ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 7: ความจุพลังเวทย์นั้น ฉันงง แถม สอบนั้น ฉันตาย

                “อะ..อืม…”

                ผมตื่นขึ้นมาจากความฝันที่ต้องไปเจอยูกิ ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนล่ะเนี่ย

                “มากิ! ลูกตื่นแล้วเหรอ”

                มากิ?…ใครอีกล่ะเนี่ย มีใครมาเยี่ยมผมหรือยังไง

                “มากิลูก เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

                สงสัยว่าผมจะทำหน้าสงสัยออกมาชัดเจนสุดๆเลยแฮะ

                “คือ…หนูก็แค่สงสัยว่ามากิคือใครน่ะค่ะ”

                “อ๋อ เรื่องนี้ไม่เคยบอกลูกใช่ไหมล่ะ จริงๆแล้ว ลูกมีชื่อเล่นคือ มากิ ยังไงล่ะ”

                อะไรกันตั้งแต่เกิดมาจนตอนนี้สี่ขวบก็ไม่เคยเรียกด้วยชื่อนี้เลยนี่นา

                “ตั้งแต่หนูจำความได้ ก็ไม่เคยมีใครเรียกหนูด้วยชื่อนั้นเลยนี่คะ”

                “จริงๆแล้ว แม่เรียกลูกด้วยชื่อนั้นตั้งแต่หนูเกิดนั่นแหละ แต่แม่เรียกด้วยชื่อนั้นไป ลูกก็ไม่ร้องสักที พอแม่เรียกด้วยชื่อ มาฮิโระ ลูกถึงได้หันมามองหน้าแม่ แม่ก็เลยเรียกลูกว่ามาฮิโระมาตลอด เพราะแม่คิดว่าลูกอาจจะไม่ชอบชื่อนี้ก็ได้น่ะ”

                จะว่ายังไงดี คือถ้าเกิดถามว่าชอบไหม…ก็ชอบนะ แต่ว่า ผมก็ยังมีความเป็นชายเหลืออยู่นะ แถมชื่อนี่หญิงเสียเหลือเกิน

                “หนูก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอกนะคะ น่ารักดีออกจะตายไป”

                ผมพูดเสร็จก็ยิ้มแหยออกมา

                “ถ้าลูกชอบแม่ก็ดีใจนะ”

                แม่พูดเสร็จ ก็ลูบหัวของผมเบาๆ

                “อ่า…ค่ะ”

                ผมตอบคุณแม่เสร็จ ก็ลุกขึ้นมาเพื่อจะหยิบแก้วน้ำมาดื่ม

                “แม่ว่าลูกอย่าเพิ่งขยับดีกว่านะ”

                แม่พูดเสร็จก็หยิบน้ำมาให้ผมดื่ม

                “อ๊ะ ขอบคุณค่ะ อึก..อึก…ทำไมเหรอคะ”

                ผมที่ดื่มน้ำเสร็จก็ถามแม่ออกไปด้วยความสงสัย

                “…”

                ผมรู้สึกเหมือนอะไรกำลังส่ายไปมาอยู่

                หางของผมนี่หว่า! หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า… ออกมาครบเลย!

                “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ”

                จำได้ว่าก็ผนึกไปแล้วนี่นา แล้วทำไมจู่ๆก็ออกมาได้ล่ะเนี่ย

                “ก็ตามปกติแล้ว พวกเราที่เป็นจิ้งจอกน่ะ เวลาผนึกพลังเอาไว้ จะทำให้หางหายไป แต่ถ้าเกิดใช้พลังเวทย์จนหมดในขณะที่ผนึกพลังเอาไว้ ก็จะปลดผนึกทันที เพื่อป้องกันอันตราย อะไรทำนองนี้แหละ”

                ไม่ค่อยเข้าใจแฮะ คือต่อให้เป็นแบบนั้นยังไงพลังเวทย์ก็หมดอยู่ดี ไม่เห็นจำเป็นต้องกลับร่างที่ปลดผนึกเสียหน่อย แถมยังทำให้ความแตกเรื่องเก้าหางอีกต่างหาก

                “แม่คะ ถ้าพลังเวทย์หมดไปแล้ว ต่อให้ปลดผนึกมันก็น่าจะหมดเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอคะ”

                “เป็นคำถามที่ดีนะ คือมันเป็นอย่างนี้นะ ถ้าแม่ใช้พลังเวทย์จนหมด หรือใช้ความจุพลังเวทย์หมด แม่ก็จะกลับร่างเจ็ดหางทันที เพราะร่างเจ็ดหางก็เป็นส่วนของเจ็ดหาง ถ้าเราไม่สามารถคงสภาพผนึกได้ก็จะกลายเป็นเจ็ดหางเข้าใจไหม”

                แม่พูดเหมือนครูวิทยาศาสตร์ในห้องเลยครับ พูดสิ่งที่ไม่เข้าใจให้ไม่เข้าใจกว่าเดิมเนี่ย

                “ถ้าตามที่หนูเข้าใจก็คือ เหมือนกับเรามีสองร่างก็คือ ร่างปกติ กับร่างที่ผนึกเอาไว้ ถ้าเราอยู่ในร่างผนึกแล้ว พลังเวทย์หมด ก็จะกลับร่างปกติ แล้วเพดานพลังเวทย์ก็จะกลับมาเป็นปกติ แถมยังเต็มด้วยใช่ไหมคะ”

                คิดง่ายๆก็คือ ร่างผนึก มีพลังเวทย์สักร้อย กับร่างปกติ มีพลังเวทย์สักร้อยห้าสิบ แล้วถ้าเกิดตอนนั้น ผมอยู่ในร่างผนึก พลังเวทย์มีหนึ่งร้อย แล้วก็ใช้หมดเกลี้ยง หรือก็คือเหลือศูนย์ ผมก็จะกลับร่างปกติทันที หรือก็คือร่างที่ผมมีหาง ซึ่ง! พลังเวทย์ของผมก็จะกลับมาเต็มอีกครั้ง และจากเดิมที่เพดานพลังเวทย์หนึ่งร้อยในร่างผนึก ก็จะกลายเป็นร้อยห้าสิบ เพราะกลับไปร่างปกติ

                อันนั้นคือแค่เรื่องพลังเวทย์นะ พลังกายก็อีกประเด็น แต่ก็น่าจะคล้ายๆกันแหละ

                “ใช่แล้วล่ะ ลูกนี่เก่งจังเลยนะ กว่าแม่จะเข้าใจเรื่องนี้ก็หลายปีเลยล่ะ”

                ก็สมควรล่ะนะ…ผมฟังแล้วยังงงเลย ดีนะที่ผมอ่านหนังสือมาเยอะพอสมควร เพราะหนังสือเองก็อธิบายอะไรงงๆอีกเยอะ

                จะว่าไป ความจุพลังเวทย์คืออะไร สงสัยก็ถามเลยแล้วกัน

                “ว่าแต่แม่คะ ความจุพลังเวทย์คืออะไรเหรอคะ”

                “ก็พลังเฮือกสุดท้าย อะไรประมาณนั้นแหละ”

                “แค่นั้น…เหรอคะ”

                หรือว่าจริงๆแล้วแม่ผมจะเป็นคนเขียนหนังสือในบ้านกัน…?

                “ก็นะ…อาจจะดูกวนๆไปบ้าง แต่มันจะออกมาในรูปแบบนี้ล่ะ ถ้าเกิดลูกอยากจะทำอะไรมากๆ มันก็จะใช้ได้เป็นกรณีพิเศษล่ะ เหมือนกับที่ลูกใช้เวทย์สู้กับคุณยูริจนหมด แต่สุดท้ายก็ใช้เวทย์เสริมกำลัง แล้วพุ่งไปกระทุ้งลิ้นปี่คุณยูริยังไงละ”

                ความจริงแล้วผมใช้ผ่าพระจันทร์ใส่ต่างหากล่ะครับ ขอโทษคุณยูริด้วยนะครับ จากใจเลย

                

 

 

                “ถ้าเกิดใช้โซล ครัช จะเกิดอะไรขึ้น?”

                “ผู้ที่โดนเข้าไปจะอัมพาตทางจิตใจเป็นเวลา หนึ่งนาทีค่ะ หรือแล้วแต่พลังเวทย์ที่ใส่ไป”

                “ถ้าจะทำให้กลับเป็นปกติล่ะ?”

                “ใช้ โซล อเวค ค่ะ”

                “อืม สอบผ่านนะ”

                “โล่งอกเลยค่ะ”

                วันนี้ผมกับคุณยูริมีการสอบ ซึ่งแน่นอนว่า ผมสอบผ่าน จริงๆ การสอบนี้ค่อนข้างยาก เพราะว่ามันเป็นการถามตอบแบบปากเปล่าทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดนั้นถามว่า ใช้เวทย์อะไร แล้วผลจะออกมาเป็นอะไร คือมันเยอะน่ะ แถมเวทย์บางส่วนผมเองก็ไม่เคยใช้ แต่ก็โดนถาม แต่ก็นั่นแหละ ผ่านแล้ว เย่!

 

                “เดี่ยวก็จะวันเกิดของเธอแล้วใช่ไหม มาฮิโระจัง”

                ผมที่กำลังฉลองความสำเร็จในใจก็ต้องหยุดฉลองทันที

                “เอ๋? วันเกิด..เหรอคะ หนูยังจำไม่ได้เลยค่ะคุณยูริ”

                ผมไม่รู้จริงๆนะ เพราะไม่เคยฉลอง แต่ก็พอเดาๆจากสภาพร่างกายของตัวเอง

                “อืม…นั้นสินะ หลังจากวันเกิดอายุห้าปีของเธอชั้นก็จะไปแล้วล่ะ”

                คุณยูริพูดไปจัดของไป

                “เอ๋! จะไปไหนหรอคะ?”

                ผมถามด้วยความตกใจ

                “ชั้นก็จะไปหาประสบการณ์เพิ่มน่ะ”

                “ไม่เห็นต้องไปเลยนี่คะ หนูว่าน่าจะเหลืออะไรให้เรียนอีกเยอะนี่คะ”

                ผมยังรู้สึกเหมือนตัวเองเรียนไปนิดเดียวเองนะเนี่ย

                “ชั้นจะสอนหมดแล้วล่ะ การสอบก็คือการลองสู้กับชั้นนะ ครั้งนี้ห้ามใช้การโจมตีทางกายภาพทั้งหมด”

                “อย่างงั้น..หรอคะ?”

                “เข้าใจแล้วใช่ไหม เธอไปเรียนดาบกับคุณคุโระต่อเถอะ ชั้นขอพักก่อนนะ ไม่ไหวแล้ว อะเฮื้อ”

                แล้วคุณยูริก็สลบไป เพราะเหมือนว่าจะไม่ถูกกับแสงแดดนี่นะ

                “เข้าใจแล้วค่ะ”

                เฮ้อ คุณยูริจะไปหลังวันเกิดอย่างนั้นหรอ จะว่าไปการที่จะจัดงานวันเกิด จะมีทุกๆห้าปี ก็ ห้า สิบ สิบห้า แค่นั้นแหละ ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว อันนี้ผมมารู้ทีหลังน่ะ ถ้าอายุสิบห้าเมื่อไรก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ แต่ว่า…นี่มันอะไรกัน เหมือนรูดี้คุงอีกแล้วเรอะ! ให้ตายเถอะ ยัยยูกิพาผมมาโลกไหนกันแน่เนี่ย

                แต่พอคิดแบบนี้แล้ว รู้สึกเหมือนตัวเองจะแก่มากๆตอนที่เพิ่งเป็นผู้ใหญ่เลยแฮะ

                แต่ถ้าคุณยูริจะไปแล้ว ผมก็คงต้องเข้าโหมดหนอนหนังสืออีกสินะ เพราะผมคงไม่มีอะไรทำ

                ไม่ได้สิ ตอนนี้ผมต้องฝึกการใช้เวทย์มนต์ในการต่อสู้ก่อน…ต้องฝึกกับใครล่ะ คุณคุโระก็ไม่ไหว คุณชิโระเหรอ อืม…ก็ไม่ได้ งั้นใครล่ะทีนี้

 

                “มากิ มาหาแม่หน่อยสิลูก”

                อืมคุณแม่เรียกแล้วสิ อ๊ะ ใช่สิคุณแม่ไงล่ะๆ

                “ค่า!”

                “มากิ แม่ว่าจะไปซื้อของล่ะ ลูกอยากได้อะไรไหมจ๊ะ”

                เอาอะไรดีล่ะเนี่ย…เอาเป็นหนังสือเวทย์มนต์ก็แล้วกัน

                “เอาหนังสือเวทย์แล้วกันค่ะ จะได้ทบทวนอะไรด้วย”

                “ได้เลยจ้า ถ้าอย่างนั้นแม่ไปก่อนนะ”

                แม่หันหลังกลับพร้อมกับเปิดประตู อ๊ะเดี๋ยวสิ เราต้องขอให้แม่ช่วยฝึกให้นี่นา

                “อ๊ะ เกือบลืม แม่คะ กลับมาช่วยซ้อมการประลองเวทย์กับหนูได้ไหมคะ เดี่ยวต้องสอบกับคุณยูริน่ะค่ะ”

                “ได้สิจ๊ะ เดี่ยวแม่จะฝึกลูกจนเป็นสุดยอดจอมเวทย์เลยล่ะ ฮึๆ”

                แม่พูดเสร็จก็ทำหน้าแบบสาวยันเดเระออกมา จริงๆมันก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่น่ากลัวอะ

                ถ้าแม่จะทำหน้าตาหน้ากลัวขนาดนี้ ผมคิดถูกรึเปล่าเนี่ย

                เป็นไงเป็นกัน

                “ขะ..ขอบคุณค่ะแม่”

 

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset