ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 203 การฝังเข็มแบบไท่อี่

เข็มแต่ละแท่งที่แทงลงไป ก็ทำให้ร่างกายของท่านผู้เฒ่าดีขึ้นมาทีละนิด อาการปวดที่กระเพาะก็ทุเลาลง ร่างกายของท่านก็รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย

เข็มสิบแปดเล่มถูกแทงลงไปจนหมด ท่านผู้เฒ่าก็ถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก ความรู้สึกนั้น มันเหมือนกับได้ยกก้อนหินหลายพันกิโลที่กดทับร่างกายออกไป

ไม่กี่นาทีต่อมา บนเข็มของฉินจุนก็ค่อย ๆ กลายเป็นสีดำ ขณะที่สีดำกำลังจะถึงจุดบนสุดของเข็ม ฉินจุนก็ถอนเข็มออก

เมื่อถอนเข็มทั้งสิบแปดเล่มออกมาจนหมด ท่านผู้เฒ่าก็สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง ท่านพลิกตัวกลับมา ถึงแม้ว่าใบหน้าจะซีดขาว แต่ว่าแววตาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

“ท่านหมออัจฉริยะ ขอบพระคุณท่านมาก!”

สองพี่น้องตระกูลเฝิงรีบพุ่งเข้า “คุณพ่อ!คุณพ่อฟื้นแล้ว!”

ท่านผู้เฒ่าลุกขึ้นนั่ง รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างอ่อนแรง แต่ว่าก็ดีขึ้นมากล้ว

“ฉันรู้สึกหิวนิดหน่อย”

“มีอาหารอยู่ครับ นี่เป็นโจ๊กที่ต้มไว้ให้คุณพ่อ!”

พอได้ยินว่าท่านผู้เฒ่าอยากอาหาร ทุกคนก็โล่งอก ดูเหมือนว่าอาการป่วยนี้จะดีขึ้นแล้ว ถ้าสามารถกินอะไรได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

สองพี่น้องตระกูลเฝิง รวมถึงเฝิงจื้อผิงต่างขอบคุณกันยกใหญ่

“ท่านหมออัจฉริยะฉิน ท่านคือแพทย์ผู้พลิกชีวิตจริง ๆ !นี่มันเทพชัด ๆ !”

เฝิงชูเหวินเองก็นับถือเขาเช่นกัน”ท่านหมออัจฉริยะ อายุเพียงเท่านี้แต่กลับมีความสามารถขนาดนี้ ช่างเป็นความโชคดีของคนไข้จริง ๆ !”

มีเพียงหลี่เจี้ยนหงเท่านั้นที่มีสีหน้าอับอาย ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยเลือดน่าขยะแขยง แตกต่างกับท่าทางทะนงตน ยิ่งผยองของเขาก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

หลี่เจี้ยนหงเช็ดเลือดที่หน้า ก่อนจะก้มหน้าเอ่ยถาม

“เข็มสิบแปดเล่มเมื่อกี้……คือการฝังเข็มแบบไท่อี่เหรอ?”

ฉินจุนพยักหน้า “ใช่มันคือการฝังเข็มแบบไท่อี่ ทำไมอยากเรียนเหรอ?”

หลี่เจี้ยนหงใช้ชีวิตมาห้าสิบกว่าปี วันนี้เป็นวันที่เขาขายหน้ามากที่สุด เขาเองก็ไม่ได้เป็นคนหน้าด้านหน้าทนอะไร

“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันมันตาบอดเอง”

พูดจบหลี่เจี้ยนหงก็รีบคว้ากล้องพยาบาลวิ่งออกไปทันที เขาอยากจะแทรกแผ่นดินหนีจริง ๆ

พอทานโจ๊กจนหมดชาม ท่านผู้เฒ่าเฝิงก็อาการดีขึ้นมาก ฉินจุนสั่งยาให้เขา เพียงแค่ทานยาตามเวลา ภายในสามสัปดาห์ก็หายขาดแล้ว

ท่านผู้เฒ่าเฝิงนั่งพิงเตียงผู้ป่วย กุมมือของฉินจุนพร้อมกับเอ่ย

“ท่านหมออัจฉริยะ ขอบคุณท่านมาก ชู่เฉียง รีบเขียนเช็คจำนวนหนึ่งร้อยล้านหยวนให้ท่านหมออัจฉริยะ”

ฉินจุนส่ายหน้า “ไม่ต้องมากมายขนาดนั้นหรอกครับ ให้ผมแค่สองร้อยหยวนก็พอ ผมรักษาให้คนอื่น ๆ ก็ราคานี้ทั้งนั้น”

เวลาที่ฉินจุนรักษา เขาไม่ได้เพิ่มเงินค่ารักษาเพียงเพราะว่าคนไข้รวย แน่นอนว่านอกเสียจากว่าโรคนั้นจะเป็นโรคที่รักษายาก มันก็อีกเรื่องหนึ่ง

ท่านผู้เฒ่าเฝิงออกอาการแปลกใจ เอ่ยอย่างซาบซึ้ง “ทั้งหนุ่มทั้งมีความสามารถ แถมยังมีคุณธรรม ฉันนับถือพ่อหนุ่มจริง ๆ ”

พอเห็นเข็มดำ ๆ ที่อยู่ที่พื้น ท่านผู้เฒ่าเฝิงก็เอ่ยถาม

“ในเมื่อคุณหมอไม่ได้ต้องการเงิน ฉันก็จะไม่ให้เงินท่านเพิ่ม แต่เข็มพวกนี้มันเสียหมดแล้ว ถ้าหากไม่ชดใช้ฉันคงรู้สึกผิดแย่”

“ชู่เฉียง ยกร้านเครื่องประดับที่เป็นชื่อของแกให้คุณฉินสักหนึ่งร้าน”

“ให้คุณฉินเป็นคนเลือกเงินเลือกทองเอามาทำเป็นเข็มเอง เพื่อนำไปรักษาคนอื่นในอนาคต ถือว่าฉันมีส่วนช่วยเหลือสังคมบ้าง”

ท่านผู้เฒ่าเฝิงคนนี้นับว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง ฉินจุนไม่ได้ต้องการเงินมากมายขนาดนั้น เขาก็ยกร้านเครื่องประดับให้เลย ครั้งนี้ฉินจุนไม่ปฏิเสธ เขาทิ้งข้อมูลเอาไว้ เพื่อทำการโอนย้าย

ดึกมากแล้ว พอเสร็จเรื่องฉินจุนก็กลับบ้านทันที

พอกลับมาถึงบ้าน ฉินจุนก็ได้รับข้อความวีแชทจากหวังตงเสวี่ย

“พี่ฉิน พรุุ่งนี้พี่ติดธุระไหม?”

“ไม่มีธุระอะไร ทำไมเหรอ?”

“พรุ่งนี้พวกฉันมีนัดรวมตัวเพื่อนสมัยมัธยม พี่มาได้ไหม?”

เมื่องานวันเกิดครั้งที่แล้ว หวังตงเสวี่ยมีความสุขมาก ๆ ฉินจุนเตรียมดอกไม้ เค้ก และดอกไม้ไฟให้เธอ มันช่างโรแมนติกสุด ๆ ทำเอาภายในใจของหวังตงเสวี่ยหวั่นไหว รับรู้สึกรสชาติความหวานของเวลาคนมีความรัก

“ได้สิ พรุ่งนี้พี่ไปรับเธอ”

ภายในความทรงจำ ความสัมพันธ์ระหว่างหวังตงเสวี่ยกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ครั้งนี้เธอเป็นคนอยากจะไปร่วมงานรวมตัวเอง ถือว่าน่าแปลกใจพอสมควร

หวังตงเสวี่ยก็เหมือนจะพอเดาความในใจของฉินจุนได้ จึงเอ่ยปากอธิบาย

“เพื่อนสมัยมัธยมดีต่อฉันกันมาก แต่ก่อนบ้านของฉันฐานะไม่ค่อยดี พวกเขามักช่วยเหลือฉันเรื่องเงินตลอด ฉันคอยหาโอกาสเพื่อจะขอบคุณพวกเขาตลอด”

“แบบนี้เองเหรอ เพื่อนเหล่านี้ของเธอนิสัยดีจริง ๆ พรุ่งนี้พี่เตรียมของขวัญไปให้พวกเขาหน่อยดีกว่า”

“หา?มันเปลืองเงินเปล่า ๆ ค่ะ……”

“ไม่เป็นไรหรอก”

หวังตงเสวี่ยหน้าแดงพร้อมกับตอบไปว่าค่ะ แม้ว่าในวีแชทจะดูไม่ค่อยออกอาการอะไร แต่ความเป็นจริงแล้วหน้าเธอกำลังเห่อแดงด้วยความเขินอาย

เช้าวันต่อมา ฉินจุนมาที่ร้านเครื่องประดับตระกูลเฝิงตามที่อยู่ที่ชู่เฉียงให้มา

เมื่อวานท่านผู้เฒ่าเฝิงได้กล่าวไว้แล้วว่า ตอนนี้ร้านเครื่องประดับนี้เป็นของฉินจุน ประจวบเหมาะที่เขากำลังหาของขวัญพอดี จึงมาหาของขวัญที่ร้านตัวเองสักหน่อย

ขนาดของร้านเครื่องประดับนี้ไม่เล็กเลย ประตูร้านใหญ่มาก มีทั้งหมดสามชั้น เกือบจะเทียบเท่าห้างเล็ก ๆ ได้เลย

ชั้นหนึ่งจะเป็นพวกเงินทอง ชั้นสองเป็นพวกหยก ส่วนชั้นสามจะเป็นพวกอัญมณีแพง ๆ

ฉินจุนค่อนข้างพอใจกับร้านนี้ ครั้งหน้าเขาจะพาพวกป้ารองมาเลือกเครื่องประดับพวกนี้สักหน่อย

พอเดินเข้ามา ก็มีพนักงานหญิงคนหนึ่งกำลังฟุบอยู่บนโต๊ะ พอเห็นคนเดินเข้ามา ก็ทำหน้าตาหงุดหงิดทันที ดูจากท่าทางแล้วเหมือนกับว่าเพิ่งตื่นนอน

พนักงานสาวคนนี้ถือว่าสวยมากเลย หุ่นก็เซ็กซี่สุด ๆ สวมใส่ชุดยูนิฟอร์มสีดำของร้าน ยิ่งขับผิวของเธอให้ขาวผ่อง เสื้อบริเวณเนินอกเผยผิวขาวเนียน

หวังอีเจียวเห็นฉินจุนแต่งตัวดูธรรมดา ๆ ก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที

“มาขอทานอะไรแต่เช้า?ที่นี่ไม่มีหรอกนะ ไสหัวไปซะ!”

ฉินจุนขมวดคิ้ว “ท่าทางนี้ของเธอมันหมายความว่าไง?ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็ไล่ฉันแล้วเหรอ?”

ร้านไม่เท่าไหร่ แต่คุณภาพของพนักงานที่นี่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง

หวังอีเจียวส่งเสียงอย่างไม่พอใจ “ไม่ใช่ขอทาน?แล้วเป็นอะไรพวกขายตรงเหรอ?หรือคนเก็บขยะ?รีบไสหัวไปตอนที่ฉันยังอารมณ์ดี ๆ ไม่งั้นอย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”

สีหน้าของฉินจุนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าเป็นปกติเขาอาจจะไม่ยุ่ง แต่ว่าตอนนี้ร้านนี้เป็นของเขาแล้ว จะปล่อยให้พนักงานมีท่าทางบริการแบบนี้น่ะเหรอ?

“ผู้จัดการของเธออยู่ไหน ไปเรียกผู้จัดการมาเดี๋ยวนี้!”

หวังอีเจียวหัวเราะออกมาทันที “คนเก็บขยะอย่างนายกล้าเรียกผู้จัดการของพวกฉัน?นายอย่ามาเล่นแถวนี้ มาทางไหนไสหัวกลับไปทางนั้นซะ……”

ขณะที่หวังอีเจียวกำลังพูด ก็มีชายหนุ่มใส่สูทคนหนึ่งเดิมเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้น?”

หวังอีเจียวเบ้ปากเอ่ย “ผู้จัดการคะ ไอ้คนเก็บขยะนี่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป!”

ผู้จัดการขมวดคิ้วพลางเอ่ย

“ช่างมันเถอะ ตามฉันมา ที่ชั้นสามมีขยะอยู่”

พูดไปผู้จัดการก็เดินขึ้นไปข้างบน

บนใบหน้าของฉินจุนมีรอยยิ้มอย่างสมเพชปรากฏ ก่อนจะเดินตามขึ้นไปง่าย ๆ

มาถึงชั้นสาม ผู้จัดการหยิบกล่องกระดาษแข็งสองสามกล่องแล้วโยนลงบนพื้น

“โอเคละ นายเอาไปเลย”

ฉินจุนเอ่ยเสียงเย็น “ฉันไม่ใช่คนเก็บขยะ ฉันเป็นเจ้าของร้านนี้”

ผู้จัดการร้านหัวเราะเยาะ “นายอยากจะมีเงินจนบ้าไปแล้วเหรอ?นายเป็นเจ้าของร้านคนใหม่ของร้านฉัน?ฉันเป็นผู้จัดการร้านทำไมฉันถึงไม่รู้?”

ฉินจุนหัวเราะเสียงเย็น “ที่นายไม่รู้อาจจะเป็นเพราะระดับของนายสูงไม่พอ ฉันแนะนำให้นายโทรศัพท์ไปยืนยันให้แน่ใจดู”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset