ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 447 ธรรมดาจริงๆ

อาจารย์รีบอธิบาย

“อาจารย์เมิ่งคะ คุณอย่าถือสาเลยนะคะ เขาเป็นพี่เขยของเฉินเค่อเอ๋อร์น่ะค่ะ เป็นผู้ปกครอง อาจจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้ คุณไปเอาอะไรกับเขาล่ะค่ะ!”

คณบดีเมิ่งเป็นที่ชอบเอาชนะอยู่แล้ว ทำอะไรก็มักจะจริงจังกับทุกสิ่ง ดังนั้นทุกคนจึงไม่ค่อยกล้าพูดเล่นกับคณบดีเมิ่ง

และฉินจุนก็เป็นผู้ปกครองของนักศึกษา แม้ว่าจะเป็นคนในสายอาชีพเดียวกัน แต่จากอายุเขาก็เป็นได้แค่รองหัวหน้าฝ่าย หรือหัวหน้าแพทย์เท่านั้น

ระดับหัวหน้าฝ่ายก็เทียบกับผู้เชี่ยวชาญไม่ได้อยู่ดี ไม่ต้องพูดถึงคณบดีเมิ่งที่เป็นถึงศาสตราจารย์แล้ว

แล้วจะให้เขาเข้าร่วมประชุมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อวัดกับคณบดีเมิ่ง ล้อเล่นเหรอ?

เมื่อคณบดีเมิ่งได้ยินว่าเขาเป็นผู้ปกครองของนักศึกษา สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ อ่อนลง จริงๆ แล้วไม่ควรไปเรียกร้องอะไรมากกับผู้ปกครองของนักศึกษา ถ้าจริงจังเกินไปอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันได้

“เฮอะ ผู้ปกครองก็ไม่ควรพูดมั่วๆ มั้ง? ความสามารถทางการแพทย์ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดกันลอยๆได้”

ฉินจุนได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มบางๆ “ผมไม่ได้พูดลอยๆ เมื่อดูจากทัศนคติของคุณเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหมอกับพยาบาลแล้วมันทำให้เห็นว่าความสามารถของคุณมันธรรมดาจริงๆ”

อาจารย์: ……

เฉินเค่อเอ๋อร์: …….

คณบดีเมิ่ง: ……..

ทั้งสามคนก็อึ้งไปตามๆ กัน

พี่ชายคุณดูไม่ออกเหรอว่าคนอื่นเขากำลังช่วยแก้ต่างให้น่ะ? คุณพูดอย่างนี้หมายความว่าไงน่ะ ช่วยแก้ต่างให้ก็ไม่ยอม ต้องการงัดกับคณบดีให้ได้เลยเหรอ?

คณบดีเมิ่งตกใจมาก ทำไมเด็กคนนี้กล้าได้ขนาดนี้เนี่ย?

“ดี ดีมาก! ไปกันเถอะ พอดีเลยห้องประชุมข้างๆ มีผู้เชี่ยวชาญมากมายมาจากทั่วประเทศ หากคุณมีปัญหาอะไร ทุกคนจะได้หารือร่วมกันได้!”

หลังจากพูดจบ คณบดีเมิ่งก็เดินออกไป และเข้าไปที่ห้องประชุมที่อยู่ข้างๆ

เค่อเอ๋อร์รีบดึงฉินจุนและพูดว่า “พี่เขย ช่างเถอะ ฉันว่าพอแล้วล่ะ! ถ้าคุณยังเถียงกับคณบดีเมิ่งต่อ คุณจะต้องขายหน้าแน่ๆ !”

ฉินจุนยิ้มบาง ๆ “เธอแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่ขายหน้าจะเป็นฉัน?”

หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็เดินออกไป และตรงไปยังห้องประชุมข้างๆ ทันที

เมื่อพูดถึงเรื่องวิชาการ คณบดีเมิ่งนั้นค่อนข้างจริงจังมาก แต่ฉินจุนก็จริงจังมากเช่นกัน ในเรื่องอื่นๆ อาจจะปิดตาข้างหนึ่งได้ แต่ในเรื่องการแพทย์แล้วจะปล่อยปละละเลยไม่ได้

หลังจากเข้าไปในห้องประชุม ชายหญิงวัยกลางคนจำนวนมากนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องประชุมเพื่อรอการมาถึงของคณบดีเมิ่ง

ทันทีที่ฉินจุนเข้ามา คณบดีเมิ่งก็ยืนขึ้นและพูด

“ขออนุญาตแนะนำนะครับ ท่านนี้คือผู้ปกครองของนักศึกษาของเรา เขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของผมเมิ่งจ้าวหลินน่ะครับ พวกเรามาพูดคุยหารือกันต่อหน้าทุกคนเลยดีกว่า”

ถึงจะพูดว่าพูดคุยหารือกัน แต่ในความหมายของคณบดีเมิ่งนั้นไม่ค่อยดีนัก จากการพูดเหน็บแนม เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะข่มขู่ฉินจุน

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่นั่งอยู่ต่างก็ยิ้ม โดยรู้ทันทีโรคเก่าของคณบดีเมิ่งกำเริบอีกครั้งแล้ว จะมาเอาชนะอะไรกับผู้ปกครองของนักนักศึกษาคนหนึ่งล่ะ

ผู้ปกครองของนักศึกษา และเขายังเด็กมาก แน่นอนว่ายังไม่มีความสามารถอะไรมาก ไม่แน่ก็อาจจะเป็นคนนอกวงการเสียด้วยซ้ำ แล้วยังจะเรียกเขามาประจันหน้าอย่างนี้อีก นี่ต้องการจะทำให้คนอื่นเสียหน้าเหรอ?

“คณบดีเมิ่ง ปล่อยไปเถอะ ความสามารถของคุณยังมีอะไรให้สงสัยอีกเหรอ? ฮ่าๆๆ…”

“นั่นน่ะสิ มีอะไรให้น่าสงสัยกัน เป็นอาจารย์มาตั้งหลายปีแล้ว มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ผู้คนมากมายก็เป็นคนที่คุณสอน ถ้าคุณไม่มีความสามารถมากพอ แล้วใครจะมีล่ะ?”

“เหอะๆ ผู้ปกครองท่านนี้ คุณอย่าล้อเล่นเลยครับ พวกเราจะเริ่มการสัมนาเกี่ยวกับเรื่องเฉพาะทางแล้ว เกรงว่าคุณจะฟังไม่เข้าใจ”

ฉินจุนเหลือบมองไปที่หัวข้องานประชุมที่เขียนไว้บนกระดานดำที่ด้านหลังห้องประชุม เกี่ยวกับความสำคัญของการพยาบาล

ฉินจุนหัวเราเยาะ “มาถกกับเขาในเรื่องนี้ ก็ดูเหมือนว่าความสามารถของพวกคุณก็ไม่เท่าไหร่หรอก”

คำพูดของฉินจุนก็เป็นที่ฮือฮาของทุกคนอีกครั้ง และทุกคนต่างก็จ้องเขาตาโต ซึ่งเต็มไปด้วยประหลาดใจ

ไม่แปลกใจเลยที่คณบดีเมิ่งต้องเรียกคุณมาที่นี่ คุณไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยเหรอ?

กล้าท้าทายผู้เชี่ยวชาญมากมายขนาดนี้ คุณบ้าไปแล้วเหรอ?

“เหอะๆ พ่อหนุ่มช่างไม่จักที่ต่ำที่สูงจริงๆเลย มีผู้เชี่ยวชาญมากมายอยู่ที่นี่ คุณยังกล้าพูดอย่างนี้อีกเหรอ?”

คณบดีเมิ่งแค่นหัวเราะ “ไม่ต้องหรอกครับ! ปล่อยให้เขาพูด! ผมก็อยากจะรู้ว่าผมมีข้อบกพร่องตรงไหนถึงทำให้ผู้ปกครองของนักศึกษาสงสัยในความสามารถของผม !”

ฉินจุนก็ไม่เกรงใจ เดินไปที่หน้าโพเดียม หยิบวิทยานิพนธ์ของเฉินเค่อเอ๋อร์ขึ้นมาแล้วพูดว่า

“วิทยานิพนธ์เล่มนี้พูดถึงความสำคัญของการพยาบาลในทางการแพทย์ ผมได้ยินมาว่ามันถูกพวกคุณปฏิเสธ ?”

คณบดีเมิ่งพูด “ใช่ วิทยานิพนธ์เล่มนี้ผมเป็นคนปฏิเสธไปเอง เพราะเนื้อหาของบทบาทของการพยาบาลนั้นเกินจริงเกินไป มันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง”

ฉินจุนพูด”ความเป็นจริง? ความหมายของคุณก็คือการพยาบาลไม่ได้สำคัญขนาดนั้น?”

คณบดีเมิ่งส่ายหัว “แน่นอนว่าไม่ใช่ หมอก็คือหมอ พยาบาลก็คือพยาบาล บทบาทของหมอคือการรักษาผู้ป่วย บทบาทของพยาบาลก็คือดูแลผู้ป่วย และทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ หรือคุณคิดว่าพยาบาลนั้นสำคัญกว่าหมอ?”

คำพูดของคณบดีเมิ่งเรียกเสียงฮือฮาจากทุกคน เพราะคนที่อยู่ด้านล่างส่วนใหญ่เป็นหมอ

หมอเป็นตำแหน่งหลักในทางการแพทย์ เพราะยังไงการรักษาก็ต้องพึ่งหมอ พยาบาลก็เป็นแค่ผู้ที่คอยทำหน้าที่อื่นๆ เท่านั้น ในแง่ของความสำคัญ หมอก็ต้องมีความสำคัญมากกว่าอยู่แล้ว

ฉินจุนแค่นหัวเราะ “การพูดว่าพวกคุณไม่มีความสามารถ มันก็เป็นการยกย่องพวกคุณแล้วแหละ ในความคิดของผมพวกคุณมันโง่มาก!”

ทันทีที่ฉินจุนพูดจบ ทุกคนก็มองมาที่เขาอย่างเคืองๆ!

กล้าพูดว่าพวกเขาโง่เหรอ?

คนในห้องนี้ต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญหัวกะทิของจังหวัด และเป็นเสาหลักของโรงพยาบาลใหญ่ๆ ทั้งนั้น ใครกล้าจะพูดว่าพวกเขาโง่?

สีหน้าของคณบดีเมิ่งนั้นเคร่งขรึมมาก และน้ำเสียงของเขาไม่ได้ใจดีเหมือนตอนแรกอีกต่อไป

“ผู้ปกครองครับ คุณอย่าคิดว่าคุณเป็นผู้ปกครองของนักศึกษาแล้วคุณจะมาพูดแบบนี้ได้ เรื่องในวันนี้หากคุณไม่พูดให้มันชัดเจน ผมก็จะต้องขอคำอธิบายจากคุณแล้วล่ะครับ!”

ฉินจุนพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ

“การพยาบาลนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในช่วงแรกๆ แพทย์ต้องเชี่ยวชาญทั้งการรักษาและการพยาบาล แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ การพยาบาลก็ถูกแยกออกมา”

“เพราะความรู้ด้านการแพทย์นั้นซับซ้อนมาก ยากจะเข้าใจได้อย่างเต็มที่ และเช่นเดียวกันกับการพยาบาล มันเหมือนกับการเปิดแขนงวิชาใหม่อีกวิชาหนึ่ง ดังนั้นทั้งสองคนที่แยกกันออกไป จึงถือว่ามีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งจะสามารถทำให้ผู้คนรุ่นหลังหลังเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น”

“แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากการมีวิวัฒนาการมาหลายปี ความสำคัญของพยาบาลนั้นก็ถูกคนทำให้เปลี่ยนไป พยาบาลไม่ใช่ผู้ช่วยของแพทย์ จริงๆแล้วพยาบาลเองก็ต้องรักษาโรค”

“พวกคุณก็รู้เหตุผลที่ตอนนั้นเปี่ยนเชว่หมออัจฉริยะสร้างการรักษาด้วยเข็มเก้าเล่มขึ้นมาเพราะอะไร?”

ในตอนแรกที่ฉินจุนเริ่มพูดก็มีเสียงฮือฮาพูดคุยจากทุกคน แต่หลังจากที่เขาพูดไปไม่กี่คำ ทุกคนต่างก็เงียบ

ผู้ที่อยู่ในวงการเดียวกันเท่านั้นที่จะดูออกว่าเขามีความรู้ในด้านนี้ไหม เมื่อฉินจุนพูดแบบนี้ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นคนที่อยู่ในวงการนี้เช่นกัน

เขาไม่ใช่ผู้ปกครองของนักศึกษาที่พูดขึ้นมาโดยไร้เหตุผล แต่เขาเป็นบุคคลที่อยู่ในวงการแพทย์เหมือนกันจริงๆ

โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของฉินจุนทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

การรักษาด้วยเข็มเก้าเล่ม?

อาจารย์รีบอธิบาย

“อาจารย์เมิ่งคะ คุณอย่าถือสาเลยนะคะ เขาเป็นพี่เขยของเฉินเค่อเอ๋อร์น่ะค่ะ เป็นผู้ปกครอง อาจจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้ คุณไปเอาอะไรกับเขาล่ะค่ะ!”

คณบดีเมิ่งเป็นที่ชอบเอาชนะอยู่แล้ว ทำอะไรก็มักจะจริงจังกับทุกสิ่ง ดังนั้นทุกคนจึงไม่ค่อยกล้าพูดเล่นกับคณบดีเมิ่ง

และฉินจุนก็เป็นผู้ปกครองของนักศึกษา แม้ว่าจะเป็นคนในสายอาชีพเดียวกัน แต่จากอายุเขาก็เป็นได้แค่รองหัวหน้าฝ่าย หรือหัวหน้าแพทย์เท่านั้น

ระดับหัวหน้าฝ่ายก็เทียบกับผู้เชี่ยวชาญไม่ได้อยู่ดี ไม่ต้องพูดถึงคณบดีเมิ่งที่เป็นถึงศาสตราจารย์แล้ว

แล้วจะให้เขาเข้าร่วมประชุมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อวัดกับคณบดีเมิ่ง ล้อเล่นเหรอ?

เมื่อคณบดีเมิ่งได้ยินว่าเขาเป็นผู้ปกครองของนักศึกษา สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ อ่อนลง จริงๆ แล้วไม่ควรไปเรียกร้องอะไรมากกับผู้ปกครองของนักศึกษา ถ้าจริงจังเกินไปอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันได้

“เฮอะ ผู้ปกครองก็ไม่ควรพูดมั่วๆ มั้ง? ความสามารถทางการแพทย์ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดกันลอยๆได้”

ฉินจุนได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มบางๆ “ผมไม่ได้พูดลอยๆ เมื่อดูจากทัศนคติของคุณเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหมอกับพยาบาลแล้วมันทำให้เห็นว่าความสามารถของคุณมันธรรมดาจริงๆ”

อาจารย์: ……

เฉินเค่อเอ๋อร์: …….

คณบดีเมิ่ง: ……..

ทั้งสามคนก็อึ้งไปตามๆ กัน

พี่ชายคุณดูไม่ออกเหรอว่าคนอื่นเขากำลังช่วยแก้ต่างให้น่ะ? คุณพูดอย่างนี้หมายความว่าไงน่ะ ช่วยแก้ต่างให้ก็ไม่ยอม ต้องการงัดกับคณบดีให้ได้เลยเหรอ?

คณบดีเมิ่งตกใจมาก ทำไมเด็กคนนี้กล้าได้ขนาดนี้เนี่ย?

“ดี ดีมาก! ไปกันเถอะ พอดีเลยห้องประชุมข้างๆ มีผู้เชี่ยวชาญมากมายมาจากทั่วประเทศ หากคุณมีปัญหาอะไร ทุกคนจะได้หารือร่วมกันได้!”

หลังจากพูดจบ คณบดีเมิ่งก็เดินออกไป และเข้าไปที่ห้องประชุมที่อยู่ข้างๆ

เค่อเอ๋อร์รีบดึงฉินจุนและพูดว่า “พี่เขย ช่างเถอะ ฉันว่าพอแล้วล่ะ! ถ้าคุณยังเถียงกับคณบดีเมิ่งต่อ คุณจะต้องขายหน้าแน่ๆ !”

ฉินจุนยิ้มบาง ๆ “เธอแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่ขายหน้าจะเป็นฉัน?”

หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็เดินออกไป และตรงไปยังห้องประชุมข้างๆ ทันที

เมื่อพูดถึงเรื่องวิชาการ คณบดีเมิ่งนั้นค่อนข้างจริงจังมาก แต่ฉินจุนก็จริงจังมากเช่นกัน ในเรื่องอื่นๆ อาจจะปิดตาข้างหนึ่งได้ แต่ในเรื่องการแพทย์แล้วจะปล่อยปละละเลยไม่ได้

หลังจากเข้าไปในห้องประชุม ชายหญิงวัยกลางคนจำนวนมากนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องประชุมเพื่อรอการมาถึงของคณบดีเมิ่ง

ทันทีที่ฉินจุนเข้ามา คณบดีเมิ่งก็ยืนขึ้นและพูด

“ขออนุญาตแนะนำนะครับ ท่านนี้คือผู้ปกครองของนักศึกษาของเรา เขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของผมเมิ่งจ้าวหลินน่ะครับ พวกเรามาพูดคุยหารือกันต่อหน้าทุกคนเลยดีกว่า”

ถึงจะพูดว่าพูดคุยหารือกัน แต่ในความหมายของคณบดีเมิ่งนั้นไม่ค่อยดีนัก จากการพูดเหน็บแนม เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะข่มขู่ฉินจุน

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่นั่งอยู่ต่างก็ยิ้ม โดยรู้ทันทีโรคเก่าของคณบดีเมิ่งกำเริบอีกครั้งแล้ว จะมาเอาชนะอะไรกับผู้ปกครองของนักนักศึกษาคนหนึ่งล่ะ

ผู้ปกครองของนักศึกษา และเขายังเด็กมาก แน่นอนว่ายังไม่มีความสามารถอะไรมาก ไม่แน่ก็อาจจะเป็นคนนอกวงการเสียด้วยซ้ำ แล้วยังจะเรียกเขามาประจันหน้าอย่างนี้อีก นี่ต้องการจะทำให้คนอื่นเสียหน้าเหรอ?

“คณบดีเมิ่ง ปล่อยไปเถอะ ความสามารถของคุณยังมีอะไรให้สงสัยอีกเหรอ? ฮ่าๆๆ…”

“นั่นน่ะสิ มีอะไรให้น่าสงสัยกัน เป็นอาจารย์มาตั้งหลายปีแล้ว มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ผู้คนมากมายก็เป็นคนที่คุณสอน ถ้าคุณไม่มีความสามารถมากพอ แล้วใครจะมีล่ะ?”

“เหอะๆ ผู้ปกครองท่านนี้ คุณอย่าล้อเล่นเลยครับ พวกเราจะเริ่มการสัมนาเกี่ยวกับเรื่องเฉพาะทางแล้ว เกรงว่าคุณจะฟังไม่เข้าใจ”

ฉินจุนเหลือบมองไปที่หัวข้องานประชุมที่เขียนไว้บนกระดานดำที่ด้านหลังห้องประชุม เกี่ยวกับความสำคัญของการพยาบาล

ฉินจุนหัวเราเยาะ “มาถกกับเขาในเรื่องนี้ ก็ดูเหมือนว่าความสามารถของพวกคุณก็ไม่เท่าไหร่หรอก”

คำพูดของฉินจุนก็เป็นที่ฮือฮาของทุกคนอีกครั้ง และทุกคนต่างก็จ้องเขาตาโต ซึ่งเต็มไปด้วยประหลาดใจ

ไม่แปลกใจเลยที่คณบดีเมิ่งต้องเรียกคุณมาที่นี่ คุณไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยเหรอ?

กล้าท้าทายผู้เชี่ยวชาญมากมายขนาดนี้ คุณบ้าไปแล้วเหรอ?

“เหอะๆ พ่อหนุ่มช่างไม่จักที่ต่ำที่สูงจริงๆเลย มีผู้เชี่ยวชาญมากมายอยู่ที่นี่ คุณยังกล้าพูดอย่างนี้อีกเหรอ?”

คณบดีเมิ่งแค่นหัวเราะ “ไม่ต้องหรอกครับ! ปล่อยให้เขาพูด! ผมก็อยากจะรู้ว่าผมมีข้อบกพร่องตรงไหนถึงทำให้ผู้ปกครองของนักศึกษาสงสัยในความสามารถของผม !”

ฉินจุนก็ไม่เกรงใจ เดินไปที่หน้าโพเดียม หยิบวิทยานิพนธ์ของเฉินเค่อเอ๋อร์ขึ้นมาแล้วพูดว่า

“วิทยานิพนธ์เล่มนี้พูดถึงความสำคัญของการพยาบาลในทางการแพทย์ ผมได้ยินมาว่ามันถูกพวกคุณปฏิเสธ ?”

คณบดีเมิ่งพูด “ใช่ วิทยานิพนธ์เล่มนี้ผมเป็นคนปฏิเสธไปเอง เพราะเนื้อหาของบทบาทของการพยาบาลนั้นเกินจริงเกินไป มันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง”

ฉินจุนพูด”ความเป็นจริง? ความหมายของคุณก็คือการพยาบาลไม่ได้สำคัญขนาดนั้น?”

คณบดีเมิ่งส่ายหัว “แน่นอนว่าไม่ใช่ หมอก็คือหมอ พยาบาลก็คือพยาบาล บทบาทของหมอคือการรักษาผู้ป่วย บทบาทของพยาบาลก็คือดูแลผู้ป่วย และทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ หรือคุณคิดว่าพยาบาลนั้นสำคัญกว่าหมอ?”

คำพูดของคณบดีเมิ่งเรียกเสียงฮือฮาจากทุกคน เพราะคนที่อยู่ด้านล่างส่วนใหญ่เป็นหมอ

หมอเป็นตำแหน่งหลักในทางการแพทย์ เพราะยังไงการรักษาก็ต้องพึ่งหมอ พยาบาลก็เป็นแค่ผู้ที่คอยทำหน้าที่อื่นๆ เท่านั้น ในแง่ของความสำคัญ หมอก็ต้องมีความสำคัญมากกว่าอยู่แล้ว

ฉินจุนแค่นหัวเราะ “การพูดว่าพวกคุณไม่มีความสามารถ มันก็เป็นการยกย่องพวกคุณแล้วแหละ ในความคิดของผมพวกคุณมันโง่มาก!”

ทันทีที่ฉินจุนพูดจบ ทุกคนก็มองมาที่เขาอย่างเคืองๆ!

กล้าพูดว่าพวกเขาโง่เหรอ?

คนในห้องนี้ต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญหัวกะทิของจังหวัด และเป็นเสาหลักของโรงพยาบาลใหญ่ๆ ทั้งนั้น ใครกล้าจะพูดว่าพวกเขาโง่?

สีหน้าของคณบดีเมิ่งนั้นเคร่งขรึมมาก และน้ำเสียงของเขาไม่ได้ใจดีเหมือนตอนแรกอีกต่อไป

“ผู้ปกครองครับ คุณอย่าคิดว่าคุณเป็นผู้ปกครองของนักศึกษาแล้วคุณจะมาพูดแบบนี้ได้ เรื่องในวันนี้หากคุณไม่พูดให้มันชัดเจน ผมก็จะต้องขอคำอธิบายจากคุณแล้วล่ะครับ!”

ฉินจุนพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ

“การพยาบาลนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในช่วงแรกๆ แพทย์ต้องเชี่ยวชาญทั้งการรักษาและการพยาบาล แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ การพยาบาลก็ถูกแยกออกมา”

“เพราะความรู้ด้านการแพทย์นั้นซับซ้อนมาก ยากจะเข้าใจได้อย่างเต็มที่ และเช่นเดียวกันกับการพยาบาล มันเหมือนกับการเปิดแขนงวิชาใหม่อีกวิชาหนึ่ง ดังนั้นทั้งสองคนที่แยกกันออกไป จึงถือว่ามีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งจะสามารถทำให้ผู้คนรุ่นหลังหลังเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น”

“แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากการมีวิวัฒนาการมาหลายปี ความสำคัญของพยาบาลนั้นก็ถูกคนทำให้เปลี่ยนไป พยาบาลไม่ใช่ผู้ช่วยของแพทย์ จริงๆแล้วพยาบาลเองก็ต้องรักษาโรค”

“พวกคุณก็รู้เหตุผลที่ตอนนั้นเปี่ยนเชว่หมออัจฉริยะสร้างการรักษาด้วยเข็มเก้าเล่มขึ้นมาเพราะอะไร?”

ในตอนแรกที่ฉินจุนเริ่มพูดก็มีเสียงฮือฮาพูดคุยจากทุกคน แต่หลังจากที่เขาพูดไปไม่กี่คำ ทุกคนต่างก็เงียบ

ผู้ที่อยู่ในวงการเดียวกันเท่านั้นที่จะดูออกว่าเขามีความรู้ในด้านนี้ไหม เมื่อฉินจุนพูดแบบนี้ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นคนที่อยู่ในวงการนี้เช่นกัน

เขาไม่ใช่ผู้ปกครองของนักศึกษาที่พูดขึ้นมาโดยไร้เหตุผล แต่เขาเป็นบุคคลที่อยู่ในวงการแพทย์เหมือนกันจริงๆ

โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของฉินจุนทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

การรักษาด้วยเข็มเก้าเล่ม?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset