ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 8: ประลองกับคุณยูริ ก็เลยเล่นคุณยูริ

                ณ สวนหลังบ้านในตอนบ่ายของวันหนึ่ง

                

                บึ้ม!..อีกแล้ว

                

                “แฮกๆ แม่คะ นี่คือการ…แฮก…ฝึก…หรือจะฆ่า…หนูเนี่ย แฮกๆ อะเฮื้อ”

                ผมในตอนนี้กำลังฝึกการต่อสู้กับแม่อยู่ และผมก็โดนแม่ฝึกโหดจนใกล้จะสลบแล้ว

                “อ้าวเฮ้ยลูก! อย่าเพิ่งตาย! มาฝึกก่อน!”

                แม่ตะโกนให้ผมกลับไปฝึกโดยที่ตอนนี้ผมกำลังนอนแผ่อยู่กับพื้นหญ้า พอกันที! ผมขอสลบดีกว่า!

                “แอ่ก!!”

                

                “มากิ!! ไม่ไหวแฮะ ไม่ไหวๆ”

                “เฮ้อ…จิฮะ ผมว่าคุณฝึกลูกหนักไปแล้วนะ”

                อิกนัสเดินมาบ่นจิฮิโระพร้อมเกาหัว

                “แหม อิกนัส ถ้าเราไม่รีบฝึกลูกตอนนี้ เราอาจจะดึงเอาพรสวรรค์ของลูกมาใช้ได้ไม่หมดนะ”

                จิฮิโระที่เห็นอิกนัสเดินเข้ามาก็เดินเข้าไปหา

                “ถ้าคุณฝึกลูกแบบนี้ทุกวัน มีหวังลูกได้ตายก่อนจะได้มีเพื่อนแน่ๆ”

                อิกนัสที่เห็นภรรยาของตัวเองไม่ฟังก็บ่นออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยใจ

                “ค่าๆ คุณสามี ชั้นก็แค่อยากให้ลูกสอบผ่านในวันเกิดน่ะ อีกอย่างจะได้เอาไว้ป้องกันตัวจากผู้ชายที่ไม่ดีด้วยยังไงล่ะ”

                จิฮิโระพูดออกมาพร้อมทำท่าชูสองนิ้วด้วยความภูมิใจ

                “อะแฮ่ม ไม่ต้องห่วงเรื่องผู้ชายที่ไม่ดีเลย ผู้ชายที่ไหนเข้าใกล้ผมฆ่าทิ้งหมดแน่ ว่าแต่เรื่องสอบ…สอบอะไร”

                อิกนัสพูดพร้อมแผ่รังสีอัมหิต

                “ก็มากิต้องสอบด้วยการประลองโดยไม่ใช้เวทย์มนต์กับยูริจังไง ลูกกับยูริจังไม่ได้บอกเหรอ”

                “ก็ถ้าบอกผมจะถามเหรอ”

                อิกนัสตอบจิฮิโระด้วยท่าทีกวนประสาท

                “โห…เดี๋ยวนี้ปากกล้าขึ้นนะคะเนี่ย…เฮ้อ…สงสัยจะต้องให้นอนนอกบ้านไม่ก็ไล่ให้ไปอยู่บ้านคุณคาลเขาสินะคะเนี่ย…แน่นอนว่าจะบอกคุณเอลลี่ไม่ให้ลูกชายเอาอาหารไปส่งด้วย…”

                จิฮิโระพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาด้วยใบหน้ายิ้มเย็นๆ

                “ครับ ขอโทษครับคุณภรรยาสุดที่รัก สามีผู้นอบน้อบคนนี้ต้องขอโทษด้วยที่พูดจากวนประสาทออกไปแบบนั้น โปรดอย่าไล่ผมออกจากบ้านเลยครับ”

                อิกนัสคุกเข่าลงกับพื้นตามฉบับบพ่อบ้านใจกล้าแล้วกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงจริงจัง

                “ช่างมันเถอะค่ะ พามากิไปนอนพักก่อนเถอะ ตอนนี้ชั้นร่ายเวทย์รักษาเอาไว้แล้ว แต่ก็คงกำลังล้าอยู่นั่นแหละ”

                จิฮิโระยิ้มให้อิกนัสหนึ่งทีแล้วก็เดินบ้านไป

                “สงสัยคืนนี้ต้องทำการบ้านให้หนักๆเลยสิเนี่ย”

                อิกนัสพูดด้วยน้ำเสียงแค้นใจ แต่ทันใดนั้นจิฮิโระก็ขะโงกหัวออกมาทางหน้าต่าง

                “แน่นอนว่า คืนนี้ก็งดส่งการบ้านจ้ะ ลูกโตแล้ว”

                “ครับ…”

 

 

                “อืม…ที่นี่ที่ไหนอีกล่ะเนี่ย”

                ผมตื่นขึ้นมาจากการสลบก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่สนามหญ้าหลังบ้าน ผมกำลังทำสถิติในเรื่องของการสลบแข่งกับซาเรียอยู่หรือยังไงเนี่ย

                “ก็ห้องนอนของลูกนั่นแหละมากิ”

                แม่พูดตอบผมมา ตกใจนะเนี่ย นึกว่าไม่มีใครอยู่ในห้องซะอีก

                “หนูสลบไปอีกแล้วเหรอคะ”

                ผมจ้องหน้าแม่พร้อมทำแก้มป่อง

                “อะฮะอะฮะ…คือแม่คงจะฝึกลูกหนักไปหน่อย ฮะๆๆ”

                แม่พูดพร้อมเกาแก้ม

                “ค่าๆ ตอนนี้หนูรู้สึกเป็นจอมสลบเลยค่า”

                ผมขาวเหมือนกัน ตาสีเดียวกัน มีแค่เผ่ากับชื่อเลยล่ะที่ไม่เหมือน

                ไม่เป็นไรตอนเด็กผมน่ารักกว่า และเชื่อว่าตอนโตผมก็จะสวยกว่า ล้อเล่นนะคะคุณซาเรีย

                “ถ้าอย่างนั้นจะให้แม่ทำอะไรให้เป็นพิเศษไหมล่ะ”

                แม่พูดพร้อมกับทำสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย

                ตอนนี้ผมก็เริ่มรู้สึกผิดตามแล้วสิ แต่ช่างมันเถอะ

                “ถ้าอย่างนั้นขอสมุดหน่อยได้ไหมคะ จะได้เอาไว้จดอะไรต่างๆ”

                “จ้าๆ เอ้านี่”

                แม่พูดเสร็จก็ไปเดินไปหยิบสมุดเล่มหนาให้ผม

                “ขอบคุณค่ะ”

                “ถ้าอย่างนั้นหายเหนื่อยแล้วก็บอกแม่นะ ค่อยซ้อมกันต่อ”

                แม่พูดเสร็จก็ออกจากห้องไป

                ความจริงผมก็ไม่ได้จะเอามาจดอะไรหรอก แต่พอดีเคยอ่านนิยายเรื่องหนึ่ง มันมีแนวคิดเรื่องยันต์ ผมก็เลยลองอยากจะลองดู

                แต่ไม่ได้เหมือนยันต์ของไทยที่เอาไว้ใช้ไล่ผีหรอกนะ แต่เหมือนว่าพอมาอยู่โลกนี้แล้ว ยันต์พวกนั้นท่าทางจะใช้ได้จริงนะ ไม่รู้สิ ผมคิดว่านะ

                กลับมาที่เรื่องยันต์ของผมดีกว่า หลังจากที่แม่ออกไปเมื่อกี้ผมก็ลองวาดดู จริงๆคือพยายามวาดวงเวทย์น่ะ แต่มันดูเหมือนจะใช้งานไม่ได้ถ้าหากไม่ถูกป้อนพลังเวทย์เอาไว้ แถมถึงจะขึ้นว่าทำงานแล้ว ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เลยแฮะ เพราะมันทำอะไรไม่ได้เลย ไม่สิ ดูเหมือนมันกำลังสั่นอยู่ละ แต่ก็นั่นแหละ แค่สั่นเท่านั้น

                ช่างมันดีกว่าเอาไว้ ผมค่อยไปลองอะไรต่อทีหลัง ตอนนี้ผมขอนอนอู้น่าจะดีกว่า ไหนๆแม่ก็ให้พักแล้วล่ะนะ

 

                

                วันนี้เป็นวันเกิดของผมล่ะ เย่! หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมแค่ดีใจเฉยๆ คือยังไงดี ทุกคนในบ้านเขาไม่ได้แอบจัดงานให้น่ะ แต่เขาจัดให้เห็นเลย ไม่มีการเซอร์ไพรส์อะไรทั้งนั้น แต่ผมก็ดีใจล่ะนะ

                พอเริ่มงานวันเกิดของผม ก็มีการจัดงานเลี้ยง แน่นอนว่ามีแค่คนที่ผมรู้จักเท่านั้น พ่อแม่ คุณชิโระ คุณคุโระ แล้วก็คุณยูริ อาหารในงานวันเกิดไม่ได้มีเค้กเหมือนกับในชาติก่อน ถ้าให้พูดก็คือ มีแต่อาหารที่กินทั่วไป แต่มีปริมาณที่มากขึ้น และมีอาหารที่ไม่ได้กินบ่อยๆอยู่ด้วย ถึงแม่น้ำจะอยู่ตรงกลางเมืองก็เถอะ แต่ปริมาณที่จับปลาได้นั้นค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับกุ้ง แต่เพราะอย่างนี้ผมก็เลยได้กินกุ้งบ่อยๆล่ะนะ ผมไม่รู้ชื่อพันธุ์ของมันนะ แต่ก็มีหลายแบบล่ะ

                “เอาล่ะ วันนี้คือวันเกิดของ มาฮิโระ อิจิฮานะ หรือมากิจังของพวกเรานั่นเอง!”

                คุณพ่อพูดเปิดงานด้วยความตื่นเต้น ท่าทางจะตื่นเต้นมากๆเลย มือหงิกหมดแล้ว!

                “ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเริ่มการอวยพรกันเลยดีกว่า เริ่มจากพ่อก็แล้วกันนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

                คุณพ่อหัวเราะเสียงดังจากนั้นก็กระแอมหนึ่งทีแล้วพูดต่อ

                “อะแฮ่ม พ่อขอให้ลูกโตขึ้นมาแข็งแรงปลอดภัย ไม่เจอผู้ชายแย่ๆในอนาคตนะ”

                นี่คุณพ่อคิดว่า ‘ผม’ เนี่ย จะได้แฟนเป็นผู้ชายหรือยังไง

                “ต่อไปก็แม่นะจ๊ะ นั่นสินะ…แม่ขอให้ลูกเนี่ย เป็นมีความสุขมากๆ ไม่มีเรื่องทุกข์ใจอะไร และก็ขอให้ได้แฟนหล่อๆนะจ๊ะ”

                คุณแม่! ผมเพิ่งห้าขวบ! อีกอย่างนะ ทำไมต้องอวยพรเรื่องผู้ชายให้ผมด้วยเนี่ย!

                “ต่อไปก็ชั้นนะ ชั้นขอให้เธอ เก่งในสิ่งที่ชอบยิ่งขึ้นไปยิ่งขึ้นไปนะ ส่วนเรื่องผู้ชายเนี่ย ชั่นมั่นใจว่าไม่มีใครไม่แอบหวั่นไหวให้เธอแน่นอน”

                คุณยูริก็เอากับเขาด้วยเหรอ! นี่ผมต้องหัวเราะแห้งรับคำอวยพรถึงสามครั้งแล้วนะ!

                “ต่อไปเป็นชิโระนะคะคุณหนู! ชิโระขอให้คุณหนูเนี่ย โตไปเป็นสาวหวานแต่ก็สวยเซ็กซี่ และขอให้เจอกับความรักที่ดีในเร็วๆนี้นะคะ จะได้ไม่ต้องโดนเหมือนนายท่าน หุหุ”

                คุณชิโระอวยพรผมเสร็จก็แอบชำเลืองคุณพ่อ คุณพ่อที่ได้ยินก็เอามือกุมขมับพร้อมถอนหายใจ แต่แม่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ

                “ต่อไปเป็นผมนะครับคุณหนู ก็ขอให้ เลิกอ่านหนังสือในมืดนานๆนะครับ เดี๋ยวได้สายตาสั้นจริงๆกันพอดี”

                ผมรู้สึกหงุดหงิดกับการที่คุณคุโระพูดถึงเรื่องสายตาสั้นแฮะ

                ไม่สิ ผมหงุดหงิดจริงๆเลยล่ะ

                “ไม่สั้นหรอกค่ะ!”

                ผมพูดตอบคุณคุโระไป แต่คุณคุโระก็ยืนกลั้นขำ

                ตลกตรงไหนกันเนี่ย

                “เอาล่ะๆ ต่อไปจะเป็นการมอบของขวัญวันเกิดนะ เริ่มจากพ่อก่อนนะ”

                แล้วพ่อก็ยื่นดาบเรเปียร์มาให้ผม จะว่ายังไงดี น้ำหนักมันค่อยข้างจะหนักนิดนึงล่ะ แถมพอวางตั้งกับพื้นแล้วมันสูงเท่าผมเลยล่ะ

                “ว่าแต่ทำไมถึงให้เรปียร์แทนที่จะเป็นดาบสองคมเหรอคะพ่อ”

                “ผู้หญิงน่ะ อย่าใช้ของหนักเลย เรเปียร์ก็พอแล้ว”

                เหมือนโดนตอกย้ำเรื่องเพศหญิงเลยแฮะ

                “อีกอย่างนะลูก ผู้ชายที่ชอบผู้หญิงใช้ดาบเรเปียร์มีอยู่เยอะเลยล่ะ”

                แม่ก้มตัวลงกระซิบข้างหูผม

                จะบอกผมทำไม! ม่ายย!

                “เอ้านี่ แม่เย็บชุดให้ลูก มันเป็นอาภรณ์เวทย์มนต์น่ะ เดี๋ยวก็เอาไปใช้เลยนะ”

                หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักอาภรณ์เวทย์มนต์ อาภรเวทย์มนต์ก็คือชุดนั่นแหละ แต่มันจะทนต่อการโจมตีทางกายภาพและเวทย์มนต์ได้มากกว่าชุดธรรมดาเยอะ ให้คิดภาพในอนิเมะนะว่าสู้กันไปตั้งเยอะชุดผู้หญิงชอบขาด ส่วนผู้ชายสะบักสะบอมเฉยๆ แต่ในที่นี้อาภรณ์เวทย์จะไม่ขาดง่ายๆ แล้วทีนี้เวลาต่อสู้ผมก็จะชุดไม่ขาดนั่นเอง แต่ถ้ามันคมมากๆชุดผมก็ขาดอยู่ล่ะ

                แต่ว่ามันซ่อมตัวเองได้ด้วย และยิ่งไปกว่านั้น คือมันไม่ต้องเอาไปซักเอง เพราะมันสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ แต่ถ้าเอาไปซักก็จะมีกลิ่น ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่เอาไปซักแน่ๆ ก็คือเป็นของดีเลยล่ะ

                “ต่อไปก็ตาชั้น…เอ้านี่ คทานี่ชั้นยังไม่ได้ลองใช้เลย ตอนประลองกับชั้นก็ลองเอาไปใช้ดูนะ”

                คุณยูริยื่นคทามาให้ผม ถ้าบอกว่าเป็นไม้เท้าจะดีกว่าหรือเปล่า ถ้าเรเปียร์เมื่อกี้สูงเท่าผม เจ้านี่ก็สูงกว่าผมอีกนะเนี่ย…

                โอ๊ะ ดูดีๆเหมือนคทานี่จะมาจากป่าไบฟรอสต์แฮะ คือมันเหมือนกับรั้วบ้านผมน่ะ

                พอผมเอาคทานี่ไปวางข้างๆกับเรเปียร์เมื่อกี้ผมก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

                นั่นก็คืออัญมณีที่ติดอยู่ตรงท้ายของด้ามจับของเรเปียร์และยอดของคทา ซึ่งก็คือโอปอล์นั่นเอง

                “พ่อคะ มีโอปอล์ติดตรงนี้ด้วย แสดงว่า…”

                “อ๋อ นั่นน่ะเหรอ ก็พ่อเห็นว่าลูกเก่งทั้งดาบและเวทย์มนต์ ก็เลยสั่งให้ช่างติดเอาไว้ให้ด้วยน่ะ”

                อัญมณีบางชนิดสามารถเพิ่มความรุนแรงได้ ยกตัวอย่างเช่นโอปอล์นี้สามารถเพิ่มความสามารถของเวทย์วิญญาณให้รุนแรงขึ้นได้ แหม สุดยอดไปเลย

                พอถึงตรงนี้ก็หมดช่วงเวลาการรับของขวัญแล้ว เพราะคุณชิโระและคุณคุโระไม่ต้องซื้อของขวัญมาให้น่ะ เหมือนจะมีธรรมเนียมว่าเมดกับพ่อบ้านจะไม่ต้องซื้อของให้ เพราะแค่การรับใช้ก็เพียงพอแล้ว

                “เอาล่ะ มาฮิโระจัง เรามาเริ่มกันเลยไหม”

                “ค่ะ”

                พูดเสร็จผมก็ไปเอาสมุดที่เขียนวงเวทย์ไปมั่วๆออกมา แต่แน่นอนว่าคราวนี้ผมรู้เรียบร้อยแล้วว่ามันใช้งานยังไง

                

 

 

                “เริ่มการประลองได้!”

                

                ผมถือคทายืนอยู่ตรงข้ามกับคุณยูริที่สวนหลังบ้าน ให้ตายสิ ผมอยากใช้ดาบมากกว่าคทานะ แต่ว่าเราจะประลองกันด้วยใช้แค่เวทย์มนต์เนี่ยสิ

                “ด้วยพลังแห่งธรรมชาติแด่เทพแห่งไฟ จงสถิตในมือข้า ไฟบอล!!”

                คุณยูริร่ายเวทย์ไฟบอลยิงมาทางผม ผมจึงฉีกหน้ากระดาษสมุดออกมาแล้วป้อนพลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้เกิดการทำงานของวงเวทย์แล้วโยนออกไปทางไฟบอลด้วยความรวมเร็ว

                ส่วนวิธีการใช้งานวงเวทย์นั่นก็คือการจินตนาการ ในที่นี้คือการแปลงเวทย์มนต์เป็นอะไรล่ะนะ โดยผมจินตนาการว่ามันคือบอลน้ำ มันกลายเป็นบอลน้ำทันทีที่พ้นจากผมไปในระยะยี่สิบเซนติเมตร

                ผมว่ามันมีประโยชน์นะกับการใช้วงเวทย์นี้ แต่พอเป็นผมใช้มันจึงไม่ค่อยมีอะไร แถมการใช้งานยังยากอีก แต่สิ่งที่มีประโยชน์ต่อผมก็คือมันลดการใช้พลังเวทย์ วงเวทย์นี้มันเหมือนอุปกรณ์เวทย์มนต์ประเภทใช้แล้วทิ้งล่ะนะ

                “อะไรกันน่ะ!”

                คุณยูริร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

                “มันคือสิ่งที่หนูคิดขึ้นมาเองค่ะ”

                เมื่อผมพูดจบผมก็ใช้เวทย์ Soul Stirke ออกไปทางคุณยูริถึงสามครั้งพร้อมกัน

                “แด่เทพเจ้าแห่งสายลมด้วยพลังแห่งธรรมชาติ จงป้องกันข้าจากอันตรายทั้งปวง กำแพงดิน!!”

                เวทย์มนต์ของผมโดนกำแพงดินของคุณยูริทั้งสามอัน จึงทำให้กำแพงดินนั้นแห้งเปราะโดยทันที คุณยูริใช้คทาทุบกำแพงนั้นออกมาแล้วร่ายเวทย์ Soul Destroyer ใส่ผมด้วยความรวดเร็ว ผมจึงร่ายเวทย์ Soul Barrier ออกมาเพื่อป้องกัน

                “ชิ!”

                คุณยูริเดาะลิ้นออกมาเสียงดังพร้อมทำหน้าเครียด

                “ถ้าใช้ร่างจริงได้ล่ะก็…”

                คุณยูริพึมพำอะไรบางอย่าง ผมที่เห็นคุณยูริไม่ได้สนใจผม ผมจึงร่ายเวทย์ไฟบอลไว้ห้าลูกแล้วค่อยๆปล่อยใส่คุณยูริทีละลูกเพราะผมยังไม่ค่อยชำนาญเรื่องการควบคุมเวทย์มนต์ทีละหลายๆอัน

                คุณยูริที่รู้ว่าผมควบคุมได้ไม่เต็มที่ก็วิ่งมาทางผมด้วยความรวดเร็ว เร็วกว่าคนทั่วไปเสียด้วยซ้ำ ผมปล่อยไฟบอลใส่ไปอีกลูกแต่คุณยูริหลบได้แล้วเข้าประชิดผมทันทีจนทำให้ผมเสียจังหวะ จนทำให้ไฟบอลอีกสองลูกของผมหายไป

                คุณยูริแสยะยิ้มแล้วร่ายเวทย์บอลไฟออกมา ทันใดนั้นคุณยูริก็ใช้มือชกไปที่ลูกไฟนั้น ทำให้ไฟติดที่มือของคุณยูริ และง้างหมัดจะต่อยใส่ผม การทำแบบนี้ไม่ผิดกฎแน่นอนเพราะว่ามันเป็นเวทย์มนต์ที่สถิตในมือ ไม่ใช่การโจมตีทางกายภาพจริงๆ เป็นเหมือนเวทย์มนต์ที่ล็อกเป้าไว้แล้วนั่นเอง

                ทันใดนั้นผมก็นึกถึงอนิเมะที่เคยดูในชาติก่อนเป็นพี่น้องซิสค่อนที่คนพี่มีพลังลบเวทย์ได้

                แน่นอนว่าผมเองก็จะใช้หลักการเดียวกัน แต่ชื่อนั้นไม่เหมือนกันหรอกนะ เพราะผมเคยลองวิธีนี้มาแล้ว

                “Spell Breaker!”

                ผมปล่อยพลังเวทย์บริสุทธิ์ของผมไปที่เวทย์ที่สถิตในมือของคุณยูริจนเวทย์นั่นระเบิดออกแล้วทำให้คุณยูริข้อมือหัก

                “กรี๊ด!”

                คุณยูริกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วคุกเข้าลงกับพื้น ผมจึงใช้โอกาสนี้เรียกไฟบอลออกมาไว้ในมือแล้วยื่นไปทางคุณยูริ

                “ผู้ชนะมาฮิโระ!”

                คุณแม่ประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น แต่ก็วิ่งมาร่ายเวทย์รักษาให้กับคุณยูริที่ข้อมือหัก

                “อึก!…ขอบคุณค่ะ”

                จริงๆแล้ว Spell Breaker จะไม่ทำให้ข้อมือคุณยูริหักเลย ถ้าเกิดเวทย์นั่นกำลังร่ายอยู่ หรือว่าออกมาแล้วล่ะนะ เพราะถ้ากำลังร่ายอยู่ วงเวทย์ก็จะแตกออก ถ้าออกมาแล้วก็จะสลายไป แต่เพราะว่าสถิตอยู่ จะทำให้ระเบิดออกมา คุณยูริก็เลยข้อมือหักล่ะ

                “ยินดีด้วยนะ มาฮิโระจัง ตอนนี้เธอเป็นจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะ”

                ผมที่ได้ยินคุณยูริพูดแบบนั้นก็ดีใจขึ้นมา แต่ว่าผมรู้สึกว่าชื่อมันแปลกๆนะ

                “ต้องเรียกว่า จอมเวทย์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่าคะ”

                “ก็ชั้นเห็นว่าเธอถนัดทุกธาตุน่ะ ให้ตายสิ ว่าจะสอนความน่ากลัวของอาจารย์ให้ดูสักหน่อย แต่แพ้ราบคราบเลย”

                คุณยูริพูดพร้อมยิ้มออกมาแต่ใบหน้าหมองลงเช่นกัน

                “ไม่หรอกค่ะ หนูเองก็ทำเต็มที่แล้วล่ะค่ะ จังหวะสุดท้ายเป็นการทดลองจริงครั้งแรกค่ะ เพราะไม่เคยใช้ในการสู้เลยสักครั้ง”

                “อย่างนั้นเหรอ เธอเนี่ยสุดยอดไปเลยนะมาฮิโระจัง ประสบความสำเร็จกับการทดลองจริงครั้งแรกเนี่ย”

                ผมยิ้มรับพร้อมเกาหัวแก้เขิน

                “ถ้าอย่างนั้น ชั้นขอวงเวทย์ที่เธอเขียนไว้หน่อยก็แล้วกัน จะได้เอาไปทดลองอะไรหลายๆอย่าง”

                “ได้ค่ะ จริงๆเรียกว่ายันต์ก็ได้นะคะ”

                ผมยื่นสมุดในมือให้คุณยูริ

                “ขอบใจนะ ถ้าอย่างนั้น ทุกคนก็ไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวชั้นจะต้องเดินทางพรุ่งนี้แล้ว”

                “อืม…อยู่ต่ออีกสักพักก็ได้นี่คะ อย่างน้อยก็ช่วยพามากิจังไปด้านนอกหน่อยนะ ยูริจัง”

                คุณแม่พูดบอกคุณยูริด้วยความคาดหวัง

                “อืม…ก็ได้ค่ะ แต่แค่พรุ่งนี้นะคะ พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว”

                “ดีมาก!”

                คุณแม่พูดพร้อมชูนิ้วโป้ง

                แต่ผมไม่อยากออกไปด้านนอกแฮะ ถึงผมอาจจะเพ้อฝันไปบ้างว่าอยากเป็นนักผจญภัย อยากเที่ยวในต่างโลก แต่ผมก็ยังกลัวข้างนอกอยู่น่ะ ผมกลัวว่าผมออกจากบ้านไปแล้ว ผมจะโดนเสาไฟทับตายหรือเปล่า

                “ถ้าอย่างนั้น…ขอตัว…ก่อน..นะคะ..คร่อก!”

                คุณยูริพูดเสร็จก็ล้มตัวลงไปนอนกับพื้น

                “คุณยูริเจ้าคะ! อย่าเพิ่งล้มเจ้าค่า!!”

 

 

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset