ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 20 พ่อควรจะอยู่บนเครื่องบินไม่ใช่เหรอ

หลังพูดจบ ฉินจุนก็ได้โทรหาหวังจินไห่

หลังจากพูดง่ายๆ ไปไม่กี่คำ แล้วก็วางสายไป

ราวกับว่าตรงข้ามเป็นเพียงแค่คนธรรมดา

เห็นฉินจุนอธิบายแบบผ่านๆ แบบนี้ ทุกคนยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่

จินซานหลงยิ้มอย่างเย็นชา “คนแซ่ฉิน ที่นายเสแสร้งแบบนี้มันหมายความว่ายังไง แค่สายที่ในโทรเมื่อกี้นี้ ก็สามารถเรียกเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธมาได้เลยเหรอ? ขี้โม้แบบนี้ไม่กลัวโดนลิ้นเคล็ดเหรอ ถ้าเฮลิคอปเตอร์ไม่มา เราก็ต้องรอเป็นเพื่อนแกแบบนี้เหรอ?”

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่จินซานหลงพูดจบ มีเสียงดังก้องกังวานมาจากที่ไกลๆ

มีเฮลิคอปเตอร์บินมาจากที่ไกลๆ

ทันใดนั้น ทุกคนก็ตกตะลึงมาก

หลิวหยุนและจู้หลินหลินอึ้งจนเบิกตากว้าง และมองดูเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธที่กำลังบินมาจากที่ไกลๆ น่าตกใจจริงๆ

มาแล้ว?

คาดไม่ถึงว่าจะมาจริงๆ

ที่ฉินจุนโทรไปเมื่อครู่นี้ จะสามารถเรียกเฮลิคอปเตอร์มาได้จริงๆ งั้นเหรอ?

ขณะที่ทุกคนตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ทันใดนั้นมือถือของจินซานหลงก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล พ่อ?”

“อะไร? ” พ่อมารับผมเหรอ? ที่แท้เป็นพ่อเองเหรอ โอเค ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้!”

หลังจากจินซานหลงรับโทรศัพท์แล้ว บนใบหน้าเผยความดูหมิ่นออกมา

“ตกใจหมดเลย ฉันนึกว่าเฮลิคอปเตอร์นั่นนายโทรเรียกมาจริงๆ ที่แท้ก็เป็นพ่อฉันมารับฉันเอง”

หวังหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฮลิคอปเตอร์พวกนี้ทำให้เขาตกใจจริงๆ ที่แท้ก็เป็นพ่อของคุณชายจิน

“พี่จินถึงกับมาด้วยตัวเอง? เขาเป็นคนช่วยฉัน ฉันควรขอบคุณดีๆ สักรอบถึงจะถูกสิ”

จินซานหลงพูด “น้าหวังไม่ต้องเกรงใจ ต่อไปพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว วันนี้พ่อผมเหมือนจะมีเรื่องอื่น วันหลังพวกเราค่อยมาเยี่ยมเยียนกันอีก “น้ำเสียงของพ่อดูไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ดังนั้นจินซานหลงเลยตัดสินใจไม่อยู่ต่อแล้ว

“งั้นก็ดี คุณชายจินค่อยไปนะ!”

หลังจากที่ดูจินซายหลงจากไป ในสายตาของหวังหยุนก็เผยความนับถือออกมา

“ดูสิ นี่แหละคือคนใหญ่คนโต! เพียงแค่ยกมือเล็กน้อย ก็ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวขนาดนี้ได้”

“หลินหลิน เห็นไหม นี่คือที่พักใจที่ดีที่สุดของแก อย่าคิดอะไรอย่างอื่นเลย”

พูดจบ หวังหยุนก็ถลึงตามองฉินจุน

“ไปอยู่ข้างนอกมาตั้งหลายปี ฝึกพูดจาโอ้อวดแบบนี้ได้ไง ถึงจะไม่ใช่แกช่วยฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก เพราะยังไงแกก็ไม่มีกำลังที่จะช่วยอยู่แล้ว แต่ที่แกโกหกแบบนี้มันเป็นความผิดแกนะ ฉินจุน แกทำให้ฉันผิดหวังมาก”

จู้หลินหลินขมวดคิ้วแล้ว พูด

“พอแล้วแม่ หยุดพูดได้แล้ว พี่เสี่ยวจุนก็ช่วยเรามาโดยตลอดอยู่แล้ว แม่ถูกจับเขาก็ร้อนใจมาก”

จู้หลินหลินก็ไม่เชื่อว่าฉินจุนจะช่วยได้ แค่ไม่อยากฟังคุณแม่บ่นพี่เสี่ยวจุนเท่านั้นเอง

หวังหยุนกลอกตา และขี้เกียจจะพูดถึงเขา เธอเดินเข้าไปในห้องทันที

ฉินจุนเลยจำใจส่ายหัว เดิมที่ครอบครัวหลินหลินก็เป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ ในตอนที่ตระกูลฉินจะรุ่งโรจ์ น้าหวังดูกระตือรือร้นมากกว่าใครเลย แต่ตอนนี้ตระกูลฉินตกต่ำแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเห็นแก่ฐานะอำนาจแบบนี้

ฉินจุนหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาหวังจินไห่ บอกให้เขากลับไป

ที่ช่วยพวกเขา ไม่ได้ต้องให้พวกเขาขอบคุณ

……

จินซานหลงก็ได้ออกจากตระกูลจู้ และมุ่งหน้าไปยังเฮลิคอปเตอร์ แต่เดินออกไปได้ไม่นาน เขาก็เห็นรถของพ่อ

จินซานหลงรู้สึกงงไปหมด

“พ่อ ทำไมพ่ออยู่ในรถล่ะ”

จินก่วงจื้อขมวดคิ้ว ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ไร้สาระ ฉันไม่อยู่ในรถจะให้อยู่ไหน? ”

จินซานหลงงงมาก เขาชี้ไปที่เฮลิคอปเตอร์แล้วพูดว่า

“พ่อควรจะอยู่บนเครื่องบินไม่ใช่เหรอ? ”

จินก่วงจื้อขมวดคิ้ว แล้วตบไปที่ท้ายทอยของจินซานหลง

“แกพูดเรื่องไร้สาระอะไร? นั่นเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ ฉันมีสิทธิ์ที่จะสั่งการได้เหรอ? ”

จินซานหลงยิ่งงงเข้าไปอีก

“พ่อ ไม่ใช่พ่อสั่งการเฮลิคอปเตอร์ให้ไปช่วยน้าหวังเหรอครับ? ”

“ฉันกำลังจะเล่าเรื่องนี้ให้แกฟัง เรื่องนี้ฉันช่วยไม่ได้ ฉีเจี้ยนหลงไม่ไว้หน้าฉันเลย เรื่องนี้แกไม่ต้องยุ่งหรอก ไฟโกรธของตระกูลฉี เรารับมือไม่ไหวหรอก”

จินซานหลงงงไปหมดแล้ว ไม่ใช่ความช่วยจากพ่อเขางั้นเหรอ?

แล้วเฮลิคอปเตอร์ที่เขาเห็นล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น?

……

พอหวังหยุนกลับมา เขาอัดอั้นความโกรธไว้ และไม่พอใจอย่างมาก

เหตุผลหลักก็คือ ครอบครัวของพวกเขาถูกขับไล่ออกจากบ้านจู้

ในขณะที่คุณจู้ป่วย แต่กับเกิดเรื่องบ้าพวกนี้ขึ้น

และทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพราะฉินจุน!

“ดูพวกแกตอนนี้สิ พวกแกทำอะไรกัน? ตอนนี้คุณพ่อยังอยู่โรงพยาบาล แน่นอนว่าต้องเป็นพี่ใหญ่ที่จะเป็นใหญ่ในครอบครัว พวกแกไม่รู้เหรอ? แล้วยังจะหาเรื่องกับพี่ใหญ่ในเวลานี้? ตอนนี้โดนไล่ออกจากตระกูลจู้แล้ว สบายใจแล้วใช่ไหม? ”

หวังหยุนพูดแบบไม่ได้เกรงใจเลย ฉินจุนก็อยู่ รวมไปถึงจู้หลินหลินและจู้หย่ง ก็โดนบ่นกันหมดแล้ว

จู้หลินหลินก็จนปัญญามาแล้วเหมือนกัน

“แม่ ลุงจะไล่พวกเราออกไป พวกเราจะทําอะไรได้? พวกเขาบังคับฉันเอง โครงการของซวนหยวนกรุป ฉันไม่ยกให้เขาแน่”

หวังหยุนทำเสียงเหอะๆ ไปทีหนึ่ง “แกยังเด็ก ยังมองได้ไม่ไกล ตระกูลจู้เราทำธุรกิจมาตั้งหลายปี สะสมคอนเนคชั่นและพันธมิตรตั้งเท่าไหร่? บอกทิ้งก็จะทิ้งเลยเหรอ? พวกเราหาโอกาสไปขอโทษคุณลุงดีกว่า ให้คุณลุงอนุญาตเรากลับไปตระกูลจู้”

ฉินจุนพูดว่า “ไม่จําเป็นหรอก ครอบครัวจู้หมิง ก็ดีใจได้ไม่นานแล้วแหละ”

หวังหยุนโกรธมากเมื่อได้ยินคําพูดของฉินจุน

“กนี่ยืนพูดไม่ปวดหลังจริงๆ เลยนะ ตระกูลฉินแกตกต่ำ แน่นอนว่าแกไม่เหลืออะไรแล้วจะกลัวคนที่มีอำนาจฐานะได้ไง เดิมทีตระกูลจู้เรายังใช้ชีวิตกันดีๆ อยู่เลย แต่เมื่อแกมา ครอบครัวเราก็ถูกไล่ออกจากตระกูล ยังจะมาพูดจาแดกดันอีก มันสนุกเหรอ!”

จู้หลินหลินรีบพูดไปว่า “แม่อย่าพูดแบบนั้นเลย พวกเราถูกขับไล่ออกจากบ้าน ไม่เกี่ยวกับพี่เสี่ยวจุนเลยนะ”

“ทำไมจะไม่เกี่ยวอะไรกับมัน!” นี้แกอย่าโดนมันหลอกแล้วล่ะ ถึงเวลาที่แกไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันจะดูว่าแกจะไปร้องไห้ที่ไหน!”

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของฉินจุนก็ดังขึ้น นั่นคือซุนเจี้ยนหมิน

“ศิษย์พี่ เรื่องการซ่อมแซมสุสานใหม่ ผมได้แจ้งกับสามตระกูลใหญ่แล้ว ตอนนี้ผมอยู่กับเมิ่งเหวินกัง แล้วพวกเราจะกินข้าวด้วยกันหรือ? ” ซุนเจี้ยนหมินถามอย่างหยั่งเชิง

“ผมอยู่ที่ตระกูลจู้ โอเค ก็ได้”

หลังจากวางสาย ซุนเจี้ยนหมินก็พูดกับเมิ่งเหวินกังที่อยู่ข้างๆ ว่า “ศิษย์พี่ตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เขาบอกว่าเขาอยู่ที่ตระกูลจู้ มีเรื่องอะไรหรือ?”

เมิ่งเหวินกังพูดว่า “ดูเหมือนว่าตระกูลจู้และศิษย์พี่จะสนิทกันมาก เช่นนั้นก็ให้พวกเขามากินข้าวด้วยกันเถอะ”

กำลังพูดอยู่ เมิ่งเหวินกังก็เรียกเลขาตัวเอง ติดต่อตระกูลจู้

……

ไม่นาน จู้หย่งก็ได้รับโทรศัพท์ สีหน้าของเขาประหลาดใจมาก ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความไม่คาดฝัน

“ที่รัก เกิดอะไรขึ้น? ”

“เลขาของประธานตระกูลเมิ่งกรุปเมิ่งเหวินกังได้โทรหาผม แล้วพูดว่า ประธานเมิ่งได้เชิญตระกูลจู้เราไปทานข้าว!”

หวังหยุนดีใจมาก

“นั่นเยี่ยมไปเลย นี่เป็นเกียรติอย่างยิ่ง รีบแต่งตัวเถอะ พวกเรารีบไปกัน อย่าให้เขารอนาน!”

หลังพูดจบหวังหยุนก็เหลือบมองฉินจุนแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า

“นายอย่าไปเลย นายเป็นแค่คนนอกเท่านั้น พวกเราจะห่อกลับมาให้นายเอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset