ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 143 เป็นเพราะฉินจุน

พูดจบ หวังจี้ไห่ก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที

พอได้ยินเสียงตัดสายจากอีกฝ่าย สีหน้าของซุนเอ๋อเหม่ยก็ตะลึงหน่อย ๆ

ทำไมเป็นแบบนี้?

ที่หวังจี้ไห่จองไว้ คือคลินิกเจียลี่ที่อยู่ด้านข้างมาโดยตลอดเลยเหรอ?

แต่ว่าเมื่อวานนี้ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าพวกเธอได้ส่วนลด!

“คุณผู้หญิงคะ กรุณาชำระเงินด้วยค่ะ ทั้งหมด 110,000 หยวนค่ะ”

สีหน้าของซุนเอ๋อเหม่ยย่ำแย่สุด ๆ ครอบครัวจน ๆ อย่างพวกเธอ อย่าพูดถึงเงินเป็นแสนเลย แต่ไม่กี่พันพวกเธอก็ไม่มีจ่าย

“น้า น้า……” ซุนเอ๋อเหม่ยก้าวถอยหลังสองสามก้าว หันไปมองหน้าเหยาตัน

เหยาตันหน้าซีดทันที

“อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะคะ ฉันไม่จ่ายแทนพวกคุณแน่!”

ตอนนี้เหยาตันโมโหจนถึงขีดสุดแล้ว เธอเดินไปที่เคาท์เตอร์ก่อนจะหยิบบัตรธนาคารออกมา

“ฉันจ่ายในส่วนของฉันค่ะ!”

แต่ละคนตกคนละสามหมื่นกว่า เหยาตันรูดบัตรเพียงแค่ส่วนของเธอ ส่วนของคนอื่นเธอไม่ขอยุ่ง

ภายในใจของซุนเอ๋อเหม่ยก็รู้สึกแย่มาก ๆ เดิมทีเธออยากจะเลี้ยงอาหารอาจารย์ดี ๆ สักมื้อ สุดท้ายกลับทำให้เรื่องมันแย่ซะงั้น แถมยังทำให้คนอื่นต้องอับอาย

“อาจารย์เหยา อาจารย์เหยาอย่าโมโหไปเลยนะคะ เรื่องงานของลู่ลู่……”

เหยาตันส่งเสียงอย่างไม่พอใจ “อย่างพวกคุณ ถ้าไปทำงานจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนให้ฉันเหรอ?ฉันไม่สนใจแล้ว ถ้าพวกคุณเก่งนัก ก็ไปหางานเองแล้วกัน !”

พูดจบเหยาตันก็เดินออกไปอย่างโมโหทันที

สีหน้าของซุนเอ๋อเหม่ยย่ำแย่เกินกว่าจะมีใครเทียบได้ จบแล้ว เรื่องงานของลูกสาวเธอจบแล้ว!

หลิวลู่ก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา น้ำหูน้ำตาไหล

“แม่ แม่พูดมาเลยแม่มาที่นี่ทำไม!ตอนแรกทุกอย่างของหนูมันดีอยู่แล้ว พอแม่มา แฟนก็เลิก หายก็หาย ตอนนี้พวกเรายังไม่มีเงินมาจ่ายเขาอีก นี่มันเพราะอะไรกัน !”

หลิวลู่นั่งยอง ๆ ร้องไห้อยู่ที่พื้นอย่างเศร้าโศกเสียใจ

ซุนเอ๋อเหม่ยยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลก ๆ ถ้าหากว่าหวังจี้ไห่ไม่ได้จองคลินิกนี้ แล้วทำไมเมื่อวานตอนที่พวกเธอมาถึงได้รับส่วนลดล่ะ ?อีกอย่างลดให้พวกเธอจนเกือบจะให้ฟรีอยู่แล้วเลยด้วยซ้ำ

คนเมื่อวานที่มาด้วยกัน นอกจากพวกเธอแล้ว ก็มีบ้านของหวังตงเสวี่ย

หรือว่า……จะเป็นเพราะแฟนของหวังตกเสวี่ยคนนั้น?!

ซุนเอ๋อเหม่ยรีบเอ่ยถาม “ลูกแม่ แฟนของหวังตงเสวี่ยคนนั้น ทำงานอะไรกันแน่?”

หลิวลู่เช็ดน้ำตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตำหนิ “หนูจะรู้ได้ยังไง หนูก็เจอเขาครั้งแรกเหมือนกัน”

ซุนเอ๋อเหม่ยตบหน้าขาตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นก็ถูกแล้ว ที่เมื่อวานพวกเรากินอาหารกับเสริมสวยแล้วได้ส่วนลดก็เพราะว่าเขาแน่ ๆ !”

หลิวลู่ขมวดคิ้ว “แม่ แม่พูดเรื่องอะไรน่ะ จะเป็นเขาได้ยังไง?”

ซุนเอ๋อเหม่ยเอ่ย “ยัยลูกโง่ เขาแค่แกล้งทำโง่ทำตัวธรรมดา ถ้าไม่ใช่เขาจะเป็นใครได้ เราลองคิดดูสิเมื่อวานตอนที่เรากินข้าว เห็นได้ชัดว่าหวังจี้ไห่ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าจะมีการแถมอาหารแถมไวน์”

“ไหนจะคลินิกที่นี่อีก คลินิกที่หวังจี้ไห่จองไว้ไม่ใช่ที่นี่ แถมเมื่อวานเขายังให้เราทำฟรี พอวันนี้พวกเรามากันเองดันไม่ได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครได้?”

พอฟังที่ซุนเอ๋อเหม่ยพูดแบบนี้ หลิวลู่ก็รู้สึกว่ามันฟังดูสมเหตุสมผล หรือว่าพวกเธอจะดูถูกนายฉินจุนคนนี้เกินไป?

“ลูกแม่ เราลองคิดดูนะ โรงแรมที่เราพักเมื่อคืนคืนนึงตั้งเท่าไหร่?นายฉินจุนอะไรนั่นยังอยู่ไหวเลย!ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายได้อย่างเดียวว่าเขาเป็นคุณชายมหาเศรษฐีที่เราเอื้อมไม่ถึง!”

ทันใดนั้นซุนเอ๋อเหม่ยก็เหมือนจะเข้าใจทุกอย่างกระจ่าง เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะโทรศัพท์ไปหาซูฮวน

“ฮัลโหล พี่ฮวนเราก็เป็นพี่เป็นน้องกันถูกไหม ตอนนี้ฉันมาเยี่ยมลูกสาว นึกถึงพี่ตลอดเลยว่าจะซื้อของไปฝาก ฉันดีต่อพี่ใช่ไหมล่ะ ?”

พูดมาขนาดนี้แล้ว ซูฮวนก็ทำได้เพียงหัวเราะแกน ๆ “แน่นอนสิ เอ๋อเหม่ยเธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

“พี่ฮวน ฉันมีเรื่องจะขอร้องพี่ วันนี้ฉันพาอาจารย์ของลู่ลู่มาที่คลินิกเสริมความงาม พอตอนนี้จ่ายเงินพวกเราเงินไม่พอ……”

ซูฮวนยังคงจิตใจดี “เงินไม่พอเหรอ?ขาดอีกเท่าไหร่ล่ะ ฉันมีอยู่สองสามพัน เดี๋ยวฉันโอนให้ไหม?”

“ไม่ต้อง ๆ พี่ฮวน!พี่ไม่ต้องโอนมา พี่ช่วยบอกให้ลูกเขยพี่โทรไปคุยกับเขาหน่อยว่าลดให้หน่อยได้ไหม?”

ซูฮวนชะงัก “ลูกเขยฉัน?เขาทำได้เหรอ?”

“พี่ลองดู ต้องได้แน่!”

หลังจากวางสาย ซุนเอ๋อเหม่ยกับหลิวลู่ก็ยืนรออยู่ในคลินิก ความหวังทั้งหมดฝากไว้ที่ซูฮวนเลยตอนนี้

ถ้าหากว่าไม่มีใครสนใจพวกเธอจริง ๆ เธอไม่มีเงินจ่ายเป็นแสน ๆ อยู่แล้ว คาดว่าคงจะโดนขังทำงานอยู่ที่นี่ ครึ่งปีมั้งกว่าพวกเธอจะคืนเงินได้หมด

พอวางสายโทรศัพท์ ซูฮวนก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“เสี่ยวจุนจ้ะ น้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากเราหน่อย”

“คุณน้าว่ามาเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

ซูฮวนจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ฉินจุนก็เผยรอยยิ้มอย่างสมเพชออกมา สองแม่ลูกคู่นั้นนี่ทำตัวเองจริง ๆ อุตส่าห์ปล่อยให้พวกนั้นเอาเปรียบพวกเธอยังคิดว่าตัวเองถูก สุดท้ายตอนนี้เป็นไงล่ะซวยเข้าให้

ซูฮวนเอ่ยปากมาขนาดนี้ ฉินจุนเองก็ปฏิเสธไม่ลง จึงโทรศัพท์ไปหาหวังอี้สุ่ย

ไม่นานพนักงานที่เคาท์เตอร์คลินิกก็ได้รับสายจากเจ้านาย

“ได้ค่ะเจ้านาย รับทราบค่ะ”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ พนักงานก็เดินยิ้มแย้มเข้ามาหา

“คุณผู้หญิงทั้งสองท่านคะ เมื่อสักครู่เจ้านายของพวกเราโทรมา บอกว่าไม่ต้องชำระค่าบริการค่ะทำให้ฟรี ทั้งสองท่านสามารถกลับได้เลยค่ะ”

ซุนเอ๋อเหม่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก สีหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที

พอออกมาจากคลินิกเสริมความงาม ซุนเอ๋อเหม่ยก็เอ่ยเบา ๆ ว่า

“ลูกแม่ ที่แท้นายฉินจุนอะไรนั่นก็เป็นคุณชายเศรษฐีที่อำพรางตัวตน ถ้าเทียบกันแล้วหวังจี้ไห่เทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ!”

“ถ้าพูดถึงเรื่องรูปร่างหน้าตาลูกดีกว่าหวังตงเสวี่ยตั้งเยอะ?คุณชายมหาเศรษฐีแบบนี้ถ้าชอบหวังตงเสวี่ยทำไมจะไม่ชอบลูก?ลูกแม่ ลูกต้องพยายามนะ!”

หลิวลู่ก็พยักหน้าเห็นด้วย “หนูเองก็ไม่นึกเลยว่าฉินจุนจะเก่งขนาดนี้ แค่โทรครั้งเดียวก็ช่วยให้เราไม่ต้องจ่ายเงินเจ็ดแปดหมื่น แม่ไม่ต้องห่วง เขาหนีไม่พ้นกำมือหนูหรอกค่ะ”

ช่วงสองวันที่ผ่านมาออกเงินให้ซูฮวนไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งไปเดินช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้า เข้าซาวน่า อะไรน่าสนใจก็ไปลองหมด ซูฮวนเองก็เชื่อว่าฉินจุนเป็นแฟนของลูกสาวจริง ๆ ถึงได้วางใจ

ซูฮวนอาศัยช่วงที่หวังตงเสวี่ยไม่อยู่โทรเรียกให้ฉินจุนมาหา นำกล่องที่อยู่ในอกส่งให้ฉินจุน

กล่องเล็ก ๆ นี้มีขนาดเท่าฝ่ามือและห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าหลายชั้น

หลังจากเปิดออกช้าๆ ข้างในเป็นจี้หยกรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมอันสวยงาม

“เสี่ยวฉิน ผู้ชายห้อยเจ้าแม่กวนอิมส่วนผู้หญิงควรห้อยพระ เจ้าแม่กวนอิมหยกนี้เป็นของตกทอดของครอบครัวน้า แม้ว่าจะไม่ใช่สมบัติมีมูลค่าอะไร แต่ก็เป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในครอบครัวของเรา”

“น้ารู้ว่าเราเป็นคนรวย และมีสิ่งของราคาแพงมากมาย แต่นี่คือน้ำใจของน้า หวังว่าเราจะไม่รังเกียจมัน นี่คือของขวัญที่น้าจะมอบให้เรา”

หลายๆ หมู่บ้านมีธรรมเนียมนี้ ถ้าหากพอใจกับลูกเขยหรือลูกสะใภ้ ก็จะมอบมรดกตกทอดของครอบครัวที่มีราคาแพงเป็นของขวัญ

ฉินจุนใช้มือทั้งสองข้างรับจี้หยกมาแล้วพูดว่า

“ขอบคุณครับคุณน้า ผมชอบมันมากผมจะรักษามันไว้อย่างดี”

ซูฮวนยิ้มด้วยความพึงพอใจ “เราชอบมันก็ดีจ้ะ พวกเราเองก็ไม่เด็กแล้ว รอให้ตงเสวี่ยเรียนจบ ก็คงจะแต่งงานเลยใช่ไหม?หรือว่าจะมีลูกกันก่อนก็ได้นะ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset