ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 163 จ้าวฮั่นร้องขอ

บทที่ 163 จ้าวฮั่นร้องขอ

“หลินฟาน นี่เจ้าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์”

เจิ้งยี่กัดฟันแน่นก่อนจะจ้องมองไปยังหลินฟานด้วยสายตาที่จงเกลียดจงชัง

หลินฟานยิ้มกว้างก่อนที่จะพูดออกมา “พี่เจิ้งทำไมถึงพูดเช่นนั้นกัน ท่านเองก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์เฉกเช่นเดียวกับข้า หากท่านไม่เชื่อก็ลองดูร่างของตัวเองก่อนก็ได้”

เมื่อได้ฟังแบบนี้ เจิ้งยี่ตกตะลึงถึงขีดสุดนั่นก็เพราะในตอนนี้เขาพบว่าแขนที่ถูกตัดขาดได้งอกออกมา แหวนเก็บของเองก็ได้กลับมาอยู่ในมือเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลังของเขาในตอนนี้เริ่มรู้สึกคันขึ้นมา

เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งเหล่านี้ ท่าทางของเจิ้งยี่ก็เปลี่ยนไป

หลินฟานไม่ได้แยแสต่อท่าทางของเจิ้งยี่ เขาได้พูดขึ้นมาต่อ “พี่เจิ้ง ขอต้อนรับสู่เผ่าพันธุ์มนุษย์กลายพันธุ์”

“ในตอนนี้ยังมีเวลาอีกร่วมเดือน ข้านั้นต้องการจะเปลี่ยนคนอีกสองคนให้เป็นพวกเรา ช่วยข้าหาหลิวถัง เว่ยฉิงเชิน และเฉินเฉียง ทั้งสามคนนี้คือเป้าหมายของข้า ดังนั้นท่าน…..”

“หลินฟาน เจ้าต้องการให้ข้าทำงานให้ ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องแลกชีวิตข้าก็จะกุดหัวเจ้าแม้ข้าจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไปแล้วก็ตาม”

หลังจากพูดจบ เจิ้งยี่ได้ดึงเอาดาบมังกรคลั่งออกมาจากแหวนและพุ่งเข้าโจมตีใส่หลินฟานที่หว่างคิ้ว

หลินฟานได้มีท่าทีเปลี่ยนไปในทันที เขาไม่คิดว่าเจิ้งยี่จะมีท่าทีต่อต้านถึงขนาดนี้

อย่างไรก็ตามเขาคิดว่านี่เกิดจากการที่เขาพึ่งจะได้กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์จึงยอมรับไม่ได้ เป็นธรรมดาที่เขาต้องใช้เวลาในการยอมรับ

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินฟานก็ได้พูดปลอบเจิ้งยี่ในขณะที่กำลังรับมือ “พี่เจิ้ง ตอนนี้ท่านเองก็เป็นสมาชิกของกองทัพมนุษย์กลายพันธุ์แล้ว ทำไมท่านไม่ลองใช้ทักษะดูล่ะ”

“ตราบใดที่ท่านคุ้นเคยกับมันแล้วล่ะก็ ข้าเชื่อว่าท่านจะดีใจที่ได้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์อย่างแน่นอน”

“ไอ้นรก”

“หลินฟานจดจำไว้ให้ดี ต่อให้ข้าต้องสังหารตัวเองข้าก็จะไม่มีวันใช้ทักษะของไอ้พวกนรกอย่างเจ้าเป็นอันขาด”

เจิ้งยี่นั้นแสดงออกมาว่าบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม เขาไม่สนใจในกระบวนท่าที่ใช้อีกต่อไป เขาทำเพียงแค่ถาโถมจู่โจมหลินฟานเพื่อหมายเอาชีวิตเพียงเท่านั้น

หลังจากผ่านไปนานพอดู หลินฟานเองก็เริ่มเป็นฝ่ายที่ต้องเปลี่ยนท่าที

เจิ้งยี่นั้นมีระดับการบ่มเพาะไล่เลี่ยกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาในตอนนี้ได้เสียสติที่จะรับรู้รับฟังเหตุผลไปแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานพวกเขาต้องถูกคนอื่นพบเจอ และนั่นจะทำให้สถานะของพวกเขาต้องถูกเผยออกมา

“เจิ้งยี่ เลิกบ้าได้แล้ว หากคนอื่นมาเห็นพวกเราเข้า พวกเราจบสิ้นแน่”

“ฮ๋าอ่าอ๋า เป็นอย่างนั้นได้ก็ดี หลินฟาน ข้าขอสาบานว่าจะฆ่าเจ้าและกวาดล้างสัตว์นรกอย่างเจ้าให้หมดไปจากโลกนี้จนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่”

“ฮึ่ม” หลินฟานในตอนนี้หน้าถอดสี ก่อนที่จะนึกเสียใจในการตัดสินใจของตนเอง การได้เจิ้งยี่มาเป็นพวกนี้ถือว่าเป็นความผิดพลาดสำหรับเขาอย่างใหญ่หลวง เขาไม่อาจปล่อยไว้แบบนี้ได้

ตอนนี้เขาทำได้เพียงไล่เจิ้งยี่ออกจากมิติประลองนี่ไปก่อนเท่านั้น แล้วให้เขานั้นได้สงบสติลงซะก่อน

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินฟานได้สยายปีกอีกครั้ง ก่อนที่จะดึงดาบทองคำออกมาตวัดจนเกิดประกายแสงสีทองออกมาจากแหวนเก็บของ

เฉินเฉียงผู้ซึ่งสังเกตการณ์อยู่แต่ไกลก็อดจะสะดุ้งเสียไม่ได้เมื่อเห็นดาบนี้

ดาบของหลินฟานนั้นสมควรจะสร้างจากวัตถุดิบชั้นสูงของมนุษย์กลายพันธุ์ แม้ระดับการบ่มเพาะของทั้งสองจะเท่ากัน แต่ความได้เปรียบของอาวุธนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ตามคาดไว้ หลังจากที่ทั้งสองประมือกันอีกครั้ง ดาบทองคำในมือของหลินฟานได้ตวัดผ่านเกราะชั้นพลังงานของเจิ้งยี่ได้อย่างง่ายดาย และขาดเป็นสองท่อนในทีเดียว

“หลินฟานนนนน ข้าขอสาบานนนน ข้าจะฆ่าเจ้าให้จงได้ด้ด้ด้ด้ด้ด้ด้”

เจิ้งยี่ได้ตะโกนกู่ก้องออกมาอย่างสุดลมหายใจ

และก่อนที่เจิ้งยี่จะหมดลมหายใจหลังจากโดนฟันโดยดาบสีทองของหลินฟานแล้ว เขาได้กดปุ่มบนบัตรประจำตัวก่อนที่จะหมดลม

ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คะแนนของเขาคงตกเป็นของหลินฟานเรียบร้อยไปแล้ว

และด้วยเหตุนี้ ทำให้เขานั้นยังพอที่จะช่วยให้สำนักมังกรอาชูร่าอยู่รอดไปได้บ้าง

ไม่อย่างนั้นล่ะก็ หากศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักมังกรอาชูร่าของเขาต้องตกตายและเสียแต้มคะแนนไป เขาคงทำให้สำนักของตนเสียหน้ายิ่งกว่านี้

ที่ห่างหนึ่งที่ไม่ไกลนัก เฉินเฉียงได้มองฉากที่เกิดขึ้นพลางครุ่นคิด

เขาไม่คิดว่าเจิ้งยี่ แม้แต่ตอนออกไปจากมิติแห่งนี้ก็ยังฝากแรงอาฆาตเอาไว้กับหลินฟานราวกับว่าต่อให้ตนเองจะต้องตกตายก็ไม่สนใจ

หากว่าเขารู้ว่าเจิ้งยี่เป็นคนแบบนี้ล่ะก็ เขาคงจะช่วยเขาไปแล้ว

แต่นึกเสียดายไปตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว ยังไงซะตอนนี้เจิ้งยี่ก็กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไปแล้ว

หลังจากขับไล่เจิ้งยี่ออกจากมิติประลองได้สำเร็จ หลินฟานก็ได้เก็บดาบทองคำและกลับคืนสู่รูปลักษณ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาได้มองไปรอบๆก่อนที่จะจากไป

เมื่อเห็นเป็นแบบนี้เฉินเฉียงก็รีบติดตามไป

ตอนนี้ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือน เขาหวังว่าหลินฟานจะไม่ทำเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เพราะไม่อย่างนั้นสี่สำนักคงต้องมีมนุษย์กลายพันธุ์เพิ่มขึ้นอีกเป็นแน่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขากลัวนั้นกลับเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันกลับมีความหมายกับเขามาก

หนึ่งวันให้หลัง หลินฟานได้พบกับเป้าหมายใหม่ จ้าวฮั่น

หลานสุดที่รักของผู้อาวุโสอันดับสองของสำนักเต่าดำจ้าวหยาง เช่นเดียวกับตอนอยู่ในสำนัก เขานั้นไม่เคยขาดผู้ติดตาม

เมื่อเห็นกลุ่มของจ้าวฮั่นอยู่แต่ไกล หลินฟานได้ยิ้มกริ่มและพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูง

ผู้คนรอบกายจ้าวฮั่นนั้นไม่มีใครเลยที่เป็นนายพลวิญญาณขั้นกลาง เกือบทั้งกลุ่มมีระดับการบ่มเพาะเช่นเดียวกับจ้าวฮั่นคือระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นที่เปิดจุดชีพจรลับได้เพียงเจ็ดจุดเท่านั้น

ด้วยการบ่มเพาะระดับนี้ มีหรือที่จะอยู่ในสายตาของหลินฟาน

เมื่อเห็นหลินฟานพุ่งเข้ามาประหนึ่งดังเสือร้ายพุ่งเข้าหาฝูงหมาป่า จ้าวฮั่นถึงกับหน้าตาลนลานและรีบตะโกนออกมาอย่างสุดกำลัง “หยุดมันไว้ ขวางมันอย่าให้มาถึงข้า”

ศิษย์สำนักเต่าดำที่อยู่รายรอบจ้าวฮั่นนั้นรู้ดีว่าไม่ใช่คู่มือ แต่ด้วยการที่ต้องการแสดงออกว่าจงรักภักดี จึงไม่มีทางเลือกได้แต่พุ่งตรงเข้าไป

ยังไงซะที่นี่ก็เป็นเพียงมิติจำลอง ต่อให้พวกเขาต้องตกตายที่นี่ก็ยังกลับไปมีชีวิตที่โลกภายนอกได้อยู่ดี

หากเขายอมแพ้ตั้งแต่ต้น ด้วยนิสัยของจ้าวฮั่น พวกเขานั้นคงไม่อาจจะอยู่เกาะแข้งเกาะขาจ้าวฮั่นได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม พวกเขานั้นไม่คิดว่าหลินฟานจะไม่ป้องกันเลยสักนิด เขาพุ่งตรงไปที่จ้าวฮั่นด้วยซ้ำ

เหล่านายพลวิญญาณขั้นต้นทั้งสิบกว่าคนนั้นแม้จะโจมตีอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่อาจจะทะลวงเกราะชั้นพลังงานของระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางได้ และนี่ทำให้พวกเขาทำได้เพียงยืนมองมือของจ้าวฮั่นโดนตัดไปเสียดื้อๆ

ที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าหลินฟานกลัวว่าจ้าวฮั่นจะใช้โอกาสที่เขาฆ่าผู้ติดตามของจ้าวฮั่นหนีออกจากมิติประลองไป

เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้ติดตามทั้งหมดได้ยกดาบโจมตีหลินฟานอีกครั้ง

แน่นอนว่าพวกเขาไม่อาจทำอะไรหลินฟานได้

ไม่ถึงสิบนาทีดี ทุกคนนอกจากจ้าวฮั่น ถูกส่งตัวออกจากมิติประลอง

“ท่าน ท่านต้องการอะไร”

จ้าวฮั่นในตอนนี้มีสีหน้าถอดสีจนซีดขาวและพูดออกมาด้วยริมฝีปากที่สั่นเครือ “พะ พะ พี่ชาย ท่านต้องการคะแนนใช่หรือไม่ หากเป็นอย่างนั้นท่านก็ไม่ต้องทำอะไรข้าหรอก ท่านเอาไปได้ทั้งหมดเลย”

เฉินเฉียงที่เห็นหลินฟานเดินเข้าหาจ้าวฮั่นอย่างช้าๆก็มีท่าทีที่ลังเล แต่ในที่สุด เป็นอีกครั้งที่เขาได้นำกำไลสื่อสารออกมาและแอบบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หากว่าจ้าวฮั่นเป็นเพียงแค่คนรักสนุกธรรมดา เขาเองคงไม่ปล่อยให้จ้าวฮั่นนั้นกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์

แต่ด้วยการที่จ้าวฮั่นนั้นพยายามฆ่าเขามามากมายหลายครั้ง อีกทั้งยังเป็นต้นเหตุทำให้ศิษย์ร่วมสำนักอีกแปดคนต้องตกตายไป

คนอย่างจ้าวฮั่นสมควรจะถูกกำจัดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

และในตอนนี้เขาสามารถยืมมือของหลินฟานเปลี่ยนจ้าวฮั่นให้กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ และเมื่อกลับไปยังโลกภายนอก นี่จะทำให้เขานั้นสามารถกำจัดจ้าวฮั่นได้อย่างบริสุทธิ์และยุติธรรมโดยไม่โดนตราหน้าอีก

เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินฟาน จ้าวฮั่นที่บาดเจ็บไม่ได้ต่างไปจากเด็กน้อยที่อ่อนแอ นี่ทำให้หลินฟานทำการฝังแผ่นแก่นพลังงานในร่างจ้าวฮั่นได้อย่างง่ายดาย

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset