ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 18: ซื้อของ

                “เป็นไงบ้างไม่เจอกันนานเลยนะ”

                อะไรเนี่ย ถ้านี่เป็นความฝันก็ขอให้ตื่นทีเถอะ

                “อะไรของเธอเนี่ย มันก็คือความฝันไม่ใช่หรือไง ที่เดียวที่เธอสามารถเจอกับชั้นได้”

                ไม่อยากเชื่อเลยว่าเวลาฝันต้องเจอกับยัยนี่

                อ๊ะ ยัยนี่มันอ่านใจได้นี่นา

                “ไม่เจอกันแปบเดียวลืมกันเลยหรือไง เอาเถอะ วันนี้ก็แค่มาดูเฉยๆ ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”

                หลังยูกิพูดจบภาพก็ตัดไป

                “อืม ยัยนี่ชอบให้ตัดภาพแล้วตื่นสินะ”

                ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงทันทีหลังจากที่คุยกับยูกิเสร็จ

                จะว่าไปตอนนี้ผมเข้าโรงเรียนแล้วได้กลายเป็นเพื่อนร่วมห้องในหอกับคาเอลแล้วนี่นะ

                พอหันไปทางคาเอลที่กำลังนอนกอดหางของผมอยู่ก็ทำให้รู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา

                ตอนนี้คาเอลยังไม่ตื่น เพราะอย่างนั้นผมควรจะไปอาบน้ำก่อน ถ้าอย่างนั้นก็ผนึกพลังเก้าหางก่อนแล้วกัน เพราะหมอนี่กอดหางผมแน่นอย่างกับว่ากลัวผมจะหายไปไหนเลยล่ะ

                

                “คาเอล ตื่นได้แล้วนะ คาเอล ตื่น”

                “อา… ได้เจอมากิในฝันด้วยเหรอเนี่ย…ไม่อยากตื่นเลย…”

                ไอ้เจ้านี่กำลังดีใจอะไรเนี่ย

                “คาเอล! ตื่นได้แล้ว นายไม่ได้ฝันเสียหน่อย ตอนนี้เรานอนห้องเดียวกันนะ”

                “อืม…ห๊ะ! สะ..สวัสดีครับมากิ! เมื่อกี้ผมเผลอพูดอะไรแปลกๆไปหรือเปล่าครับ”

                แกล้งทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกัน

                “ได้ยินแค่นายบอกว่าฝันอยู่แค่นั้นแหละ ไปอาบน้ำเร็วคาเอล เราต้องไปซื้อของ กับสำรวจโรงเรียนอยู่นะ”

                “อ่า…ครับ มากิอาบน้ำแล้วสินะครับ”

                “อื้อ เรียบร้อยแล้วล่ะ นายก็ไปอาบซะ พวกเราต้องทำหลายอย่างเลยวันนี้”

                พูดเสร็จคาเอลก็บิดขี้เกียจก่อนจะลุกไปอาบน้ำ

                เอาล่ะ ตอนนี้ผมคงต้องจดรายการที่ต้องทำในวันนี้สินะ

                อย่างแรกเลย ซื้อผ้าห่ม ต้องโดนกอดอย่างนั้นมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ถึงตัวผมจะไม่ได้รู้สึกไม่ดีก็เถอะ แต่อย่าดีกว่า

                อย่างที่สอง จริงๆมันควรจะเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างแรก นั่นก็คือการสำรวจพื้นที่ ว่าบริเวณนี้มีอะไรบ้าง ตรงไหนคืออะไร ที่ไหนขายอะไรบ้าง ครั้งหน้าที่ต้องการไปไหนหรือทำอะไรจะได้ไม่มีปัญหา

                อย่างที่สาม สำรวจราคาของว่าแต่ละอย่างมันราคาเท่าไหร่ เพราะผมกับคาเอลไม่ได้มีเงินเยอะ แถมเดินทางมาจากนอกพรอนเทเรีย และผมเองก็จะช่วยเรื่องการเงินให้กับคาเอลด้วย เพราะฉะนั้นผมควรรู้ราคาของเอาไว้ก่อน จะได้วางแผนการเงินถูก

                อย่างที่สี่…อันนี้ความต้องการส่วนตัวของผมล่ะ ผมคิดมาตลอดเลยว่า ที่นี่ค่อนข้างน่าเบื่อ นอกจากหนังสือนิทานที่อิงประวัติศาสตร์จริงกับพวกหนังสือความรู้แล้ว แทบจะไม่มีอะไรให้อ่านเพื่อผ่อนคลายเลย อย่างเช่นนิยายที่แต่งขึ้นเอง หรือหนังสือภาพ

                บางทีมันอาจจะมีแต่ผมไม่เคยเห็นเองก็ได้ เพราะฉะนั้นการที่ผมได้มาอยู่พรอนเทเรียมันก็น่าจะมีโอกาสให้ที่จะมีหนังสืออย่างนี้ขายอยู่ แต่ถ้ามันไม่มีจริงๆ ก็คงต้องทำใจล่ะนะ

                อย่างที่ห้า ซื้อของ สิ่งที่สำคัญตอนนี้ก็จะมีแค่วัตถุดิบทำอาหารเท่านั้นเอง เพราะว่าชุด ผมกับคาเอลก็มีเตรียมมาจากบ้านแล้ว อุปกรณ์การเรียน ตอนนี้ยังอยู่ครบ ทั้งปากกาขนนก สมุดเปล่าสำหรับจด น้ำหมึก เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่จำเป็น จะไม่ซื้อเพิ่มโดยเด็ดขาด เพราะตอนนี้เองก็มีสำรองเอาไว้อยู่แล้ว

                ให้ตายสิ ตอนนี้เหมือนเป็นแม่คาเอลเลยแฮะ คาเอลหุงข้าวเป็น แต่เหมือนจะทำกับข้าวไม่เป็นสินะ ผมเองก็ทำเป็นบ้าง จากตอนที่อยู่บ้าน ทั้งคุณแม่กับคุณชิโระก็สอนผมทำอาหาร รวมถึงอาหารจากโลกเก่าของผมที่ก็ทำกินเองเสมอ เพราะอย่างนั้นเรื่องนี้ผมจะรับผิดชอบเอง ดีกว่าให้คาเอลที่ไม่เคยฝึกทำอาหารมานั่งมั่วเอาตอนนี้เพราะไม่อย่างนั้นจะเปลืองทั้งเงินสำหรับค่าวัตถุดิบและเวลา

                แต่รสชาติก็คงต้องให้ถูกปากคาเอลเอาไว้ก่อน เพราะตัวผมนั้นยังไงก็ได้ขอแค่มีขนมหวานปิดท้ายมื้อล่ะนะ

                เพราะฉะนั้น

                อย่างที่หก ของหวาน ข้อนี้สำคัญที่สุดรองมาจากผ้าห่ม

                

                ทั้งหมดก็น่าจะประมาณนี้แหละ จะว่าไป โรงเรียนนี้มีเครื่องแบบไหมนะ

                ผู้อำนวยการไม่ได้พูดอะไรก็คงจะไม่มี หรืออาจจะมีแต่ยังไม่แจกก็ได้ล่ะมั้ง

                “ฟู่ว…”

                คาเอลพ่นลมหายใจออกมาหลังเดินออกมาจากห้องน้ำ

                ถ้าไม่ติดว่ามีกล้ามอย่างเห็นได้ชัด คาเอลจะเหมือนกับสาวน้อยน่ารักเลยล่ะ แต่คาเอลก็ไม่ได้กล้ามปูละนะ แค่มีพอประมาณ แต่แข็งแรงมากเลยล่ะ มารับตัวผมตอนที่ตกหลังจากลองควบคุมพลังเวทย์ในธรรมชาติได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ แข็งแรงจริงๆ

                “มากิอย่าลืมผนึกนะครับ”

                คาเอลตะโกนบอกผมขณะแต่งตัวอยู่

                “อื้อ”

                ถ้าคาเอลไม่เตือนผมก็คงลืมไปแล้วล่ะ

                “เสร็จแล้วครับ ทำอะไรก่อนดี”

                “อื้อ เริ่มจากเดินสำรวจที่นี่กันก่อนแล้ว”

                จากนั้นผมกับคาเอลก็เริ่มเดินสำรวจโรงเรียนตามจุดต่างๆ ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงเลยล่ะ

                อย่างที่คิด โรงเรียนนี้มันกว้างมากๆจริงๆ เผลอๆก็อาจจะกว้างกว่า เขตที่ผู้คนในพาโยเนียอาศัยอยู่รวมกันเสียอีก แต่พาโยเนียคนก็ไม่ได้เยอะอะไรด้วยล่ะนะ เพราะเป็นเมืองการเกษตร คนเลยไม่ได้เยอะขนาดนั้น

                แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่รู้ว่าโรงเรียนนี้จะพื้นที่เหลือเยอะไปไหน ทำเอาจนเสียดายเลยล่ะ แต่อนาคตก็คงอาจจะสร้างอะไรเพิ่มก็ได้ จะมองข้ามก็แล้วกัน เพราะผมก็แค่คนมาเรียนล่ะนะ

                “หิวหรือยังคาเอล”

                “หิวแล้วครับ”

                “งั้นเราไปหาซื้ออะไรกินกันเถอะ”

                นอกจากโรงเรียนนี้จะกว้างแล้ว ยังมีโซนขายของจิปาถะอยู่ โรงอาหาร หรือพวกร้านอาหารทานเล่นก็มี แต่ของจิปาถะนั้นก็ไม่ได้อยู่ในของจำพวกที่ผมต้องการล่ะนะ เพราะอย่างนั้นผมกับคาเอลเลยซื้อหมูปิ้งกับข้าวนึ่งมาคนละหนึ่งชุด

                ผมกับคาเอลเดินไปที่สวนภายในโรงเรียนเผื่อหลีกเลี่ยงจำนวนคนเยอะๆในโรงอาหาร คือมันเสียงดังโหวกเหวกน่ะ แถมในอนิเมะหรือนิยายที่ผมเคยดูเคยอ่านบางเรื่องมันจะมีฉากที่มีปัญหาอยู่ในโรงอาหาร เพราะงั้นก็ขอเลี่ยงแล้วกัน

                ถึงผมจะไม่ใช่นางเอกเพราะว่าเป็นผู้ชายด้านใน แต่ก็คิดว่าตัวเองน่ารักพอที่จะทำให้เกิดปัญหาได้อยู่ล่ะ

                ผมกับคาเอลนั่งย่อยกันสักพักก่อนจะเริ่มเดินออกไปสำรวจด้านนอกเพื่อหาซื้อของสำคัญต่อ

                อย่างแรกก็คงต้องหาซื้อตะกร้าล่ะนะ

                ผมกับคาเอลเดินสำรวจเมืองรอบๆโรงเรียน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าแถบนี้จะเป็นแถบชุมชน ก็เลยต้องถามชาวบ้านแถวนั้นจนได้ล่ะนะ

                และพอถึงจุดที่เป็นย่านการค้า ที่มีร้านค้าตามข้างทางอยู่เยอะ ผมกับคาเอลก็เลยเดินดูราคาของกันก่อนรอบหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มซื้อของที่ต้องการ

                ราคาของที่นี่สูงกว่าที่พาโยเนียอยู่สองเหรียญทองแดงเป็นส่วนใหญ่ บางอย่างก็หนึ่งเหรียญทองแดง บางอย่างก็สามเหรียญทองแดง ตอนแรกผมก็นึกว่าจะสูงกว่าสักสิบเหรียญ ซึ่งแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ ผมจะได้ประหยัดตังได้อีกเยอะ

                ผ้าห่ม ข้าว เนื้อสัตว์ เครื่องเทศ เครื่องปรุง ขาดอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง จะซื้อดีไหมนะ…

                “ถ้ามากิอยากกิน จะซื้อก็ได้นี่ครับ งานบ้านผมไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ก็คงต้องฝากมากิทำ เพราะอย่างนั้นมากิซื้อเป็นรางวัลให้ตัวเองก็ได้นะครับ”

                “อือ…ถ้านายว่าอย่างนั้นล่ะก็…”

                คาเอลที่เห็นผมจ้องเค้กส้มอยู่สักพักก็บอกให้ผมซื้อเพื่อความสบายใจ

                อันที่จริงงานบ้านมันก็ควรช่วยกันทั้งผู้ชายทั้งผู้หญิงนะคาเอล

                แต่ก็ได้ล่ะมั้ง

                “ถึงนายจะพูดอย่างนั้นก็เถอะนะคาเอล งานบ้านน่ะ จะผู้ชายจะผู้หญิงมันก็ต้องช่วยกันนะ เอาเป็นว่าเรื่องใช้แรงเยอะๆ นายต้องเป็นคนทำนะ ตกลงไหม”

                “เพื่อมากิ ได้อยู่แล้วล่ะครับ ทุกเรื่องเลย”

                “ทุกเรื่องเลย?”

                “ทุกเรื่องเลย”

                ถ้าหมอนี่เป็นผู้หญิงแล้วพูดแบบนี้กับผู้ชายอาจจะเกิดอันตรายได้เลยนะเนี่ย ว่าแต่

                “หืม..? นายถือผ้าห่มอยู่ มันอาจจะบังทางนายใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น…”

                ผมยื่นมือออกไปหาคาเอล

                “นายอาจจะหลงกับชั้นได้นะ…จับสิ”

                จะว่าไงดี แอบเขินอยู่เหมือนกันแฮะ แต่ก็กลัวหลงกันด้วยสิ แต่การจับมือกับเพื่อนเพื่อกันหลงมันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติล่ะมั้ง

                “…ครับ”

                คาเอลยื่นมือมาจับกับมือของผม

                ถึงตอนแรกผมกับคาเอลจะเกร็งนิดหน่อย แต่ก็เดินมาด้วยกันจนถึงหน้าโรงเรียน

                แน่นอนว่าพอถึงหน้าโรงเรียนเราก็ไม่ได้จับมือกันแล้ว ถ้ามีข่าวคบกันมันน่าปวดหัวออก

                “นี่ ได้ยินไหมเรื่องที่มีเด็กชั้นต้นปีหนึ่งมีเรื่องกับปีสองในโรงอาหารน่ะ”

                ผมได้ยินใครสักพูดเรื่องน่าสนใจด้วยแฮะ

                “อ๋อ ชั้นอยู่ในเหตุการณ์เลยล่ะพวก ปีสองคนนั้นมันห้าว เลื่อนระดับแล้วอยากไปเต๊าะรุ่นน้อง เจอรุ่นน้องร่ายไฟบอลเผาซะเลย”

                ที่น่าสนใจก็เป็นเพราะว่าเป็นเรื่องของปีหนึ่งนี่ล่ะ จะได้ระวังไม่ยุ่งกับคนนี้เอาไว้ หวังว่าจะอธิบายลักษณะของคนๆนั้นนะ

                “รุ่นน้องคนนั้นน่ารักจริงๆแหละ ตอนชั้นเห็นยังอยากเข้าไปจีบเลย เป็นเผ่าจิ้งจอกน่ะ ผมบลอนด์ โคตรน่ารักเลย ปีหนึ่งปีนี้คนน่ารักเยอะดีนะ”

                เป็นเผ่าจิ้งจอก ผมบลอนด์สินะ โอเค ถ้าถึงขั้นมีเรื่องได้ อาจจะเป็นคนที่ดุ คงเป็นคนที่เชื่อถือได้ แต่อยู่ห่างไว้ดีกว่า เพราะอาจจะทำให้มีปัญหาได้ล่ะนะ

                ว่าแต่ไอ้คนพูดเนี่ย อายุไม่เกินสิบขวบหรอก ทำไมมันพูดเหมือนพวกเจ้าชู้เลยนะ

                “อย่าเอาเป็นแบบอย่างนะคาเอล”

                “เรื่องอะไรเหรอครับ”

                “ช่างมันเถอะ”

                ผมกับคาเอลกลับเข้าห้อง จากนั้นผมก็เริ่มจัดการกับของที่ซื้อมา เอาพวกของที่ต้องเก็บก็เก็บล่ะนะ ผมลองดูตู้ที่เหมือนตู้เย็นในห้องแล้ว ก็น่าจะใช้สำหรับเก็บอาหารได้หนึ่งอาทิตย์นะ เพราะมันแค่เย็นเฉยๆ ไม่ได้ถึงขึ้นแข็ง

                ไม่สิถ้าอย่างนั้นก็คงจะเก็บได้สามวัน แต่ก็โอเคล่ะมั้ง อาจจะต้องไปซื้อบ่อยๆ แต่ก็ดีกว่าได้กินแหนมล่ะนะ

                เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นลองทำอาหารดีกว่า ถึงจะซื้อไข่ซื้อหมูซื้อไก่มาแล้วก็เถอะ แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดี

                “คาเอลอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

                “อืม… นั่นสินะครับ ไหนๆมากิก็จะทำอาหารให้ผมกินเป็นครั้งแรกแล้ว มากิเลือกเลยครับ”

                สุดท้ายผมก็ต้องกลับมาคิดเองอยู่ดีสินะ

                หุงข้าวก่อนก็แล้วกัน

                ให้ตายสิ ไม่ได้ซื้อกุ้งมาทำต้มยำกุ้งไม่ได้สินะ ทำอะไรดีล่ะเนี่ย จะทำเบอร์เกอร์ก็ทำแป้งเองไม่เป็นซะด้วยสิ

                ดีนะที่วันนี้ซื้ออะไรมาค่อนข้างหลายอย่าง ทำแฮมเบิร์กให้หมอนี่กินไปก่อนก็แล้วกัน

                ทำเอานึกถึงคุณซาเรียที่ชอบทำแฮมเบิร์กให้อาเมสเลยแฮะ เพราะงั้นทำอย่างอื่นดีกว่า

                ถ้าอย่างนั้นก็ทำข้าวหมูแดงให้คาเอลกินก็แล้วกัน ผมเองก็ไม่ได้กินเลยตั้งแต่อยู่ที่โลกนี้

                

                ผมหมักหมูไปตามเท่าที่จำได้ รอสักพัก จากนั้นก็เอาไปย่างบนเตา ไม่น่าเชื่อว่าควันจะถูกดูดหายออกไปจนเหมือนไม่มีควันในห้อง ด้วยวิธีไหนก็ไม่รู้ แต่เจ๋งดี

                ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารสชาติจะออกมาดีหรือจะออกมาแย่ล่ะนะ ทำวันแรกในโลกใหม่ที่บางเครื่องปรุงเครื่องเทศก็ขาดไป

                คือมันขาดไอ้ผงพะโล้นี่แหละ มันทำยังไงเนี่ย

                ช่างเถอะ คิดว่าก็คงอร่อยอยู่

                ผมยังไม่ทำน้ำราดแล้วกัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารสชาติของหมูจะออกมายังไง ถ้ารู้แล้วค่อยทำวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน

                

                หลังจากรอจนข้าวสุกผมก็เอาหมูที่ย่างเสร็จพร้อมกันมาพักไว้ก่อนจากนั้นก็เรียกคาเอลมาชิม

                “คาเอล มาชิมหน่อยสิ”

                ผมหั่นหมูแดงเป็นชิ้นพอดีคำก่อนจะป้อนเข้าปากคาเอล

                “เป็นไงบ้าง อร่อยไหม หรือว่าอยากให้ปรับอะไรเพิ่มหรือเปล่า”

                คาเอลเคี้ยวเข้าไปคำแรกก็ทำตาโต

                “อร่อยมากเลยครับมากิ ผมไม่เคยกินหมูที่มีสีอย่างนี้กับรสชาติอย่างนี้มาก่อนเลย”

                “แล้วอยากให้เพิ่มอะไรหรือเปล่า”

                “อืม…ผมว่ามันก็อร่อยแล้วนะครับ แต่ถ้าจะให้ถูกใจผมพอดีเลยก็คงจะเป็นรสเค็มนิดนึงล่ะมั้งครับ”

                มันคงขาดความกลมกล่อมไปสินะ อืมช่างมันเถอะไอ้ผงพะโล้น่ะ ครั้งหน้าผมจะเอาเกลือใส่แทนก็แล้วกัน คิดว่าดอกเกลือก็น่าจะแทนกันได้ล่ะมั้งนะ

                มั้งนะ

                “อื้ม พรุ่งนี้ชั้นจะทำให้ใหม่นะคาเอล จากที่คำนวณแล้ว เราต้องไปซื้อของกันแบบนี้ทุกสามวันล่ะ เพราะอย่างนั้น ชั้นจะทำอาหารให้ตามใจนายทุกอย่างเลย”

                “มากิเป็นเทพของผมชัดๆ”

                “อย่าชมกันเกินไปสิ สำหรับชั้น จะกินอะไรก็ได้ แต่ขอแค่มีของหวานให้กินชั้นก็พอใจแล้วล่ะ”

                อาหารโลกนี้มันอร่อยมากเลยนะ แต่ที่ผมไม่เรื่องมากก็เพราะว่า…ของหวานมันอร่อยกว่ามากยังไงล่ะ

                เพราะยังไงมันก็อร่อยอยู่แล้ว ยิ่งทำเองยังไงก็ต้องถูกปาก เพราะฉะนั้นก็กินของหวานดีกว่า

                ไม่ได้การละ ยิ่งพูดถึงรสชาติอาหารยังไงผมก็ยิ่งดูเป็นคนติดของหวานนี่นา พอแค่นี้ดีกว่า

                

                ผมกับคาเอลตอนกินข้าว คาเอลชมผมใหญ่เลยล่ะว่าหมูแดงที่ทำมันอร่อยมาก บางทีโดนชมมากๆก็เขินเหมือนกันแฮะ

                จากนั้นผมกับคาเอลก็อาบน้ำและเข้านอน โชคดีที่วันนี้เรามีผ้าห่มแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องปลดผนึก

                แต่สุดท้ายคาเอลก็กอดผมนอนเหมือนเดิม…

                

 

 

 

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset