ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 11: แล้วเจอกันค่ะ

                หลังจากที่คุณคาล หรือก็คือพ่อของคาเอลนั้น อนุญาตให้คาเอลได้มาฝึกดาบ กับ ฝึกเวทย์มนต์ที่บ้านของผมแล้วนั้น คาเอลก็เรียนรู้อย่างตั้งใจ แถมไม่พอตอนนี้ ฝีมือดาบของคาเอลพัฒนานำผมไปแล้วล่ะ หนึ่งปีที่ผ่านมานั้นฝีมือดาบของผมเองก็ขยับมาเป็นชั้นกลาง แต่คาเอลที่เริ่มฝึกทีหลังผมนำผมไปเป็นขั้นสูงแล้ว คุณคุโระเองยังบอกเลยว่า คาเอลมีพรสวรรค์ด้านทักษะการใช้ดาบในระดับที่คุณคุโระยังตกใจ

                บางทีอาจจะเป็นเพราะผมเป็นสายวิชาการด้วยหรือเปล่านะ ผมเลยไม่ค่อยเหมาะที่จะใช้ดาบอย่างเดียว จริงๆการใช้เวทย์มนต์อย่างเดียวผมว่ามันก็คงจะไม่ลำบากอะไรล่ะนะตอนเรียน แต่เวลาออกศึกจริง ถ้าโดนประชิดตัวได้คงจะเป็นตัวถ่วงเอา ก็เลยต้องใช้สัญชาตญาณของเผ่าสัตว์ป่าเข้าช่วย เพื่อไม่ให้เป็นจุดอ่อนเวลาทำงานเป็นทีมด้วยล่ะนะ

                คิดไปคิดว่าก็เหมือนกับอัศวินเวทย์มนต์เลยแฮะ

                ส่วนเรื่องเวทย์มนต์ของคาเอลนั้น…

                จะว่ายังไงดีล่ะ คาเอลเองก็เป็นคนเก่งล่ะนะ คุณยูริบอกว่า ถ้าไม่นับผมแล้ว คาเอลเป็นคนที่สอนได้ง่ายที่สุดแล้ว หรือก็คือ ถ้าไม่นับผม น่าจะคนที่เข้าใจอะไรได้รวดเร็วที่สุดสินะ

                แบ่งกันฉายแสงบ้างสิคาเอล นายจะเก่งเท่ากับชั้นทุกอย่างไม่ได้นะ…

                ถึงผมจะคิดอย่างนั้นก็เถอะ คุณคุโระไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ดาบเรเปีย การที่ฝีมือดาบของผมจะพัฒนาไปได้น้อยคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

                แถมเรื่องเวทย์มนต์เอง ผมก็นำคาเอลอยู่สองขั้นด้วยกันล่ะนะ

                แต่คาเอลเองก็ถนัดเวทย์มนต์ถึงสามธาตุด้วยกัน สามธาตุนั้นอีกไม่นานก็อาจจะขยับมาเป็นขั้นสูงก็ได้ ผมเองก็คงต้องเรียนรู้เวทย์มนต์ใหม่ๆให้ได้มากกว่านี้ล่ะนะ

                แต่พูดก็พูดเถอะ ถนัดสามธาตุจากสี่ธาตุหลัก ถ้าไม่นับผมที่ขอพรพระเจ้ามา ไม่ใช่ว่าคาเอลเหมือนจะโกงคนอื่นเลยเหรอ คนปกติถนัดหนึ่งธาตุ คนที่เลือกทางจอมเวทย์เกือบทั้งหมด ก็ถนัดแค่สองเองนะ…เรื่องการงานนี่คือพอดีว่าผมเปิดหนังสือเจอน่ะนะ

                แต่ผมเองก็ว่าอะไรคาเอลไม่ได้ล่ะน้า เพราะผมเองก็เล่นขอพรไปด้วยซิ แต่ผมถูกส่งมาเป็นผู้กล้านะ ถ้าไม่เก่งจนโกง จะรอดจากโลกแบบนี้ยังไงได้

                จะว่าไปยัยยูกิก็ไม่เคยบอกวิธีตามหาผู้กล้าในตำนานให้ผมรู้เลยแฮะ

                บ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา งั้นเรามาสนใจจดหมายในมือผมดีกว่า เมื่อกี้คุณพี่ไปรษณีย์เขาเพิ่งจะนั่งรถม้ามาส่งจดหมายที่บ้านของผมเองจากครั่งที่ปิดผนึกจดหมายก็มีตราประทับของอะไรสักอย่างแต่เขียนว่ามาเจสตี้ ซึ่งก็น่าจะเป็นโรงเรียนมหาเวทย์มาเจสตี้แหละที่ส่งมา แถมยังมีสองฉบับอีกต่างหาก! ก็คงจะเป็นของผมกับคาเอลนั่นแหละนะ

                ผมเดินไปเรียกคาเอลที่กำลังซ้อมดาบกับคุณคุโระ

                “ขอโทษที่ขัดจังหวะค่ะคุณคุโระ มีจดหมายมาส่งถึงคาเอลค่ะ”

                คุณคุโระกระโดดถอยออกมาแล้วพยักหน้าหนึ่งทีเป็นสัญญาณว่าพอแล้วสำหรับวันนี้ คาเอลจึงได้หยุดแล้ววิ่งเข้ามาหาผม

                ผมจึงหยิบผ้าขนหนูที่ผาดไว้อยู่ใกล้ๆมาซับเหงื่อให้คาเอล

                “ชั้นว่าอันนี้จดหมายของนายนะ”

                เนื่องจากว่าจดหมายไม่ได้จ่าหน้าซองมาก็เลยต้องสุ่มล่ะนะ

                “นายไปนั่งเปิดดูตรงนั้นก่อนแล้วกัน เดี๋ยวชั้นหยิบแก้วกับน้ำมาให้”

                

                “เอ…ทางเราได้รับการประเมินของท่านว่าความสามารถเพียงพอจากอาจารย์สอนพิเศษ จึงขอเรียนเชิญท่านเข้าศึกษาที่โรงเรียนมหาเวทย์มาเจสตี้ เพื่อการศึกษาเวทย์มนต์และการใช้ดาบเพื่ออนาคต โรงเรียนมหาเวทย์ ลิลี่ เกรป”

                คาเอลอ่านออกเสียงให้ผมที่กำลังรินน้ำอยู่ได้ฟังด้วย น่ารักจริงๆเลย

                “อืม ถ้าอย่างนั้นของชั้นก็คงเหมือนกันล่ะมั้ง อะนี่”

                ผมยื่นแก้วน้ำให้คาเอลแล้วเปิดจดหมายของผมดู

                อื้ม เหมือนกันเลยล่ะ เหมือนกันเป๊ะเลยล่ะ

                “ชั้นกับนายจะได้เรียนด้วยกันสิน้า”

                “นั่นสินะครับ ผมดีใจมากเลยล่ะ นึกว่าจะต้องไปสอบเข้าซะแล้ว แต่ได้รับจดหมายเชิญแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย”

                คาเอลพูดพร้อมชูกำปั้นขึ้นมา น่ารักจังเลยแฮะ

                “เท่ากับว่าตอนนี้ชั้นกับนายหลังเรียนเสร็จจะมีเวลาว่างอีกประมาณหกเดือนก่อนที่จะเดินทางไปพรอนเทเลียสินะ”

                คาเอลเหมือนว่าจะยังเรียนเวทย์มนต์ไม่จบ แต่ก็คงใกล้แล้วล่ะ

                “มีเวลาหนึ่งปีกับสองเดือนก็แล้วกัน อีกหนึ่งอาทิตย์ชั้นก็จะสอนคาเอลจบแล้วล่ะ”

                คุณยูริโผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ด้วยความตกใจของผมที่สะดุ้งแรง คาเอลก็เลยสะดุ้งผมอีกทีแล้วพ่นน้ำใส่หน้าคุณยูริ

                “…”

                ตอนนี้หน้าคาเอลซีดกว่าผิวของคุณยูริเสียอีก

                “อ๊ะ.. ขอโทษครับคุณยูริ!”

                คาเอลพูดเสร็จก็ไปหยิบผ้าที่อยู่ใกล้ๆมาเช็ดหน้าให้คุณยูริ

                “สงสัยต้องสอนเพิ่มอีกสักหนึ่งอาทิตย์แล้วแบบนี้”

                คุณยูริพูดพร้อมเส้นเลือดที่ปูดบนใบหน้า

                “ขะ..ขอโทษครับ! ให้ผมได้ไปเล่นกับมากิเถอะครับ”

                คาเอลขอโทษพร้อมค้อมตัวลงเก้าสิบองศา

                “อะไรกัน ก็เห็นจีบกันทุกวัน ชั้นเหม็นความรักจนจะตายอยู่แล้ว”

                ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มแหยออกมา

                คาเอลน่ะน่ารักเหมือนผู้หญิงเลยนะ เพราะแบบนั้นผมที่ตอนนี้เองก็เป็นผู้หญิง…กระดากปากชะมัด

                เพราะผมที่เป็นผู้หญิงเลยรู้สึกว่าจะเล่นกันแบบสกินชิพกับคาเอลได้โดยไม่มีปัญหานะ

                ผมพูดเลยนะว่า ผมน่ะอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมาเยอะพอสมควร ผมเห็นเยอะเลยแหละว่าพวกเพื่อนสมัยเด็กที่เล่นกันแบบนี้ โตไปฝ่ายหญิงมักจะโดนเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นผู้ชายงาบ ผมบอกเลยว่า ไม่จริงหรอก ดูผมสิ ผมยังปลอดภัยดีนะเห็นไหม

                แต่ถ้าโตไปผมก็ไม่รู้หรอกนะ… แต่ผมไม่เชื่อ… เพราะดูแล้วคาเอลไม่ได้มีนิสัยอย่างนั้นนี่นา

                “เอาเถอะ เดี๋ยวพอชั้นสอนเจ้าหนูคาเอลเสร็จแล้ว คราวนี้ชั้นจะเดินทางจริงๆแล้วล่ะนะ”

                พอคุณยูริพูดแบบนี้แล้วผมก็รู้สึกเคว้งๆเหมือนกันนะ เพราะผมเองก็รู้จักและได้อยู่อาศัยกับคุณยูริตั้งหลายปี หรือจะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวของผมคนนึงเลยก็ว่าได้ ถ้าคุณยูริออกเดินทางไปจริงๆแล้ว ผมคงจะเหงาไม่น้อยเลยล่ะ

                “จะทำหน้าเศร้าไปทำไมล่ะ มากิ เจ้าหนูคาเอล สำหรับชั้นมันก็แค่ชั่วพริบตาเท่านั้นแหละ… แต่ความทรงจำนี้ อาจารย์ของพวกเธอนั้น ชั้นจะไม่ลืมเลยล่ะ”

                คุณยูริพูดเสร็จก็ยิ้มออกมา

                “โห หายากนะคะเนี่ยที่คุณยูริจะพูดอะไรแบบนี้”

                ผมยิ้มแหย่ใส่คุณยูริ

                คุณยูริหน้าแดงแล้วยีหัวผมกับคาเอลพร้อมกันแล้วเดินหนีไป

                “วันนี้คุณยูริไม่ได้สอนนายใช่ไหมล่ะคาเอล เราไปเล่นกันไหม”

                “ได้เลยครับมากิ จะพ่อแม่ลูก จะขายของ วิ่งไล่แปะ หรือจะซ่อนแอบ มากิเลือกเลยครับ”

                

                

                สามวันต่อมา

                

                ตอนนี้ผมขอคุณคุโระหยุดฝึกดาบหนึ่งวัน โดยปกติผมไม่ได้ขอหยุดเรียนเลย วันนี้ก็เลยได้หยุดแบบไม่ยากเย็น

                ถ้าถามว่าทำไมผมถึงจะหยุดฝึกดาบในวันนี้ล่ะก็…

                เพราะผมจะไปนั่งเล่นเป็นเพื่อนคาเอลที่เรียนกับคุณยูริยังไงล่ะ!

                ล้อเล่นน่ะ ผมกับคาเอลนัดกันไว้ว่าจะวาดรูปเหมือนคุณยูริให้เป็นของขวัญในวันที่คุณยูริจะออกเดินทาง

                ที่จริงผมวางแผนนี้กับคาเอลมาได้นานสักพักแล้วล่ะ แต่ช่วงก่อนคุณยูริจะสอนนอกห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่ แถมยังเดินไปมา เพราะฉะนั้นถ้าผมต้องไปแอบตามวาดภาพคุณยูริทั้งแบบนั้นจะดูมีพิรุธเอา แถมภาพที่ได้อาจจะไม่สมจริง จากสัดส่วนที่คลาดเคลื่อนระหว่างเดินด้วยล่ะนะ

                แต่ว่าสามวันต่อจากนี้คุณยูริจะสอนในห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่ ถึงจะเรียกว่าห้องเรียนก็เถอะ จริงๆมันก็คือห้องของคุณชิโระล่ะนะ เพราะว่ามันสะอาดเรียบร้อยที่สุดในบ้าน แถมคุณชิโระไม่ค่อยอยู่ในห้องด้วยล่ะนะ

                เพราะฉะนั้นสามวันหลังจากนี้ ผมจะวาดรูปคุณยูริให้เสร็จให้ได้เลย

                ด้วยความที่ว่าชาติก่อนของผมนั้นที่เป็นเด็กเก็บตัวแล้ว ผมจึงไม่ค่อยได้คุยกับใครเท่าไหร่ จึงอ่านหนังสือกับวาดรูปเท่านั้น แถมเรื่องวาดรูปพ่อแม่ในชาติที่แล้วของผมก็ซื้อมาให้ผมลองอ่านแล้วฝึกตามด้วย จนตอนมัธยมต้น ผมส่งรูปประกวดในรายการสเก็ตภาพเหมือนคนได้รางวัลที่หนึ่งด้วยล่ะนะ ถึงตอนสุดท้ายจะถูกคนที่ชอบแกล้งผมขโมยภาพไปฉีกทิ้งเลยอดได้รางวัลไปก็เถอะนะ

                “วันนี้มากิมานั่งเรียนด้วยงั้นเหรอ จะทบทวนความรู้ที่เคยเรียนไปอย่างสินะ”

                “ใช่แล้วค่ะ ก็เลยคิดว่าว่าจะจดไว้ด้วย เผื่อลืมค่ะ”

                ผมพูดเสร็จก็ชูสมุดและปากกาขนนกขึ้นมาให้คุณยูริเห็น

                คุณยูริพยักหน้ารับแล้วก็สอนต่อโดยไม่ได้สนใจอะไรผมมากนัก ผมไม่รู้ว่าผมจะใช้เวลาสามวันในการวาดจนเสร็จได้หรือเปล่า แต่ก็จะพยายามวาดต่อไปเรื่อยๆล่ะนะ รู้สึกเหมือนผมจะสนิมขึ้นนิดหน่อย วันแรกก็เลยต้องเคาะสนิมเสียหน่อยล่ะนะ จนสุดท้ายวันแรกก็ไม่ได้เรื่องเท่าที่ควร เพราะด้วยความที่มันเป็นปากกาขนนก ไม่ใช่ดินสอ พอขีดเส้นเบี้ยวนิดหน่อยมันก็จะทำให้ออกมาแปลกๆ ทำให้ส่วนใหญ่หมดเวลากับการเคาะสนิม คืนนั้นผมก็เลยต้องส่องกระจกวาดภาพตัวเองเพื่อฝึกเลยล่ะนะ

                พอถึงวันที่สองผมก็เลยวาดภาพคุณยูริได้หลายรูปเลยล่ะนะ ถ้าเป็นรูปที่วาดตามสถานการณ์จริงภาพจะออกมาสวยเลยล่ะ แต่ถ้าเป็นภาพแบบที่มีการโพสท่า ผมต้องใช้วิธีการจินตนาการแล้ววาดเอา ซึ่งอาจจะดูแปลกๆไปบ้าง เพราะปกติคุณยูริไม่ทำท่าพวกนี้ล่ะนะ แต่โดยรวมถือว่าโอเคเลยล่ะ

                ทำให้สุดท้ายผมก็วาดเสร็จก่อนวันที่สามและเหลือเวลาสองวันสุดท้ายไปช่วยคุณชิโระกับแม่จัดงานเลี้ยงอำลาคุณยูริ

                แน่นอนว่าไม่ได้จัดงานแบบเซอร์ไพรส์เช่นเคย ที่นี่เราไม่ได้ทำอย่างนั้นล่ะ

                หลังจากคาเอลเรียนเสร็จแล้ว คุณยูริก็กลับห้องตัวเองไปพักผ่อน ผมก็เลยเอาหนังสือที่วาดภาพคุณยูริให้คาเอลได้ดู

                “โห สุดยอดเลยครับมากิ วาดคุณยูริได้เหมือนตัวจริงเลยครับ แถมมีท่าแปลกๆด้วย อะไรล่ะครับเนี่ย”

                แหมเขินจัง ท่ามินิฮาร์ทที่โลกก่อนเขานิยมกันมากเลยนะคาเอล?

                แต่คาเอลก็ไม่มีทางรู้อยู่แล้วนี่นะ

                “นายว่าคุณยูริจะดีใจไหมนะ”

                “แน่นอนครับ ถ้าเป็นผมมีคนวาดรูปให้แถมเหมือนจริงขนาดนี้ ผมต้องดีใจมากแน่ๆ”

                “งั้นเหรอ…”

                ผมกับคาเอลยิ้มให้กัน จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ถือว่าเป็นโอกาสนั่งพักแล้วกันนะ วันนี้ถือว่าผมใช้งานมือหนักพอๆกับการใช้ดาบเลย ขนาดว่าใช้เวลาน้อยกว่านะเนี่ย แต่การปวดเฉพาะส่วนนี่น่ารำคาญกว่าการเจ็บทั้งหมดอีกนะเนี่ย ร่ายเวทย์รักษาใส่มือก็เลยแล้วกัน แต่ผมไม่ทำหรอกนะ ให้คนที่ต้องนั่งฟังเหมือนปกติทำให้ดีกว่า

                “คาเอลล นวดมือให้ชั้นหน่อยสิ ชั้นจดโน๊ตให้นายจนปวดมือไปหมดเลย”

                ผมอ้อนคาเอลให้นวดมือให้ หลังร่ายเวทย์รักษามาหลายครั้ง ผมกลับรู้สึกคิดถึงการนวดคลายกล้ามเนื้อมากกว่าล่ะนะ

                “กะ..ก็ได้ครับ”

                คาเอลจับมือของผมแล้วใช้นิ้วโป้งกดลงบนมือผมไปมา รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเลยแฮะ

                “แหมๆ ลูกแม่หนีงานมาจับไม้จับมือกับผู้ชายเหรอนี่”

                “แม่! หนูแค่ให้คาเอลนวดให้เพราะหนูจดโน้ตให้คาเอลเฉยๆหรอกนะคะ!”

                ผมพูดพร้อมเบะปากใส่แม่ โดยที่คาเอลก็ยังนวดมือผมต่อไป

                “จ้าๆ แม่เชื่อจ้ะ”

                แล้วแม่ก็กลับไปเตรียมของต่อ

                เตรียมของขนาดนี้ ก็คงเป็นงานเลี้ยงใหญ่น่าดูเลยล่ะ ทั้งปลาที่ไม่ค่อยได้กินบ่อยๆ ไก่งวงตัวใหญ่ที่หมักเอาไว้ ผักและผลไม้อีกหลายชนิด ที่มีปริมาณเยอะกว่าปกติ เรียกได้ว่า พิเศษพอๆกับงานวันเกิดของผมเลยล่ะ

                “พระอาทิตย์เริ่มตกแล้วนะคาเอล นายใกล้จะไปหรือยัง”

                คาเอลในตอนนี้ก็ยังนวดมือผมต่อไปเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่ผมเป็นห่วงคาเอลเลยถามไป

                “คงอีกสักพักล่ะครับ ผมอยากอยู่ที่นี่กับมากิอีกสักพัก”

                “…งั้นเหรอ”

                จะอยู่ที่นี่อีกสักพักไม่เห็นต้องพูดชื่อผมเลยนี่นา แบบนี้ก็เหมือนว่าผมกำลังโดนจีบเลยไม่ใช่หรือไง

                ไม่หรอก คาเอลก็ชอบพูดแบบนี้แหละ ใจเย็นไว้ตัวผม ถึงคาเอลจะน่ารักเหมือนผู้หญิงยังไง แต่คาเอลก็เป็นผู้ชาย

                “เสร็จแล้วครับมากิ รู้สึกดีขึ้นหรือยังครับ”

                ผมลองกำมือแล้วลองแบออกอยู่สองสามครั้ง

                “ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบคุณนะ”

                “ผมไปนอนที่ห้องของมากิสักพักแล้วค่อยกลับดีกว่า”

                จริงๆผมก็อยากจะบ่นเรื่องที่คาเอลตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อแล้วจะขึ้นเตียงของผมอยู่หรอก แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

                “เอาสิ”

                ผมกับคาเอลก็เลยขึ้นไปชั้นสองของบ้าน แล้วคาเอลก็ลงนอนบนเตียงของผมอย่างสบายใจ ผมก็เลยจำใจสละเตียงให้คาเอลแล้วผมนั่งที่เก้าอี้แทน

                “พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้วสินะครับ ที่คุณยูริจะอยู่ที่พาโยเนีย”

                “อือ ชั้นกับนายคงจะว่างแบบเหงาๆน่าดูเลยล่ะ”

                “นั่นสินะครับ”

                ผมกับคาเอลเงียบไปสักพักหนึ่ง

                “ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว ผมคงต้องรีบไปแล้วล่ะครับ”

                คาเอลนอนบิดขี้เกียจบนเตียงผมแล้วก็ลุกขึ้นมา

                ผมลุกขึ้นเดินลงไปส่งคาเอลที่หน้าบ้าน

                “ผมไปก่อนนะครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ”

                “อื้อ พรุ่งนี้เจอกันนะ มาเช้าๆล่ะ”

                ผมกับคาเอลโบกมือให้กัน

                “เหมือนแม่ตอนที่พ่อจะออกจากบ้านแม่กลับไปที่พักตัวเองเลยนะ”

                แม่ผมโผล่มาจากไหนไม่รู้ด้านหลังแล้วก็พูดแซวผม

                “เอาอีกแล้วนะคะแม่!”

                แม่ผมหัวเราะแล้วก็วิ่งกลับเข้าครัวไปอีกครั้ง

                ผมก็เลยไปอาบน้ำ แล้วลงมากินข้าว แล้วก็ไปเข้านอน เพื่อให้มาถึงวันที่คุณยูริต้องเดินทางจากที่นี่ไปยังที่อื่นต่อ

                และในคืนนั้นผมรู้สึกว่านอนแล้วผ่อนคลายกว่าปกติล่ะ

                

 

                และในที่สุด วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คุณยูริจะอยู่ที่นี่ เช้าวันถัดไปคุณยูริจะออกเดินทางไปทันที

                วันนี้คาเอลมาที่บ้านของผมเช้ามากๆเลยล่ะ แถมแต่งตัวมาได้หล่อเลยล่ะ

                “แต่งตัวมาดูดีเกินไปหรือเปล่าคาเอล เราไม่ได้อัดวิดีโอกันนะ”

                “วิดีโอเหรอครับ?”

                อ๊ะ ลืมไปเลยแฮะว่าโลกนี้ไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น

                “ลืมที่ชั้นพูดไปเถอะนะ”

                ผมกับคาเอลเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน เพราะวันนี้ไม่ได้มีการสอนอะไรก็จริง แต่ก็ยังมีการพูดคุยกันในห้องเรียนอีกนิดหน่อย ซึ่งผมก็จะปล่อยคาเอลไว้อย่างนั้น แล้วช่วยแม่ทำอาหารล่ะ

                ผม แม่ และคุณชิโระ ช่วยกันเตรียมอาหารกันหนักเลยล่ะ ถึงจริงๆช่วยเตรียมอาหารเนี่ยจะหนักแค่ผมคนเดียวก็เถอะ เพราะตอนนี้ผมยังตัวเล็กอยู่เลยล่ะ ที่บอกว่าช่วยก็เลยเป็นการเดินเอาของหรือหยิบวัตถุดิบไม่ก็ขยำๆหมูหมักให้มันเข้ากัน

                จากนั้นผมก็ช่วยงานไปเรื่อยๆจนทำอาหารกันเสร็จล่ะ

                เรียกได้ว่าทันเวลาพอดี เพราะคาเอลกับคุณยูริออกมาจากห้องคุณชิโระตอนที่เริ่มเอาอาหารวางบนโต๊ะ

                “มาเร็วค่ะอิกนัส เราใกล้จะเริ่มงานฉลองแล้วนะ”

                “เข้ามาได้แล้วค่ะคุโระคุง เตรียมงานเสร็จแล้วจ้า”

                

                “อ่า.. ขะ..ขอบคุณทุกคนมากค่ะที่จัดงานอำลาให้กันขนาดนี้ ฮะๆ”

                คุณยูริกล่าวขอบคุณพร้อมขำแห้ง

                เพราะความจัดงานไม่เซอไพรส์นี่ล่ะมั้ง ทำให้ขำแห้งออกมาล่ะ ตอนวันเกิดผมก็อะไรแบบนี้เหมือนกัน

                “ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก ยูริจัง ถ้าไม่ได้ยูริจังมาสอนลูกสาวล่ะก็ ชั้นกับชิโระคงทำงานบ้านหนักเพราะบ้านใหญ่แน่เลยล่ะ”

                ก็เพราะคุณคุโระนอกจากสอนผมแล้วก็ต้องไปทำงานช่วยหมู่บ้านล่ะนะ ส่วนแม่ผมก็ต้องทำความสะอาดบ้าน ทำสวน ส่วนคุณชิโระก็ช่วยแม่ทำความสะอาดบ้าน และทำอาหารให้ทุกคนแถมยังต้องไปจ่ายตลาดอีก มิน่าล่ะ บ้านหลังใหญ่ในยุโรปสมัยก่อนถึงได้มีพ่อบ้านแม่บ้านกันเยอะกว่านี้

                “เอาล่ะถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มกินอาหารเพื่ออำลาคุณยูริกันเถอะ!”

                พ่อผมพูดเปิดงานอย่างเร่าร้อน โดยที่คุณแม่ของผมก็มองพ่ออย่างเอือมระอา

                ““เย่!””

                ทุกคนส่งเสียงร้องพร้อมกัน

                งานเลี้ยงอำลาก็ไม่ควรจะเศร้าล่ะนะ เริ่มกินกันดีกว่า!

                

                “ว่าแต่ยูริจังวางแผนไว้หรือยัง ว่าจะเดินทางไปไหนน่ะ”

                แม่พูดเปิดประเด็นขึ้นมา ทำให้ทุกคนจ้องไปยังคุณยูริ จนทำให้คุณยูริรู้สึกเกร็งขึ้นมา

                “ก็… คงกลับบ้านเกิดไปเยี่ยมครอบครัวก่อนล่ะมั้งคะ จากนั้นก็คงออกเดินทางต่อ”

                คุณแม่พยักหน้ารับ จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางการชวนคุยเรื่องเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องตอนที่คุณยูริช่วยงานในหมู่บ้านและก็ถามถึงเรื่องผมหรือคาเอลบ้าง

                ซึ่งผมกับคาเอลได้แต่ยิ้มแห้งเวลาโดนเล่าขวัญ เอ่อ..ผมหมายถึงโดนเล่าเรื่องน่าอาย ผมอายตรงที่คาเอลอยู่ด้วยนี่แหละ

                เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนอาหารหมด แต่ถึงจะหมดไปแล้วก็ยังนั่งคุยกันต่อไปอีกสักพัก จนเริ่มมืดคุณชิโระ คุณคุโระ คุณยูริ แม่ และผมก็เลยช่วยกันทำความสะอาด เพราะวันนี้ปริมาณอาหารเยอะกว่าปกติมาก เลยต้องใช้จำนวนคนทำความสะอาดเยอะขึ้นเพื่อความรวดเร็ว

                ส่วนคาเอลนั้นตอนที่คนอื่นๆกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ทำครัวอยู่ก็มาลาทุกคนกลับบ้าน ผมเลยจึงต้องไปส่งคาเอลที่หน้าบ้านเหมือนทุกวัน แต่วันนี้คุณพ่อจะไปส่งคาเอลที่บ้านล่ะ เพราะตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว เพื่อป้องกันมอนส์เตอร์ที่อาจจะหลงเข้ามาเลยต้องไปคุ้มกันล่ะนะ

                “พรุ่งนี้เจอกันนะคาเอล”

                “พรุ่งนี้เจอกันครับ สวัสดีครับทุกคน!”

                ผมโบกมือให้คาเอลจนคาเอลกับพ่อเดินไปไกลพอสมควร ผมจึงไปถามพ่อแม่ว่าเหลืออะไรให้ช่วยอีกไหม เมื่อไม่มีอะไรแล้ว ผมจึงอาบน้ำ แล้วเข้านอนทันที เพราะจะได้ไปส่งคุณยูริเดินทางพรุ่งนี้แต่เช้าล่ะ

 

 

                “ขอบคุณนะคะทุกคน… ที่มาส่งกันพร้อมขนาดนี้เลย”

                ตอนนี้ผมคาเอล พ่อแม่ คุณชิโระและคุณคุโระกำลังยืนอยู่หน้าบ้านเพื่อบอกลาคุณยูริเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเดินทาง

                “โชคดีนะจ๊ะยูริจัง ขอให้เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ”

                ““ขอให้เดินทางปลอดภัยครับ/ค่ะ!””

                ทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน มันเป็นธรรมเนียมน่ะที่ให้หนึ่งคนนำอวยพรก่อนแล้วคนที่เหลือทุกคนพูดตาม

                “ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ วันนี้เราคงต้องจากกันตรงนี้ แต่วันไหนสักวันเราจะพบกันอีก”

                คุณยูริกล่าวบอกลา

                เอาล่ะจังหวะนี้แหละ ของขวัญที่ผมกับคาเอลเตรียมไว้ให้

                “คุณยูริคะ หนูกับคาเอลมีของขวัญให้ค่ะ”

                พูดเสร็จผมก็ยื่นสมุดที่วาดรูปของคุณยูริเอาไว้ให้คุณยูริ แต่แน่นอนว่า ผมฉีกหน้าที่วาดเสียทิ้งออกไปแล้ว และผมยื่นยันต์ที่คุณยูริขอทุกๆหนึ่งเดือนไปสามใบ

                “นี่มัน…รูปของชั้นเหรอ โอ้ เหมือนชั้นเลยล่ะ แล้วท่านี้…อะไรล่ะน่ะ? แต่ว่า…ขอบใจนะ มาฮิโระจัง เจ้าหนูคาเอล”

                คุณยูริพูดเสร็จก็ยีหัวของผมและคาเอล

                นั่นเป็นท่ามินิฮาร์ตเลยนะคะคุณยูริ ก่อนที่ผมจะตายในโลกก่อนมันฮิตมากเลยนะ แต่คุณยูริก็ไม่รู้จักอยู่ดีนี่เนอะ

                “คุณยูริคะ… ขอบคุณนะคะที่ช่วยสอนเวทย์มนต์ให้หนู และพาหนูออกไปจากด้านนอกของรั้วกำแพงบ้านเป็นครั้งแรก และก็…ฮึก! …ขอบคุณนะคะที่คอยเป็นทั้งพี่สาว และอาจารย์ให้หนู ขอบคุณค่ะ!”

                พูดเสร็จผมก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง อาจจะเป็นเพราะคุณยูริ อยู่กับผมมาตั้งแต่ผมยังเด็กมากๆ จนทำให้ความผูกพันธ์ของผมกับคุณยูริเหมือนครอบครัวมากกว่าเป็นแค่อาจารย์กับลูกศิษย์ไปซะแล้ว

                “ผมต้องขอบคุณคุณยูริด้วยครับ ที่ช่วยทำให้ผมได้รู้จักการใช้เวทย์มนต์ผมถึงได้พอที่จะป้องกันตัวเองได้ และสอนให้ผมมีความรู้ในเรื่องต่างๆ ตลอดที่ผ่านมา ขอบคุณมากครับ!”

                คาเอลพูดเสร็จผมกับคาเอลก็กอดไปที่เอวของคุณยูริพร้อมกัน

                “นั่นสินะ ชั้นเองก็ต้องขอบคุณพวกเธอเหมือนกัน ที่ทำให้ชั้นได้เรียนรู้เรื่องหลายๆอย่าง ชั้นขอบคุณจริงๆ คนที่เป็นทั้งลูกศิษย์และก็…น้องที่น่ารักของชั้น”

                คุณยูริพูดเสร็จก็โอบผมและคาเอลเอาไว้สักพักก่อนที่จะผละออกมา

                นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นว่าร่างกายของคุณยูริมีผิวที่มีชีวิตชีวาจนเป็นดั่งคนปกติ จากเดิมที่ผิวสีซีดตลอดเวลา

                “ขอบคุณนะคะทุกคน จะไม่ลืมเลย หวังว่าเราคงจะได้พบเจอกันอีกครั้งนะคะ”

                คุณยูริน้ำตาคลอเล็กน้อยจากนั้นก็ขึ้นรถม้าที่จ้างไว้แล้วปิดประตู

                “แล้วเจอกันค่ะ!”

                “แล้วเจอกันนะยูริจัง!”

                ““แล้วเจอกันครับ/ค่ะ!!””

                พวกผมยืนส่งคุณยูริพร้อมโบกมือให้จนรถม้านั้นวิ่งไปไกลจนมองไม่เห็น

                ผมรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่คุณยูริไม่ได้อยู่ด้วยกันกับผม พ่อ แม่ คุณชิโระ และคุณคุโระ แต่ผมก็ต้องเดินหน้าใช้ชีวิตของผมต่อไป โดยหลังจากนี้ ผมจะมีเวลาอีกหนึ่งปีสองเดือน ที่จะมีเวลาให้ฝึกเวทย์มนต์หรือวิชาดาบ หรือใช้เวลานี้พักผ่อนด้วยการเล่นด้วยกันกับคาเอลไปเรื่อยๆล่ะนะ

                หลังจากนี้แหละผมจะเริ่มต้นใช้ชีวิตให้ดีกว่าชาติที่แล้ว และจะมีความสุขกับการมีชีวิตให้ได้เลยล่ะ!

 

 

 

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset