ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 81 ไม่มีใครเชื่อ

บทที่ 81 ไม่มีใครเชื่อ

“เฉินเฉียง เกิดอะไรขึ้น”

ฮู่ต้าไฮ่ได้ถามออกมาทันทีเมื่อเห็นท่าทางของเฉินเฉียง

“อาจารย์….ที่ข้ากลับมาช้าเป็นเพราะข้าไปยังเขตแดนหมอกโลหิตมา”

“โอ้ ไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่เจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย…..เดี๋ยว…เจ้าว่าไงนะ” ฮู่ต้าไฮ่นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง นั่นก็เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองได้ยินบางอย่างผิดไป หลังจากนั้นเขาจึงได้ถามออกมาอีกครั้ง “เฉินเฉียง เจ้าว่ายังไงนะ เขตแดนหมอกโลหิตเหรอ”

“เขตแดนหมอกโลหินเรอะ หึหึหึ ข้าก็ว่าอยู่ว่าคนอย่างเจ้าหายไปไหนซะตั้งนาน ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีระดับทหารขั้นสูงอย่างเจ้าจะหลุดรอดออกมาจากเขตแดนหมอกโลหิตได้ทั้งๆที่มีชีวิตอยู่”

ในสำนักเต่าดำแห่งนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และแน่นอนว่าจ้าวฮั่นผู้ซึ่งเป็นหลานของผู้อาวุโสลำดับสองอย่างเขาต้องรู้เรื่องนี้

จ้าวฮั่นค่อนข้างจะงงงวยเหมือนกันเมื่อได้ยินว่าเฉินเฉียงไปที่นั่นมา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินเฉียงถึงได้โชคดีที่หลุดรอดจากโม่เสี่ยวจวงและคนอื่นๆที่เขาส่งไปฆ่า และกลับจากรังโจรออกมาอย่างปลอดภัยได้ยังไง

เช่นเดียวกับหลิวซวนเอ๋อ เธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเขตแดนหมอกโลหิต

ด้วยการที่ผู้อาวุโสหลิวมีหลานสาวเพียงคนเดียว นี่จึงทำให้เขานั้นรักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้อย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าหลานของตนชอบออกไปทำภารกิจข้างนอกบ่อยๆ แน่นอนว่าเขาย่อมบอกข้อมูลของกองกำลังที่เป็นอันตรายและน่าสะพรึงกลัวให้เธอได้รับรู้ไว้

“ศิษย์น้องเฉิน ข้าได้ยินมาจากท่านปู่ของข้าว่าที่นั่นเป็นรังโจรที่ขนาดตึกจอมพลเมืองเหมันต์จันทราและตึกจอมพลแดนใต้ ซึ่งอยู่ในระแวกโดยรอบนั้นพยายามส่งคนไปกำจัดอยู่แล้วครั้งหลายคราแต่ก็ล้มเหลวและตกตายกันหมดเลยนะ แล้วเจ้าไปทำอะไรที่นั่นคนเดียว”

เฉินเฉียงส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะยิ้มเล็กน้อยและพูดออกไป “ข้าไม่คุ้นเคยเรื่องภูมิประเทศอะไรนั่น ว่าแต่ศิษย์พี่หลิวยังจำอาณานิคมเขาอูฐได้หรือไม่”

“แน่นอนสิศิษย์น้อง ข้ายังจำได้ถึงสาวน้อยที่ชื่อว่าหยู น้องสาวของนายพลฮั่นที่เหมือนจะดูชอบเจ้ามากๆเลยนะ”

กัวเหลียงพูดแหย่พลางอดที่จะเข้ามากระแซะไหล่ของเฉิงเฉียนเสียมิได้

เฉินเฉียงได้หายใจออกมาในทันทีก่อนที่จะพูดต่อ “เฮ้อออออ ช่างน่าเศร้าที่นายพลฮั่น น้องสาว และคนในอาณานิคมกว่าสองพันได้ตายหมดแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเฉียง ฮู่ต้าไฮ่ก็ได้หน้าเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยียบ ก่อนที่จะรีบถามออกมา “เฉินเฉียง เกิดอะไรขึ้น บอกอาจารย์เดี๋ยวนี้”

“อาณานิคมเขาอูฐนั้นอยู่ภายใต้การคุ้มครองของสำนักเรา ตามปกติหากมีอันตรายย่ำกรายพวกเขาจะส่งคนมาขอความช่วยเหลือพวกเราในทันที”

“อย่างตอนที่หลิวซวนเอ๋อได้รับภารกิจไปฆ่าลิงยักษ์นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาที่มาขอให้สำนักพวกเราช่วยเหลือจึงเกิดเป็นภารกิจนี้”

“หากว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง สำนักของเราย่อมไม่นิ่งดูดายอย่างแน่นอน กับแค่คนเดียวพวกเรายังไม่ยอมอยู่เฉย แต่นี่คือคนตายไปทั้งอาณานิคมเลยนะ”

ยิ่งเฉินเฉียงพูดถึงเขตแดนโลหิตนี่ยิ่งทำให้ฮู่ต้าไฮ่ยังรู้สึกไม่ดี

และเป็นอย่างที่เขาคิด คำพูดของเฉินเฉียงได้ตอกย้ำความคิดของตน

“ท่านอาจารย์ นายพลฮั่นเปียวผู้คุมที่นั่นได้บอกข้าก่อนตายว่าคนที่ลงมือคือถูหมั่นเถียนแห่งเขตแดนหมอกโลหิตเป็นผู้ลงมือกวาดล้างสังหารพวกเขาทั้งอาณานิคม”

“นานเท่าไหร่แล้ว”

“หกวันก่อนครับ”

“ช่างเสียเวลานัก” ฮู่ต้าไฮ่ได้พูดออกมา “ทำไมเจ้าไม่รีบพูดออกมาก่อนหน้านี้”

ฮู่ต้าไฮ่ในตอนนี้ได้กระทืบเท้าออกมาเพื่อระบายความโกรธ ก่อนที่จะพูดออกมา “มากับข้า พวกเราจะต้องไปพบผอ.เดี๋ยวนี้ คราวนี้พวกเราต้องเกณฑ์คนไปที่นั่นเพื่อกวาดล้างพวกมันให้จงได้”

เมื่อพี่จบ ฮู่ต้าไฮ่ได้ดึงเฉินเฉียงเพื่อที่จะให้ตามไปด้วยกัน

“ท่านอาจารย์ ไม่ต้องแล้วครับ ศิษย์ได้สังหารพวกมันไปหมดแล้ว” เฉินเฉียงพูดก่อนที่จะนำแหวนออกมาห้าวงก่อนที่จะพูดต่อ “นี่คือสิ่งที่ได้มาจากถูหมั่นเถียนและหัวหน้าหน่วยของพวกมันทั้งหมด”

“ห้ะ”

ฮู่ต้าไฮ่ได้ก้มลงมองดูแหวนทั้งห้าที่อยู่ในมือของเฉินเฉียงด้วยใบหน้าที่แสดงออกมาอย่างไม่เชื่ออย่างที่สุด

“ชิ เหลวไหล โกหกชัดๆ” จ้าวฮั่นที่ฟังอยู่ไกลๆได้แหกปากตะโกนดังลั่นในทันทีที่ได้ยิน ในตอนนี้ริมฝีปากของเขาได้กระตุกอย่างไม่หยุด

“รังโจรในเขตแดนหมอกโลหิตเป็นที่ที่แม้แต่ตึกจอมพลแห่งเมืองเหมันต์จันทราและตึกจอมพลเขตแดนใต้ก็ยังทำอะไรไม่ได้เลยนะเฮ้ย แล้วไอ้ลูกหมาขยะสายเลือดทหารอย่างแกเนี่ยนะจะทำอะไรไรได้ อย่าทำข้าต้องขำหน่อยเลย”

“ข้าได้ยินมาจากปู่ว่าพวกมันมีโจรอยู่ใต้สังกัดอย่างน้อยๆก็สองสามร้อยคน มีตั้งแต่ระดับทหารไปถึงหัวหน้าหน่วยอีกสี่คนที่อยู่ในระดับนายพลวิญญาณ แถมถูหมั่นเทียนนั่นเองก็อยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นจวนเจียนจะข้ามขั้นแล้ว”

“นี่ยังไม่รวมถึงสภาพภูมิประเทศที่ยากจะบุกโจมตีไหนจะกับดักอีกมากมาย แกคิดว่าคนอย่างแกจะสามารถกวาดล้างกลุ่มเขตแดนหมอกโลหิตได้อย่างนั้นเหรอ”

“ลองถามใครดูที่นี่ก็ได้ว่ามีใครเชื่อแกบ้าง”

ไม่นานเสียงของจ้าวฮั่นก็ได้สร้างคลื่นความคิดที่ทำให้ผู้คนต้องพูดคุยกัน

ทุกคนถึงแม้จะไม่ชอบท่าทางกับนิสัยของจ้าวฮั่นสักเท่าไหร่นัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้สงสัยในคำพูดของจ้าวฮั่นแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะปู่ของจ้าวฮั่นเองเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนัก ข้อมูลพวกนี้ย่อมจะแน่นกว่าพวกเขา

“ระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นตอนปลาย นี่มันไม่ใช่ว่าระดับเดียวกับศิษย์พี่หลู่ฟางหรอกเหรอ”

“ไม่ใช่ว่าเฉินเฉียงเองก็พึ่งจะสู้กับศิษย์พี่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเองนี่นา”

“ข้าจำได้ชัดถนัดใจว่าในตอนนั้นศิษย์พี่ได้ยืนอยู่เฉยๆยังสามารถป้องกันการโจมตีของเฉินเฉียงได้อย่างง่ายดายเลยนี่นา แล้วเขาจะแกร่งพอจะโค่นล้มคนระดับเดียวกับเขาได้ยังไง”

“ข้าเห็นด้วย หากว่าเขตแดนหมอกโลหิตมันจะพังลงได้ง่ายดายขนาดนั้นแล้วทำไมตึกจอมพลทั้งสองกลับพ่ายแพ้ย่อยยับมาได้เสียทุกครั้งล่ะ ข้าว่าเฉินเฉียงต้องโกหกแน่ๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้คนในตอนนี้แล้วทำให้ความโกรธของจ้าวฮั่นที่มีต่อเฉินเฉียงลดน้อยถอยลงมาบ้าง

การที่เขาได้เปิดโปงคำโกหกของเฉินเฉียงต่อหน้าทุกคน และทำให้ทุกคนเห็นเฉินเฉียงเป็นไอ้หน้าโง่ต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ นี่สามารถช่วยเขาระบายความอัปยศอดสูที่มีในใจไปได้บ้าง

เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงได้เห็นท่าทางของจ้าวฮั่นแล้ว เขาก็นึกถึงเรื่องที่จ้าวฮั่นส่งโม่เสี่ยวจวงและคนของแผนกสายลมมาฆ่าเขา นี่ทำให้ดวงตาของเขาฉายแววเย็นยะเยียบในทันที

หากว่าเขาไม่ได้มีทักษะขุดรู้ขั้นสุดยอดละก็ เขาคงต้องถูกฝังไว้ในถ้ำนั้นแล้ว

เมื่อโดนเฉินเฉียงจ้องมองแบบนี้ จ้าวฮั่นก็ถึงกับสะดุ้งในทันที

แต่เมื่อคิดดูแล้วยังไงซะที่นี่ก็ยังคือเขตสำนัก เขามีปู่ของเขาคอยหนุนหลังอยู่ เมื่อคิดได้ดังนี้เขาจึงได้ฝืนใจตนให้สงบและพูดออกมา “อะไร แกมีปัญหาอะไร ข้าก็แค่เปิดเผยคำโกหกต่อหน้าทุกคน ถ้าแกมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิโว้ย”

“จ้าวฮั่น เจ้าผิดแล้ว”

เฉินเฉียงชี้นิ้วไปที่จ้าวฮั่น พร้อมท่าทางที่อยากจะพุ่งเข้าไปฆ่าเสียตรงนั้น

นั่นก็เพราะเฉินเฉียงนั้นถูกจ้าวฮั่นรังควานมาโดยตลอด กับเรื่องแค่นี้เขาก็โกรธมากพอดูแล้ว

แต่ไอ้ระยำคนนี้ยังไม่สาแก่ใจ มันยังกล้าส่งคนมาฆ่าเขาอีก

เพียงแค่นี้ เฉินเฉียงก็รู้ในทันทีว่าพวกเขาทั้งสองคนจะต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง

“จ้าวฮั่น ใครบอกแกกันว่าถูหมั่นเถียนเตรียมที่จะข้ามขั้นน่ะ ปู่ของแกเรอะ”

“หึหึหึ ถ้าอย่างนั้นก็สมควรแล้วที่แกจะผิดพลาด เพราะว่าถูหมั่นเถียนนั้นมันอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางมาตั้งนานแล้ว”

คำพูดของเฉินเฉียงยิ่งทำให้เกิดคลื่นของการพูดคุยไปอีกระลอก

“โว้ว ระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง นี่มันไม่ยิ่งกว่าศิษย์พี่หลู่ฟางอีกรึ”

“เฉินเฉียงยังพ่ายแพ้ให้กับศิษย์พี่หลู่ฟางก่อนหน้านี้อยู่เลย ไม่มีทางหรอกที่เขาจะไปฆ่าคนที่แกร่งกว่าศิษย์พี่หลู่ฟางไปได้”

“นั่นสิ ขนาดศิษย์พี่ยังสู้ไม่ได้แล้ว นับประสาอะไรกับนายพลวิญญาณขั้นกลางกัน”

“ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังสงสัยในคำของจ้าวฮั่นอยู่บ้าง แต่มาในตอนนี้ข้าเชื่อแล้วว่าเฉินเฉียงโกหกแน่นอน”

จ้าวฮั่นได้มองไปรอบๆก่อนที่จะหันไปมองเฉินเฉียงอีกครั้งด้วยความรู้สึกสะใจอย่างที่สุด

นี่มันส่งเสริมคำพูดของเขาชัดๆ “เหอะ แกมีเรื่องจะพูดแค่นี้น่ะรึ พวกเราไม่โง่พอที่จะเชื่อคำจากปากแกหรอกนะโว้ย”

ในตอนนี้ แม้แต่ฮู่ต้าไฮ่ก็ยังยากที่จะเชื่อ เขาได้พลิกแหวนในมือที่เฉินเฉียงมอบให้เขาก่อนที่จะส่งคืน

“เฉินเฉียง บอกอาจารย์มาตามตรง พวกโจรทั้งหมดแห่งเขตแดนหมอกโลหิตถูกกำจัดหมดแล้วใช่รึเปล่า”

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset