ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 173 โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

สีหน้าของอู๋อิงจัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เขาจึงถามอย่างรวดเร็ว

“หมอฉิน พูดให้ชัดเจนหน่อยครับ!”

ฉินจุนพูด “ชีพจรของคุณอยู่ในลักษณะจม ซึ่งสามารถแบ่งออกคร่าวๆ ได้เป็นสองสาเหตุ สาเหตุที่หนึ่งคือความปั่นป่วนของกระแสเลือด มีเลือดเข้ามาเติมเยอะ จึงทำให้ชีพจรจมลงไป”

“และสาเหตุอื่น คือลมปราณล้มเหลว ทำให้เลือดไม่ไหลเวียนได้ จึงทำให้ชีพจรจม”

“เท่าที่ผมเดา คุณน่าจะอยู่ในประเภทที่สอง”

ฉินจุนพูดคำศัพท์ทางการแพทย์มากเกินไป อู๋อิงจัวได้ยินก็ยังงงเล็กน้อย

ฉินจุนกล่าวอีกครั้งว่า “พูดง่าย ๆ ก็คือถึงแม้ว่าชีพจรของคุณดูเหมือนดีมาก แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพราะเลือดในร่างกายคุณอ่อนแอเกินกว่าจะไหลเวียนได้ มันอยู่ได้แค่ในส่วนแกนกลางเท่านั้น ดังนั้นมันจึงดูเหมือนว่าชีพจรแข็งแรงมาก แต่อันที่จริงแล้วแขนขาของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว”

อู๋อิงจัวรู้สึกว่าสิ่งที่ฉินจุนพูดนั้นสมเหตุสมผล เขามักจะรู้สึกว่ามันแปลกอยู่ตลอด แต่เขาก็เอาแต่คิดว่าอาการเหล่านี้เกิดจากวัยชราเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น

ฉินจุนกล่าวว่า “ตามการคาดเดาของผม ช่องว่างสำคัญหลัก ๆ ของคุณถูกปิดกั้น ทำให้เลือดไม่ไหลเวียน และการอุดตันนี้ทำให้เลือดไม่สามารถย้อนกลับได้ ทำให้มือและเท้าชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง และเป็นลมเป็นบ่อย ๆ”

“อาการนี้ในการแพทย์แผนจีนจะเรียกว่าโรคโรยรา แพทย์แผนตะวันตกจะเรียกว่าโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง”

“อะไรนะ!”

รูม่านตาของอู๋อิงจัวหดตัวทันที และเขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

เขาไม่เคยได้ยินชื่อโรคโรยราเลย แต่เขาเคยได้ยินโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

นี่เป็นโรคที่รักษาไม่หายโรคหนึ่ง บนโลกนี้ไม่มีทางรักษาได้ แม้แต่สาเหตุของโรคก็ยังไม่มีงานวิจัยออกมา ถ้ามีก็รักษายากจริง ๆ

“หมอฉินมีวิธีรักษาไหม?”

ฉินจุนเงียบไปครู่หนึ่ง “มีน่ะมี แต่ยารักษาหายากมาก คุณต้องลองเสี่ยงดวงดู ฉันจะทำการรักษาให้คุณไปทีละขั้น ๆ แม้ว่ามันจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถรักษาอาการปัจจุบันของคุณได้ จะได้ไม่ทรุดไปกว่านี้”

“คุณต้องมีคนอยู่ ๆ ข้างตลอด ต้องมีคนคอยดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมง เรื่องนี้คุณน่าจะทำได้ง่ายมาก”

“ถ้าผมหาสมุนไพรนั้นเจอก็จะสามารถนำมารักษาคุณได้”

อู๋อิงจัวดูเคร่งขรึมและคำนับให้ฉินจุนหนึ่งครั้ง

“ขอบคุณมากครับคุณฉิน!”

หากเป็นหมอคนอื่น อู๋อิงจัวอาจจะไม่เชื่อ แต่เขาได้เห็นทักษะทางการแพทย์ของฉินจุนมากับตาของเขาเอง คนที่ช่วยชีวิตหลานสาวของเขากลับมาได้ เขาต้องหาทางช่วยได้แน่

มีประโยคหนึ่งของหมอฉิน เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปีบนกระดูกแก่ ๆ นี้

อู๋อิงจัวแอบคิดว่าไม้ไผ่ของหวาถัวที่มอบให้เขาไปเมื่อสักครู่นั้นคุ้มค่าจริง ๆ ไม่เช่นนั้นฉินจุนคงจะไม่ได้มาตรวจชีพจรให้เขา และก็จะไม่พบอาการป่วยหนักเช่นนี้ ถ้ามันช้าไปอีกสองปีอาจจะได้นั่งรถเข็นไปแล้ว

เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ อู๋อิงจัวก็คงจะรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

ในตอนนี้อู๋อิงจัวก็ยิ่งเคารพฉินจุนมากขึ้นไปอีก

…….

หลังจากออกจากเมืองโบราณ ฉินจุนก็กลับไปที่บ้านตระกูลจู้ วันนี้หวังหยุนค่อนข้างอารมณ์ดี เพราะซื้อสมบัติล้ำค่าเช่นนี้มาได้

แต่หลังจากกลับบ้านมาปรึกษากันแล้ว และจู้หย่งและจู้หลินหลินพ่อลูกต่างก็ไม่เห็นด้วยกับเธอที่เธอไปฉวยเอาเงินสิบล้านนี้มา เพราะจู้หลินหลินเป็นคนเห็นกับตาของเธอเอง ว่าหวังหยุนไม่เชื่อพี่เสี่ยวจุนเลย เป็นเธอเองที่ต้องการขายออกไปในราคาหนึ่งแสน

หวังหยุนโมโหมาก ทั้งพ่อทั้งลูกต่างก็ไม่เข้าข้างเธอเลย ทำอย่างกับไม่ใช่คนในครอบครัวตัวเอง แต่เป็นเหมือนคนนอก!

ไม่ถึงบ่ายโมงผู้อาวุโสเกาก็หาคนที่ต้องการซื้อได้แล้ว เพื่อแสดงความจริงใจ เขาจ่ายเงินก่อนแล้วค่อยมารับสินค้าไป

หลังจากที่เงินสิบล้านเข้ามาในบัญชีของฉินจุน ผู้อาวุโสเกาก็ค่อยมาเอาแหวนนิ้วหัวแม่มือไป

หวังหยุนอิจฉามาก นั่นมันเงินสิบล้านเลยนะ!

ฉวยโอกาสที่ไม่มีใครอยู่ หวังหยุนก็ดึงจู้หลินหลินเข้ามาและกระซิบเสียงเบา

“ลูกสาว เงินสิบล้านของฉินจุนนี้เขาได้บอกไหมว่าจะใช้มันยังไง?”

จู้หลินหลินขมวดคิ้ว “แม่ เขาจะใช้ยังไงมันก็เป็นเรื่องของเขา เกี่ยวอะไรกับแม่”

หวังหยุนกลอกตา “เด็กคนนี้นี่! ไอ้เด็กแซ่ฉินตอนนี้มันเป็นแค่คนจน ๆ คนหนึ่ง และจู่ ๆ ก็ได้รับเงินสิบล้าน เขาจะใช้เป็นเหรอ?”

จู้หลินหลินพูดไม่ออก และไม่อยากจะพูดอะไร แม่อยากจะพูดอะไรก็พูด ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเธอ

หวังหยุนมองไปที่ลูกสาวของเธอที่ไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่เธอพูด เธอพูดไม่ออกเลยจริงๆ

“ยัยเด็กคนนี้นี่ทำให้ฉันโมโหจริงๆ ไอ้เด็กแซ่ฉินนั่นให้ความสนใจแกมาตลอดเลยใช่ไหม? แกคิดหาวิธีเอาเงิน10 ล้านของเขามาสิ เอามาให้แม่ดูแลให้”

จู้หลินหลินรู้สึกขำจริงๆ “แม่เงินของพี่เสี่ยวจุนนะ แม่มีสิทธิ์อะไรไปดูแล?”

“ยัยเด็กนี่! ช่างเถอะ ฉันไม่คุยกับแกแล้ว!”

หวังหยุนหมดคำจะพูด เธอจึงมาคิดหาวิธีด้วยตัวเอง

เธอต้องเอาเงินสิบล้านจากฉินจุนมาให้ได้ เด็กคนนี้ได้ทำกำไรได้ก้อนโต และโชคดีทำเงินได้กว่าสิบล้าน ถ้าอยู่ในมือเขาไม่กี่วันก็คงจะหมดแล้ว หวังหยุนเริ่มครุ่นคิด

……..

“จริงสิ พรุ่งนี้วันเกิดคุณย่าแก เราจะเตรียมของขวัญอะไรให้ดีล่ะ”

จู้หลินหลินส่ายหัว “หนูก็ยังไม่ได้คิดเลย เราจะแยกกันให้หรือให้ด้วยกันดี?”

หวังหยุนพูด “ให้ด้วยกันไปเลยเถอะ ถ้าให้สองชิ้น ของขวัญทั้งสองอาจจะไม่มีค่ามากนัก ถึงตอนนั้นถ้าลุงแกเอาไปปรียบเทียบจะไม่ยิ่งขายหน้าเหรอ?”

ในตระกูลจู้แม้ว่าจู้หลินหลินจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่เธอก็ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน พูดตามหลักแล้วเธอควรให้ของขวัญแยก

แต่อย่างไรก็ตามทุกคนต่างก็มีงบที่จำกัด แทนที่จะให้ของขวัญเล็ก ๆ สองอย่าง สู้ให้ของขวัญชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวเลยจะดีกว่า

จู้หลินหลินถาม”พี่เสี่ยวจุนพี่มีไอเดียอะไรไหมคะ?”

หวังหยุนกลอกตา “เขาจะไปมีไอเดียอะไรล่ะ…” เธอคิดจะประชดประชันสักสองสามประโยค แต่จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กคนนี้ก็มีเงินเป็นสิบล้าน

“ฉินจุนนายก็จะออกเงินด้วยนะ เราสามคนมารวมกันซื้อของขวัญที่สมเกียรติหน่อยดีไหม? ”

ฉินจุนพูด “ก็ได้ พวกคุณไม่ต้องจ่าย ของขวัญชิ้นนี้ผมให้เอง”

หวังหยุนตอบตกลงทันที “โอเค งั้นนายเป็นคนจ่าย” ในเรื่องแบบนี้หวังหยุนไม่เกรงใจเลยสักนิด

“คุณย่าชอบของโบราณ นายมีเงินไม่ใช่เหรอ ก็ไปซื้อของเก่าสักอันสิ นายก็รู้จักอาจารย์เกาด้วยหนิ ขอให้เขาช่วยเลือกสักอันสิ”

ฉินจุนพยักหน้า และตอบรับสองสามคำ

ถ้าบอกว่าชอบของเก่า ก็มอบคัมภีร์ไม้ไผ่ที่เขียนโดยหวาถัวที่อยู่ในมือของฉินจุนเป็นของขวัญวันเกิดก็ได้นี่

สองวันต่อมา งานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่าก็มาถึง

แม้ว่าจะไม่ใช่งานเลี้ยงวันเกิดอายุตัวเลขกลม ๆ จึงไม่ควรจัดใหญ่โต แต่ในช่วงที่ผ่านมาตระกูลจู้พัฒนาไปได้ดีมาก ดังนั้นจึงเชิญผู้คนมามากมาย

เมื่อฉินจุนและคนอื่น ๆ มาถึงบ้านของคุณย่า ประธานของหลายตระกูลก็ได้มาถึงแล้ว คุณย่านั่งอยู่ที่ลานบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

อาคารพาณิชย์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหอกรุปหลังนั้นทำให้เธอมีหน้ามีตามาก

หลังจากที่หวังหยุนเข้ามาเธอก็รีบไปอวยพรวันเกิด

“ขอให้คุณแม่มีความสุข อายุยืนยาวนะคะ”

จู้หมิงยืนหัวเราะเยาะอยู่ข้าง ๆ “น้องสะใภ้ วันเกิดคุณแม่นะ ทำไมพวกเธอมามือเปล่าล่ะ?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset