ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 313 จู้หมิงเปิดเผยความลับ

ช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ในเมืองตงไห่ สถานการณ์ของตระกูลซูกับตระกูลหัวไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แม้ว่าเดิมทีพวกเขาจะเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่แห่งเมืองตงไห่ แต่ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาธุรกิจของพวกเขาเสียหายไปไม่น้อย

แต่ว่าพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะตอนนี้ไม่มีตระกูลฉีแล้ว

ก่อนหน้านี้ฉินจุนเคยเตือนพวกเขาแล้วว่า ทั้งสามตระกูลนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าหากตอนนั้นตระกูลฉินยังอยู่ บางทีพวกเขาก็อาจจะหวาดกลัว แต่นี่แค่เศษซากเล็ก ๆ ของตระกูลฉิน จะทำอะไรได้?

ดังนั้น เพราะเป็นแบบนี้ ตระกูลฉีจึงถูกทำลายไปแล้ว

พวกเขาสองตระกูลยังไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น พอเช้าวันต่อมาก็ได้ข่าวแล้วว่าคนของตระกูลฉีทั้งหมดขึ้นเครื่องบินอพยพไปต่างประเทศหมดแล้ว พวกเขารวดเร็วมาก แม้แต่ธุรกิจของตระกูลฉีตั้งมากมายก็ไม่เอาแล้ว ละทิ้งทุกอย่างจากแผ่นดินเกิด แม้แต่ทรัพย์สินกว่าหลายร้อยล้านก็ทิ้งหมด

โทรศัพท์ไปหาก็ไม่สามารถติดต่อคนของตระกูลฉีได้เลย เหมือนกับว่าพวกเขาได้สาบสูญไปจากโลกใบนี้แล้ว

มีที่สองตระกูลมั่นหมายกันไว้ มาตอนนี้แม้แต่ลูกสะใภ้ก็ไม่เอาแล้ว

พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตระกูลฉี ก็ทำเอาอีกสองตระกูลที่เหลือตกตะลึง

หลังจากนั้นผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาถึงได้รู้ว่าท่านผู้เฒ่าตระกูลฉีเสียแล้ว!

การที่ตระกูลฉีถูกทำลาย ทำให้พวกเขาสองตระกูลไม่กล้าลงมือทำอะไร อยู่แต่ในบ้านแทบไม่กล้าออกไปข้างนอก คอยกำกับดูแลธุรกิจจากทางไกล

ถึงแม้จะออกข้างนอก ก็สวมหน้ากากอนามัยใส่แว่นดำ ไม่พูดคุยกับใคร และก็ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับใคร

พอจู้หมิงมาถึงคฤหาสน์ตระกูลซู ก็กดกริ่งที่หน้าประตู แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับ

“คุณมาหาใคร?”

ในเวลานี้ตระกูลซูมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา มีบอดี้การ์ดมากกว่าสิบคนในรั้วบ้าน เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายใดๆ

“ฉันมาหาคุณชายรองของตระกูลซู ซูจินเลี่ย !”

ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังออกมา

“จู้หมิง?นายมาทำอะไร”

“คุณชายซูลำดับที่สอง ผมมีเรื่องสำคัญจะมาแจ้งให้ท่านทราบ มันเกี่ยวกับตระกูลฉิน!”

ทางอีกด้านหนึ่งของเครื่องอินเตอร์คอมออกอาการลังเลไปพักหนึ่ง “นายเข้ามาก่อนมา!”

พูดจบ บอดี้การ์ดสองคนก็มาเปิดประตูเล็กให้จู้หมิง พอจู้หมิงเดินเข้ามาถึงพบว่า บอดี้การ์ดที่นี่ต่างพกปืนกันทุกคน แต่ละคนต่างเฝ้าระวังเตรียมพร้อมมาก ๆ ดูเหมือนว่าตระกูลซูจะหวาดวิตกมาก ๆ

พอเดินเข้ามาในบ้าน คนของตระกูลซูต่างอยู่ครบ ทุกคนเบื่อกับการนั่งเล่นโทรศัพท์ที่บ้าน

สีหน้าของซูจินเลี่ยเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ช่วงนี้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ลำบากมาก ๆ

“จู้หมิง นายมีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา”

จู้หมิงเอ่ย “วันนี้ผมเจอคุณชายฉินลำดับที่สองแล้ว!”

สีหน้าของซูจินเลี่ยเปลี่ยนไปทันที “คุณชายฉินลำดับที่สอง?ฉินเฟยหยู ?นายมาพูดพล่ามเรื่องไร้สาระอะไร ฉินเฟยหยูตายไปตั้งนานแล้ว!”

จู้หมิงส่ายหน้า “ผมเห็นเองกับตา เหมือนว่าฉินเฟยหยูจะได้รับบาดเจ็บ วันนี้ฉินจุนเพิ่งรักษาให้หายขาด พอเจอผมเขายังทักทายผมอยู่เลย ถึงแม้ว่าไม่ได้เจอกันมาสิบปี แต่ผมไม่มีทางจำฉินเฟยหยูไม่ได้แน่นอน”

สมัยนั้นคุณชายฉินลำดับที่สองมีชื่อเสียงมาก ๆ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปสิบปีแล้ว ท่าทางน่าเกรงขามของเขาก็ไม่ได้ลงลด แถมถึงแม้จะเป็นชายวัยกลางคนแล้วแต่รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่

พอได้ยินจู้หมิงพูดแบบนี้ สีหน้าของซูจินเลี่ยก็ยิ่งย่ำแย่หนักกว่าเดิม

ไม่คิดเลยว่าตระกูลฉินมีคนมีชีวิตอยู่อีก แค่ฉินจุนคนเดียวก็ยากที่จะต่อกรแล้ว ตอนนี้ฉินเฟยหยูก็มาปรากฏตัวอีก!

“นายมาที่นี่ก็เพื่อจะมาบอกข่าวร้ายนี่กับฉันน่ะเหรอ?” สีหน้าของซูจินเลี่ยเคร่งขรึม

จู้หมิงเอ่ย “ไม่ใช่แน่นอนครับ มีข่าวดีด้วย”

“ตอนนี้ไอ้ฉินจุน ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ และดูท่าจะอาการหนักด้วยครับ ตอนที่ผมไปมันยังนอนสลบอยู่บนเตียงผู้ป่วย ดูสีหน้ามันแล้วแย่มาก ๆ ครับ ต่อให้ฟื้นขึ้นมา ก็น่าจะอาการหนักเหมือนตายทั้งเป็น คุณชายซูครับ ผมว่าตอนนี้มันเป็นโอกาสของเรานะครับ!”

คิ้วของซูจินเลี่ยกระตุกเห็นได้ชัดว่าเขาเกิดความสนใจ

ฉินเฟยหยูเพิ่งกลับมาหายดี คอนเนกชั่นในอดีตก็คงยังใช้ไม่ได้ ถ้ารีบฉวยโอกาสลงมือตั้งแต่ตอนนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดจริง ๆ

ฉินเฟยหยูเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมในสมัยนั้น แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสิบปี แต่การจะลุกกลับมาผงาดขึ้นอีกครั้งของเขาก็ยังคงต้องใช้เวลา

ถ้าหากตอนนี้ปล่อยไปไม่ทำอะไร รอให้ฉินเฟยหยูลุกกลับมาตั้งตัวอีกครั้งได้ เกรงว่าพวกเขาจะยิ่งใช้ชีวิตลำบากกว่าเดิม

ตอนนี้ต้องฉวยโอกาสตอนที่ฉินเฟยหยูยังไม่ตั้งตัวแถมฉินจุนก็มาบาดเจ็บหนักพอดี นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะลงมือ

จู้หมิงเอ่ยถาม “เพียงแต่ว่ามันมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งครับ คอนเนกชั่นของไอ้ฉินจุนมันกว้างขวางมาก ๆ มันสนิทสนมกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหอกรุป ตระกูลเมิ่งกรุ๊ป ต่อให้ได้รับบาดเจ็บหนัก ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรมันได้ง่าย ๆ ”

ซูจินเลี่ยหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “นายอย่ามาดูถูกสามตระกูลใหญ่อย่างพวกเรา ต่อให้ไม่มีตระกูลฉีแล้ว แต่พวกเราตระกูลซูตระกูลหัวก็ยังมีคอนเนกชั่นอยู่บ้าง”

“ต่อให้ไอ้เมิ่งเหวินกังเก่งแค่ไหน ก็เก่งแค่ในตงไห่ล่ะว้า ส่วนเหอกรุปมากสุดก็เก่งแค่ในประเทศจีนเท่านั้นแหละ”

จู้หมิงเบิกตากว้าง “ฟังจากที่คุณชายซูพูดแล้ว หรือว่าท่านมีคอนเนกชั่นที่เมืองนอก?”

ซูจินเลี่ยหัวเราะอย่างเย็นชา “อิรัก ประเทศค้าน้ำมันรายใหญ่ รู้จักไหม?”

จู้หมิงชะงัก “รู้สิครับ ประเทศอิรัก เป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกเลยนะครับ”

ซูจินเลี่ยเอ่ย, “ประเทศอิรักมีมหาเศรษฐีคนหนึ่ง มาจากตระกูลคริส พวกเราสองตระกูลจะได้รับความสนับสนุนจากเขา นายคิดว่าต่อให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เก่งแค่ไหน แต่จะเก่งกว่าธุรกิจค้าน้ำมันได้ไหมล่ะ?”

จู้หมิงยิ้ม

มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ต่อให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเก่งมาก แต่ก็เก่งแค่ในประเทศจีน

เป็นเพราะว่าประชากรของประเทศจีนมีจำนวนมาก เพราะฉะนั้นค่าเช่าห้องจึงแพงมาก ๆ แต่ถ้าในต่างประเทศ คนน้อยพื้นที่มาก ราคาค่าบ้านจึงถูกมาก ๆ เพราะฉะนั้นอิทธิพลของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงน้อยมาก

ซึ่งแตกต่างกับธุรกิจค้าน้ำมัน น้ำมันเป็นแหล่งพลังงานระหว่างประเทศ และไม่มีประเทศใดหนีพ้นจากการใช้น้ำมัน และอิรักเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ผู้ประกอบการด้านน้ำมันอย่างตระกูลคริสคือมหาเศรษฐีตัวจริง

คิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลซูจะเอื้อมถึงบุคคลสำคัญขนาดนี้ได้!

แน่นอนว่ากว่าตระกูลซูและตระกูลหัวจะเอื้อมถึงตระกูลคริสพวกเขาก็เสียไปไม่น้อย

พวกเขาอยากได้ทรัพยากรและแรงสนับสนุนจากชาวต่างชาติ ส่วนชาวต่างชาติก็อยากบุกตลาดของประเทศจีน เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงสามารถเชื้อเชิญตระกูลคริสได้

“จู้หมิง ข่าวของนายแน่ใจนะว่ามันถูกต้อง?”

“คุณชายซูลำดับที่สองครับ ท่านวางใจได้ ข่าวนี้ถูกต้องแน่นอน ผมเห็นมาเองกับตาไม่มีทางเป็นข่าวปลอมครับ!”

“ดี เรื่องนี้นายทำได้ดีมาก ฉันรู้ดีว่านายอยากจะเป็นผู้มีอำนาจในตระกูลจู้มาตลอด ถ้าจัดการไอ้ฉินจุนได้ ฉันจะสนับสนุนให้นายขึ้นเป็นผู้นำตระกูลจู้!”

ดวงตาของจู้หมิงเปล่งประกาย สีหน้าแสดงถึงความดีใจมาก ๆ “ขอบคุณมากครับคุณชาย!”

ถ้ามีตระกูลซูคอยสนับสนุน จู้หมิงจะต้องยืนหยัดได้แน่นอน

นายจู้หมิงคนนี้ ถึงแม้จะเป็นคนของตระกูลจู้ แต่เขาก็ยังไม่เชื่อ 100% ดังนั้นเขาจึงให้คนไปลองสืบดู

ไม่นานคนเหล่านั้นก็ไปสืบกลับมา

“คุณชายรองครับ ที่คลินิกซวนหยวนปิดครับ บอกว่ากำลังตกแต่งภายใน ต้องหยุดกิจการสักสองสามวัน พอพวกเราไปที่คฤหาสน์ชิงเหมย ก็มีการคุ้มกันแน่นหนา ล้อมรอบไปด้วยบอดี้การ์ด”

“เยี่ยม!”

ชูจินเลี่ยตบหน้าขาของเขา ดูเหมือนว่าข่าวจะถูกต้อง ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยตามสืบมาหลายครั้งแล้ว แต่เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับไอ้ฉินจุนเลย

“คุณชายรองครับ ต่อให้เราสามารถจัดการเหอเนี่ยนอิงกับเมิ่งเหวินกังได้ แต่ต้วนเป่าตงกับเพ่ยเหลียงล่ะครับ?”

ซูจินเลี่ยหัวเราะออกมา “ไอ้สองคนนี้ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ ก็จริง แต่ว่า ฉันมีวิธีแล้ว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset