ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 154 รวมทักษะ

บทที่ 154 รวมทักษะ

หลัวเฟิงได้หัวเราะออกมาแห้งๆในทันทีที่เห็นฉากนี้ เขารีบพูดออกมา “อย่า..อย่าพึ่งเข้าใจข้าผิดไปนะ ข้า…ข้าก็แค่พูดถึงความเป็นไปได้เพียงเท่านั้น”

“ถ้า…ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วพวกท่านทุกคนจะอธิบายเรื่องที่ว่าเฉินเฉียงที่มีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำนั่นแต่กลับสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางจำนวนมากด้วยเวลาอันสั้นแบบนั้นได้ยังไงกัน”

“เฒ่าเฉียน เจ้า…เจ้าล่ะ เจ้าคิดว่ายังไง”

ผอ.เฉียนได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไอ้เฒ่าหลัว เจ้าพูดมานั้นถูกต้องแล้ว ข้าเองก็สงสัยไม่น้อยไปกว่าเจ้าว่าเฉินเฉียงนั้นทำได้ยังไงกัน”

“อย่างไรก็ตาม พวกเราสำนักเต่าดำนั้นไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของศิษย์ ตราบใดที่คนคนนั้นคือมนุษย์ แค่นั้นก็เพียงพอต่อการเป็นศิษย์ของพวกเราได้”

“อย่าบอกนะว่าสำนักเสือขาวของเจ้านั้นทำถึงขนาดเข้าไปสืบสวนเรื่องส่วนตัวของศิษย์ของเจ้าโดยไม่มีเหตุผลน่ะ”

“แต่อย่างน้อยข้าก็พอจะบอกเจ้าได้หนึ่งอย่างนะว่าเฉินเฉียงนั้นมีสายเลือดกลายพันธุ์ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าข้า เฉียนฝู่ผู้นี้ คิดว่าเขานั้นสามารถทำอะไรให้เกิดขึ้นก็ได้”

“สายเลือดกลายพันธุ์ พี่เฉียน ท่านพูดจริงเหรอ”

เว่ยหยวนตี้ที่อยู่ข้างๆพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ

ในเหล่ามนุษย์นั้น สายเลือดกลายพันธุ์นี้เป็นสิ่งที่ยากจะได้ยิน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยปรากฏออกมา

ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์นั้น เหล่ามนุษย์ที่เข้มแข็งจนได้รับการจารึกชื่อไว้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสายเลือดกลายพันธุ์ทั้งสิ้น และยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกเขาล้วนแล้วแต่ก้าวเข้าสู่ระดับราชานักรบทั้งสิ้น

การที่เฉินเฉียงมีสายเลือดกลายพันธุ์นี้ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็มีโอกาสอย่างมากที่จะกลายเป็นราชานักรบได้ในอนาคต

เมื่อได้เห็นเฉียนฝู่พยักหน้ารับ ในที่สุดรอยยิ้มก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเว่ยหยวนตี้

“เด็กนี่ จริงๆเลย มีเรื่องให้ข้าผู้นี้ประหลาดใจอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าช่วงที่เขาหายมานั้นเขาได้ไปประสบพบเจอกับอะไร เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะมีปรมาจารย์ที่ทรงพลังบางคนคอยสนับสนุนอยู่”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนทำได้เพียงนิ่งเงียบไปนาน

ไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไมเฉียนฝู่ผู้นี้ถึงได้เป็นทุกข์เป็นร้อนในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฉินเฉียง นั่นเป็นเพราะว่าเฉินเฉียงคือสายเลือดกลายพันธุ์ที่ร้อยปียังยากที่จะได้พบ

และนี่ยิ่งทำให้ผอ.ของสำนักการศึกษาอื่นอยู่ไม่สุขในทันใด นั่นก็เพราะ แต้มคะแนนของเฉินเฉียงนั้นอยู่สูงกว่าคนอื่นไปมากนัก

ตราบใดที่เฉินเฉียงยังรักษาชีวิตไว้ได้ล่ะก็ ในปีนี้ อันดับหนึ่งในการประลองสี่สำนัก คงหนีไม่พ้นเขาเป็นแน่

“พี่เฉียน ดูเหมือนว่าข้าคงต้องแสดงความยินดีกับท่านไว้ล่วงหน้าแล้วสินะ เฉินเฉียงนี่คือแสงแห่งอนาคตของท่านจริงๆ”

“ท่านเว่ยก็รีบเกินไป” ถึงแม้เฉียนฝู่จะพูดออกมาแบบนั้นแต่หูของเขานั้นกลับกระดิกไม่หยุดและได้พูดออกมาต่อ “เวลาในนั้นยังผ่านไปไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ การประลองยังอีกยาวนาน อันดับเขาก็อาจจะเปลี่ยนไปได้ทุกเมื่อ”

“อีกอย่างหนึ่งคือไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเขานั้นจะไม่โดนศิษย์ระดับนายพลวิญญาณคนอื่นจัดการเอาระหว่างการประลอง ยิ่งเวลาใกล้หมดลงเมื่อไหร่ เด็กพวกนั้นยิ่งต่อสู้แก่งแย่งคะแนนกันเองบ่อยขึ้น หากเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง เด็กพวกนั้นต้องได้แต้มคะแนนไปมากมายเป็นแน่”

สิ่งที่เฉียนฝู่กล่าวมานี้ถูกต้องแล้ว ก่อนการประลองจะสิ้นสุด ยังไม่รู้ว่าใครจะชนะ

แต่ยังไงซะ ต่อให้ถึงเวลานั้น เฉินเฉียงก็ยังเป็นราชาที่คู่ควรอยู่ดี

นั่นก็เพราะ หลังจากสังหารงูลายทองไปกว่าสองร้อยตัว ร่างกายของเฉินเฉียงก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

ในตอนที่เขาฉีกกระชากงูลายทองขาดเป็นสองท่อนนั้น ระบบก็ได้ทำการดูดซับพลังงานไปโดยอัตโนมัติ

เจ้าของระบบ: เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นต้น
การหลอมรวมทักษะ: 1
ค่าพลังงาน:41,300
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:340
ค่าความแข็งแกร่ง:317
ค่าความเร็ว:326
ค่าพลังจิต:219
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: ….
ทักษะ: ….
ทักษะ: ทะยานแสง ระดับสูง
ทักษะ: ขุดรู ระดับสูง
สายเลือด: โกลาหลแรกกำเนิด

ทักษะทะยานแสงนี้คือทักษะติดตัวของงูลายทอง

แต่ในชั่วพริบตา ค่าการหลอมรวมทักษะของเขาในหน้าจอระบบก็ได้หายไป พร้อมกับที่ทักษะทะยานแสงขั้นสูงและทักษะขุดรูขั้นสูงได้หลอมรวมกันและกลายเป็นทักษะที่มีชื่อว่า เคลื่อนย้ายพริบตา (ระดับสูงสุด)

เคลื่อนย้ายพริบตา ระดับสูงสุด

นี่เป็นทักษะแรกของเฉินเฉียงที่ก้าวขึ้นไปเป็นระดับสูงสุดในมวลหมู่ทักษะทั้งหลายที่เฉินเฉียงมี

ตราบใดที่เขามีโอกาส ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาของเขานั้นอาจจะสามารถไปได้ถึงระดับสุดยอดเลยก็ได้

ในขณะเดียวกัน อาการบาดเจ็บทั้งหลายของเขาก็ได้ฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง หลังจากดูดซับงูลายทองเข้าไป

เฉินเฉียงได้กระโดดขึ้นไปชายฝั่ง เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของตนก็พยักหน้าออกมาอย่างพึงพอใจ

ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้ ต่อให้เขาไม่ดูดซับแก่นคริสตัลหรือแผ่นพลังงาน เขานั้นสมควรจะทะลวงจุดชีพจรลับได้อย่างไม่อยากเย็น

เขานั้นคิดไม่ถึงว่าหลังจากเข้ามาในมิติประลองได้ยังไม่ถึงเดือนดี ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นได้มากมายขนาดนี้

หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุด เฉินเฉียงก็เลือกที่จะไม่เปิดจุดชีพจรลับในตอนนี้ เขาได้ใช้คลื่นพลังจิตของตนตรวจสอบดูก็พบว่าทั้งเว่ยฉิงเชินและเพื่อนของเธอนั้นจากไปนานแล้วจนไม่ทิ้งร่องรอย นี่จึงทำให้เขาใช้ท่าท้าวก้าวย่างสวรรค์ของเขาทะยานเข้าไปในส่วนลึกของมิติประลอง

หนึ่งเดือนผ่านไป เฉินเฉียงได้สังหารเพียงสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นต้นไปหกตัวเพียงเท่านั้น ความจริงเขาเองก็ได้พบเจอกับสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางอยู่บ้าง แต่ด้วยเขานั้นมีความคิดหนึ่งอยู่ในใจ เขาจึงไม่อยากจะเสียเวลาไปกับพวกมัน

สำหรับเขาแล้ว ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือสมุนไพรระดับสองที่จะใช้ปรุงยาเสริมวิญญาณ

และความพยายามของเขาก็ไม่สูญเปล่า หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุดเขาก็พบสมุนไพรระดับสองสี่ต้น

ด้วยการที่พวกมันนั้นมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใคร ทำให้พวกมันนั้นมีสติปัญญาเล็กน้อย

โดยปกติแล้วพวกมันนั้นจะเป็นอาหารของสัตว์ประหลาดประเภทแมลง ต่อให้นักรบสายเลือดระดับกลางมาพบเจอมัน พวกเขานั้นก็ยากที่จะต่อกรกับสัตว์ประหลาดที่คอยเฝ้าพวกมันไว้

ตอนที่เฉินเฉียงได้พบกับดอกไม้กินคนสี่ต้นนี้ หนึ่งในนั้นมีกลีบดอกที่ขยับไปมา พร้อมกับเผยกลิ่นที่เป็นพิษฟุ้งกระจาย

ที่ใจกลางดอกไม้นี้ เฉินเฉียงพบว่ามีผึ้งที่มีขนาดเท่าฝ่ามืออยู่ มันกำลังใช้ปากอันเรียวยาวดูดกลิ่นน้ำหวานของดอกไม้ และเป็นตอนนี้ที่กลีบดอกของต้นไม้กินคนได้หุบลงอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปสิบกว่าวินาที กลีบดอกของต้นไม้กินคนก็ได้เปิดออกมาอีกครั้ง ส่วนผึ้งข้างในนั้น หายไปไม่เหลือแม้แต่ซากร่าง ราวกับว่ามันไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

สิ่งมีชีวิตประเภทนี้ย่อมไม่อาจทำอะไรเฉินเฉียงได้อย่างแน่นอน หลังจากตรวจสอบดูแล้วพบว่าไม่มีอะไรผิดสังเกตอยู่ใกล้ๆ เฉินเฉียงจึงได้รีบถอนดอกไม้กินคนทั้งสี่ในทันที

ดอกไม้กินคนทั้งสี่นี้ เมื่อนำไปปรุงเข้ากับหญ้าดาราจันทราจำนวนหนึ่ง บวกกับแก่นคริสตัลที่เขาได้มากก่อนหน้านี้ หลังจากผ่านกระบวนการปรุงยาแล้วก็จะทำให้เขานั้นได้เม็ดยาเสริมวิญญาณในที่สุด

เพื่อป้องกันไม่ให้โดนรบกวนจากสัตว์ประหลาดและศิษย์คนอื่น เฉินเฉียงจึงเลือกที่จะดำดินลงไปเพื่อปรุงยา

เมื่อเทียบกับทักษะขุดรูระดับสูงของเขาแล้ว ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาระดับสูงสุดของเขานี้ทำให้เขาไปอยู่ใต้ดินลึกสิบเมตรได้อย่างง่ายดายราวกับปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ

หลังจากพบเจอช่องว่างในดินขนาดพื้นที่ประมาณสามลูกบาศก์เมตร เฉินเฉียงก็ได้นั่งขัดสมาธิและนำเตาปรุงยาออกมา ตามด้วยดอกไม้กินคน แก่นคริสตัล และหญ้าดาราจันทรา

เพื่อที่จะเสริมฤทธิ์ของหญ้าดาราจันทราเขาต้องใส่พลังงานจากแก่นคริสตัลเหยี่ยวดาราที่ได้มาลงไปด้วย และนี่จะทำให้ฤทธิ์ของยาเสริมจิตวิญญาณของเขาจะสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว

แต่ด้วยการที่เขานั้นไม่เคยหลอมมันมาก่อน เขาจึงได้ใช้แก่นคริสตัลสัตว์ประหลาดทั่วไปในการปรุงยาครั้งแรกเพียงเท่านั้น

ขั้นตอนแรก เขาได้ใส่หญ้าดาราจันทราสองต้นลงในหม้อปรุงยา หลังจากนั้นได้ใช้พลังสายเลือดจุดไฟในเตาปรุงยา หลังจากหลอมหญ้าดาราจันทราไปได้ถึงจุดหนึ่ง เขาก็นำแก่นคริสตัลสัตว์ประหลาดระดับนายพลมาวางในมือซ้ายและบังคับให้มันรั่วไหลออกมา

กระบวนการหลอมหญ้าดาราจันทรานี้ค่อนข้างเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงดี หญ้าดาราจันทราก็แห้งเหือดกลายเป็นฝุ่นผงและหายไปจากหลุมของหม้อปรุงยา

เมื่อเห็นเป็นแบบนี้แล้ว เฉินเฉียงได้โยนต้นไม้กินคนลงไปแล้วทำการปรุงยาต่อ

อีกสองชั่วโมงผ่านไป หลังจากเห็นว่าดอกไม้กินคนได้โดนหลอมไปแล้ว เป็นตอนนี้ที่จุดชีพจรลับที่สิบของเขาได้เปิดออก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset