ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – ตอนที่ 140 ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน

เนื่องจากผู้ชายหน้าไม่อายคนนั้นคว้ามือเธอเอาไว้ และยังจะสัมผัสหน้าเธอ……

ซือเย่และโม่เจียเฉินยังคงนั่งอยู่ข้างหน้า เธอเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

เธอโบกมือยื่นไปข้างๆเป็นครั้งที่N ผู้ชายที่หน้าไม่อายคนนั้นก็หัวเราะออกมา:“วันนี้คุณเป็นเด็กดีมากเลย ฉันก็แค่อยากสัมผัสหน้าคุณเท่านั้น”

มู่นวลมองเขาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า:“ฉันเป็นแมวหรอ?เห็นว่าเชื่อฟังแล้วก็อยากจะสัมผัส?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่” โม่ถิงเซียวบีบมือเธอเบาๆก่อนที่จะพูดว่า:“แค่สัมผัสมันยังไม่พอ”

มู่นวลนวลยกมุมปากขึ้น และหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าทั้งสองคน

และพบว่าซือเย่และโม่เจียเฉินต่างนั่งกันอย่างสงบเสงี่ยม มองไปข้างหน้าโดยไม่เหล่มามอง

แต่ไหล่ของทั้งสองคนสั่น——พวกเขากำลังหัวเราะ!

มู่นวลนวลเอาเท้าเตะโม่ถิงเซียว

ไม่เจ็บมาก

แต่โม่ถิงเซียวก็รู้ และไม่อยากกวนโมโหเธอ

……

เมื่อรถมาจอดที่ประตูคฤหาสน์ มู่นวลนวลก็โดดลงจากรถเป็นคนแรก ราวกับว่ามีผีตามมาข้างหลัง และวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว

โม่เจียเฉินก็ตามหลังไปติดๆ

แต่ไม่นานข้างหลังเขาก็มีเสียงดังขึ้น เสียงพูดของเขาเหมือนกับพญายมที่มาเร่งเอาชีวิต:“โม่เจียเฉิน ไปพบฉันที่ห้องหนังสือ”

โม่เจียเฉินหยุดและมองกลับไปที่โม่ถิงเซียวด้วยรอยยิ้มที่เอาใจ:“พี่ชาย ครั้งหน้าผมจะไม่ชกต่อยอย่างแน่นอน ผมสำนึกผิดแล้ว”

“อืม” โม่ถิงเซียวปิดปากเงียบ แต่ไม่ได้บอกว่าเขาไม่ต้องไปที่ห้องหนังสือ

ดังนั้นสุดท้ายแล้วโม่เจียเฉินก็ยังต้องไปที่ห้องหนังสือ

เขากระวนกระวายไม่สงบอยู่ในห้องทำงานสักพักก่อนที่โม่ถิงเซียวจะเข้ามา

“พูดมาเถอะ ทำไมต้องชกต่อยกัน” โม่ถิงเซียวเดินตรงไปนั่งตรงข้ามกับโม่เจียเฉิน น้ำเสียงของเขาราบเรียบมาก

โม่ถิงเซียวมักจะดูเย็นชา แต่คนที่คุ้นเคยกับเขาจะสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่สบายใจของเขา

“ก็แค่ทะเลาะกับเพื่อนร่วมชั้นแล้วก็ชกต่อยกัน” โม่เจียเฉินพูดจบ สีหน้าของเขาก็จริงจังแล้วพูดอีกว่า:“พี่ชาย ผมรู้สึกผิดแล้วจริงๆ วันหลังผมจะไม่ชกต่อยกับเพื่อนร่วมชั้นแบบนี้อีก”

คำมั่นสัญญาและคำสารภาพผิดของเขา ไม่ได้ทำให้โม่ถิงเซียวหยุดที่จะถามต่อ:“ฉันถามนายว่าทำไมถึงชกต่อยกัน”

โม่ถิงเซียวมองไปที่โม่เจียเฉินอย่างต่อเนื่อง แววตาของเขาสงบนิ่งจนมองไม่ออกว่าตอนนี้เขารู้มีความรู้สึกยังไง แต่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

เมื่อได้สบตากับเขา โม่เจียเฉินก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถปิดบังโมถิงเซียวได้

แต่เขาก็รู้ชัดเจนดีว่า ถ้าโม่ถิงเซียวได้ยินคำพูดพวกนั้น เขาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน

โม่เจียเฉินไม่พูด โม่ถิงเซียวก็ไม่ได้เร่งรัดเขา

โม่เจียเฉินตั้งแต่เด็กจนโตก็อาศัยอยู่ด้วยกันกับโม่ถิงเซียว เวลาเขาก่อเรื่อง โม่ถิงเซียวก็จะจัดการเรื่องยุ่งๆนั้นให้เขาเสมอ

แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาเป็นฝ่ายยอมรับผิด

วันนี้ไม่เพียงแต่เขาจะยอมรับผิด มู่นวลนวลเองก็ปิดปากไม่พูดเรื่องนี้ด้วย

มู่นวลนวลผู้หญิงคนนี้ก็ดื้อดึง ตอนเด็กๆก็มีเรื่องทะเลาะแบบนี้ ดูแล้วเธอก็น่าเกรงขาม ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรกับเขา

ที่เธอโทรศัพท์หาเขาในตอนแรก เป็นไปได้ว่าจะบอกเขาว่าโมเจียเฉินมีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน

แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่แม้แต่จะพูดถึง

เรื่องนี้ทำให้รู้สึกแปลกใจ

“นายไม่พูด?” โม่ถิงเซียวรอสักพักและเห็นว่าเขายังไม่ได้พูด เขาจึงพูดอย่างใจเย็น:“ถ้าอย่างนั้นฉันจะโทรไปถามครูประจำชั้นของนาย”

โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้น:“ไม่นะ!”

ถ้าโม่ถิงเซียวโทรไปถามครูประจำชั้นของเขา ครูประจำชั้นต้องพูดอย่างแน่นอน และเรื่องนี้ถ้าให้คนอื่นพูด ไม่สู้ให้เขาพูดเองจะดีกว่า

โม่เจียเฉินกัดฟันพูด:“พวกมันบอกว่าคุณป้าถูก……ตาย”

ในคำตรงกลางสองคำเสียงของเขาแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

เขายังเด็ก แต่เขาเข้าใจหลักการวางตัวในสังคมมาก

พอเขาพูดจบ ในห้องก็เงียบจนทำให้รู้สึกว่าหายใจไม่ออก

โม่เจียเฉินกำหมัดแน่นไม่กล้าพูดและไม่กล้าที่จะมองโม่ถิงเซียว

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงแหบแห้งของโม่ถิงเซียว:“ออกไปเถอะ”

“พี่ชาย……” โม่เจียเฉินเงยหน้าขึ้นมามองโม่ถิงเซียว

แต่โม่ถิงเซียวลุกขึ้นยืน แล้วหันหลังเดินไปที่โต๊ะทำงาน

โม่เจียเฉินเหลือบมองเขาอย่างไม่สบายใจ และหันหลังเดินออกไป

มู่นวลนวลเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพอดี และออกมาจากห้องเตรียมจะลงไปชั้นล่าง

ตอนที่กำลังจะเดินผ่านห้องหนังสือของโม่ถิงเซียว ก็เห็นโม่เจียเฉินออกมาจากข้างใน

มู่นวลนวลรีบเดินเข้าไป:“พี่ชายนาย เรียกพบนายหรอ?”

โม่เจียเฉินพยักหน้า และพูดด้วยความลังเล:“ผมบอกเขาไปหมดแล้ว……”

มู่นวลนวลสีหน้าตกใจ ไม่กี่วินาทีต่อมาก็พูดว่า:“งั้นเขา……”

โม่เจียเฉินส่ายหัว

มู่นวลนวลหรี่ตามองไปที่ประตูห้องหนังสือที่ปิดไม่สนิท แล้วเคาะประตูถามว่า:“โม่ถิงเซียว มื้อเย็นคุณอยากทานอะไร?”

คนที่อยู่ข้างในไม่ตอบคำถามของเธอ

โม่เจียเฉินพูดด้วยความเป็นห่วงว่า:“แม่ของผมบอกว่าเมื่อก่อนหลังจากเกิดเรื่องกับคุณป้า พี่ชายก็ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมพบเจอใคร”

มู่นวลนวลครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นนอกเหนือจากเรื่องนี้

ปฏิกิริยาของโม่ถิงเซียวผิดปกติมาก อาจพูดได้ว่าเรื่องที่เถาปิงพูดนั้นเป็นความจริง?

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องนี้มากนัก แต่ก็เคยได้ยินเรื่องแม่ของโม่ถิงเซียว

แม่ของเขามาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงด้านวรรณกรรม สวยและมีความสามารถด้านการประพันธ์ ในบรรดาผู้หญิงชั้นสูงที่มีชื่อเสียงในเซี่ยงไฮ้เทียบกับเธอไม่ได้เลย

ในที่สุดเธอก็ได้แต่งงานเข้าตระกูลโม่

มีชีวิตเหมือนผู้หญิงในวรรณกรรม แต่สุดท้ายก็ถูก……เหยียดหยามจนถึงแก่ความตายจริงหรอ?

มู่นวลนวลคอแห้งนิดหน่อย เธอถามด้วยความคลุมเครือว่า:“ต่อมาล่ะ?”

“ต่อมา?” โม่เจียเฉินเกาหัวแล้วพูดด้วยความไม่สบายใจ:“แม่ผมบอกว่าเป็นเพราะผม ตอนนั้นผมเพิ่งจะคลอด พี่ชายไม่สนใจใคร แต่ชอบมาเล่นอยู่กับผม ตอนที่ผมยังเล็กผมใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับพี่ชาย มากว่าที่จะอยู่ด้วยกันกับพ่อแม่”

มู่นวลนวลไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย

แต่ปกติความสัมพันธ์ระหว่างโม่เจียเฉินกับโม่ถิงเซียวก็สามารถสัมผัสได้ว่าทั้งสองคนสนิทกันมาก

โม่ถิงเซียวเป็นคนที่มีมีความคิดลึกซึ้ง ในตอนนั้นที่เขาโกหกเธอว่าเขาคือ“โม่เจียเฉิน” ก็พอที่จะยืนยันได้ว่าโม่เจียเฉินเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับเขา

มู่นวลนวลมองไปที่ประตูห้องหนังสือที่ปิดอยู่อีกครั้ง เธอไม่ได้เคาะประตู แต่หันหลังเดินลงไปที่ห้องครัวชั้นล่าง

โม่ถิงเซียวชอบอาหารรสจัด มู่นวลนวลก็ทำอาหารที่มีทั้งรสเค็มและรสเผ็ดเป็นพิเศษ

หลังจากทำเสร็จ เธอก็ขึ้นไปชั้นบนและเคาะประตูห้องหนังสือ:“ได้เวลาทานอาหารแล้ว”

รออยู่นานแล้วก็ไม่มีคนตอบกลับมา

เมื่อมู่นวลนวลกำลังคิดว่าโม่ถิงเซียวจะไม่พูดอีก เสียงแหบแห้งและสาตายเคร่งขรึมของโม่ถิงเซียวที่อยู่ข้างในก็ดังขึ้น:“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”

มู่นวลนวลตกใจ

ไม่ว่าจะเป็น“โม่เจียเฉิน”ที่เมินเฉยกับเธอในตอนแรก หรือว่าต่อมาจะเป็นโม่ถิงเซียว เขาก็ไม่เคยพูดกับเธอด้วยน้ำสียงแบบนี้

โม่ถิงเซียวแค่อารมณ์ไม่ดี เธอไม่ถือสา

มู่นวลนวลถามอย่างอารมณ์ดีว่า:“งั้นฉันเอาอาหารขึ้นมาให้คุณนะ?”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: "มันน่าเกลียดเกินไป" เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: "ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย" เธอจ้องเขา : "คุณ…คุณทำไม่ได้ … " ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: "ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset