ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 217 ขู่

บทที่ 217 ขู่

เฉินเฉียงที่ลอยบนโอกาสนั้นได้แสดงความทรงพลังอันไร้ที่ติออกมา

ปีกของเขาที่ในตอนนี้แม้จะยาวเหลือเพียงเจ็ดเมตร แต่มันกับมีประกายสีแดงสะท้อนออกมาบนปีกสีเงินทั้งสีปีกจนเห็นได้ชัด พวกมันส่องประกายแสงที่ดูเย็นชาจนทำให้ทุกคนที่เห็นต่างก็ตกตะลึง

ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงจะยังไม่ทำอะไรออกมา แต่เมื่อเห็นฉากนี้แล้วไม่เพียงแต่เผ่าพันธุ์เดียวกัน หลู่ฟาง เว่ยฉิงเชินและคนอื่นๆยังต้องตกตะลึง แม้แต่มนุษย์กลายพันธุ์ตนอื่นๆเองรวมถึงหลิวหมิงก็ยังตื่นตะลึงจนเห็นได้ชัด

เมื่อตอนที่เฉินเฉียงพูดออกมาว่าจะแสดงพลังออกมาให้ดูนั้น นี่ทำให้หลู่ฟาง เว่ยฉิงเชินและมนุษย์คนอื่นๆต่างก็มีใบหน้าที่เคร่งขรึม ทุกคนต่างใช้กระแสจิตของตนจับจ้องไปที่เฉินเฉียงในทันที

ส่วนมนุษย์กลายพันธุ์นั้นต่างก็มองเฉินเฉียงด้วยความหวังเมื่อได้เห็นความทรงพลังของเขา

หลังจากที่เฉินเฉียงได้ระเบิดพลังออกมาแล้ว เขาก็ได้ขยับปีกไปหนึ่งทีและทำให้ร่างของเขาหายไปจากบนโอกาสจุดที่เขาอยู่ในทันใด

เมื่อเห็นฉากนี้ หลู่ฟางและชุยหยันหลันที่ยืนขวางหน้าเว่ยฉิงเชินเอาไว้นั้นได้ตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง “พี่น้อง ปกป้องคุณหนูเว่ย”

อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งมนุษย์กลายพันธุ์ในตอนนี้นั้นกับแสดงออกมาอย่างรุ่มร้อนราวกับเป็นไข้หนักและพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

“กัปตันหลิว นั่น นายท่านหลิวหลางพึ่งจะใช้พลังเหนือมนุษย์หลบหนีแสงนี่”

“ถูกต้อง แถมทักษะนั่นเหนือกว่าพวกเรามากมายหลายขุมนัก”

“ไม่เพียงเท่านั้น ปีกสีเงินของเขานั้นยังอยู่ในระดับอย่างน้อยๆก็ระดับหก ส่วนหลบหนีแสงของเขานั้นก็ไม่ได้ต่ำแต่อย่างใด พลังหลบหนีแสงนั้นระดับหนึ่งเพียงแค่หายตัวได้แค่ครึ่งวิ แต่ท่านหลิวหลางนั้นกับหายตัวได้เกินกว่าหนึ่งวิครึ่ง ต่อให้ระดับกึ่งราชายังอยากที่จะไปได้ถึงจุดนี้อีก”

หลังจากที่เฉินเฉียงได้เข้ามาในเขตแดนจักรพรรดิแห่งนี้นั้น ในตอนนั้นทักษะหลบหนีแสงของเขาก็อยู่ในระดับสามแล้ว แต่หลังจากที่ผิดใจกับคนในกองกำลัง ในช่วงระหว่างนี้ ทักษะหลบหนีแสงของเขานั้นได้เพิ่มเป็นระดับสี่

สองวินาทีย่อมเพียงพอที่เขานั้นจะสังหารมนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่เบื้องล่างเขา

แต่เขานั้นยังไม่คิดจะจัดการหลิวหมิงในตอนนี้

เขาต้องการบั่นทอนขวัญกำลังใจ

หลังจากผ่านไปสองวินาที หลู่ฟางก็ต้องตกตะลึงไปอีกครั้งเมื่อพบว่าเฉินเฉียงกลับมาปรากฏตัวกลางอากาศอีกครั้ง ปีกสีเงินของเขาก็ยังคงสยายอย่างดิบดีลอยตัวอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

อย่างไรก็ตาม นายพลทักษะพิเศษตนหนึ่งที่อยู่เบื้องล่างผู้ซึ่งยืนเคียงข้างหลิวหมิงนั้นไม่ใช่ แม้ว่าการยืนของมนุษย์กลายพันธุ์คนนี้บ่งบอกว่าอยู่ในระดับที่สูงไม่น้อย แต่ตอนนี้กลับปรากฏรูโหว่บนหน้าอกพร้อมสายตาที่เบิกกว้าง

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว หลิวหมิงไม่คิดจะทนอีกต่อไป พร้อมตั้งคำถามออกไปอย่างอาฆาต “นายท่านหลิวหลาง นี่หมายความว่ายังไงกัน ทำไมต้องทำร้ายพวกเรา เหล่าคนของราชาฉิน”

เมื่อเห็นฉากนี้ หลู่ฟาง เว่ยฉิงเชินและคนอื่นๆต่างก็ต้องนิ่งอึ้งไป

เป็นไปได้ไหมว่ามนุษย์กลายพันธุ์เองก็มีความขัดแย้งภายในเหมือนกัน

หากเป็นอย่างนั้นจริงนี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา

หลู่ฟางใช้โอกาสนี้มองตาเว่ยฉิงเชิน ก่อนที่จะส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณให้คนอื่นๆเพื่อบอกให้เร่งฟื้นฟูร่างกายของตน

เฉินเฉียงที่อยู่ในอากาศนั้นก็ได้ใช้กระแสจิตรอบเข้าไปตรวจสอบแหวนของมนุษย์กลายพันธุ์ที่เขาพึ่งฆ่าไปก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน

“เหอะ ราชาฉินเว่ยของพวกเจ้านั้นช่างขี้เหนียวนัก นี่เขาให้แผ่นแก่นพลังงานพวกเจ้ามาเพียงเท่านี้ มิน่าล่ะพวกแกถึงได้ชวนข้าร่วมทำภารกิจ เป็นเพราะพวกแกนั้นอ่อนด้อยนี่เอง เหม็นกลิ่นสาบพวกขี้เหนียวชะมัด ”

หลังจากพูดจบ เขาก็ได้เก็บหวานนี้เข้าไปในแหวนเก็บของของตน ก่อนที่จะสลัดเลือดบนมือออกไปอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ “หลิวหมิง แกเองก็บอกว่าอยากเห็นความสามารถของนายท่านผู้นี้ไม่ใช่รึไง แกเองก็ลองดูได้นะ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าอย่างแกน่ะ ไม่ใช่ขี้มือของข้าผู้นี้”

ใบหน้าของหลิวหมิงนั้นเปลี่ยนไปอย่างหนักเมื่อได้ยิน แม้แต่มนุษย์กลายพันธุ์ตนอื่นเองก็ยังต้องหวาดกลัวจนถอยหนีไปสองสามก้าว

นั่นก็เพราะมนุษย์กลายพันธุ์ที่พึ่งจะตกตายไปนั้นเป็นหนึ่งในตนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองกำลังของมนุษย์กลายพันธุ์กองนี้ เอาจริงต่อให้เฉินเฉียงไม่ได้ใช้ทักษะหลบหนีแสงออกมาล่ะก็ พวกมันยังพอจะตอบโต้ได้บ้าง แต่เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว หากเฉินเฉียงคลั่งขึ้นมาจริงๆ ไม่มีใครในพวกมันที่สามารถต่อกรกับเฉินเฉียงได้

เมื่อเห็นฉากนี้ หลิวหมิงและพวกก็ไม่ได้พูดออกมา นี่ทำให้เขารับรู้ได้แล้วว่า แผนบั่นทอนกำลังใจของเขานั้นสำเร็จ

ในตอนนี้ เฉินเฉียงได้แสยะยิ้มออกมา มองเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่เบื้องล่างอย่างดูถูกดูแคลน “หลิวหมิง เจ้าและพวกสมองน้อยโง่เง่าพวกของเจ้านั้นรับรู้แล้วใช่หรือไม่ว่านายท่านนี้ไม่ได้ดีแต่ปาก เข้าใจ๋”

“บอกตรงๆเลยนะว่าหากพวกเจ้านั้นไม่ได้มาขัดขวางแผนการของข้าแล้วนั้น ข้าเองก็คงจะฝังแผ่นแก่นพลังงานลงไปในสมองของเว่ยฉิงเชินเรียบร้อยแล้วด้วยการหายตัวของข้า”

หลังจากได้เห็นความสามารถอันเหนือล้ำของเฉินเฉียงนั้น หลิวหมิงและนายพลทักษะพิเศษตนอื่นไม่อาจจะเถียงคำพูดนี้ได้อีก ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับเรื่องนี้อย่างละอายใจ

“นายท่านหลิวหลาง ในเมื่อท่านมีพลังถึงขนาดนั้นแล้วทำไมท่านถึงไม่ใส่แผ่นแก่นพลังงานให้นางในตอนนี้ล่ะ”

“หากเป็นอย่างนั้นจริง พวกเราก็สามารถทำให้ภารกิจของพวกเรานั้นสำเร็จได้แล้วไม่ใช่หรือครับ”

“ไร้สาระ นี่เจ้ายังคิดจะสั่งสอนข้าอีกรึ” เฉินเฉียงได้ตะคอกออกมาอย่างดุร้าย “หลังจากนายท่านคนนี้เข้ามาแล้ว ข้านั้นก็ได้ลอบใส่แผ่นแก่นพลังงานในหัวเหล่านักรบระดับสูงของพวกมนุษย์จนหมดสิ้น”

“ในตอนนี้ตัวข้าไม่หลงเหลือแผ่นแก่นพลังงานนี้เลยสักแผ่นเดียว แล้วเจ้าจะให้ข้าทำได้ยังไง”

“เป็นเช่นนั้น” หลิวหมิงได้พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่จะนำแผ่นแก่นพลังงานออกมาจากแหวนเก็บของของตนและโยนให้เฉินเฉียง

หลังจากรับแผ่นแก่นพลังงานมาแล้ว เฉินเฉียงได้มองไปที่นายพลทักษะพิเศษตนอื่นแล้วพูดออกมา “แล้วของเจ้าล่ะ ส่งแผ่นแก่นพลังงานของพวกเจ้ามาให้ข้าทั้งหมดนั่นแหละ”

“ห้ะ” หลิวหมิงอุทานออกมาอย่างโกรธเคือง “นายท่านหลิวหลาง นี่ท่านหมายความว่ายังไง”

เฉินเฉียงได้หันขวับไปมองหลิวหมิงอย่างเดียดฉันท์ และพูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นยะเยือก “หลิวหมิง ข้าขอถามหน่อยว่านับแต่เข้ามาในมิติจักรพรรดิแห่งนี้ เจ้าได้ใช้แผ่นแก่นพลังงานไปเท่าไหร่แล้ว”

หลิวหมิงนิ่งอึ้งไป ก่อนที่จะตอบคำถามออกมาอย่างงงๆ “เรียนตามตรง พวกเราได้ใช้ไปแล้วสามสิบสองแผ่นเท่านั้น”

“สามสิบสองแผ่นเหรอ” เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงยิ้มเยาะออกมาอย่างดูแคลนแบบสุดๆ “หากนายท่านผู้นี้เดาไม่ผิด ทั้งสามสิบสองแผ่นนั่นส่วนใหญ่ถูกฝังไว้ในร่างของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ตกตาย ถูกต้องรึเปล่า”

“เอ่อออออ นายท่าน ท่านเข้าใจได้อย่างแจ่มชัด ทั้งหมดล้วนเป็นเช่นนั้น”

“ขยะ” เฉินเฉียงสบถออกมาอย่างดังลั่น

“ทำไมเผ่าพันธุ์มนุษย์กลายพันธุ์ถึงต้องมีไอ้พวกสมองหมูแบบเจ้าเยอะแยะนัก”

“แผ่นแก่นพลังงานที่แสนล้ำค่าขนาดนั้นแต่แกกลับเอาไปฝังในร่างที่ตายแล้วเนี่ยนะ”

หลิวหมิงเริ่มจะตระหนักรู้ในความผิดของตนแต่ก็ยังคงพยายามแก้ตัวออกมา “นายท่านหลิวหลาง เรื่องนี้จะโทษพวกเราก็ไม่ได้นัก พวกมนุษย์ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับนายพลวิญญาณ แค่ได้ฝังแผ่นแก่นพลังงานในร่างของพวกมันได้ครบทั้งสามสิบสองแผ่นก็แทบจะเกินแรงพวกข้าแล้ว ไม่ใช่นายพลทักษะพิเศษทุกคนที่จะมีพลังที่สูงล้ำเหมือนท่าน”

“หลิวหมิง ก็ยังดีที่เจ้านั้นรู้ตัวอยู่บ้าง”

“แต่อย่างไรก็ตาม เจ้ายังไม่รู้ว่าการฝังแผ่นพลังงานไว้ในร่างมนุษย์ตอนเป็นกับตอนตายนั้นให้ผลลัพธ์กับเผ่าพันธุ์ต่างกันมากนัก การเสียแผ่นพลังงานไปกับการฝังไว้บนร่างของมนุษย์ มันสูญเปล่าเกินไป แถมแผ่นแก่นพลังงานพวกนั้นจะใช้ต่อไม่ได้อีก”

“ในเมื่อพวกเจ้านั้นรับรู้ว่าค่ามีพลังหลบหนีแสงที่สูงล้ำล่ะก็ สู้ให้พวกเจ้ามอบมันให้ข้าไม่ดีกว่ารึไง ยังไงซะ ภารกิจก็สำเร็จเหมือนกัน แถมยังได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าอีก”

เมื่อหลิวหมิงและพวกได้ยินก็ไม่สามารถหาเหตุผลใดมาปฏิเสธได้ ท้ายที่สุดจึงทำได้เพียงส่งแผ่นแก่นพลังงานทั้งหมดให้กับเฉินเฉียงไป

เฉินเฉียงได้รับแผ่นแก่นพลังงานมากว่าสองร้อยแผ่น หลังจากนั้นเขาได้มองไปที่หลิวหมิงที่ยังคงยืนตระหง่านด้วยท่าทางสงบและสีหน้าที่ผ่อนคลาย

หลิวหมิงเมื่อเห็นแบบนี้ก็ไม่เข้าใจและอดไม่ได้ที่จะถามออกมาในทันที “นายท่านหลิวหลาง พวกเรานั้นส่งแผ่นแก่นพลังงานทั้งหมดให้ท่านแล้ว ทำไมท่านยังไม่ลงมือล่ะ”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset