ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 112 ขอโทษด้วยนะครับ

ประโยคสุดท้ายของฉินจุนคือประเด็นหลัก

อาหลงยืนนิ่งไม่ได้รีบลงมืออะไร ก็เพราะรอฉินจุนพูดอะไรอีก

ประโยคที่เขาพูดมาก่อนหน้านี้มันตรงหมดเลย

เมื่อหลายปีก่อน อาหลงได้รับบาดเจ็บ ตอนที่เขาเป็นทหารถูกกระสุนยิ่งเข้าที่บริเวณต้นขา ทำลายทางเดินเลือดลมในร่างกายได้รับความเสียหาย ทำให้เขาสูญเสียสมรรถภาพทางเพศ

หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาไปหาหมอเก่ง ๆ มาหลายต่อหลายที่ แต่ก็ไม่มีใครสามารถรักษาให้หายได้

ตอนนี้อาหลงใช้ชีวิตในสังคมอย่างสุขสบาย มีเงินมีอำนาจ แต่กลับไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงได้ แบบนี้มันแย่ยิ่งกว่าการตายไปเลยเสียอีก

แต่ไม่คิดเลยว่า จุดอ่อนที่ปกปิดไว้นี้ กลับถูกฉินจุนค้นพบแล้ว

เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกใครมาก่อนเลย

อีกอย่างหนึ่งรูปร่างของอาหลงก็ใหญ่โต เดินไปไหนก็แทบไม่มีใครดูออกว่าเขามีอะไรที่ผิดปกติ ไอ้เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้มันดูแปลก ๆ 

ฉินจุนพอเห็นสีหน้าสงสัยของเขา ก็หัวเราะแล้วเอ่ย

“ทำไมล่ะ ไม่เชื่อผมเหรอ?”

อาหลงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เขาเกิดอาการลังเลขึ้นมาจริง ๆ

ส่วนฉีเซียนกลับเริ่มร้อนใจขึ้นมาแล้ว “อาหลง!อามัวแต่ทำอะไรอยู่ รีบลงมือสิ!”

อาหลงทำเป็นไม่ได้ยิน แถมยังนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของฉินจุน เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ไอ้หนุ่ม นายต้องรับผิดชอบคำพูดที่นายพูดนะ”

ฉินจุนเอ่ย “ยื่นมือมาสิ ผมจะวัดชีพจร”

อาหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยื่นมือออกมา

ฉินจุนใช้สามนิ้วตรวจวัดชีพจร จากนั้นก็พยักหน้า

“เส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้รักษายากอะไร ตามหลักการแล้ว ก็เหมือนกับเส้นเลือดลมของมือเท้าได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ว่า อาการบาดเจ็บของคุณมันเป็นโรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ยากที่จะเปิดเผยความจริงก็เท่านั้น มันถึงได้รักษาไม่ค่อยได้”

พูดจบ ฉินจุนก็หยิบเข็มออกมา ก่อนจะแทงเข้าไปที่นิ้วชี้กับนิ้วโป้งของอาหลง

เพียงไม่นาน ก็มีเสียงเข็มดังออกมา

ทันใดนั้นอาหลงก็รู้สึกแปลก ๆ ในช่องท้องของตัวเอง ความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกมานานมากแล้ว!

ถึงแม้ว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิมเพียงแค่นิดเดียว แต่อาหลงก็เหมือนได้พบกับความหวัง!

สีหน้าของเขาดูดีใจมาก รีบลุกขึ้นโค้งคำนับ

“นายท่านได้โปรดรักษาผมด้วยครับ!”

ฉินจุนพยักหน้า “ในเมื่อผมลงมือแล้ว ยังไงก็ต้องรักษาให้คุณอยู่แล้ว แต่ว่า คุณต้องช่วยผมทำอะไรบางอย่าง”

พูดจบ อาหลงก็รีบเงยหน้าขึ้น

“วางใจได้เลยครับ ผมเข้าใจแล้ว”

อาหลงหันหน้าไปมองฉีเซียนด้วยสีหน้าเย็นชา

ในชั่วพริบตาสีหน้าของฉีเซียนก็ซีดเผือดทันที “อาหลง อาจะทำอะไร!อาหลงอาเป็นบอดี้การ์ดที่พ่อผมจ้างมาราคาแพงลิบลิ่วนะ!”

อาหลงเดินขึ้นไปหาฉีเซียนและพูดอย่างเฉยเมยว่า “คุณชายฉี ขอโทษนะครับ ต่อจากนี้ไป ผมไม่ใช่บอดี้การ์ดของคุณอีกต่อไปแล้ว”

“ขอโทษด้วยนะครับ”

พูดจบ อาหลงก็ยื่นมือออกไปจับที่ศีรษะของฉีเซียน ก่อนจะแยกมันเบา ๆ

เกิดเสียง “กรอบ” จากนั้นฉีเซียนก็เสียชีวิตทันที!

อาหลงลงมือทีเด็ดขาดสุด ๆ ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวนี้ควรค่าแก่การชื่นชม

ถ้าเทียบกับความสุขของเขาแล้ว คุณชายแห่งตระกูลฉีไม่ได้มีค่าอะไรเลย?

อาหลงเดินไปตรงหน้าของฉินจุน ก่อนจะโค้งคำนับด้วยความเคารพอีกครั้ง

ฉินจุนเอ่ย “คลีนิกซวนหยวน จตุรัสซินหมิน ถนนแพทย์แผนจีน ถ้าคุณมีเวลาว่างก็ไปที่นั่น จะมีคนรักษาให้คุณ”

เหมือนกับที่ฉินจุนกล่าวไว้ อาการป่วยแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะรักษายาก เพียงแค่มันเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ยากที่จะเปิดเผย เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถไปหาหมอได้อย่างเปิดเผยก็เท่านั้น

กลับไปชี้แนะนิดหน่อย ข่งฝานหลินก็สามารถรักษาได้

พูดจบ ฉินจุนกับจู้หลินหลินก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปทันที

ภายในบาร์ ณ เวลานี้ เงียบสงัด

คุณชายฉีตายที่นี่!

ประเด็นสำคัญคือ คุณชายฉีไม่ได้ตายเพราะเงื้อมมือคนอื่น แต่กลับตายในเงื้อมมือของบอดี้การ์ดของตัวเอง

ผ่านไปไม่กี่นาที จินกว่างจื้อก็มาถึง

พอเข้ามาในบาร์ เห็นจินซานหลงที่นอนอยู่ที่พื้นก็โมโหขึ้นมาทันที

“ลูกพ่อ!ลูกไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม!”

กระดูกที่ขาทั้งสองข้างของจินซานหลงหัก น่าจะสามารถรักษาได้อยู่ แต่ว่าหลังรักษาเสร็จอาจจะมีอาการมีผลตามมา อาจจะไม่ถึงขนาดนั่งรถเข็น แต่อาจจะมีอาการขาเป๋

พอจินกว่างจื้อเห็นฉีเซียนที่นั่งหมดลมหายใจอยู่บนรถเข็นก็ช็อกทันที

“ลูกพ่อ!ลูกฆ่าฉีเซียนเหรอ?”

จินซานหลงเจ็บจนไม่สามารถพูดอะไรได้ ใกล้จะหมดลมหายใจ พอเห็นหน้าพ่อของตัวเองก็สิ้นลมหายใจหมดสติไปเลย

จินกว่างจื้อตกใจช็อก รีบเข้าไปกอดลูกชายเอาไว้ในอ้อมอก

พอกลับมาถึงบ้านก็รีบปิดประตู ปิดหน้าต่าง เตรียมพร้อมออกทันที

ฆ่าคุณชายฉีแห่งตระกูลฉี นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะ ถ้าหากเมื่อใดก็ตามที่ตระกูลฉีลงมือพวกมันกัดไม่ปล่อยแน่ๆ เกรงว่าตระกูลจินอย่างพวกเขาจะรับมือไม่ไหวแน่ ๆ

โชคดีที่พวกมันอยู่ที่เมืองหลวง

ต่อให้ตระกูลฉีคิดจะลงมือ ก็คงทำอย่างกะทันหันไม่ได้ ถ้าคิดจะหนีก็ยังถือว่ามีเวลา

……

ข่าวเรื่องการตายของคุณชายตระกูลฉีแพร่กระจายออกไป แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือ ตระกูลฉีกลับไม่ลงมือทำอะไรเลย

แม้ว่าจะมีข่าวลือว่าคุณชายของตระกูลฉี ถูกบอดี้การ์ดของตระกูลฆ่าตาย แต่เรื่องมันก็ต้องมีที่มาที่ไป ไม่ว่าจะยังไงตระกูลฉีก็ควรที่จะสืบสวนเรื่องนี้ถึงจะถูก

แต่ตอนนี้ตระกูลฉีกลับไม่ปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรเลยกับเรื่องนี้ ความจริงนี้ทำให้ทุกคนต่างตกใจ

จู้หลินหลินพอกลับมาถึงบ้าน คนในตระกูลจู้ก็ต่างพากันพูดถึงเรื่องนี้

“หลินหลิน ลูกรู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น!คุณชายตระกูลฉีถูกฆ่าตายแล้ว!”

จู้หลินหลินแกล้งทำเป็นตกใจช็อก เธอต้องรู้เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเธออยู่ในเหตุการณ์

“หา จริงเหรอคะแม่ ใครเป็นคนฆ่าคะ”

หวังหยุนจึงเอ่ย “ยังจะต้องถามอีกเหรอต้องเป็นคุณชายตระกูลจินอยู่แล้ว!”

จู้หลินหลินขมวดคิ้ว คุณชายจิน?หมอนั่นโดนซ้อมจนขาหักทั้งสองข้าง เธอเห็นเองกับตาของตัวเอง

“แม่ ไม่ใช่หรอกมั้งคะ ทำไมหนูได้ยินมาว่าจินซานหลงถูกคนซ้อมจนขาหักทั้งสองข้าง ส่วนคุณชายฉีน่ะถูกบอดี้การ์ดของตัวเองฆ่านะคะ?”

หวังหยุนเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ยัยเด็กโง่เราจะรู้อะไร คุณชายจินถูกซ้อมแบบนั้น คนเขาจะยอมง่าย ๆ ได้ยังไง?พ่อของคุณชายจินอย่างจินกว่างจื้อตามไปทีหลังแบบนั้น ต้องเป็นฝีมือของจินกว่างจื้อที่ทำแน่นอน!”

การวิเคราะห์ของหวังหยุนก็มีเหตุมีผล จินกว่างจื้อเป็นทหารเก่า มีทักษะและความสามารถอันเก่งกาจ เห็นลูกชายของตัวเองโดนซ้อม จะทนได้เหรอ?

เพราะฉะนั้นต้องเป็นจินกว่างจื้อแน่นอนที่ฆ่าคน ส่วนข่าวลือที่ว่าเป็นคนของตัวเองฆ่า ต้องเป็นตระกูลตระกูลฉีที่ปล่อยข่าวออกมา

ลองคิดดู ถ้าหากปล่อยข่าวออกมาว่าตระกูลจินเป็นคนฆ่าจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นตระกูลฉีสรุปแล้วจะแก้แค้นหรือไม่แก้แค้น?

ถ้าแก้แค้น พวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเท่าตระกูลจิน

ถ้าไม่แก้แค้น ก็จะถูกคนครหาว่าอ่อนแอ เพราะฉะนั้นบอกไปตรง ๆ ว่าเป็นเรื่องภายในตระกูล ก็ไม่มีใครมายุ่งแล้ว

สิ่งที่หวังหยุนวิเคราะห์มานั้นมีเหตุผล และสมเหตุสมผลมาก ๆ แต่ทว่ามีสิ่งเดียวที่เธอวิเคราะห์ผิดก็คือ ความแข็งแกร่งของตระกูลจิน

ตระกูลจินแห่งเมืองหลวงนั้นฟังดูแล้วเหมือนจะเก่งกาจมาก แต่ว่าแท้จริงแล้วต่อกรเทียบอะไรไม่ได้กับตระกูลฉีเลย

จู้หลินหลินเองก็เริ่มทนหวังหยุนไม่ค่อยไหว แม่ของเธอนั้นคิดเองเออเองเกินไปแล้ว

“แม่คะ แม่เข้าใจผิดแล้ว หนู……”

เดิมทีจู้หลินหลินอยากจะบอกความจริงออกไป ว่าเป็นเพราะฉินจุนลงมือทำให้ฉีเซียนต้องตาย แต่พอคิดดูแล้วว่าหวังหยุนเป็นคนปากสว่าง ถ้าพูดออกไปอาจจะไม่เป็นผลดีต่อพี่เสี่ยวจุน คิดไปคิดมาเธอก็คิดว่าเก็บเอาไว้ดีกว่า

หวังหยุนถลึงตาใส่เธอ “แม่จะบอกเราให้นะ วัน ๆ อย่ามัวแต่ไปกับไอ้คนแซ่ฉินนั่น ตอนนี้คุณชายจินได้รับบาดเจ็บ เราว่าง ๆ ก็รีบไปดูเขาหน่อย!”

พูดจบหวังหยุนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาดู ทันใดนั้นก็ช็อกไปเลย

หวังหรุ่ยตอบกลับมาแล้ว บอกว่าโสมนั้น วันนี้จะนำไปมอบให้ท่านประธาน

หวังหยุนตั้งมั่นไว้ในใจแล้วว่าจะผูกมิตรกับว่าที่ลูกเขยเศรษฐีทั้งสองไปพร้อมกัน จะต้องมีสักคนแหละที่ตกเบ็ด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset