ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 291 ผู้อำนวยการช่อง CCTV

เมื่อจ้าวลี่คุนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเช้าวันต่อมาแล้ว

“แม่ตื่นแล้วเหรอ”

ชายหนุ่มรีบเข้ามาช่วยพยุงจ่าวลี่คุนให้ลุกขึ้น เอาเสื้อผ้าให้เธอใส่แล้ว จ้าวลี่คุนใช้กระจกดูด้านหลังของตัวเอง และพบว่าบริเวณที่ครอบแก้วกลายเป็นสีดำหมดแล้ว

เมื่อก่อนตอนเธอครอบแก้วจะทิ้งรอยสีม่วงเอาไว้ เป็นสีม่วงก็ว่าหนักแล้ว เพราะมันแปลว่าร่างกายของเธอเย็นและชื้นมาก แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสีดำ นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว!

“แม่วันนี้แม่ดูดีขึ้นนะ”

“ใช่ไหม?”

จ้าวลี่คุนบิดขี้เกียจ รู้สึกว่าร่างกายของเธอเบาขึ้นจริงๆ และเธอก็รู้สึกสบายมาก เมื่อได้กลิ่นโจ๊กก็รู้สึกหิวด้วย

“ตื่นได้แล้ว กินข้าวเช้าหน่อยนะครับ”

ฉินจุนยกหม้อโจ๊กและขนมกุ้ยฮวามาให้ และทั้งสามคนก็นั่งกินข้าวเช้าด้วยกันที่โต๊ะ

ชายหนุ่มพูด “แม่ คุณฉินทำโจ๊กนี้ให้แม่โดยเฉพาะเลยนะ เป็นการตุ๋นยาจีนน่ะ”

จ้าวลี่คุนประหลาดใจ “จริงเหรอคะ?”

ฉินจุนพยักหน้า “ผมได้จดสูตรไว้ให้คุณแล้ว คุณจะได้กินทุกวัน หากไม่สามารถเปลี่ยนกิจวัตรประจำได้ งั้นก็ต้องเปลี่ยนอาหารหน่อย แค่นี้ก็จะดีขึ้นมากแล้ว”

จ้าวลี่คุนซาบซึ้งใจมาก หมอที่เอาใจใส่อย่างนี้หายากมาก และยิ่งไปกว่านั้นวิชาการแพทย์ของเขาก็สูงมาก

“คุณฉิน ขอบคุณคุณมากนะคะ!”

“ไม่เป็นไรครับ พอดีเลย ผมมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ”

จ้าวหลี่คุนผงะไปครู่หนึ่ง “คุณพูดมาได้เลยค่ะ ถ้าช่วยได้ฉันจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่”

จ้าวลี่คุนรู้สึกว่าฉินคุนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา ตั้งใจอยากจะคบหาไว้ หากเขามีความต้องการอะไร เธอก็จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพอใจ

ฉินจุนพูด “เพื่อนผมมีปัญหานิดหน่อย ไม่รู้ว่าคุณได้ยินมาบ้างหรือยัง เรื่องซูเหวินฉีน่ะ”

จ้าวลี่คุนผงะไปครู่หนึ่ง “ซูเหวินฉีเป็นเพื่อนของคุณเหรอคะ?”

“ใช่ครับ”

เมื่อคืนฉินจุนเห็นข่าวของซูเหวินฉีบนเวยป๋อแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการแถลงข่าวใดๆเลย และทางต้นสังกัดก็ยังไม่ได้ออกมาพูดอะไร ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ต้องการออกมาโต้กระแส กำลังรอให้ทุกคนใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยออกมาอธิบายทีหลัง

ในฐานะที่จ้าวลี่คุนเป็นผู้อำนวยการของช่องCCTV เธอต้องให้ความสนใจเรื่องประเภทนี้อยู่แล้ว และก็รู้เหตุการณ์อย่างรวดเร็ว

แต่ไม่คิดว่าฉินจุนก็สนใจเรื่องนี้ด้วย

“เท่าที่ฉันรู้ซูเหวินฉีไม่น่าจะเป็นคนที่มีชีวิตที่ไม่ระวังอย่างนี้ เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้เธอมีอะไรปิดบังอยู่?”

ฉินจุนพยักหน้าและเล่าเรื่องราวทั้งหมด เพราะเขาเห็นด้วยตาของเขาเองดังนั้นจึงสามารถเล่าได้อย่างละเอียด

หลังจากที่จ้าวลี่คุนได้ฟัง เธอก็ครุ่นคิด

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ฉันเชื่อคุณค่ะ”

หลายสิ่งหลายอย่างในวงการบันเทิงไม่ตัดสินได้หากไม่มีหลักฐานที่แท้จริง

ตอนนี้เรื่องของซูเหวินฉีก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาหลักฐานที่แท้จริงได้ จึงได้แต่คาดเดาเท่านั้น คราวนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครมีความสามารถด้านสื่อที่แข็งแกร่งกว่าคนนั้นก็จะสามารถเป็นผู้ชักนำความคิดเห็นของประชาชนได้ และสุดท้ายชัยชนะก็จะเป็นของคนคนนั้น

แต่สถานการณ์ของซูเหวินฉีค่อนข้างลำบาก เพราะทุกคนต่างก็ชอบให้ความสนใจกับเรื่องอื้อฉาวในวงการบันเทิง

ดังนั้นคนที่ชอบเสพดราม่าเหล่านี้ก็หวังในใจลึกๆ ว่าเรื่องของซูเหวินฉีจะเป็นความจริง มีแนวโน้มอคติไปแล้วไม่มากก็น้อย

แต่ไม่ว่าความสามารถด้านสื่อของลู่ฟานจะดีแค่ไหน แต่นั่นก็เป็นแค่ช่องเล็กๆ เท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการประชาสัมพันธ์ ฐานมวลชน ใครจะเทียบช่อง CCTV ได้?

ช่อง CCTV เป็นพี่ใหญ่ในบรรดาสื่อทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแอพติ้กต่อก แพลตฟอร์มไลฟ์สดต่างๆ เมื่อเทียบกับช่อง CCTV ก็เหมือนเหล่าต้นกล้าที่เพิ่งแตกหน่อเท่านั้น

ต้นไม้ใหญ่ที่แท้จริงก็คือ CCTV!

หลังจากที่จ้าวลี่คุนตอบตกลง เธอพูดพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ

“แต่ฉันก็มีเงื่อนไขเหมือนกัน ต่อไปฉันจะมารักษากับคุณที่นี่บ่อยๆ คุณจะปฏิเสธไม่ได้นะคะ”

ฉินจุนพูด “คลินิกของผมที่นี่เป็นเหมือนหน้าตาของอาจารย์ผม ผมไม่เคยปฏิเสธผู้ป่วยหรอกครับ ถึงคุณไม่ตกลงผมก็รักษาคุณอยู่ดี”

จ้าวลี่คุนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “คุณมีจิตใจเช่นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย มิน่าล่ะคุณถึงมีทักษะทางการแพทย์เช่นนี้ ไม่ต้องกังวลนะคะ เรื่องของซูเหวินฉีฉันจะช่วยเอง”

………

ในเวลานี้สตูดิโอของซูเหวินฉีมาคุมาก และพี่เถียนก็กำลังโกรธจัด ปาต้นฉบับลงบนพื้นทีละอันๆ

“เลี้ยงพวกคุณเสียข้าวสุกจริงๆ! ปกติที่ฉันให้พวกคุณเขียนบทความโปรโมทในโมเม้นท์ แต่ทำไมเขียนขยะอะไรแบบนี้ออกมา!”

เหล่าบรรณาธิการที่ถูกดุต่างก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร บทความโปรโมทเหล่านี้มันเขียนยากเกินไป

ไม่เพียงแต่ต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงเท่านั้น ยังต้องโน้มน้าวใจคนอ่านได้ด้วย

ตอนนี้ทุกคนต่างก็เอนเอียงไปทางแย่ๆของซูเหวินฉี ดังนั้นเขียนข้อเท็จจริงไปเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์หรอก

พี่เถียนเดินไปเดินมาในสตูดิโอ ขณะที่เดินก็คุยโทรศัพท์ไปด้วย

“ฮัลโหลค่ะ? ช่อง BTV ใช่ไหมคะ? คืออย่างนี้นะคะ คือเรื่องซูเหวินฉีน่ะค่ะดูเหมือนว่าบทความจะเขียนไม่ค่อยเคลียร์นะคะ เราอยากจะติดต่อนัดสัมภาษณ์น่ะค่ะ รายการ “ประเด็นร้อนปักกิ่ง” ของช่องคุณพอจะมีตารางว่างไหมคะ? อะไรนะ? ไม่กี่เดือนก่อนคุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่ ตอนนั้นคุณจะเชิญเหวินฉีของเราไปออกไม่ใช่เหรอ? ฮัลโหล?”

“เวรเอ๊ย!”

พี่เถียนโมโหจนเกือบจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง

“สถานีโทรทัศน์เหล่านี้หยิ่งยโสมากเลยใช่ไหม? ตอนที่ซูเหวินฉีไม่มีเรื่องอะไร พวกเขาก็พยายามเชิญให้เราไปสัมภาษณ์ พอตอนนี้มีเรื่องหน่อยมาบอกว่าไม่มีคิวว่าง? นี่มันข้ออ้างชัดๆ!”

ตอนนี้สถานีโทรทัศน์เหล่านี้ต่างก็ไม่ยอมช่วยซูเหวินฉีได้ชี้แจงเรื่องนี้เลย เพราะเรื่องนี้มันมีความเสี่ยง

ถ้าสัมภาษณ์ออกมาไม่ดี ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของซูเหวินฉีจะเสียหาย สถานีโทรทัศน์ก็อาจจะโดนไปด้วย บางทีรายการทอล์คโชว์ดีๆก็อาจถูกทำให้เสียหายไปด้วย

พวกเขาจะไม่กล้าเอารายการรายการหนึ่งมาเสี่ยงกับซูเหวินฉี มันมีความเสี่ยงมากเกินไป

หลังจากที่พี่เถียนติดต่อช่องทีวีไปหลายช่อง ต่างก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา มีสองช่องตอบตกลงแล้ว แต่เป็นรายการสัมภาษณ์เล็กๆ ที่ไม่ค่อยดัง

ปกติแขกที่ไปออกก็เป็นพวกเน็ตไอดอลที่ยังไม่ค่อยดัง หรือไม่ก็เป็นคนดังในแอพวิดิโอสั้นๆ

ยังไงซูเหวินฉีก็ไม่ลดตัวไปรายการทอล์คโชว์แบบนั้นหรอก และแม้ว่าจะไปก็เกรงว่าคงจะไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะถูกด่าเปล่าๆ

ยังไม่ทันไรก็ไปออกรายการเล็กๆ แบบนั้น ไม่ใช่ว่ายอมรับแล้วหรอกเหรอ?

ซูเหวินฉีพิงโซฟาด้วยใบหน้าเย็นชา

“พี่เถียน งั้นก็รอไปก่อนเถอะ”

พี่เถียนส่ายหัว “ไม่ได้หรอก รอต่อไปไม่ได้แล้ว หากรอต่อไปมันก็จะกลายเป็นความจริงสิ ฉันจะคิดหาวิธี…”

ขณะที่พี่เถียนกำลังจะติดต่อคนอื่น ทันใดนั้นก็มีเบอร์แปลกโทรมา เมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขเมืองปักกิ่ง พี่เถียนจึงกดรับ

“สวัสดีค่ะ?”

“สวัสดีค่ะ เราโทรมาจาก CCTVนะคะ คุณคือคุณเถียน ผู้จัดการของซูเหวินฉีใช่ไหมคะ?”

พี่เถียนอึ้งไปแล้ว เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้รับโทรศัพท์จากช่อง CCTV เธอจึงรีบตอบอย่างรวดเร็ว

“ใช่ค่ะ”

“สวัสดีค่ะคุณเถียน ช่อง CCTV ของเรามีรายการหนึ่งชื่อ ‘หม่าหรุ่ยทอล์คโชว์’ สัปดาห์นี้มีตารางว่าง จึงอยากเชิญคุณซูเหวินฉีมาออก ไม่ทราบว่าคุณสนใจไหมคะ?”

พี่เถียนยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก คิดอะไรก็ได้ดั่งใจจริงๆเหรอเนี่ย?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset