ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 19: สู่โลกใบใหม่

                “กุสลาธัมมา กุสลาธัมมา”

                ตัวผมในตอนนี้นั้นอยู่ในงานศพของเพื่อนรักของผม หรือก็คือ เจ ที่เพิ่งตายไปเมื่อสองวันก่อนเพราะไปช่วยเด็กสาวที่กำลังจะโดนเสาไฟฟ้าล้มทับใส่ด้วยการผลักแล้วตัวเองโดนทับแทนจนตัวเองตายในที่สุด

                หลายคนอาจจะสงสัยว่าผมเป็นใคร ผมชื่อว่าชู เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเจ

                ผมรู้จักกับเจ้าหมอนี่มาตั้งแต่ ป.3  เจ้านี่น่ะเป็นคนที่น่าสงสารมากเลย ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ผมจะเล่าเรื่องสมัยที่ผมรู้จักกับหมอนี่ให้ทุกคนฟัง

                เจ้าหมอนี่เป็นเด็กที่เก่ง เรียนรู้ได้เร็ว และสอนคนอื่นเก่งเข้าใจง่าย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเวลามันเรียนกลับได้คะแนนกลางๆซะอย่างนั้น เหมือนจงใจให้ได้แค่นั้นเลย

                อยู่มาวันหนึ่ง ผมมาถึงโรงเรียนก็ขึ้นห้องเอาสัมภาระไปวางไว้ก่อนเพื่อเตรียมเข้าแถว แต่ก็ได้ยินเพื่อนๆในห้องพูดกัน

                “ไอ้เป็ด แกทำการบ้านคณิตมายังอะ”

                “ทำแล้วดิ ครูสมหมายดุจะตาย ลืมทำครั้งก่อนโดนขนมจีบไปห้าที เล็บจะหักอยู่แล้ว”

                ในตอนนั้นเองผมก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าตัวเองยังไม่ได้ทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์เพราะเมื่อคืนมัวดูการ์ตูนที่ฉายผ่านจานดาวเทียมเพลินไปนิดหน่อย

                แล้วพอในตอนที่ผมจะรีบไปขอยืมสองคนที่พูดนั้น ทั้งห้องก็เหลือเพียงแค่ผมกับเจเท่านั้น ผมก็เลยจำใจต้องไปขอเจลอกการบ้าน ถึงในตอนนั้นผมกับเจอาจจะไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ แต่ก็ต้องรีบขอมาลอกอย่างน้อยก็จะไม่โดนตี

                “ขอลอกเหรอ? อย่าเลย ที่ชั้นทำไปมันถูกแค่สองข้อจากสิบข้อเอง เอางี้ไหม เดี๋ยวชั้นทำให้ แล้วเดี๋ยวถ้านายไม่เข้าใจบทนี้ ชั้นจะสอนนายทีหลังก็ได้นะ”

                ในตอนนั้นผมก็คิดในใจ คนๆนี้กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ แปดคะแนนน่ะมันสำคัญมากเลยนะ แล้วรู้ได้ไงว่าจะได้แค่สองเต็มสิบข้อ สู้ผมรีบนั่งทำตอนนี้ยังมีโอกาสได้คะแนนมากกว่าสองอีก ผมคิดเช่นนี้และกำลังจะตอบปฏิเสธแต่เจก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

                “จริงๆ ชั้นน่ะทำได้เต็มนะ มันไม่ได้ยากอะไรเลยสักนิด แต่ไม่ค่อยชอบทำเท่าไหร่ ถ้ายังไงแล้วลองให้ชั้นทำก่อนสิ ถ้าไม่เต็มชั้นให้นายเลย ยี่สิบบาท”

                ด้วยความที่ในตอนนั้นยี่สิบบาทถ้าใช้ดีๆก็อยู่ได้เลยสามวัน หรือจะเก็บไปซื้อขนมอย่างอื่นที่ได้ของแถมที่น่าสนใจก็ได้ แถมได้หลายห่อด้วย

                แต่ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่ามันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี ขนาดโดนครูสุ่มถามในห้องหมอนี่ยังทำอ้ำๆอึ้งๆอยู่เลย ผมก็เลยท้ากลับไปว่า ถ้าถูกหมด ก็จะให้เหมือนกันยี่สิบบาท จากนั้นก็ตกลงกันเสร็จสมบูรณ์

 

                หลังจากนั้นผมก็ลงไปเล่นกับเพื่อนที่สนามรอเข้าแถวส่วนเจก็ทำการบ้านให้ผม

                พอถึงเวลาเรียนวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นคาบแรก

                “โอ้ ครูไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าวันนี้นายชูจะทำการบ้านได้คะแนนเต็ม เห็นไหมล่ะนายชู ถ้าเกิดเธอพยายามตั้งใจอ่านหนังสือเธอก็จะทำคะแนนได้ดีอย่างนี้แหละ”

                นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ครูสมหมายที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดพูดชมผม ผมก็เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป เพราะว่าไม่ได้ทำด้วยตัวเอง

                “อะไรเนี่ย นายธีรภัทร ถูกแค่สองข้อจากสิบข้อ! ครูบอกกี่ทีแล้วว่าให้ตั้งใจอ่านหนังสือ เวลาทำการบ้านทำงานจะได้คะแนนเยอะๆกับเขาบ้าง เนี่ย ดูนายชูเป็นตัวอย่าง ไม่ไหวเลยไม่ไหว”

                “คร้าบ”

                แล้วเจ้าหมอนี่ก็ส่งยิ้มให้ผมเพื่อย้ำว่าผมได้เสียตังแน่ เซ็งชะมัดเลยล่ะตอนนั้น ถึงสุดท้ายเจก็จะบอกผมมาว่าไม่เป็นไร แล้วขอเป็นอย่างอื่นแทน

                “อือ… ถ้ายังไงแล้ว นายช่วยเป็นเพื่อนกับเราแทนได้ไหม…คือเราไม่ค่อยมีเพื่อนน่ะ”

                หลังจากนั้นผมกับเจก็สนิทกัน ไปเที่ยวห้างกันบ้างบางครั้งเพื่อไปซื้อพวกหนังสือการ์ตูนหรือนิยายมาอ่าน

                แน่นอนว่าผมก็ไม่ได้สนิทกับเจแค่คนเดียว ผมสนิทกับใครอีกหลายๆคน รวมถึงพวกที่ชอบแกล้งเจ

                เพราะส่วนใหญ่เจ้าหมอนี่น่ะ มันจะชอบพูดอะไรตรงๆ ถึงจะได้คะแนนในห้องน้อย แต่เวลาทำโครงงาน โครงงานของมันน่ะดีกว่าและสร้างสรรค์กว่าคนอื่นๆในระดับชั้นเดียวกันเยอะมากเลยทีเดียว ทำให้ทั้งคนที่ชอบแกล้งคนอ่อนแอ และพวกที่เก่งแต่ขี้อิจฉาชอบมารุมแกล้ง ทั้งเอาของไปซ่อน เอาหนังสือและสมุดเรียนไปโยนลงบ่อน้ำ แม้กระทั่งทำร้ายร่างกาย

                แต่แน่นอนว่าเจ้าหมอนี่เองก็เป็นคนสู้ เวลาถูกแกล้งก็จะไม่ยอม ไม่ได้ไปฟ้องครู แต่จะซัดหน้าคนที่แกล้งโดยไม่ลังเล ไม่ได้กลัวเลยว่าพ่อแม่อีกฝ่ายจะเป็นใคร ก็จะไม่ยอม ถ้าหากว่าตัวเองไม่ได้ผิดเลย ก็จะเถียงหัวชนฝา แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็จะไม่เถียง และยอมรับแต่โดยดี

                และด้วยความที่เป็นแบบนั้น การสร้างภาพที่ทำให้ตัวเองเรียนไม่เก่ง มีปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นบ่อยๆ หน้าตาก็ค่อนข้างดี โครงงานผ่านมากกว่าพวกเด็กเก่งๆแต่ไม่เคยไปเข้าแข่งเลย เพื่อนร่วมชั้นหลายๆคนก็เลยพาลเกลียดเจ้าหมอนี่

                และด้วยความที่ผมเป็นคนที่เล่นกีฬาค่อนข้างเก่ง ไปแข่งระดับจังหวัดอยู่หลายครั้ง ก็เลยทำให้เป็นที่ชื่นชมในระดับชั้นอยู่บ้าง และทุกคนก็เห็นว่าผมนั้นสนิทกับคนที่ใครๆต่างก็ไม่ชอบหน้า เลยอยากจะให้ผมอยู่ห่างกับหมอนั่นเอาไว้

                “เห้ยชู ข้าว่าเอ็งควรจะอยู่ให้ห่างกับมันเอาไว้ว่ะ”

                “ทำไมวะ ไอ้เจ้าหมอนั่นมีปัญหาอะไรกับเอ็งอีกล่ะ”

                “พูดไปหลายรอบแล้ว ไม่เคยจำเลยเหรอวะ”

                “ไอ้เจ้านี่มันก็คนๆหนึ่ง มันเลือกจะทำอะไรก็เรื่องของมัน และชั้นก็ว่าชั้นจะทำอะไรก็เรื่องของชั้น”

                “เห้ย..แต่ว่าไอ้เวรนั่นมัน…”

                “แค่ฟ้าที่แกชอบมันบอกว่าไอ้เจมันหล่อดีนะ ก็เลยเกลียดมันหรือไง ความเกลียดนั่นน่ะ มันใช่ของแกจริงๆหรือเปล่า แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงซะ ชั้นก็จะไปเที่ยวกับพวกแกเหมือนเดิม แน่นอนว่าชั้นเองก็จะเป็นเพื่อนและไปเที่ยวกับไอ้เจมันเหมือนเดิมเช่นกัน”

                “หะ..เห้ย…เดี๋ยวดิวะ…”

                “เจอกัน”

                หลายๆครั้ง มันก็จะเป็นอย่างนี้ ผมเองก็มักจะบอกกับไอ้เจเสมอว่าให้มันเปลี่ยนตัวเองหน่อยสิ ถ้าเปลี่ยนแล้วชีวิตดีขึ้นหรือไม่ต้องทุกข์กับเรื่องแบบนี้มันก็น่าจะเปลี่ยน ถึงจะไม่มีความสุข แต่ปัญหายิบย่อยพวกนี้มันก็จะหายไป แต่เจก็จะยังคงยึดติดกับเรื่องที่ตัวเองเคยเจอในอดีตเช่น

                “ทำดีหนึ่งร้อยครั้งแต่เมื่อพลาดครั้งเดียว สิ่งนั้นจะติดกับเราไปตลอด และนั่นทำให้ชั้นเสียความมั่นใจไปหมดแล้ว แค่จะกล้าทำอะไรสักอย่าง ชั้นจะต้องเจอกับสิ่งที่ทำให้ความกล้านั้นหายไปตลอด ขอโทษนะ”

                “ไม่ดิพวก คือต้องกล้า กล้าจนสุดดิวะ ถ้านายไม่กล้าจนพ้นที่ตรงนั้นแล้ว จะก้าวไปข้างหน้า จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้เหรอวะ”

                “ถ้าแกเจอเรื่องแบบชั้นซ้ำๆไม่พักเลย ก็จะเข้าใจชั้นเองแหละ”

                หลังจากนั้นผมกับเจก็เรียนจบ ม.3 ไปส่วนเจเลือกที่จะหยุดพักหนึ่งปีเพื่อพักจิตใจที่เจอแต่เรื่องอย่างนั้น ช่วงนั้นเอง ผมก็แวะไปหามันที่บ้านบ้างก็คุยกับมันบ้าง

                “ว่างเป็นปีขนาดนี้ ได้อ่านนิยายชิวแล้ว”

                “อ่านแล้วห้ามสปอยนะเห้ย เดี๋ยวมายืมทีหลัง”

                “นายไม่รอดหลอก รู้ป่าวว่าสุดท้ายแล้วนางเอกน่ะเป็นหัวเหลือง พูดแล้วก็เศร้า หัวดำโดนแกล้งตลอดทั้งเรื่องเลย จะสารภาพก็ไม่ได้สารภาพสักที”

                “ห้ะ หัวเหลืองนางเอกเหรอวะ โคตรดีโคตรเยี่ยม สปอยเรื่องนี้ดีว่ะเพื่อน จะได้ไม่ต้องรอลุ้น ฮ่าๆๆๆ แต่เดี๋ยวก่อน อันนี้มันไม่ใช่นิยายไม่ใช่หรือไง”

                “คือๆกันแหละ”

                “เวรกำ”

                หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปจนถึงวันที่หลายๆโรงเรียนเปิดรับสมัครนักเรียน ผมซึ่งย้ายออกมาจากโลกเรียนเดิมไปเรียนที่ใหม่ เพื่อนรักของผมก็จะย้ายตามมาเช่นกัน และแน่นอนว่าเจ้านั่นก็สอบติดตามคาด ได้ถึงอันดับเจ็ดโดยไม่ได้อ่านไปเลย

                ทำได้ไงวะ

                ซึ่งที่บ้านของมันก็ดีใจมาก และเจ้าหมอนี่เองก็ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจังแล้วด้วย ผมกับมันเลยตั้งใจจะไปฉลองกันที่งานสาวแว่นเฟสติวัลก่อนแล้วค่อยไปร่วมฉลองกับที่บ้านของมัน

                แต่สุดท้ายแล้วเจก็ตายไปจากการช่วยเหลือเด็กที่กำลังจะถูกเสาไฟฟ้าล้มทับด้วยการผลัก แต่ตัวเองหลบไม่ทันโดนทับแทนเด็กคนนั้น

                ในงานศพของเจ เด็กคนนั้นที่เจช่วยไว้ได้บอกกับพ่อแม่ของเจว่าจะคอยดูแลท่านเหมือนเป็นลูกของท่านเอง หวังว่าเจ้าเพื่อนรักจะหมดห่วงแล้วได้ไปเกิดในต่างโลกแบบที่ใฝ่ฝันนะ

                “ชูลูก เดินทางกลับดีๆนะ ระวังตัวนะ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอนะ”

                “ครับผม ขอบคุณนะครับป้าชม”

                ผมบอกลาป้าชมแม่ของเจก่อนจะเดินกลับบ้านของตัวเอง

                พอเพื่อนตายแล้วมันก็โหวงๆเหมือนกันแฮะ เพื่อนที่สนิทกันมาเจ็ดปีเต็มๆต้องมาตายจากกันไปนี่มันรู้สึกขมในปากชะมัด

                ในตอนที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่กลับต้องมาตาย พระเจ้ากำลังเล่นตลกกับเจ้าหมอนี่อยู่หรือไง ไม่ขำสักนิดเลยว่ะ

                ไม่ดิ แค่คิดว่าโลกนี้มันทำให้คนดีๆคนนึงกลายเป็นแบบนั้นได้น่ะมันน่าตลกกว่าเยอะ เป็นเรื่องตลกที่ยิ้มไม่ออกด้วยซ้ำ ถ้าเกิดได้ไปยังโลกอื่นแบบในนิยายน่ะดีกว่าเยอะ

                ทันใดนั้นเองจู่ๆก็มีวงแหวนเวทย์ที่ใต้เท้าของผมและในเสี้ยววินาทีที่ผมเห็นมัน ภาพก็ตัดไปยังสถานที่ๆไม่รู้จัก

                “สวัสดีท่านผู้มาจากต่างโลก ได้โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วย”

                ผู้หญิงในชุดนักเวทย์คุกเข่าคุยกับผม

                อ๊ะ อย่าบอกนะว่าผมมาต่างโลก เห้ย ต่างโลกว่ะ ฟังที่เขาพูดรู้เรื่องด้วยเว้ย! เรื่องจริงปะวะเนี่ย เชี้ย เพื่อนชั้นได้มาต่างโลกแล้วว่ะเพื่อน

                “จะให้ผมเป็นผู้กล้าสินะครับ ได้เลยครับ!”

                มาอย่างนี้ เราต้องได้สาวสวยแน่นอน

                “ไม่ใช่ค่ะ ผู้ที่จะเป็นผู้กล้าได้มีแต่คนที่มาจากโลกใบนี้เท่านั้น และด้วยเหตุนี้พวกเราจึงได้อัญเชิญท่านนักบวชเพื่อมาเป็นพลังให้กับผู้กล้าในตำนาน”

                เป็นนักบวชแทนสินะ เอาวะ ไม่ได้เป็นผู้กล้าดันเป็นนักบวชแต่ถ้าผู้หญิงคนไหนแห้วจากผู้กล้าเราก็ค่อยๆเป็นที่พึ่งทางใจจนเริ่มชอบเราจากนั้นก็ขอเป็นแฟนเลยก็แล้วกัน!

                “ตอนนี้โลกของเราใกล้เข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญในอนาคต เพื่อการนั้น เราจึงอยากให้ท่านช่วยพวกเราตามเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

                “อืม… สรุปก็คือจะให้ผมรอดูเหตุการณ์…ใน..อนาคต..สินะ..หา…”

                เพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียงตัวเองมันสูงขึ้นนิดหน่อย เป็นเสียงก่อนที่ผมจะเสียงแตก ชุดก็เหมือนจะตัวใหญ่ขึ้น

                “ขอโทษนะครับ ตอนนี้ผมสูงเท่าไหร่ ผมสีอะไร หน้าตาเป็นยังไงนะ”

                ไม่ได้กลายเป็นผู้หญิงแน่ๆ สัมผัสตรงนั้นมันยังอยู่ หน้าตาผมจะยังเหมือนเดิมไหมนะ

                “ตอนนี้ท่านเป็นเด็กอายุประมาณเจ็ดขวบ ผมสีดำ ส่วนหน้าตา…ชั้นก็บอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ”

                ให้ตายสิ ทำไงดีนะ…

                หืม? เด็กผู้หญิงผมสีขาวเหรอ…กำลังหลบหลังผู้หญิงคนนี้ด้วยสิ ว่าแต่…สวยดีแฮะ ทั้งที่อายุน่าจะประมาณเก้าขวบ แต่สวยแฮะ ไม่ใช่คำจำกัดความของคำว่าน่ารักซะด้วยสิยังไงดี สวยแฮะ

                “ท่านอาจจะสงสัย เด็กผู้หญิงคนนี้คือเจ้าหญิงของเผ่ามนุษย์ เจ้าหญิงเอมิเลียค่ะ แนะนำตัวหน่อยค่ะองค์หญิง”

                “อะ..เอมิเลีย ดิ พรอนเทเรีย ค่ะ”

                โคตรสวยเลยโว้ย!

                ว่าแต่เจ้าหญิงของเผ่าเลยอย่างนั้นเหรอ แสดงว่าอาณาจักรมนุษย์ต้องยิ่งใหญ่มากเลยแฮะ ไม่ก็เป็นแค่เผ่า… ไม่หรอกมั้ง ที่ห้องนี้ก็ดูอลังการอยู่ คงเป็นห้องใช้ทำพิธีล่ะนะ

                “ท่านอาจจะต้องสงสัยในหลายๆเรื่อง หลังจากนี้เราจะให้ท่านได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้ เชิญทางนี้เลยค่ะ”

                นั่นสินะ เราต้องเรียนเกี่ยวกับโลกใบนี้สินะ ขอโทษนะครับน้า ที่อุตส่าห์ดูแลผมมาจนถึงตอนนี้ แต่ผมเกลียดโลกใบนั้น และหลังจากนี้ผมจะขออาศัยอยู่ที่โลกนี้แทน อ๋อใช่ๆ

                “ว่าแต่คุณชื่อว่าอะไรนะครับ”

                “ดิฉันชื่อซีลค่ะ เป็นจอมเวทย์ในวังหลวงระดับพิเศษ คอยดูแลในวังและวิจัยเวทย์มนต์หลายๆอย่างค่ะ”

                “อ๋อ…ขอบคุณครับ”

                “แต่ว่าวันนี้จะให้ท่านพักผ่อนก่อนเพราะท่านอาจจะเหนื่อยล้าจากการเดินทางผ่านวงเวทย์อัญเชิญ เพราะงั้นวันนี้จะเล่าเรื่องคร่าวๆกับพาไปห้องพักนะคะ”

                ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามคุณซีลไปโดยมีเจ้าหญิงคอยเดินตามอยู่ห่างๆ

                อืม เพื่อนรักนายคงจะอยู่บนสวรรค์และมองดูชั้นอยู่ใช่ไหมนะ ชั้นน่ะได้มาต่างโลกแล้วนะเพื่อน หรือไม่ก็นายอาจจะได้มาโลกนี้ก่อนชั้นแล้วล่ะมั้ง แต่ถ้านายมาทีพร้อมกันอาจจะต้องรอให้นายโตก่อนล่ะนะ ฮะๆ ยังไงก็หวังว่าจะได้เจอนายนะเพื่อนรัก

 

 

 

 

 

 

                มากิในขณะเดียวกัน

                “คาเอล ลองชุดตัวนี้ด้วยสิๆ”

                “ชุดผู้หญิงมันน่าอายนะครับ…”

                “เอาน่า ลองใส่ตัวนี้หน่อยนะ นะคะ?”

                “อึก…กะ..ก็ได้ครับ”

                “น่าร๊ากก ต่อไปชุดพลีทนะคาเอล”

                “ยะ..อย่ากอดแน่นสิครับ”

                “ก็นายน่ารักนี่นา”

                “ถ้างั้นผมจะกอดมากิคืนแล้วนะครับ”

                “ถ้านายยอมใส่ชุดชั้นทั้งหมด จะยอมให้กอดก็ได้นะ”

                “ขอใส่ทั้งหมดเลยครับ”

                “คุ้มชั้นล่ะ”

 

 

 

 

—-

ใกล้จะตามรีไรท์ในเด็กดีทันแล้ว ถ้ารีบไปอ่านอนาคตก่อนได้นะครับ แต่ถ้าไม่รีบ จะได้เห็นอะไรที่ไม่มีในอนาคตเยอะเลยครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset