ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 1: ไปเกิดใหม่

                สวัสดีครับ ผมชื่อ เจ ธีรภัทร ผมเองก็เป็นโอตาคุคนธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่นชอบสาวแว่นเป็นชีวิตจิตใจ แต่ผมเป็นพวก นีท จำพวกเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง

เหตุผลที่ผมเป็นนีทน่ะเหรอ มันก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณสองปีก่อน

ในตอนนั้นผมอยู่ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่สาม ผมก็เป็นเด็กที่ค่อนข้างดีคนหนึ่งเลยนะ

                แต่เพราะว่าผมมักจะโดนเพื่อน ไม่สิ พวกอันธพาลในระดับชั้นเดียวกันหรือพวกนักเลงในห้องแกล้งอยู่เสมอ

                มันก็เป็นแผลใจสำหรับผมเลยล่ะ หนักขนาดไหนน่ะเหรอ ผมดรอปเรียนไปหนึ่งปีล่ะ 

                

                หลายๆคนอาจจะคิดว่า

                “แค่ถูกแกล้งมันจำเป็นต้องหยุดเรียนเลยเหรอวะ”

                อ่าว ก็คุณไม่ใช่ผมนี่นา ก็ไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไรหรอกนะ มันเป็นอะไรที่แย่สำหรับผมมากเลย เพราะฉะนั้นเราจะข้ามเรื่องแผลใจของผมไป

                

                แต่เห็นอย่างนี้ผมก็ฉลาดพอสมควรเลยนะ เพราะปัจจุบันนั้นผมสอบติด ม.4 สายวิทย์-คณิต ล่ะ ซึ่ง พ่อแม่ของผมท่านก็ดีใจมากเลย และ เร็วๆนี้ที่ห้างใกล้บ้านผมกำลังจะมีงานสาวแว่น เฟสติวัล อยู่ เป็นงานที่จะรวมเหล่าสาวแว่นสุดสวยคลอสเพลย์ เป็นตัวละครต่างๆ มีหรือผมจะพลาด ผมจึงทำการขอพ่อและแม่ว่า ผมจะมางานนี้นะ ถือเป็นการฉลองที่สอบติดนะ ตอนแรกพวกท่านก็ไม่ให้ผมมาหรอก เพราะกังวลเรื่องที่ผมสิงอยู่ในบ้านเป็นปี ร่างกายอาจจะไม่แข็งแรง หรือเรื่องที่ผมเป็นแผลใจ แต่ผมก็เลยบอกไปว่า นัดเพื่อนไว้แล้ว พวกท่านก็เลยยอมให้มาในที่สุด

 

                อย่าคิดว่าผมไม่มีเพื่อนสิ คนอย่างผมก็มีเพื่อนนะ ตั้งหนึ่งคนแหนะ

 

                ก็ด้วยความที่ว่าผมต้องออดอ้อนพวกท่านเป็นเวลานาน ผมก็เลยสาย รู้สึกว่างานเริ่มเวลา 11.45 น. นะ แล้วตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะเนี่ย

                11.30 น.

                “นี่มันจะถึงเวลาแล้วนี่หว่า!! บ้าเอ๊ยสายแล้ว!!”

                และในขณะที่ผมกำลังจะวิ่งออกไปนั้นก็มีเสียงของเด็กผู้หญิงร้องออกมา

                “กรี๊ด!!”

                ผมจึงรีบหันไปดู แล้วก็พบว่าเสาไฟฟ้าข้างๆของเด็กผู้หญิงคนที่กรี๊ดออกมาก็หกลงมาอย่างไม่มีสาเหตุ

                และด้วยความที่ผมนั้นผมเป็นคนดีในระดับหนึ่งก็วิ่งออกไปทางเด็กสาวและผลักเธอออกไปจากทางที่เสาไฟจะหักลงมาทับเด็กคนนั้นให้ออกจากระยะ

                แต่ถึงผมจะผลักเด็กคนนั้นออกไปได้ทัน แต่ผมน่ะเหรอ?

                โดนทับน่ะสิ! บ้าเอ๊ย!

                “อ๊อก!!! ค่อกๆๆ ฮื๊ด ฮ๊าด”

                ซี่โครงของผมมันหัก และทิ่มปอดของผม มันเจ็บมาก ในสมัยตอนที่ผมเรียน ตอนที่ผมโดนกระทืบ มันก็ไม่เจ็บขนาดนี้หรอกนะ เรียกได้ว่า ถ้าความเจ็บที่ผู้หญิงคลอดลูก มันคือระดับสิบ ผมก็น่าจะเจ็บอะไรประมาณนั้น

                รู้สึกเสียใจชะมัดเลยแฮะ ผมทำให้พ่อแม่เสียใจ เรื่องที่ผมดรอปการเรียนไปถึงหนึ่งปี ปิดกั้นตัวเองออกจากคนอื่น ในช่วงนั้น พวกท่านพยายามที่จะคุยกับผม แต่ผมก็เลือกที่จะเมินคำพูดพวกนั้น เพราะในเวลานั้น จิตใจของผมน่ะ มันปิดกั้นทุกอย่าง

                แต่ผมก็เริ่มกลับตัวกลับใจ เปิดใจคุยกับพวกท่าน และผมก็ตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อที่จะได้สอบเข้าโรงเรียนดีๆในจังหวัด ถึงผมจะอ่านนิยายมากกว่าเพราะผมจำพวกเนื้อหาการเรียนได้อยู่แล้วก็เถอะ

                จะว่าไงดีล่ะ ผมเพิ่งทำให้พวกท่านได้ดีใจเองนะ

                การที่ผมมานั่งรำลึกความหลังอะไรแบบนี้ แสดงว่าผมกำลังจะตายสินะ นี่คงจะเป็นที่มาของคำว่า เวลาคนใกล้ตายมักจะนึกถึงอดีตหรืออะไรที่ตัวเองทำเสมอน่ะ

                และผมเองก็ตายแบบโง่ๆด้วย โดนเสาไฟฟ้าทับตายสินะมันจะมีกี่คนบนโลกที่จะได้ตายแบบผม

                “อึก!! มะ..ไม่..ไหว..แล้ว!! อึก! พรวด!!”

                ผมกระอักเลือดออกมาคำโต

                แต่การตายเพราะได้ช่วยให้เด็กคนนั้นที่มีอนาคตที่ดีกว่ารออยู่มีชีวิตต่อไปก็คงจะดีกว่าสินะ

                “พี่ชาย!! อย่าเป็นอะไรนะคะ!! อดทนหน่อยนะคะ!!”

                เด็กคนนั้นวิ่งกลับมาดูผมที่ตอนนี้เลือดท่วมตัวและเต็มปาก

                ให้อดทนเหรอ ไม่ไหวหรอก ตอนนี้ที่ข้างซ้ายปอดของผมคงจะเลือดท่วมไปแล้วล่ะ และผมก็ไม่ใช่พวกที่อดทนอะไรเก่งซะด้วยสิ แค่ถูกกระทืบผมเองก็จะตายให้ได้อยู่แล้วนะ ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะหนูน้อย

                “ชะ..ใช้..ชีวิต..ให้คุ้มค่านะ!…น้อง…อึก!!”

                ผมกระอึกเลือดออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดับวูบลงไป

 

                

 

                

                

                ผมรู้สึกตัวอีกที่ก็มาอยู่ในห้องขาวๆ และดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด

                “อะ..อะ..อืม…”

                ที่นี่…ไม่น่าจะใช่โรงพยาบาล หรือว่าที่นี่จะเป็นโลกแห่งความตายกันนะ

                “ก็นะ…เจ้าน่ะได้ตายลงไปแล้ว”

                มีหญิงสาวสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรหน้าอกค่อนข้างไปทางเล็กผมสีเงินใส่ชุดมิโกะ นี่มันโลลินี่…

                “เย้ย!? คุณเป็นใครน่ะ”

                ถ้านี่คือโลกหลังความตาย ถ้าไม่ใช่ยมทูตก็น่าจะเป็นพระเจ้าแล้วล่ะ

                “ใช่แล้วล่ะ ชั้นเนี่ยแหละพระเจ้า แล้วเมื่อกี้ที่เรียกว่าโลลินี่คืออะไร! อยากโดนสาปเรอะ!”

                อ่านใจได้ด้วย! ลืมไป…ก็นี่พระเจ้านี่นะ

                “ยังไม่ขอโทษอีก! เดี๋ยวส่งให้ไปเกิดใหม่เป็นผู้หญิงซะหรอก!”

                “ขอโทษครับ ท่านพระเจ้าผู้ทรงเสน่ห์อย่างหาที่สุดมิได้”

                ผมขออภัยจากใจจริงเลยครับ…จริงๆนะ

                “ขอโทษก็ดีแล้ว แต่ชั้นไม่หายโกรธหรอกนะ!!”

                กะ..ก็ใครเห็นครั้งแรกก็ต้องคิดแบบนี้ไม่ใช่เหรอสำหรับพวกโอตาคุน่ะ

                “แต่ช่างมันเถอะ ชั้นต้องบอกสิ่งที่นายต้องทำอยู่”

                “จะส่งผมไปต่างโลกสินะ!”

                ถ้านี่เป็นความจริง ตามหลักนิยายที่ผมเคยอ่านมา ผมจะต้องถูกส่งไปต่างโลก

                “ตามที่นายคิดนั่นแหละ ชั้นจะส่งนายไปเป็นผู้ช่วยผู้กล้าเพื่อที่จะปราบจอมมาร”

                อ่าว ไม่ใช่ว่าจะส่งผมไปเป็นผู้กล้าหรอกเหรอเนี่ย แต่ช่างเถอะ อยู่กับพระเอก แสดงว่าเราก็คือพระรอง ถ้าพระเอกทำใครผิดหวัง ผมก็แค่เข้าไปจีบ แต่เน้นสาวแว่นนะ ถ้ายังไงผมก็จะสร้างฮาเร็มให้ได้เลย!!

                “แล้วแต่นายจะคิดเถอะ ถ้าจะสร้างฮาเร็มชั้นก็ไม่ว่าหรอกนะ หึหึหึ แล้วก็ เดี๋ยวชั้นจะให้พรไปอีกสามข้อ ตกลงไหม”

                แค่สามข้อก็เยอะแล้ว!

                “ครับ! งั้นข้อแรก ผมขอให้ผมได้เป็นจิ้งจอกหางครับ!”

                ทุกคนน่าจะเคยดูนารูโ*ะนินจาจอมคาถาใช่ไหม อย่างเท่เลย ตอนร่างเก้าหางอะ

                “ได้สิ”

                แล้วผมก็เห็นว่าที่ใบหน้าของเธอนั้นกำลังแสยะยิ้มอยู่ เป็นพระเจ้าแท้ๆ แต่ทำหน้าตาน่ากลัวชะมัด

                “ได้ยินนะเห้ย!”

                ขอโทษครับ

                “ข้อที่สอง ขอให้ผมใช้เวทย์ได้ทุกธาตุ ส่วนข้อที่สาม ตามใจท่านเลยครับ”

                “แน่ใจหรอว่าจะให้ชั้นเลือกให้น่ะ”

                “ผมเชื่อใจท่านครับ”

                ผมพูดเสร็จเธอก็พยักหน้าก่อนจะพูดต่อ

                “โอเค นี่ก็เสียเวลามากพอแล้วนะ ไปได้แล้วไป”

                เธอพูดเสร็จก็สะบัดมือไล่ผมไป

                แล้วร่างของผมก็ค่อยๆเลือนหายไป แต่ว่า! ก่อนที่ผมจะจางหายไป ผมก็ถามพระเจ้าว่า

                “แล้ว…ท่านชื่ออะไรครับ”

                เธอยิ้มบางก่อนจะตอบผม

                “ยูกิ…ชื่อของชั้นคือยูกิ”

                ผมพยักหน้าหนึ่งทีก่อนที่ยูกิจะพึมพำอะไรบางอย่างที่เบาจนผมไมได้ยิน

                “ถึงชั้นจะเริ่มหายโกรธแล้วก็จริง…แต่ชั้นต้องส่งนายไปเป็นผู้หญิงล่ะนะ”

                แล้วก็ทำหน้าเศร้าๆมองมาที่ผมก่อนที่จะเลือนหายไป

Comment

Options

not work with dark mode
Reset