ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 22 โยนออกไป

จู้หลินหลินเองก็ไร้คำจะพูดมากๆ แม่นี่จะคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไปจริงๆแล้ว

ถึงแม้ว่าข้าวมื้อนี้จะแพงมาก ตระกูลจู้ของพวกเธอดีเลวยังไงเองก็เป็นตระกูลที่อยู่ในสังคมระดับสูง เหล้าขวดหนึ่งที่ราคาไม่กี่แสนดื่มบ้างเป็นบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถดื่มได้ ทำไมจะต้องหาเรื่องฉินจุนด้วย

แม้ว่าวันนี้ฉินจุนจะไม่มา พวกเขาเองก็อาจจะสั่งเหล้าที่แพงมากสักหน่อย เพราะยังไงก็เป็นการต้อนรับประธานเมิ่งและผู้บริหารซุน

เพียงแต่ว่าฉินจุนได้กินเหล้าไปฟรีๆแก้วหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก

หวังหยุนกรอกตามองบน และก็ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก ฉินจุนคนนี้ตีเนียนกินฟรี เห็นอยู่ชัดๆว่าตกอับแบบนี้แล้ว ยังจะแกล้งทำท่าเป็นคุณชายใหญ่อยู่อีก ทำให้รู้สึกน่ารังเกียจจริงๆ

ระหว่างในงานเลี้ยง ฉินจุนออกมาจากห้องอาหารไปยังห้องน้ำ เพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำ ก็มองเห็นคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก

เป็นพวกจู้หมิงและจู้ซันกู

ฉินจุนขมวดคิ้ว “พวกคุณมาได้ยังไง?”

จู้หมิงพูดเสียงเย็นฮึดฮัดออกมา “ทำไมผมจะมาไม่ได้ ผมได้ยินว่าประธานเมิ่งเชิญพวกเราตระกูลจู้มาทานข้าว ผมเป็นลูกคนโตของตระกูลจู้ ผมก็ต้องมาอยู่แล้ว แต่คุณน่ะสิ คุณมีสิทธิ์อะไรมาอยู่ที่นี่ได้?”

ฉินจุนหัวเราะเสียงเย็น “จู้หมิง คุณนี่หน้าไม่อายมากจริงๆ เห็นชัดอยู่ว่าไม่ได้เชิญพวกคุณ แต่ก็มาหาเองถึงหน้าประตูซะได้ หนังหน้าของคุณผู้ชายนี่ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”

“บังอาจ!”

จู้หมิงโกรธโมโหใหญ่โต ตอนเช้าไอ้ฉินจุนคนนี้อยู่ที่สุสานตงซานที่มีการฝังอย่างสะเปะสะปะนั้น ตบบ้องหูของเขาทีหนึ่งอย่างหมาที่อาศัยบารมีเจ้าของ ทำให้เขาอับอายอย่างที่สุด พวกทหารและเจ้าหน้าที่ของผู้บริหารซุนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ ดูสิว่าเขายังจะมีอะไรให้ร้องเรียกได้อีก?

“ไอ้เด็กเวร ถ้าวันนี้ไม่ได้สั่งสอนคุณ คุณก็ยังคงไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ!”

สิ้นเสียงคำพูด จู้หมิงก็กำลังจะต้องการลงมือ

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดของโรงแรมจื่อจิงฮวาก็พุ่งเข้ามา เพียงพริบตาเดียวก็กดจู้หมิงลงกับพื้น

คนเหล่านั้นที่ด้านหลังเองก็ถูกล้อมขึ้นมา ในมือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ละคนล้วนถือกระบองไฟฟ้าอยู่ กดที่ปุ่มกดแล้ว เสียงเปรี๊ยะๆก็ดังออกมา

จู้หมิงถูกกดไว้อยู่บนพื้น ใบหน้าเบียดแน่นจนแดงก่ำ

“ทำอะไร! พวกคุณทำอะไร รีบปล่อยผม! ผมคือจู้หมิงของตระกูลจู้นะ!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่งเสียงเฮอะเสียงเย็นทีหนึ่ง “ตระกูลไหนก็ไม่สามารถทำตัวป่าเถื่อนที่โรงแรมจื่อจิงฮวาได้!”

ฉินจุนเป็นถึงแขกวีไอพีของประธานเมิ่งเชียวนะ แม้แต่ประธานเมิ่งก็ยังเคารพนับถือ คนไม่กี่คนที่รนหาที่ตายนี้กลับกล้าลงมือกับฉินจุน? หาเรื่องตายจริงๆ!

มองดูจู้หมิงที่รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บนพื้น ฉินจุนก็หัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง “รีบเอาพวกเขาออกไปเถอะ เห็นเขาแล้วอยากจะอ้วก”

“ครับ!”

ฉินจุนสั่งลงไปทีหนึ่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่กี่คนนี้ก็รีบยกจู้หมิงขึ้นทันที โยนออกไปที่ประตูใหญ่ทันที

จู้หมิงแข้งขาอ่อนเปลี้ย ถูกโยนล้มอย่างนี้ก็ลุกไม่ขึ้นไปอีกสักพัก ทั้งร่างราวกับไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วอย่างไรอย่างนั้น

“เลว ไอ้เลว!”

จู้หมิงโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ไอ้หมาอาศัยบารมี!”

จู้หมิงโกรธจนอยากจะตายจริงๆ ไอ้เด็กเหลือขอแซ่ฉินนี้ไม่ได้มีความสามารถอะไร แต่กลับโชคดีสุดๆ ครั้งก่อนมีคนของผู้บริหารซุนช่วยเหลือเขา ครั้งนี้ก็เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมอีก

เขาตามจู้หลินหลินเข้ามากินข้าวฟรีๆ คนที่มากินข้าวฟรีๆคนหนึ่งก็ยังกล้ามาอวดเบ่งขนาดนี้ จอมปลอมจริงๆ!

หลังจากฉินจุนกลับเข้าไป เมิ่งเหวินกังก็ถามว่า “ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

ฉินจุนพูดว่า “ไม่มีอะไร พวกจู้หมิงมาน่ะ ผมไล่ออกไปแล้ว”

หวังหยุนพลันสีหน้าเปลี่ยน

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ! คุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเขาไปน่ะ?”

เดิมทีหวังหยุนก็เกิดความพะวงในใจต่อตระกูลจู้ที่ถูกไล่ออกไปอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว คิดหาโอกาสไปพูดกับจู้หมิงสักคำหนึ่ง กระทั่งคิดจะก้มหัวขอโทษ ให้พวกเขากลับตระกูลจู้ไป

แต่ฉินจุนตัวดีนี่ กลับหาเรื่องเดือดร้อนให้พวกเธอไปซะทุกที่ ทั้งยังไล่จู้หมิงออกไปอีก ครั้งนี้พวกเธอก็เป็นการไม่เห็นแก่หน้าตาอีกฝ่ายอย่างแท้จริงแล้ว ถ้าขอโทษก็ไม่ใช่เป็นการเพิ่มความยุ่งยากเข้าไปอีกอย่างนั้นหรือ?

เห็นท่าทางเกิดโทสะของหวังหยุน ซุนเจี้ยนหมิ่นและเมิ่งเหวินกังก็พากันขมวดคิ้ว

แต่ดูแล้วศิษย์พี่เหมือนจะเป็นแฟนกับจู้หลินหลิน หวังหยุนคนนี้ก็ยังเป็นแม่ของจู้หลินหลินอีก เรื่องของคนในครอบครัว พวกเขาเองก็เอ่ยปากไม่สะดวก

หลังจากหวังหยุนพูดจบ เธอเองก็รู้ตัวว่าพูดจาไม่ดีไปแล้ว รีบหุบปากในทันใด ก้มหน้าทานข้าวต่อไป

มีคนตระกูลจู้อย่างพวกเธอไม่กี่คนอยู่นี้ บนโต๊ะเองก็ไม่ได้พูดอะไรนัก มองเวลาก็ผ่านไปสักพักแล้ว ฉินจุนใช้สายตาให้พวกเขาออกไป

ซุนเจี้ยนหมิ่นและเมิ่งเหวินกังยืนขึ้นพร้อมกัน พูดว่า

“วันนี้ก็พอแค่นี้นะ”

ฉินจุนพยักหน้า “ผมไม่ส่งพวกคุณแล้วนะ”

หวังหยุนรีบยืนขึ้นอย่างเคารพนอบน้อม เพ่งมองฉินจุนอย่างดุดันทีหนึ่ง

ต้องให้คุณส่งเหรอ? คุณมีฐานะอะไร คุณมีสิทธิ์ส่งด้วยเหรอ?

สามารถกินข้าวบนโต๊ะอาหารได้ก็ไม่เลวมากแล้ว แต่ก็เป็นการตีเนียนกินข้าวของพวกเธอฟรีๆเท่านั้น ยังคิดว่าตนเองเป็นคนใหญ่คนโตจริงๆเหรอ?

ครอบครัวหวังหยุนจู้หลินหลินทั้งสามคนรีบพากันออกไปส่งที่ประตู ทั้งตลอดทางก็ยังท่าทางเกรงอกเกรงใจ คิดจะพูดอะไรสักหน่อย แต่ก็ไม่กล้าพูดซี้ซั้ว ระมัดระวังอย่างมาก

หลังจากซุนเจี้ยนหมิ่นและเมิ่งเหวินกังขึ้นรถไปแล้ว หวังหยุนถึงจะเป่าลมออกมาอย่างโล่งอกได้ การกระทำของฉินจุนในวันนี้ทำให้เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก ดีที่ทั้งสองท่านนั้นไม่ได้สนใจอะไร ไม่อย่างนั้นเจ้าฉินจุนคนนี้จะต้องทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริงๆแน่!

หวังหยุนพลันพูดว่า “ไปกันเถอะ พวกเรากลับกันไปก่อน ให้ฉินจุนนั่งรถไฟใต้ดินไปเองแล้วกัน”

จู้หลินหลินตะลึงไปครู่หนึ่ง “แม่ไม่ใช่บอกว่าพวกเราจะเลี้ยงเหรอ แม่จ่ายเงินแล้วยัง?”

“ไอ้หยาจ่ายแล้วๆ แม่จะไม่จ่ายเงินได้เหรอ รีบไปกันเถอะ”

จู้หลินหลินเอือมระอาอยู่บ้าง ก็แค่พวกเธอสามคน เห็นอยู่ว่าบนรถสามารถนั่งได้พอ แต่แม่กลับไม่ให้นั่งซะอย่างนั้น

เธอเองก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างมากสุดก็ทำได้แค่นั่งไปบนรถ ส่งข้อความหาฉินจุน

หลังจากรถขับออกไปแล้ว บนใบหน้าของหวังหยุนก็ปรากฏสีหน้าความสนุกอย่างหนึ่ง

ฉินจุนไม่ใช่ว่าเสแสร้งเก่งหรอกเหรอ ฉันจะให้คุณเสแสร้งต่อไป ดูว่าอีกเดี๋ยวตอนจ่ายเงิน คุณยังจะเสแสดงได้อีกไหม!

หวังหยุนจงใจเลี่ยงไม่จ่ายเงิน ถือโอกาสที่ไปส่งผู้บริหารหลบออกมาจากห้องอาหาร ทิ้งฉินจุนเอาไว้คนเดียว

ไม่ใช่ว่าเขาชอบเสแสร้งหรอกเหรอ ชอบเก๊กไม่ใช่เหรอ แล้วยังคิดว่าตนเองเป็นคุณชายใหญ่อีก? รอจนถึงตอนที่จ่ายเงินแล้ว ดูว่าค่าใช้จ่ายหลายแสนเขาเอามาจ่ายไม่ได้แล้วจะทำยังไง!

รอให้ตอนที่ฉินจุนโทรศัพท์หาเธอ ขอร้องให้เธอไปนั้น ดูว่าเขาจะยังมั่นหน้าขนาดนั้นได้อีกไหม

ถึงตอนนั้นหวังหยุนจะต้องตำหนิเขาให้หนักๆสักทีแน่นอน!

รอไปครู่หนึ่ง เห็นว่าพวกเขายังไม่ได้กลับมานานแล้ว ฉินจุนขมวดคิ้ว หลังจากได้รับวีแชทของจู้หลินหลินแล้ว ถึงได้รู้ว่าพวกเขานั้นไปแล้ว

ฉินจุนเองก็เดินออกจากห้องอาหาร ผู้ช่วยของเมิ่งเหวินกังที่อยู่หน้าประตูยังคงอยู่ รอเขาอยู่ตลอดเวลา

“คุณผู้ชายฉิน ผมจะส่งคุณกลับไปครับ”

“อืม”

ฉินจุนพยักหน้า ขึ้นรถส่วนตัวของเมิ่งเหวินกัง

นี่คือรถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอม เป็นมหาเศรษฐี ยานพาหนะก็ต่างกันแล้ว

หลังจากหวังหยุนกลับถึงในบ้าน รอตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับโทรศัพท์ของฉินจุน

นี่ทำให้เธองุนงงเล็กน้อย เห็นๆอยู่ว่าไอ้เด็กนี่ไม่มีเงินจ่ายบิล ทำไมยังไม่โทรศัพท์มาขอให้ช่วยอีก?

ในตงไห นอกจากตระกูลจู้ของพวกเขา เด็กแซ่ฉินนั่นยังสามารถพึ่งพิงใครได้อีก?

ทันใดนั้น ในใจของหวังหยุนก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่เหมือนเดิม

หลังจากนั้น เสียงรถยนต์ดังมาจากด้านนอก โรลส์-รอยซ์ แฟนธอมหยุดอยู่หน้าประตูบ้าน

ฉินจุนค่อยๆลงมาจากบนรถ

สีหน้าของหวังหยุนพลันเปลี่ยน!

เวรแล้ว เจ้าฉินจุนไปหาประธานเมิ่งขอให้ช่วยจ่ายเงินแล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset