ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – ตอนที่ 81 เหมือนกับว่าเคยรู้จักเธอมาก่อน

เพราะเซินเหลียงกำลังจะกลับมา จึงทำให้มู่นวลนวลอารมณ์ดีตลอดทั้งวัน

ช่วงนี้งานที่บริษัทค่อนข้างยุ่ง มู่หวันฉีก็เลยไม่ได้มาหากับเรื่องเธอ

ก่อนเลิกงาน เธอโทรไปบอกกับชือเย่ว่าวันนี้ไม่ต้องมารับเธอ เพราะเธอได้นัดเพื่อนไปกินข้าวเย็นด้วยกันแล้ว

หลังจากที่ออกจากบริษัทมู่กรุ๊ป มู่นวลนวลก็คิดขึ้นมาได้ว่าจะต้องทำอาหารเย็นให้ “โม่เจียเฉิน”

เธอยืนอยู่ข้างถนน แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรไปหา “โม่เจียเฉิน”

เมื่อเธอโทรติด เสียงรอสายดังขึ้นเพียงครั้งเดียวก็มีคนกดรับสายทันที

“ ว่าไง? “

เป็นเสียงขรึมๆของ “โม่เจียเฉิน”ที่พูดกับเธอทางโทรศัพท์ เสียงของเขานั้นช่างดูน่าหลงไหล

ถึงแม้ว่ามู่นวลนวลจะชินกับเสียงของเขา แต่ก็ทำให้เธอใจสั่นเล็กน้อย แล้วเธอพูดกลับไปว่า “ คืนนี้คุณจะกลับไปกินข้าวที่บ้านไหม? “

และเขาพูดกลับไปว่า “ ถ้างั้นจะให้ไปกินที่ไหน? “

มู่นวลนวลรู้สึกโกรธจึงอธิบายให้ฟังต่อไปว่า “ คืนนี้ฉันนัดเพื่อนไปกินข้าวข้างนอก “

คนอีกด้านหนึ่งก็เงียบไปครู่หนึ่ง และเขาก็พูดกลับมาอย่างเยือกเย็นว่า “ เธอนัดกับซินชูฮัน? “

มู่นวลนวลกระตุกยิ้มมุมปากข้างหนึ่ง แล้วคิดว่าเขานี้ก็ช่างหาเรื่องซะจริง

“ ผู้หญิงก็แบบนี้! “ มู่นวลนวลกัดฟัน “ ถึงแม้ว่าฉันจะสัญญาไว้ว่าจะทำอาหารให้คุณทาน แต่ฉันก็ไม่ใช่คนรับใช้นะ ฉันก็แค่อยากมีสังคมและเพื่อนบ้าง “

เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด ท่าทีของ “โม่เจียเฉิน”ก็อ่อนลง และพูดว่า “ ออ ไปเถอะ “

หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว โม่ถิงเซียวก็เงยหน้าขึ้นไปมองที่กูจือหยานแล้วพูดว่า “เมื่อกี้นายบอกว่าคืนนี้มีงานเลี้ยงอาหารเย็น? “

“ ไหนนายบอกว่าไม่ไปไม่ใช่หรอ? “ กูจือหยานรู้สึกประหลาดใจ เพราะปกติแล้วโม่ถิงเซียวแทบจะไม่เคยไปร่วมงานเลี้ยงอะไรทั้งนั้น

ฟู่ถิงซีที่อยู่ข้างๆนั้น ที่รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วเลยพูดขึ้นมาว่า “ ก็เพราะคืนนี้ภรรยาของเขาไม่อยู่ทานอาหารเย็นที่บ้านไงละ “

“ พูดมากไปแล้วนะแก “ โม่ถิงเซียวก็เหลือบไปมองฟู่ถิงซี หลังจากนั้นฟู่ถิงซีก็หันหลังเดินออกไป

……

ตอนที่มู่นวลนวลนั่งแท็กซี่ไปที่จินติง เธอก็ไม่พบเซินเหลียง

เมื่อเธอกำลังจะหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อจะโทรหาเซินเหลียง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวมิดชิดเดินเข้ามาหาเธอ

ด้วยความสงสัยมู่นวลนวลจึงถามไปว่า “ ใช่เซี่ยวเหลียงหรือป่าว? “

เซินเหลียงดึงแว่นกันแดดออกมาเล็กน้อยและมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังพร้อมกับพูดว่า “ ฉันเอง “

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ลากมู่นวลนวลเดินไปทางด้านประตู ในขณะที่กำลังเดินไปเขาก็ถามเธอไปด้วยว่า “ เธอสามารถเข้าไปได้ไหม “

เซินเหลียงรู้ว่าจินติงเป็นสถานที่คลับเฮาส์ที่ติดอันดับต้นๆในเมืองเซี้ยงไฮ้ เป็นสถานที่ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ดังนั้นที่แห่งนี้ ไม่ใช่ว่าใครที่จะเข้ามาในนี้ได้

มู่นวลนวลพยักหน้าแล้วพูดว่า “ เข้าได้ซิ ฉันเคยมากินอาหารที่นี่ “

เมื่อทั้งสองเดินมาถึงบริเวณประตูทางเข้า พนักงานที่ยืนอยู่ที่ประตูเมื่อได้เห็นมู่นวลนวลก็ดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษแล้วพูดขึ้นมาอย่างเสียงดังและ “ ยินดีต้อนรับค่ะ “

หลังจากเข้ามาแล้ว เซินเหลียงก็ถอดแว่นกันแดดและผ้าพันคอที่ปิดอยู่ครึ่งหน้าออก เขามองไปทั่วรอบๆตัวของมู่นวลนวลแล้วก็พูดกับเธอว่า “ ฉันกลับมาจากการออกไปถ่ายละครไม่กี่วัน แต่ทำไมเธอถึง……เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้? “

เซินเหลียงและมู่นวลนวลรู้จักกันมาหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่เวลาที่เขาเห็นมู่นวลนวล เธอก็มักจะทำตัวขี้เหร่ และเขาก็เคยชินกับแบบนั้นซะแล้ว

เมื่อเขากลับไปที่กองละครในครั้งที่แล้ว มู่นวลนวลก็กลับคืนสู่รูปร่างเดิมของเธอไปแล้ว แต่ในสายตาของมู่นวลนวลแล้วเธอก็แค่กลับไปเป็นตัวของเธอก็เท่านั้น แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆที่เขาไม่ได้เจอเธอ เขาก็รู้สึกว่ารูปลักษณ์ของเธอก็เปลี่ยนไปมาก เหมือนกับจะดูดีไปซะหมด

เมื่อทั้งสองคนเข้าไปในลิฟต์แล้ว มู่นวลนวลก็ไปส่องดูตัวเองกับผนังลิฟต์ “ ไม่นิ ก็เหมือนเดิมทุกอย่าง “

เซินเหลียงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ ก็พูดออกมาทันทีว่า “ ถ้าอย่างนั้นเธอก็มาถ่ายหนังซิ บางทีอาจจะดังกว่าฉันก็ได้นะ “

“ ดูวุ่นวาย ดูซับซ้อน ฉันไม่เอาหรอก “

“ …… “

……

ทั้งสองหาที่นั่งและนั่งลง พร้อมกับสั่งอาหาร

มู่นวลนวลลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

เมื่อเธอออกมาหลังจากที่ล้างมือเสร็จ เธอเดินก้มหน้าอย่างเหม่อลอยเลยหันไปชนกับใครบางคนเข้า

เธอรีบขอโทษกลับไปทันที “ ขอโทษค่ะ “

ชายคนนั้นที่รูปร่างสูง และเขาก็เงียบไปนานสองนาน

ด้วยความสงสัย มู่นวลนวลจึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก็ได้เห็นใบหน้าที่อ่อนโยนของซือเฉิงยวี่

และซือเฉิงยวี่ก็ยิ้มให้เธอ รอยยิ้มของเขาช่างดูสดชื่นจริงๆ หลังจากนั้นซือเฉิงยวี่ก็เรียกชื่อเธอออกมา “ มู่นวลนวล “

หมู่นวลนวลตกใจเล็กน้อย “ คุณก็มากินข้าวที่นี่ด้วยหรอ? “

เมืองเซี้ยงไฮ้ออกจะใหญ่โต เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าในช่วงเวลาระยะสั้นๆจะได้เจอกับซือเฉิงยวี่ถึงสองครั้ง

“ ใช่ ผมนัดกับเพื่อนไว้ที่นี่ “ซือเฉิงยวี่พยักหน้าและถามกลับไปทันทีว่า “ ช่วงนี้สบายดีไหม “

เขาเคยเห็นข่าวของหมู่นวลนวลกับน้องชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)ของโม่ถิงเซียวมาก่อน

เขาไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวมีญาติห่างๆที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันอยู่กี่คน แต่เขารู้ว่าลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติสนิทของเขามีเพียงคนเดียว นั่นก็คือโม่เจียเฉินที่เป็นน้องชายของเขาเอง

แม่ของซือเฉิงยวี่เป็นอาหญิงแท้ๆของโม่ถิงเซียว เขาใช้นามสกุลเดียวกับพ่อก็คือซือ ส่วนน้องชายของเขาใช้นามสกุลของแม่

แต่น้องชายเขาอายุแค่สิบสี่ปี และก็อยู่ต่างประเทศกับแม่

“ ดี …… ดีมากคะ “ หมู่นวลนวลไม่เข้าใจว่าทำไมซือเฉิงยวี่ถึงถามเธอแบบนั้น

เธอมักจะรู้สึกว่า ซือเฉิงยวี่เหมือนกับว่าเคยรู้จักกับเธอก่อนยังไงยังงั้น ……

“ นั้นก็ดีแล้ว “ ซือเฉิงยวี่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เมื่อกลับเข้ามาในห้องอาหาร หมู่นวลนวลที่พึ่งจะนั่งลง เซินเหลียงก็ส่งโทรศัพท์ไปให้เธอดูแล้วพูดว่า “ นวลนวล ฉันเพิ่งเปิดไปเห็นโพสต์ใน เวยป๋อ ของท่านซือราชาแห่งการแสดง เธอดูซิว่าสถานที่ในโพสต์นี้ใช้ที่จินติงหรือป่าว? “

หมู่นวลนวลมองลงไป ก็เห็นรูปภาพล่าสุดของซือเฉิงยวี่ในเวยป๋อเป็นภาพถ่ายที่ จินติงจริงๆ

แต่แค่นี้ยังไม่พอ เพราะว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งได้เจอกับเขา

เมื่อเห็นใบหน้านิ่งไปของหมู่นวลนวล เซินเหลียงก็ตบไปไหล่ของเธอพร้อมกับพูดว่า “ เธอไม่ตื่นเต้นเลยหรอ เธอลองไปเดินดูรอบๆ เผื่อว่าจะได้เจอกับท่านซือราชาแห่งการแสดงไง “

“ จริงๆแล้ว ……” หมู่นวลนวลก็หยุดพูดไป เธอกลัวว่าเซินเหลียงจะไม่เชื่อ เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ ฉันเคยเจอซือเฉิงยวี่มาแล้วสองครั้ง และครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เจอเขาก็คือตอนที่ฉันออกไปห้องน้ำมาเมื่อตะกี้ “

หลังจากที่เซินเหลียงฟังเธอจบ ปากของเขาก็กลายเป็นรูปตัว “ O “ ไปแล้ว

ไม่ไกลออกไปจากตรงนั้น ซือเฉิงยวี่ที่จงใจเดินอ้อมเข้ามามองดูที่ห้องโถง ในตอนนั้นเขาก็เห็นตำแหน่งที่มู่นวลนวลนั่งอยู่พอดี และหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอนั้น ดูเหมือนจะเป็นดาราดังน้องใหม่ที่เคยเล่นบทคู่กับเขา

……

เมื่อโม่ถิงเซียวและพรรคพวกของเขามาถึงที่จินติง ทันทีที่เขาเข้าไปในลิฟต์ เขาได้รับข้อความหนึ่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือของเขา

มู่นวลนวลใช้บัตรของเธอหรือเปล่า?

กูจือหยานใช้สายตาอันแหลมคมของเขามองไปที่เนื้อหาในข้อความของโม่ถิงเซียว และหันไปเห็นรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของโม่ถิงเซียว ทันใดนั้นเขาก็รู้ขนลุกขึ้นมา “ บ้าไปแล้ว คนอื่นเอาเงินของตัวเองไปใช้ ยังจะมีความสุขได้อีก “

โม่ถิงเซียวหันไปมองที่เขาและพูดกลับไปว่า “ เธอยินดีที่จะใช้เงินของฉัน แต่เซินเหลียงยินดีที่จะใช้เงินของแกหรือป่าว? “

กูจือหยานรู้สึกถึงเหมือนถูกลูกศรแทงที่อก เจ็บไปจนถึงหัวใจ

โม่ถิงเซียวมองไปดูที่ข้อความระบุจำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดสี่ทีนั่ง เมื่อเขาครุ่นคิดอยู่สักพัก รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

กูจือหยานรู้สึกว่า รอยยิ้มของโม่ถิงเซียวเต็มไปด้วยอันตราย

ติ๊ง —

ประตูลิฟต์เปิดออก

ทันทีที่โม่ถิงเซียวมองออกไปก็เห็นมู่นวลนวลยืนอยู่ด้านนอกประตูลิฟต์

เมื่อหมู่นวลนวลเห็นเขา จึงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ คุณทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ “

วันนี้พวกคนเหล่านี้เขานัดกันมาหรือยัง? ทำไมถึงมาโผล่ที่จินติง ได้ทีละคนสองคน

เมื่อกู้จื่อเหยียนได้เห็นเซินเหลียง ตาของเขาก็เป็นประกาย และรีบเดินเบียดออกไปทันที เขาเป็นชายที่รูปร่างสูงใหญ่แต่กลับดูเชื่องเหมือนหมาปั๊ก และเขาก็พูดขึ้นมาว่า “เซินเซี่ยวเหลียง! “

เซินเหลียงเหลือบไปมองทีเขา และถีบไปที่เขาหนึ่งที

“ อ้า — ”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: "มันน่าเกลียดเกินไป" เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: "ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย" เธอจ้องเขา : "คุณ…คุณทำไม่ได้ … " ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: "ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset