ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 86 ความนัย

บทที่ 86 ความนัย

เมื่อเฉินเฉียงได้ยินแบบนี้เขาถึงกับต้องปาดเหงื่อของตนในทันที

หากไม่ใช่ว่าผอ.เฉียนได้เตือนเขาไว้ล่ะก็ เขาเองก็คงจะกลับไปดูดซับแก่นโลหิตสัตว์ประหลาดระดับราชานี้ในทันทีที่กลับไปถึง

นั่นก็เพราะด้วยการที่เขานั้นมีระดับการบ่มเพาะต่ำต้อย แต่ด้วยการที่เขาต้องทำภารกิจเพื่อสะสมแต้มเพื่อให้ได้ทรัพยากรเพื่อทำการบ่มเพาะ ก็ต้องเผชิญหน้ากับการข่มเหงจากจ้าวฮั่นอยู่ซ้ำๆ นี่ทำให้เขายังไปไม่ถึงไหนสักที

“ขอบคุณท่านผอ.ที่กล่าวเตือน ศิษย์จะจดจำไว้เป็นอย่างดี”

ผอ.เฉียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว จำไว้ว่าเจ้าต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ได้รับอันดับดีๆในงานประลองสี่สำนักที่จะจัดขึ้นในอีกปีครึ่งข้างหน้า”

หลังจากออกจากห้องสำนักงานของผอ. เฉินเฉียงก็รีบกลับไปที่บ้านพักของฮู่ต้าไฮ่ในทันที

เมื่อไม่ถึง เขาก็พบว่าศิษย์พี่ทั้งหลายได้มารวมตัวกันแล้ว

“ศิษย์น้อง ศิษย์แผนกวารีเหลียนชุ่ยให้ข้ามาบอกกับเจ้าว่าเธอต้องการที่จะหารือกับเจ้าในค่ำคืนนี้”

“ศิษย์น้อง อย่าไปฟังศิษย์พี่หยันหลันของเจ้า ฟังข้าดีกว่า เหลียงหยูจู้แห่งแผนกวิญญาณที่เป็นหลานของรองผอ. เธอมีท่าทางจะชอบเจ้าไม่น้อยเลยนะ เจ้าคิดว่ายังไง นี่ก็ขึ้นกับเจ้าแล้วนา….”

“ฮี่ฮี่ฮี่ ศิษย์น้อง หญิงสาวเหล่านั้นไม่มีทางอยู่ในสายตาของเจ้าแน่นอนอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ” กัวเหลียงพูดก่อนที่จะใช้แขนคล้องคอโอบไหล่พร้อมทำตาปริบๆ
“บอกพี่ชายคนนี้มาซะดีๆเจ้าไปทำอีท่าไหนถึงได้ไปเกี่ยวหัวใจของเว่ยฉิงเชินได้กัน แล้วก็ เธอสวยมากเลยใช่ป่ะ”

เฉินเฉียงเองไม่ได้ใส่ใจเรื่องตลกที่เหล่าศิษย์พี่ของเขาพูดแม้แต่น้อย แต่เมื่อกัวเหลียงพูดถึงเว่ยฉิงเชินก็ทำให้เขาอดจะนึกถึงความขาวประทับใจของเธอไม่ได้เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานะในตอนนี้มันช่างห่างกันราวกับหมาที่มองดวงจันทร์บนฟากฟ้า

เธอคนนั้นเป็นถึงอัจฉริยบุคคลที่มีร่างกายกระจ่างจิต ด้วยอายุเพียงสิบเจ็ดปีแต่กับก้าวล่วงสู่ระดับการบ่มเพาะนายพลวิญญาณขั้นกลาง และยังเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสกลายเป็นบุคคลอันยิ่งใหญ่อย่างระดับราชาได้ซะอีก

แล้วดูตัวเขาสิ

แค่ระดับทหาร

“เฮ้ย พอได้แล้ว จะไปทำอะไรก็รีบไปซะไป๊ เฉินเฉียง เจ้ามากับข้าก่อน”

ฮู่ต้าไฮ่ตะโกนออกมา นี่ทำให้เหล่าศิษย์รีบเผ่นป่าราบออกไปกันหมด เหลือไว้เพียงเฉินเฉียงและฮู่ต้าไฮ่เท่านั้น

“อาจารย์ มีเรื่องอะไรครับ”

ฮู่ต้าไฮ่ได้มองไปรอบๆก่อนที่จะพูดออกมา “ไปที่ห้องบ่มเพาะ”

ที่ด้านนอกห้องบ่มเพาะของสำนัก จางฉุนเมื่อเห็นฮู่ต้าไฮ่และเฉินเฉียงมาด้วยกันแล้วก็อดที่จะมหัศจรรย์ใจไม่ได้

“ผู้อาวุโสฮู่ นี่…หมายความว่ายังไง”

“อย่าพูดมาก เปิดห้องที่ห้า ห้าชั่วโมง” ฮู่ต้าไฮ่จ่ายแต้มคะแนนห้าสิบแต้มก่อนที่จะลากเฉินเฉียงเข้าไปโดยไม่พูดอะไร

ภายในห้องที่ปิดสนิท เฉินเฉียงมองฮู่ต้าไฮ่อย่างหวาดๆ ฮู่ต้าไฮ่ในตอนนี้มีดวงตาที่ราวกับฉายแววออกมาเป็นสีฟ้า นี่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวไม่น้อย

นี่ทำให้เขาอดที่จะคิดไม่ได้ว่าแม้แต่อาจารย์ฮู่ของเขาก็ยังโดนล่อลวงโดยแก่นโลหิตอสูรระดับราชาที่เขาได้มาด้วยอย่างนั้นหรือ

หากเป็นแบบนั้นจริง เขาคงไม่อาจจะต้านทานไหว…….

“เฉินเฉียง เจ้ามองข้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง ว่าแต่ เจ้ายังเก็บแก่นโลหิตอสูรไว้กับเจ้าอยู่รึเปล่า”

อย่างที่เขาคาดไว้ และนี่ทำให้เขาเองรู้สึกประหม่าแบบสุดๆ เมื่อได้ยินคำว่าแก่นโลหิตอสูรออกมาจากอาจารย์ของเขา

“เอ่ออออ ท่านอาจารย์ แก่นโลหิตยังอยู่ที่ข้า แต่…ข้าคิดว่าจะฝากไว้ที่ผอ.จะดีกว่า”

เฉินเฉียงได้ยกชื่อผอ.มาอ้างโดยหวังว่าอาจารย์ของเขาจะหวาดๆขึ้นมาบ้าง

ต่อให้เป็นอาจารย์ของเขาก็ตาม แต่ต่อหน้าสิ่งเย้ายวนที่ทรงพลังอย่างแก่นโลหิตอสูรระดับราชา ใครจะกล้ามั่นใจได้ว่าเขาจะไม่โดนอาจารย์ของเขาฉกฉิง

“เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ ดีแล้ว เจ้าเก็บไว้นั่นแหล่ะดีแล้ว”

เฉินเฉียงเมื่อเห็นท่าทางของฮู่ต้าไฮ่ก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ ดูๆไปแล้วเขารู้สึกว่าอาจารย์ของเขาไม่มีแผนที่จะฉิงแก่นโลหิตไปจากเขา แถมเขายังเอาหลังไปพิงประตูพลางทำท่าโล่งใจเสียอย่างนั้น

ในที่สุฮู่ต้าไฮ่ก็ดึงให้เฉินเฉียงนั่งลงกับพื้นและพูดออกมาอย่างจริงจัง “เฉินเฉียง ในตอนนี้เจ้าได้สร้างเกียรติยศครั้งใหญ่ให้กับพวกเรา แถมรางวัลที่เจ้าได้นั้นแม้แต่อาจารย์บางคนก็ยังอิจฉา เจ้าต้องระวังตัวเองในอนาคตล่ะ”

“คงไม่มั้งครับท่านอาจารย์ มัน…ก็แค่แก่นโลหิตกับแต้มคะแนนเองนะ”

เฉินเฉียงแม้จะใจเต้นแรงและไม่กล้าที่จะถาม แต่เขาก็ยังฝืนใจถามออกมา

“ไม่อย่างนั้นรึ อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้ว่าแก่นโลหิตสัตว์ประหลาดในมือเจ้าล้ำค่าขนาดไหน” ฮู่ต้าไฮ่พูดออกมาอย่างโกรธเคือง “หากว่ามันไม่สำคัญแล้วข้าจะลากเจ้ามาที่นี่ทำเผือกอะไรกัน”

“ให้ข้าบอกเจ้าตรงๆนะ เฉินเฉียง หากว่าข้าไม่ใช่อาจารย์ของเจ้า ข้าต้องหาทุกวิถีทางในการครอบครองแก่นโลหิตที่เจ้าได้รับมา”

“หากว่าข้านั้นได้ดูดซับแก่นโลหิตนี้เข้าไป แม้แต่ข้า….อาจารย์ของเจ้าคนนี้ ก็อาจไปได้ถึงระดับราชาเช่นเดียวกัน”

“พอฟังอย่างนี้แล้วเจ้ายังคิดว่าแก่นโลหิตที่จะถืออยู่นั่นเป็นแค่นั้นอีกรึเปล่าล่ะ”

ในฐานะที่อยู่มีการบ่มเพาะอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงแล้ว ร่างกายของฮู่ต้าไฮ่นั้นได้เปิดจุดชีพจรลับไปแล้วมากกว่าสามสิบสี่จุด เหลืออีกแค่สองจุดเท่านี้เขาก็จะเปิดได้ทั้งหมด เมื่อถึงเวลานั้นเขาเองก็จะก้าวสู่ระดับราชาได้เช่นเดียวกัน

แต่กับอีกสองจุดที่เหลือนี้ เขาใช้เวลามากว่าห้าปีแล้ว แต่จุดชีพจรลับทั้งสองยังนิ่งสนิทไม่มีท่าทีว่าจะโดนกะเทาะได้ หากเขาได้แก่นโลหิตสัตว์ประหลาดระดับราชานี้มาล่ะก็ จุดชีพจรลับทั้งสองจุดจะเปิดออกอย่างรวดเร็ว นี่จะไม่ทำให้เขาต้องหวั่นไหวได้ยังไง

แต่เมื่อฮู่ต้าไฮ่ได้เห็นศิษย์ของตนทำท่าราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง เขาก็ได้พูดออกมา “เฉินเฉียง เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมผอ.ถึงได้จัดงานประชุมในวันนี้ขึ้นมา”

เฉินเฉียงได้ส่ายหน้าในทันที

“ในข้อแรกนั้น แน่นอนว่าเขาเองต้องการใช้เรื่องการประลองเพื่อกระตุ้นศิษย์สำนักให้ตั้งใจบ่มเพาะ แต่เพียงเท่านั้นไม่จำเป็นต้องลั่นระฆังสำนักและเรียกประชุมแต่อย่างใด”

“แต่เป็นเพราะเจ้าต่างหากที่ทำให้ผอ.ต้องทำแบบนั้น”

“แต่…การที่จะให้รางวัลนักเรียนนั้น บอกตามตรงว่าแค่มอบมันผ่านอาจารย์หรือหอภารกิจ แค่นั้นก็เพียงพอ”

“แต่เขากลับประกาศเรื่องนี้ให้กับทุกคนได้รับรู้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไม”

“เอ่อออ ผอ….น่า….น่าจะต้องการให้ข้าเป็นแบบอย่างกับทุกคน…ครับ”

เหตุผลของเฉินเฉียงที่กล่าวออกมานั้น แม้แต่เขาก็ยังไม่เชื่อเลยสักนิด แต่เขานึกอะไรไม่ออกแล้วจริงๆจึงได้หน้าหนาพูดออกมา

“ไอ้ฉิบหาย”

ฮู่ต้าไฮ่ถึงกับสบถออกมาในทันทีที่ได้ยิน ก่อนที่เขาจะชี้นิ้วไปที่ไปยังเฉินเฉียงและพูดออกมา
“ผอ.นั้นเข้าใจดีว่าแก่นโลหิตสัตว์ประหลาดระดับราชานั้นมีค่ามากแค่ไหน และมันย่อมต้องล่อลวงผู้คนทั้งหลายให้อิจฉาเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่การที่เขายังทำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคนนั้นเป็นเพราะ….. เขาต้องการใช้ความอิจฉาเหล่านั้นกระตุ้นให้ทุกคนแย่งสมบัตินั่นไปจากมือเจ้า”

เมื่อได้ยินความเห็นของฮู่ต้าไฮ่แล้ว เขานั้นได้นึกถึงเหตุการณ์ที่หอประชุมอีกครั้ง และนี่ทำให้เขารู้สึกได้ในทันทีว่าคำพูดของอาจารย์ของเขานั้นมีเหตุผลอย่างที่สุดจนหาอะไรมาโต้แย้งมิได้

“ข้าไม่คิดว่าผอ.จะคิดร้ายกับข้า”

เฉินเฉียงที่โกรธจนกัดฟันแน่นและพูดออกมา แต่เขานั้นกลับไม่คิดว่าจะโดนฮู่ต้าไฮ่ตวาดกลับ

“ไอ้เด็กนี่ นี่แกเห่าอะไรออกมาเนี่ย”

เฉินเฉียงที่ได้ยินถึงกับสับสนอย่างหนัก เขาจึงได้ถามออกมา “อ้าว ท่านอาจารย์ นี่ข้าเข้าใจผิดเหรอครับ ก็…ผอ.ที่ทำแบบนั้นทั้งๆที่จะมอบมันให้ข้าในที่ลับก็ได้ หากไม่ใช่คิดร้ายแล้วจะเป็นสิ่งใดกัน”

ฮู่ต้าไฮ่ที่ได้ยินก็ถึงกับพ่นลมหายใจใส่หน้าเฉินเฉียง “เฮ้ออออออออออ เฉินเฉียง เจ้ายังคงเข้าใจเจตนาของผอ.ผิดไป”

“ก็จริงที่ข้าบอกว่าผอ.ใช้สมบัติที่เจ้าได้มานั้นล่อลวงผู้คนให้มาฉกชิง แต่ในขณะเดียวกัน เขานั้นต้องการใช้คนเหล่านั้น ในการขัดกลัดฝีมือของเจ้า”

“และเหตุที่เป็นแบบนี้นั้น ข้าเข้าใจว่าผอ.เองก็ต้องการให้เจ้านั้นร่วมประลองในงานประลองสี่สำนักในอีกหนึ่งปีครึ่งข้างหน้า”

“แต่ด้วยการบ่มเพาะของเจ้านั้นมันช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ต่อให้เจ้าไปก็คงจะจมจ่อมอยู่แค่ก้นตาราง”

“ข้าคิดว่าผอ.นั้นต้องการใช้ความใจกล้าหน้าด้านของเจ้าที่กล้าเผชิญหน้าต่อทุกสิ่งของเจ้าในการฝึกฝนและขัดเกลาฝีมือ และทำให้เจ้านั้นพร้อมที่จะเผชิญหน้าในทุกสถานการณ์”

“และด้วยเหตุนี้ เฉินเฉียง นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องคิดแต่การฝึกฝนอย่างเดียวเท่านั้น”

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset