ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 194 ทุกคนโกรธเคือง

บทที่ 194 ทุกคนโกรธเคือง

ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ เฉียวกังได้ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย เขาสะกิดนักรบคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังแล้วพูดออกมา “เอาแก่นคริสตัลทั้งหมดของเจ้ามาให้ข้า”

นักรบคนนั้นตกตะลึง

“กัปตันเฉียว ไอ้หมอนั่นมันวางเป็นแก่นโลหิตที่มีมูลค่ากว่าสิบล้านแก่นคริสตัลระดับนายพลขั้นกลางเลยนะ”

“มันเทียบได้กับว่าซื้อกำไลสื่อสารในราคาปกติได้กว่าสองร้อยวงเลยทีเดียว แล้วท่านจะไปเล่นด้วยกับมันทำไม”

“อย่าได้พูดจาไร้สาระ”

เฉียวกังได้พูดไปยังนักรบตรงหน้าแล้วพูดออกมา “ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของแก่นคริสตัลแล้ว มันเป็นเรื่องของหน้าตาของตึกจอมพลของพวกเรา”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือ เฉินเฉียงมันมีแก่นโลหิตแค่สามหยดเพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยการตรวจสอบของข้าแล้ว มันโกหก”

ด้วยการที่เฉินเฉียงนั้นแสดงท่าทาง EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq นี่ยิ่งทำให้เฉียวกังเชื่อมั่นในเรื่องนี้ เขามั่นใจว่าเฉินเฉียงต้องแกล้งทำเป็นสงบนิ่ง

คนของเฉียวกังที่นำมานั้นล้วนแล้วแต่คนใต้บังคับบัญชาของเขา พวกเขาทำได้เพียงทำตามเพียงเท่านั้น

“เฉินเฉียง หากเจ้ายังมีแก่นโลหิตอยู่อีก แน่จริงก็นำมันออกมา”

“วันนี้ข้าล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าไอ้คนจนอย่างเจ้าจะสู้กับข้าได้สักกี่น้ำ”

เฉียวกังแสดงออกมาด้วยท่าทางบ้าคลั่งและชี้นิ้วใส่หน้าของเฉินเฉียง

เฉินเฉียงเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา “เฉียวกัง แค่แก่นโลหิตหนึ่งหยดนี้ก็มีมูลค่ากว่าสิบล้านเพียงเท่านั้น มันไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกรู้สาแต่อย่างใด”

“แต่ในเมื่อเจ้าอยากจะเห็นนักล่ะก็ว่าใครที่ร่ำรวย ก็ดี ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็น”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้แตะไปที่แหวนในมือของคน

เจ้าของร้านร่างอ้วนที่อยู่ข้างๆเขาก็นิ่งอึ้งไป

หาเทียบกันแล้ว ยังไงซะเขานั้นก็ต้องการแก่นโลหิตของเฉินเฉียงมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ที่เขานั้นรู้สึกร้อนรนขึ้นมานั้นเป็นเพราะเฉินเฉียงได้นำแหวนที่อยู่ในแหวนที่อยู่ในแหวนอีกทีออกมา

หลังจากนั้นเฉินเฉียงได้แตะไปที่แหวนอีกครั้งด้วยท่าทางที่ไม่อยาก และได้นำแหวนอีกวงออกมา

การกระทำของเฉินเฉียงได้ทำให้ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนก

มือของเขาเริ่มสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด

อีกฟากฝั่งหนึ่ง เฉียวกังได้หัวเราะออกมาอย่างดังลั่น

หลังจากผ่านไปนาน เฉินเฉียงก็ได้นำแหวนออกมาอีกแหวนหนึ่ง

หลังจากนั้นเฉินเฉียงก็ได้ทรุดลงกับพื้น และทำตัวราวกับคนบ้าออกมา

“อยู่ไหน มันอยู่ไหนกัน แก่นโลหิตของข้าอยู่ไหน”

“เฉินเฉียง เป็นอะไรรึเปล่า”

เจิ้งยี่รีบดึงเฉินเฉียงขึ้นมาจากพื้น

เป็นตอนนี้ที่กัวเหลียงได้หัวเราะออกมาเบาๆ

เขารู้ดีว่าศิษย์น้องของเขานั้นมีมันเพียงแค่หยดเดียวเพียงเท่านั้น

เฉียวกังในตอนนี้ก็ได้หัวเราะออกมาอย่างดังลั่น

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไหนละโว้ย เฉินเฉียง ไหนละ แก่นโลหิต เอามันออกมาสิโว้ย ตราบใดที่แกเอาออกมาได้ล่ะก็ ข้ายินดีที่จะยกกำไลสื่อสารทั้งหมดให้แกเลยนะ”

เมื่อเฉินเฉียงได้ยินคำพูดนี้ของเฉียวกัง เขาก็ได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดออกมา “วีรบุรุษเฉียว ข้าผู้นี้ขอยอมรับความพ่ายแพ้แล้วจริงๆ ดูเหมือนว่าแก่นโลหิตสองหยดของข้าคงตกหายไปกระมัง นี่ทำให้ตัวข้านั้นไม่อาจจะสู้ท่านได้”

“ในครั้งนี้ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้จริงๆ”

“ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ท่านนั้น จ่ายเงินไปกว่าสิบล้านแก่นคริสตัลระดับนายพลขั้นกลางเพียงเพื่อกำไลสื่อสารทั้งสองร้อยวงนี้ไป”

“เฮ้อช่างน่าเสียดายนัก ในที่สุดพวกเราก็ไม่ได้รับกำไลสื่อสารไปได้เลยสักวงเดียว”

“พวกเรานี่ช่างอนาถาแท้ๆ”

“สวรรค์และโลก ช่วยทำให้ข้าร่ำรวยได้อย่างวีรบุรุษเฉียวด้วยเถ้ออออ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เฉินเฉียง ข้าบอกเจ้าแล้วว่าแกมันก็แค่ไอ้ยาจก คนอย่างเจ้าคิดจะสู้กับข้าเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ”

เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงยอมรับความพ่ายแพ้ เฉียงกังก็ได้หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

อย่างไรก็ตาม เป็นตอนนี้ที่เขานั้นได้รับรู้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ

เขาสังเกตเห็นว่าในตอนนี้ผู้คนด้านนอกต่างก็พูดคุยเกี่ยวกับตัวเขา

“คนของตึกจอมพลภาคกลางนี่ช่างร่ำรวยนัก ถึงขนาดขัดขวางการกระทำของผู้คนที่ต้องซื้อกำไลสื่อสารโดยทุ่มแก่นคริสตัลไม่อั้นแบบนี้”

“ก็นะ วิถีคนรวยย่อมเป็นสิ่งที่คนจนเช่นเราๆยากจะเข้าใจ เขานั้นยินดีจ่ายออกไปสิบล้านแก่นคริสตัลระดับนายพลขั้นกลางเพียงเพื่อกำไลสื่อสารเนี่ยนะ ไม่รู้ว่าเขานั้นมีความสุขไปได้ยังไงกัน”

“เฮ้อ แต่เดิม ข้าเองก็คิดจะซื้อกำไลสื่อสารเหมือนกัน แต่ก็นะ มันไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวแล้ว”

นักรบที่อยู่ข้างๆเฉียวกังได้เดินมาข้างๆเขาด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งและพูดออกมา “กัปตันเฉียว ดูเหมือนว่าเราจะโดนเล่นอีกแล้วนะครับ”

ต่อให้นักรบคนนี้ไม่บอกเขา เขาก็รู้ตัวแล้ว และนี่ทำให้เขานั้นมีใบหน้าที่ซีดเผือด

สิบล้านแก่นคริสตัลระดับนายพลขั้นกลางเลยนะ

นี่มันคือรางวัลที่เขาได้รับจากนายพลจ้าวลี่เพราะเข้าร่วมกับตึกจอมพลภาคกลาง

ไม่สิ เขาได้มาเพียงห้าล้านก้อนเท่านั้น อีกห้าล้านก้อนเขายืมมาจากคนอื่น

ไม่นะ

เขาจะไม่ยอมให้ถูกหลอกอีก

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉียวกังรีบหันตัวไปคว้าแก่นคริสตัลที่วางเอาไว้กลับใส่แหวนของตน

“ห้ะ ท่านเฉียว ท่านคิดจะทำอะไร”

เจ้าของร้านร่างอ้วนได้โกรธขึ้นมาทันทีและจับเฉียวกังเอาไว้

“ท่านนายพล ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้ข้าด้วย”

“ท่านเฉียวคนนี้นอกจากจะกล้าหักหน้าท่านและดุด่าท่านต่อหน้าทุกคนแล้ว เขายังพูดอีกว่าเขตกันหนันของเรานั้นยากจนแร้นแค้น”

“ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าคนอย่างเขาจะทำตัวนักเลงกร่างอวดร่ำอวดรวยไปทั่ว หลังจากแสดงออกมาว่ารวยแล้วบอกว่าจะจ่ายแต่เก็บไปซะอย่างนั้น”

“ทุกคน ท่านนายพล ข้าเป็นเพียงเจ้าของกิจการเล็กๆไม่อาจเทียบเคียงพวกท่านได้ แต่ข้าเองก็ได้ยินว่าพวกท่านนั้นจะเข้าไปเขตแดนจักรพรรดิเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทุกท่านเข้าไปเพื่อช่วยกันฆ่าศัตรูของเผ่าพันธุ์”

“ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆว่านี่ทำให้ท่านเฉียวนั้นใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงคนธรรมดาเช่นข้าได้ยังไงกัน”

“หรือว่า ท่าน พวกท่าน พวกท่านต่างก็ทำแบบนี้กับพวกเราคนธรรมดางั้นเหรอ”

ชายเจ้าของร้านร่างอ้วนพูดพร่ำออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลริน พยายามใช้ร่างกายของตัวเองยื้อเฉียวกังไม่ให้จากไป

เหล่านักรบด้านนอกที่ไม่ชอบท่าทีของเฉียวกังอยู่แล้วนั้นต่างก็เสื่อมเสียชื่อเสียงจากการกระทำในครั้งนี้ของเฉียวกังไปด้วย นี่ทำให้พวกเขาย่อมไม่มีทางปล่อยเฉียวกังไปเฉยๆอย่างแน่นอน

“พวกเรา อย่าให้เฉียวกังได้ออกไป”

“ฮึ่ม ไอ้บ้านี่ หลังจากหักหน้าคนอื่นแล้วคิดจะจากไปเฉยๆเนี่ยนะ พวกเรา ส่งข่าวไปยังตึกจอมพลเดี๋ยวนี้ ให้ท่านผู้การจัดการพวกมัน”

“ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังมองเขาว่าเป็นคนที่ทรงพลังอยู่เลยนะ แล้วทำไมข้ามองว่ามันเป็นพวกขี้แพ้ไปได้ล่ะเนี่ย”

“เมื่อข้าได้เห็นการกระทำอันอาจหาญของเขาแล้วนั้น ข้าบอกได้เลยว่าคนของตึกจอมพลภาคกลางนั้นทรงพลังอย่างเหลือเกินเหลือการจนระรานชาวบ้านไปทั่ว”

“พวกเราต้องส่งพวกมันไปที่ตึกจอมพล”

“เอ้อ นายพลจ้าวยังอยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอ”

“ก็ดีนะ จะได้ให้เขารู้ว่าไอ้คนที่เขารับมานั้นทำตัวกร่างแค่ไหน”

“เฉียวกังมันดีแต่รู้จักรังแกชาวบ้านแต่ไม่ยอมรับผลของการกระทำ”

“คนแบบนี้ช่างทำให้เหล่านักรบที่หาญกล้าเสื่อมเสียชื่อเสียงจริงๆ”

“ถ้าพวกเราได้เข้าไปในเขตแดนจักรพรรดิพร้อมคนพวกนี้ล่ะก็ พวกเราจะต้องอับอายอย่างไม่มีหน้าไปพบผู้คนเป็นแน่”

“ไม่ใช่ว่าตึกจอมพลภาคกลางนั้นทรงพลังนักไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่ให้พวกนั้นเข้าไปกันเองล่ะ”

“หากเรื่องนี้ไม่คลี่คลาย พวกเราจะรวมตัวกันประท้วง”

“ถูกต้อง พวกเราต้องร่วมมือกันร้องเรียน พวกเราต้องให้ไอ้นรกนี่ได้รับผลของการกระทำให้ได้”

เมื่อได้เห็นผู้คนเริ่มโกรธแค้น เฉียวกังก็รู้แล้วว่าเขานั้นไม่อาจทำอะไรนักรบเหล่านี้ได้ เขารีบเขาไปพูดคุยกับเจ้าของร้านในทันทีด้วยเสียงอันเบา “ท่านลุงผู้จัดการร้าน เอาอย่างนี้เป็นยังไง ข้าจะมอบแก่นคริสตัลระดับนายพลขั้นกลางจำนวนร้อยก้อนให้และกับกำไลสื่อสารพวกนั้นข้าไม่เอามันแล้ว ว่าไง แล้วเราปล่อยให้เรื่องนี้แล้วๆกันไป”

เจ้าของร้านนั้นรีบหยุดร้องไห้ในทันทีที่ได้ยิน เขามีท่าลังเลเล็กน้อย เป็นตอนนี้ที่เขานั้นได้ยินเสียงของเฉินเฉียงตะโกนออกมา

“หยุดก่อน”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset