไรมากมาย”

“ตราบใดที่เขาไม่ได้ไปพบเจอกับสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณทั้งห้านั่นล่ะก็ ข้าเชื่อว่าเขาต้องรอดพ้นไปได้ทุกสถานการณ์”

ต่อให้เขาไม่สามารถ แต่คนฉลาดอย่างเขาต้องรู้ว่าควรจะหลบหนีออกมาเมื่อใด

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาเป็นถึงนายพลเว่ยหวู่อยู่แล้ว นี่ไม่ได้ส่งผลในการเข้าไปในเขตแดนจักรพรรดิแต่อย่างใด ยังไงซะเขาก็ได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์ที่นั่นอยู่แล้ว

ผอ.เฉียนเมื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับและดื่มไวน์ในมือเพื่อสงบจิตใจลง

ถึงแม้คำพูดของเว่ยหยวนตี้จะดูเป็นเหตุเป็นผลในเรื่องที่ว่าต่อให้เฉินเฉียงไม่ได้สิทธิในการเข้าเขตแดนจักรพรรดิผ่านการประลองสี่สำนัก แต่ในเมื่อตอนนี้เขามียศ แน่นอนว่าย่อมต้องเข้าไปอยู่ดีก็ตาม

แต่นี่เขาเข้าไปในเขตแดนประลองเพียงวันเดียวยังต้องเจอศึกหนัก เขาทำได้เพียงแค่ว่าเฉินเฉียงจะรอดกลับมาเพียงเท่านั้น

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset