พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – ตอนที่ 127

* * *

“เลดี้จะกลับคฤหาสน์เลยจริงๆ หรือครับ”

“แน่นอนค่ะ ก็ตอนนี้ที่นั่นคือบ้านของฉันแล้วนี่คะ”

อาเรียพยักหน้าแล้วตอบคำถามเจือแววกังวลของอาซ เขาคงจะกังวลที่เคนยังคงอยู่ในคฤหาสน์ แม้ว่ามิเอลจะได้รับโทษไปแล้วก็ตาม

เพราะขณะที่เคนกำลังรีบตามหลังมิเอลที่ถูกลากไปนั้น เขาได้จ้องเขม็งมาที่อาเรียกับอาซราวกับจะฆ่าให้ตาย สายตานั้นมีแต่ความอาฆาตมาดร้ายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ามิเอลเลย

อาซจับมืออาเรียไว้ไม่ยอมปล่อยพลางเอ่ยโน้มน้าวอาเรียอีกครั้ง

“ไปอยู่ที่บ้านพักตากอากาศผมดีไหมครับ ผมยังมีอีกหลังหนึ่งในนครหลวง ไม่ใช่หลังที่อยู่ในป่าหรอกครับ หรือถ้าเลดี้ไม่สะดวกผมจะหาที่ที่เหมาะกับเลดี้ให้ครับ”

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจที่เขาเป็นห่วง เธอเพิ่งจะถูกมิเอลใส่ร้าย ฉะนั้นเธอจึงอยู่ในสภาพที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องได้รับอันตรายแบบไหนอีก การออกจากคฤหาสน์อย่างที่อาซว่าอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีก็ได้

เพียงแต่ว่า

“…ไม่ได้หรอกค่ะ ท่านแม่เองก็ยังอยู่ที่คฤหาสน์แล้วบรรดาข้ารับใช้ที่บ้านก็กำลังเป็นห่วงฉันกันน่ะค่ะ”

อาเรียยกยิ้มขมขื่นพลางยกเคาน์ติสที่ยังอยู่ในคฤหาสน์ขึ้นมาเป็นข้ออ้าง อาซจึงไม่อาจตอบอะไรกลับไปได้ ทำได้แค่เลียริมฝีปาก

ตัวเธอเองก็รู้สึกผิดที่ทำให้เขาเป็นห่วง แต่เรื่องของมิเอลยังไม่ได้ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์แบบ เธอจึงยังต้องอยู่ที่คฤหาสน์ เพราะหากทำเช่นนั้นเธอก็สามารถรับรู้ข้อมูลของมิเอลได้รวดเร็วขึ้น

รวมถึงวิธีที่จะได้ลงทัณฑ์มิเอลด้วย

จำคุก 20 ปีอย่างนั้นหรือ หากเป็นสามัญชนคงเป็นอีกเรื่องแต่สำหรับสตรีชั้นสูงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแล้วถือว่าเป็นโทษที่หนักเอาการ ชัดเจนว่ามันคือโทษที่ถูกเงื่อนไขไว้แล้วว่ายื่นอุทธรณ์ได้

นอกจากนั้น ตอนใกล้จะจบการพิจารณาคดีเคนยังบอกว่าเขาขอถอนแจ้งความ เพราะฉะนั้นเขาคงจะทำทุกวิถีทางเพื่อหามิเอลออกมาให้ได้ ซึ่งสำหรับชนชั้นสูงแล้วมันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย

และอีกปัญหาหนึ่งก็คือเด็กสาวชนชั้นสูงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไม่สามารถออกจากบ้านหลังเดิมของตัวเองไปได้โดยง่าย

ดูเหมือนอาซเองก็เพิ่งจะนึกได้ว่ายังมีปัญหาอยู่อีกมากมายหลายอย่าง เขาจึงเอ่ยปากออกมาด้วยความเสียดาย

“ผมอยากให้เลดี้เป็นผู้ใหญ่เร็วๆ จังเลยครับ”

เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นหรอก

เธอรู้ได้ด้วยประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมาอย่างโชกโชน แต่อาเรียก็เข้าใจว่าอาซผ่านความอบอุ่นจากมือที่กอบกุมกันไว้

เขาเพียงแค่อยากอยู่กับอาเรียได้ทั้งวันให้เร็วที่สุด

“ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะให้เลดี้อยู่เคียงข้างและคอยปกป้องเลดี้ได้ยังไงล่ะครับ แล้วยังโอ้อวดได้อย่างเต็มภาคภูมิเสียทีว่าเลดี้คือคนของผม”

“ไม่ใช่ว่าตอนนี้ก็กำลังทำเช่นนั้นอยู่หรือคะ”

ในเมื่อวันนี้อาซเอาแต่นั่งรถม้าสวยงามตระการตาอย่างสง่าผ่าเผยเทียวไปเทียวมารอบนครหลวงเสียขนาดนั้น

นั่นทำให้อาซหัวเราะออกมาเบาๆ

“ปฏิเสธยากเสียแล้วสิครับ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากให้มีที่ที่ผมสามารถอยู่กับเลดี้ได้อย่างเป็นทางการมากกว่านี้อยู่ดีครับ เลดี้เองก็ …จะได้ไม่ต้องทำตัวแปลกๆ ด้วยไงครับ”

ตอนนั้นเอง อาเรียถึงนึกได้ว่าเธอแตะเนื้อต้องตัวอาซอย่างเช่นการทำตัวแนบชิดติดกับเขาต่อหน้าคนมากมาย เธอเบิกตาโตขณะที่สองแก้มก็แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย เธอพูดอะไรไม่ออก พลันความอายก็คืบคลานเข้ามา

แล้วจะฟื้นฝอยหาตะเข็บมาทำให้เธอเขินอีกทำไม

หากถูกคนอื่นที่ไม่ใช่อาซต้อนถามเธอคงรับมือได้สบายๆ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายคืออาซเธอจึงไม่อาจทำแบบนั้นได้ ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้เสมอนั่นล่ะ

อาเรียจึงตอบออกไปเสียงห้วน

“ต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีกค่ะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ เลดี้ทำได้ ผมแค่อยากให้เลดี้ทำตอนไม่มีใครอยู่มากกว่า”

“ไม่ค่ะ”

“นะครับ”

“ไม่ค่ะ และตอนนี้ฉันก็จะไม่พูดแล้วด้วย”

“ผมขอโทษครับ ถึงจะมีคนอยู่ก็ไม่เป็นไร ทำอย่างที่เลดี้อยากทำเถอะครับ”

สุดท้ายอาซก็ขอโทษพลางยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน อาเรียถึงได้คลายใจแล้วพลอยยิ้มตามเขาไปด้วย

ยิ้ม ที่ทำให้หัวใจอันพองฟูด้วยความปลื้มปีติเพราะสิ่งที่หวังมานานประสบผลสำเร็จได้ละลายลงอีกครา

* * *

“ท่านไม่สามารถถอนแจ้งความได้เพราะการพิจารณาคดีได้จบไปแล้วครับ”

“ถ้าอย่างนั้นผมขออุทธรณ์ครับ ผมจะจ่ายเงินค่าประกันตัวให้ ช่วยปล่อยมิเอลด้วยเถอะนะครับ”

เคนซึ่งไม่คาดคิดว่าน้องสาวจะได้รับโทษหนักขนาดนี้กล่าวตอบด้วยสีหน้าว้าวุ่น

ไม่อยากเชื่อเลยว่าศาลจะปฏิเสธกันอย่างเย็นชาเช่นนี้

หากเป็นท่านเคานต์ผู้มีเส้นสายกว้างขวางคงสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างได้ง่ายดายกว่านี้ แต่คราวนี้ท่านเคานต์กลับกลายเป็นผู้เสียหาย เคนก็เป็นเพียงแค่ชายหนุ่มผู้อ่อนต่อโลกที่เพิ่งจบจากวิทยาลัยเท่านั้น

แน่นอนว่าปัญหานี้สามารถแก้ได้โดยง่ายแต่เพราะเฟรย์ยืนขวางอยู่เขาจึงไม่ได้แก้เสียที ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอำนาจขององค์รัชทายาทด้วย

เคนกัดฟันกรอดก่อนจะขอเข้าไปเยี่ยมน้อง

“มิเอลไม่เคยอยู่ในที่แบบนี้ผมคงต้องขอเข้าไปดูให้แน่ใจ และเธอเองก็ยังเด็กอยู่ด้วยครับ”

“เข้าใจแล้วครับ ท่านต้องเขียนเอกสาร เสร็จแล้วตามผมมานะครับ”

เคนต้องเขียนเอกสารที่แสนซับซ้อนแล้วจึงจะสามารถพบกับมิเอลได้

หากเทียบกับคฤหาสน์แล้วกับเป็นสถานที่ที่ต่ำตมอยู่เหมือนกัน แต่มันคือห้องขังสำหรับชนชั้นสูงดังนั้นนอกจากความแคบแล้วก็ไม่มีตรงจุดไหนที่แปลกพอให้จับผิดอีก

“ท่านพี่…!”

“มิเอล”

เคนรีบเข้าไปหามิเอลที่ร้องทักทายเขาทั้งน้ำตา ตาของเธอบวมแดงราวกับร้องไห้มาตลอดตั้งแต่จบการพิจารณาคดี

เคนจึงรีบส่งผ้าเช็ดหน้าเข้าไปให้มิเอล

“ตะ ตอนนี้น้องควรทำยังไงดีค่ะ…”

“พี่จะพาน้องออกไปเอง ไม่ต้องกังวลนะ”

“ฮึกฮือ…”

มิเอลร้องไห้ออกมาเสียงดังเมื่อเคนบอกว่าจะพาเธอออกไป ดูจากที่เธอไม่สามารถตอบอะไรออกมาได้อย่างที่ควรจะเป็นทั้งยังเอาแต่ปาดน้ำตา จิตใจเธอคงรู้สึกไม่มั่นคงมากจริงๆ

ด้วยเหตุนี้ทหารรักษาการณ์จึงเหลือบมองเข้ามาด้านในเพราะข่าวว่าเธออาจใช้ยากดประสาทได้

หลังจากรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยจากการปลอบโยนของเคนแล้ว มิเอลก็เริ่มสาปแช่งอาเรียอีกครั้ง

“เพราะนางผู้หญิงชั้นต่ำนั่น ชีวิตน้องถึงได้…! น้องกลัวเหลือเกินค่ะว่าจากนี้คนอื่นจะมองคิดกับน้องยังไง…! ฮึก… จะรักษาภาพลักษณ์ไว้ได้ยังไง! แล้วคุณออสการ์ล่ะจะคิดเช่นไร! ถ้าโดนถอนหมั้นน้องจะทำยังไงดีคะ! ว่าไงล่ะคะ!

มิเอลก่นด่าอาเรียพลางร่ายเรียงทุกสิ่งอย่างที่เธอต้องเสียไป เธอพูดเหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีต้นเหตุมาจากอาเรียทั้งสิ้น

เธอโยนความรับผิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตนไปให้อาเรีย

“แล้วแม่นั่นก็อยู่ที่คฤหาสน์จริงๆ นี่คะ! แล้วกลายเป็นว่าไปอยู่เมืองข้างๆ ได้ยังไงกัน! ท่านพี่เองก็เห็นไม่ใช่หรือคะ!”

“…เห็น เห็นสิ”

เพราะหลังจากมาถึงบ้านแล้วเขามักจะมองดูห้องของอาเรียเป็นประจำเสมอ เขาจำได้ว่าภายในห้องของอาเรียเปิดไฟอยู่ และเขาเองก็เหมือนจะเห็นเงาของเธอด้วย เขาเชื่อว่าอาเรียไม่ได้แอบหนีออกไปแน่นอน เพราะเขาคอยมองเธออยู่ตลอด

เพราะแบบนั้นเขาถึงเชื่อคำพูดของมิเอลที่บอกว่าอาเรียก็อยู่ด้วยตอนท่านเคานต์ตกลงมา เพราะคนที่อยู่ข้างเดียวกันอย่างมิเอลไม่มีทางโกหกเขาอย่างแน่นอน

หากอาเรียไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์จริงๆ และมิเอลเป็นคนก่อเหตุแต่เพียงผู้เดียวละก็ น้องต้องมาขอความช่วยเหลือจากเขาแล้วสิ เพราะมันเป็นแบบนั้นเสมอมา

‘เพราะอย่างนั้นฉันถึงไม่เคยสงสัยมิเอล แล้วก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรเลยสักอย่าง…’

เขาไม่เคยสงสัยเพราะมิเอลมักจะทำได้ดีในแบบของเธอ เธอคือคนที่มักได้รับคำชมเชยว่าฉลาดหลักแหลมอยู่เสมอ

แม้เขาจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอนานนักเนื่องจากเขาต้องเข้าไปเรียนในวิทยาลัย แต่มิเอลก็เป็นเด็กที่เติบโตมาพร้อมคำชมจากใครหลายคนไม่ขาดปาก

แน่นอนว่าเมื่อองค์รัชทายาทก้าวออกมา เขาได้แต่มองอยู่เฉยๆ เพราะหากเขาทำอะไรบุ่มบ่ามลงไปอาจทำให้ถูกใส่ความได้ นอกจากนั้นเขายังสงสัยด้วยว่าองค์รัชทายาทกับอาเรียน่าจะสร้างหลักฐานบางอย่างขึ้นมาเพื่อบอกว่าพวกตนได้ออกเดินทางไปยังต่างเมืองอันไกลโพ้น

และเมื่อได้มาเห็นสภาพมิเอลที่พังทลายไม่เหลือชิ้นดีแบบนี้เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่ยืนมองอยู่เฉยๆ เพราะสิ่งที่เขาต้องการจากงานนี้มาตั้งแต่แรกคือสิทธิโดยชอบธรรมในการดูแลคฤหาสน์

เขาเคยคิดจะช่วยอาเรียที่ถูกต้อนให้กลายเป็นคนร้ายเพื่อจะนำมาโอ้อวดตัวเองก็จริง แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดที่เพิ่มเข้ามา หาใช่เจตนาที่มีมาแต่เดิม

มิเอลเริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อยจากคำพูดของเคนที่บอกว่าเขาเห็นอาเรียอย่างชัดเจน เธอถามเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย

“…ทะ ทำไมไม่บอกตอนนี้เลยล่ะคะว่าพี่ก็เห็นเธอ”

“มิเอล อย่างที่พี่เองก็เคยพูดไปแล้ว มันเสี่ยงเกินไปที่จะบอกว่าทั้งน้องและพี่เห็นเธอในเวลาเดียวกัน แล้วยังต้องถูกตั้งคำถามอีกว่าเราจะไปรุมอยู่หน้าห้องอาเรียทำไมแต่แรก”

“บอกว่ามันเป็นการประชุมกันของคนในครอบครัวก็ได้นี่คะ!”

“แล้วจะไปประชุมอะไรกันหน้าห้องอาเรียล่ะ แล้วมันก็แปลกที่เราจะพูดถึงการประชุมในครอบครัวขึ้นมาทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยจัดมาก่อนสักครั้ง ไหนจะอธิบายได้ยากอีกว่าเหตุใดท่านแม่จึงไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย”

เมื่อเขาพูดย้ำคำตอบเดิมที่เคยพูดไปแล้วกับมิเอลซึ่งพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง เธอก็ร้องไห้ออกมาเป็นเขื่อนแตกอีกรอบทันที

“พี่จะไปตรวจสอบหลักฐานให้ละเอียดอีกครั้ง และจะยื่นอุทธรณ์พร้อมเงินประกันด้วย น้องไม่ต้องห่วงแล้วรออีกหน่อยนะ”

“…เข้าใจแล้วค่ะ ท่านพี่ แล้วก็น้องมีอีกเรื่องอยากขอร้องท่านพี่ น้องอยากให้ท่านไอซิสมาเยี่ยมน้องหน่อยน่ะค่ะ… น้องมีเรื่องต้องบอกเธอ”

“เข้าใจแล้ว ไว้จะบอกให้”

หลังออกมาจากห้องขังเคนก็รีบตรงดิ่งไปดูหลักฐานที่อาเรียยื่นมาทันที โดยมีทหารรักษาการณ์ที่ไม่ใช่ชนชั้นสูงซึ่งทำงานอยู่ในศาลตามติดมาถึงสองคนราวกับกลัวว่าเขาจะไปทำให้หลักฐานเสียหาย

แต่โชคร้าย

‘ไม่มีอะไร… ผิดปกติเลย’

หากทั้งสองสร้างหลักฐานขึ้นเพียงที่ใดที่หนึ่งก็คงพอจะทำอะไรได้บ้าง แต่นี่พวกเขาเล่นผ่านเมืองมากมายและยื่นกระทั่งใบผ่านทางของราชอาณาจักรโครอาเป็นแห่งสุดท้าย เอกสารจากอาณาจักรอื่น… ไม่ว่าพยายามจะปลอมแปลงอย่างไรก็ไม่อาจทำได้แน่นอน

นอกจากนั้นเวลาที่ต้องรีบเดินทางอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดพักเท่านั้นจึงจะไปถึงได้ก็ถูกจดเอาไว้อย่างชัดเจน หากองค์รัชทายาทเดินทางคนเดียวก็คงไม่น่าแปลกใจ แต่มันเป็นเวลาที่นานเกินไปสำหรับอาเรียซึ่งไม่คุ้นชินกับการเดินทางระยะไกล

‘ไม่อาจแย้งได้เลย…’

หากเป็นหลักฐานที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ละก็ ไม่มีทางปลอมแปลงได้แน่ ไม่สิ มันคือหลักฐานที่ได้รับการออกแบบมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนจนไม่อาจแย้งได้ต่างหากล่ะ ทั้งที่บอกว่ามันเป็นการท่องเที่ยวพักผ่อนแต่กลับใช้เวลาอยู่ในเมืองน้อยนิดเหลือเกิน

เคนมองดูพวกมันอยู่เป็นเวลานานก่อนจะพับแฟ้มที่เก็บหลักฐานลง

“ดูหมดแล้วหรือครับ หากยังมีตรงไหนที่สงสัย ให้ผมอธิบายให้ฟังไหมครับ”

“…ไม่ครับ ไม่เป็นไร ก่อนอื่นผมอยากขอยื่นอุทธรณ์และเงินประกันตัวครับ”

“เข้าใจแล้วครับ แต่คงต้องใช้เวลาสักครู่เพราะต้องผ่านท่านผู้พิพากษาก่อน ตามผมมาได้เลยครับ”

เขาทั้งเขียนคำร้องและกำหนดเงินประกันตามคำแนะนำ แต่คำตอบที่ได้กลับมาจากเฟรย์กลับมีเพียงคำปฏิเสธ เขาได้คำตอบภายในวันเดียวกันนี้ราวกับไม่มีช่องว่างให้ได้ตรวจสอบ

[แม้อายุจะยังน้อยแต่ความผิดที่ก่อนั้นหนักหนาและดิฉันกลัวว่าจะไปก่อเหตุซ้ำอีกจึงขอคัดค้านการประกันตัวค่ะ ส่วนเรื่องอุทธรณ์ดิฉันจะดูกำหนดการแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งในภายหลังค่ะ]

เคนอ่านแล้วก็ขยำมันก่อนจะปาลงพื้น

คัดค้านการประกันตัวอย่างนั้นหรือ! ทั้งที่เธอคือชนชั้นสูงแห่งจักรวรรดิที่แม้จะฆ่าคนก็ยังได้ประกันตัว! จะต้องเป็นเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทไม่ผิดแน่

มิหนำซ้ำไอซิสยังแจ้งความประสงค์ว่าจะไม่มาพบกับมิเอลอีกด้วย เธออ้างว่ากำลังยุ่งและกำลังจะต้องเดินทางไปยังราชอาณาจักรโครอาในเร็ววัน แต่ดูแล้วเธอคงไม่ต้องการติดต่อกับมิเอล ไม่สิ กับตระกูลเคานต์โรสเซนต์อีกต่อไปแล้ว

‘หากท่านพ่อยังปกติดีละก็…!’

หากเป็นเช่นนั้นเขาคงเกลี้ยกล่อมดยุกให้ปล่อยมิเอลออกมาได้

แต่ในความเป็นจริงท่านเคานต์กลับต้องมานอนไม่ได้สติด้วยน้ำมือของมิเอล ซึ่งเหล่าชนชั้นสูงคนอื่นๆ ต่างมองว่ามันเป็นความผิดที่น่าขยะแขยงและพากันเมินเฉยต่อสองพี่น้องไปเรียบร้อยแล้ว

หลังจากผลักผู้เป็นพ่อให้ตกนรกทั้งเป็นเขาถึงรู้สึกอับอายเมื่อระลึกได้ว่าพ่อของตนมีอำนาจมากมายเพียงใด เขาได้อำนาจมาโดยชอบแล้วก็จริงแต่ก็ไม่สามารถใช้มันได้เช่นกัน

‘แล้วอาเรียยังมาเมินฉันอีก!’

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่คนรับใช้ทุกคนในคฤหาสน์ต่างพากันปรนนิบัติอาเรียเป็นอย่างดี ราวกับเธอเป็นแก้วที่แตกสลายได้ง่ายอย่างไรอย่างนั้น

เธอทำเหมือนตัวเองเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงในตระกูลเคานต์

แม้จะสายเกินไปมากแต่คนร้ายควรจะเป็นอาเรียไม่ใช่มิเอล แต่เขาเองก็ไม่อาจใส่ความอะไรเธอที่เตรียมตัวและโต้แย้งอย่างครบถ้วนกระบวนความได้อีกแล้ว

ในความเป็นจริงแล้วเธอได้รับทั้งความสงสารและความรักจากใครหลายคน ทั้งยังถูกขนานนามว่าเป็น ‘เลดี้ผู้น่าสงสาร’ ราวกับเป็นนางฟ้านางสวรรค์ และแม้จะมีชาติกำเนิดต่ำต้อยแต่มติมหาชนต่างเห็นพ้องต้องกันว่านิสัยใจคอกับสติปัญญาของเธอเหมาะสมจะเป็นคู่ครองขององค์รัชทายาทอีกต่างหาก

กระทั่งในบรรดาชนชั้นสูงยังไม่มีใครกล้าแย้ง

เขาไม่อาจบอกเรื่องนี้ให้มิเอลรู้ได้จึงได้แต่เดือดดาลอยู่หน้าเตียงของท่านเคานต์ แต่แล้วก็กลับได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องดังออกมาจากห้องของท่านเคานต์

“หมอ! เรียกหมอประจำตระกูลมาสิ! เร็วเข้า!”

เสียงเคาน์ติสนั่นเอง

เธอส่งเสียงร้องตะโกนดังไปทั้งคฤหาสน์ด้วยสีหน้าตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก เรียกหมออย่างนั้นหรือ หากเป็นเรื่องที่ทำให้วุ่นวายได้ขนาดนั้นก็มีอยู่สองอย่าง คือท่านเคานต์ตายแล้วหรือไม่ก็ลืมตา

‘หรือว่า…!’

เขายังทำอะไรไม่สำเร็จเลยสักอย่าง!

ร่างทั้งร่างพลันสั่นสะท้านด้วยความกลัวที่ตนสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิดและความคิดว่าอาจต้องจ่ายค่าตอบแทน

ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องไปดูให้แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องท่านเคานต์กันแน่ เคนจึงจับบานประตูอย่างระมัดระวังแม้จะกลัวมากก็ตาม

……………………….

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์ อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่ ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…! “ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า” เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า! เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย! เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset