ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 149 ระดับต่ำสุด

เมื่อเทียนจุนไคพูดแบบนี้ทุกคนต่างก็เดินมา และเห็นฉินจุนนั่งอยู่ข้างในนั้น ทุกคนต่างก็มีสีหน้าแปลกใจ

คุณชายฉินนี่หรูหราไม่ใช่เล่นเลยน้า เมื่อกี้พวกเราอยู่แค่ห้องโถงด้านข้างเท่านั้น แต่คุณกลับอยู่ในห้องโถงใหญ่เนี่ยนะ แถมคุณยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลักอีก นั่นคือที่นั่งของคุณเหรอ?”

“ถ้าเป็นคุณชายฉินเมื่อก่อนก็คงจะนั่งในที่เก้าอี้หลัก แต่ตอนนี้น่ะ ฉันคิดว่าตำแหน่งนี้ควรเป็นของคุณชายเทียนนะ”

“เอาล่ะ ฉินจุนคุณรีบออกไปสิ เป็นแค่คนมาขอข้าวกินอย่ามาอวดดี”

เมื่อเห็นว่าฉินจุนนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลัก ทุกคนต่างก็ไม่พอใจ ในแง่ของอิทธิพลและสถานะ ไม่ว่ายังไงก็ควรจะเป็นคุณชายเทียน ฉินจุนคนนี้ยังคิดว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับเมื่อสิบปีก่อนเหรอ?

จู้หลินหลินขมวดคิ้ว “นั่งตรงไหนก็เหมือนกันไหม?”

ขณะที่พูดจู้หลินหลินก็ลงข้างฉินจุน

เมื่อเห็นว่าทั้งสองดูใกล้ชิดสนิทสนมกัน เทียนจุนไคก็ขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

“โอเค เขาอยากนั่งตรงไหนก็นั่งไปเถอะ ทุกคนสั่งอาหารก่อนดีกว่า”

เมื่อผู้จัดการได้ยินเสียง ตอนแรกเขาก็ต้องการจะไล่พวกเขาออกไป แต่เมื่อเห็นฉินจุนอยู่ที่นั่นด้วย ผู้จัดการจึงไม่ได้พูดอะไร และเริ่มให้พวกเขาสั่งอาหาร

บนโต๊ะอาหาร อู๋นานาพูด

“คุณชายฉินได้ยินมาว่าตอนนี้คุณเป็นหมอเหรอ? คุณไปเรียนมาจากไหน?”

ฉินจุนพูดเบา ๆ “เรียนกับท่านอาจารย์ของฉันบนภูเขา”

“ฮ่า ๆ ๆ !”

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นประโยคปกติ แต่กลับทำให้พวกเขาหัวเราะออกมา มันเป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้ ตอนนั้นหลังจากที่ฉินจุนระหกระเหินออกจากตงไห่ไปชีวิตเขาจะต้องตกอับมากแน่ ๆ

ไม่ว่าจะเป็นชนบท หรือในหุบเขาลึก

ได้ยินฉินจุนพูดแบบนี้มันก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้จริง ๆ เขาซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึกกว่าสิบปี คาดว่าน่านจะเขาถูกหมอจีนชราเก็บไปเลี้ยง เขารับใช้คนอื่นมาเป็นสิบปี กลับเรียนได้แค่การแพทย์

เมื่อนึกถึงคุณชายที่มีอำนาจในอดีตกลับกลายมาเป็นคนต่ำต้อยในตอนนี้ มันเหมือนบทละครจริง ๆ

จริง ๆ แล้วการคาดเดาของพวกเขานี้ไม่ผิดเลย ฉินจุนถูกหมอที่เก่งมากเก็บมาเลี้ยงจริง ๆ และได้เรียนอยู่บนภูเขามาเป็นเวลากว่าสิบปี

แต่สิ่งที่พวกเขานึกไม่ถึงก็คือ เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้หมอผู้เก่งกาจท่านนั้น

แม้แต่นายพลหวังจินไห่ บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศเหอเนี่ยนอิง คนใหญ่คนโตเหล่านี้ต่างก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับใช้เย่ซวนหยวน

แต่เมื่อฉินจุนบอกว่าเขาเรียนอยู่บนภูเขากลับทำให้ทุกคนพูดคุยกันเรื่องนี้

อู๋นานาพูดด้วยยิ้ม ๆ “มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ นะ ตอนนี้มันยากมากเลยนะที่จะทำอะไรซี้ซั้วอะ หากคุณมีปัญหาอะไรก็บอกมาได้เลยนะ เราสามารถช่วยคุณหาทางแก้ไขได้”

“ถึงแม้จะไม่สามารถช่วยคุณกลับมามีชีวิตที่ร่ำรวยอย่างเมื่อก่อนไม่ได้ แต่ก็สามารถช่วยพูดให้คุณได้ขึ้นเงินเดือนสักหนึ่งหรือสองพันหยวนได้นะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ…”

ขณะที่พูดอู๋นานาพูดด้วยคำพูดแปลก ๆ แม้ว่าเธอดูเหมือนจะช่วยเหลือ ดูเหมือนหวังดีกับฉินจุน แต่ความจริงแล้วเธอกำลังพูดจาถากถางเขา

เมื่อเทียบกับลูกคนรวยเหล่านี้ ฉินจุนก็เหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่ง เหมือนกับตกอยู่จุดต่ำสุดในชีวิต และเขาจะไม่มีวันเงยหน้าขึ้นมาได้อีก

“คุณชายเทียนตอนนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของคุณน่าจะค่อนข้างดีเลยใช่ไหม คุณก็แนะนำงานให้คุณชายฉินหน่อยสิ”

เทียนจุนไคหัวเราะหึ ๆ และพูดว่า “พวกคุณก็รู้ว่าคุณชายฉินเขาถูกประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่มีความสามารถในการทำงานอะไรหรอก ไม่งั้นคุณก็มาทำเซลล์ในบริษัทของฉันเป็นไง?”

อู๋นานะก็เป็นกลองแต๊กอยู่ด้านข้าง “ว้าว เซลล์งั้นเหรอ ตอนนี้งานเซลล์ก็ไม่เลวนะ สามารถหาเงินได้มากกว่า 10,000 หยวนต่อเดือนเลยใช่ไหม?”

เทียนจุนไคหัวเราะ “บริษัทอสังริมทรัพย์เทียนกรุปของเรานั้นมีสวัสดิการดีอยู่แล้ว และฐานเงินเดือนก็6,000กว่าแล้ว ถ้าทำผลงานดีเดือนละ 10,000 หยวนก็ไม่ใช่ปัญหา และช่วงขาขึ้นอาจถึง 20,000 หยวนเลยนะ”

“โอ้โห 20,000 หยวนเหรอ งานแบบนี้สำหรับคนธรรมดาแล้วก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเลยนะ เป็นยังไงคุณชายฉินทำไมไม่ดื่มไวน์กับคุณชายเทียนสักแก้วล่ะ? เขาให้โอกาสที่ดีกับคุณขนาดนี้แล้วนะ จะปฏิเสธไม่ได้แล้วนะ!”

สีหน้าฉินจุนเย็นชา “ไม่จำเป็น”

อู๋นานาแค่นหัวเราะออกมา”คุณชายฉิน ไม่ใช่ว่าเราว่าคุณนะ นี่มันยุคไหนแล้ว ทำไมถึงยังสนใจเรื่องหน้าตาขนาดนี้? คุณเป็นหมอหาเงินได้เดือนละเท่าไหร่? สามพันหรือห้าพัน? คุณทนทำจนถึงอายุ 40 ก็คงจะอัพเงินเดือนไปถึงแค่10,000ต่อเดือนเท่านั้น แล้วด้วยการที่ไร้ความสามารถและใจใหญ่ใจโตอย่างคุณนี่เมื่อไหร่จะได้แต่งงานมีลูก?”

หลายคนแกล้งทำเป็นเป็นห่วงเขา แต่ต่างก็กำลังพูดเสียดสีฉินจุน

เทียนจุนไคก็ทำหน้าเยาะเย้ย และเปิดไวน์ขาวสองสามขวด วางลงบนโต๊ะแล้วพูดว่า

“เรามาดื่มให้กับคุณชายฉินที่เป็นเพื่อนเราดีกว่า เมื่อก่อนก็ไม่เคยชวนไปกินข้าวมาก่อน ตอนนี้คุณชายฉินกำลังตกอับเราก็ควรจะช่วย”

“เอางี้แล้วกันคุณชายฉิน ฉันจะให้คุณสองทางเลือก”

“อย่างแรกคือคุณคุกเข่าลงไปแล้วคำนับสามที ฉันจะหางานที่มีรายได้เดือนละ 20,000 หยวนให้ ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไปตลอดชีวิต”

“อย่างที่สองคือคุณดื่มไวน์ขาวให้หมดโต๊ะนี้ ดื่มหนึ่งแก้ว ฉันจะให้เงินคุณห้าหมื่น ดื่มได้เท่าไหร่ก็เอาไปเท่านั้น เป็นไง?”

เมื่อได้ยินอย่างนี้จู้หลินหลินก็ตบโต๊ะทันที ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ

“เทียนจุนไค! คุณนี่ทำเกินไปแล้ว!”

“ลืมไปแล้วเหรอว่าตอนที่ตระกูลของพวกคุณตกอับพี่เสี่ยวจุนก็เป็นคนช่วยไว้น่ะ?”

เทียนจุนไคเยาะเย้ย “หลินหลินสิ่งที่คุณพูดนั้นไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ไม่ว่าตระกูลของเราจะตกต่ำแค่ไหน มันก็แค่ไม่นานและมีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับมาได้”

“แต่คุณดูเขาสิ มีโอกาสที่จะลุกขึ้นบ้างไหม? ตอนนี้พวกเรากำลังให้โอกาสเขานะ และพวกเราทุกคนก็มีน้ำใจนะ”

จู้หลินหลินโกรธจนหน้าแดง จับแขนของฉินจุนและพูด

“พี่เสี่ยวจุน เราไปกันเถอะ!”

เมื่อเห็นทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมาก เทียนจุนไคก็ขมวดคิ้วแน่น

“หลินหลินคุณไม่อยากได้อาคารที่เซ็นทรัลสตรีทแล้วเหรอ?”

จู้หลินหลินหยุดเดินในทันที

วันนี้เธอมาก็เพื่อซื้ออาคารสำนักงานแห่งใหม่ให้กับบริษัทของเธอ

แต่อาคารสำนักงานในปัจจุบันนั้นหาซื้อยากมาก และแม้จะมีเงินก็อาจจะไม่สามารถซื้อได้ ดังนั้นจู้หลินหลินจึงมาที่งานปาร์ตี้นี้เพื่อมองหาเส้นสาย

เมื่อเห็นจู้หลินหลินชะงัก เทียนจุนไคก็ยิ้มออกมา

“หลินหลินตึกที่เซ็นทรัลสตรีทยังไม่ได้ขายออกไป ถ้าคุณต้องการก็ย่อมได้นะ”

หลังจากพูดจบ เทียนจุนไคก็เอื้อมมือไปหาจู้หลินหลินและจะดึงเธอกลับมา

สีหน้าของจู้หลินหลินเปลี่ยนไปทันที เธอรีบหลบจนไปชนกับขวดไวน์ที่ข้าง ๆ เธอ

เสียงเพล้งดังขึ้น ขวดไวน์ตกลงพื้นแตกกระจาย

หลังจากนั้นผู้จัดการก็รีบเข้ามา “เกิดอะไรขึ้นครับ?”

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศในห้องนั้นมาคุมาก ราวกับว่ามีเรื่องทะเลาะกัน ผู้จัดการจึงหยิบวิทยุสื่อสารออกมาแล้วรีบพูด

“รปภ. รีบมาที่นี่ทั้งหมด!”

เทียนจุนไคเอนหลังกับพนักเก้าอี้และหัวเราะเย้ยหยัน

“คุณชายฉินคุณไม่เคยถูกไล่ออกจากร้านอาหารใช่ไหม?”

หลังจากพูดจบ เทียนจุนไคก็ชี้ไปที่ฉินจุน และพูดกับผู้จัดการ

“เขาสร้างปัญหา โยนเขาออกไป”

หลังจากที่ผู้จัดการสั่งการผ่านวิทยุสื่อสารแล้ว รปภ.ก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มีรปภ.มากกว่า 20 นาย ทุกคนร่างแข็งแกร่ง ในมือถือกระบองไฟฟ้า สีหน้าเคร่งขรึม

ผู้จัดการแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “ล้อเล่นอะไรครับ นี่เป็นแขกวีไอพีของประธานเรา!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset