พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – ตอนที่ 152

“พี่ก็อยากช่วยน้องออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลยเหมือนกัน แต่จนกว่าวันที่จะมีคำพิพากษาตัดสินออกมา พี่ก็คงทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรน้องก็ยังมีความผิดบาปที่ทำลงไปอยู่ดี…”

แล้วกุญแจที่ถือนั่นมันหมายความว่าอย่างไรกัน สายตาอึดอัดของมิเอลมองไปที่กุญแจ แล้วอาเรียก็ตอบพร้อมยิ้มให้เธอ

“พี่มาเพราะเป็นห่วงว่าน้องเป็นอย่างไรบ้างน่ะ ไปดื่มชากันหน่อยดีไหม”

ทันทีที่อาเรียพูดจบ ประตูห้องขังก็เปิดออก แล้วอัศวินก็เข้ามา ถึงแม้มิเอลจะยังไม่ได้ตกลงอะไรกับเธอ

ไม่สิ ไม่มีความจำเป็นจะต้องขออนุญาตจากมิเอล ตอนนี้เธอไม่มีโอกาสเลือกอะไรอีกแล้ว เพราะเธอได้สูญเสียทั้งฐานะและอำนาจทั้งหมดไปแล้ว

“ชะ ชาหรือคะ…!”

มิเอลถามเธอด้วยความตกใจที่จู่ๆ อาเรียก็ชวนไปดื่มชา  แต่เธอไม่ตอบ แล้วก้าวฝีเท้าเดินไป

มิเอลถูกอัศวินลากตัวไป เธอหวาดกลัวราวกับสัตว์เลี้ยงที่กำลังถูกลากไปที่โรงฆ่าสัตว์

“นะ นี่จะพาฉันไปไหนกันแน่คะ…!”

เธอตะโกนเสียงดัง แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ กลับมา อาเรียที่อยู่ข้างหน้าทำเพียงแค่เดินย่ำต่อไปอย่างเลิศเลอและสง่างามราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

หรือว่า…!   เธอคงจะไม่ชวนฉันไปดื่มชา แต่จริงๆ พาฉันไปตัดหัวอะไรแบบนี้หรอกใช่ไหม…!

เธอถูกลากไปพลางต่อสู้กับความหวาดกลัว แต่โชคดีที่สถานที่ที่เธอมาถึงคือห้องรับแขก ไม่ใช่ลานประหารตัดหัว บนโต๊ะมีชาอุ่นๆ คุกกี้ และผลไม้วางอยู่ราวกับเตรียมล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว

อาเรียนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มก่อน เธอชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามและพูดอย่างอ่อนโยน

“ทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะมิเอล หรือน้องคิดว่าพี่จะทำอะไรเธออย่างนั้นหรือ”

ขนตาที่ยาวและหนาของเธอกะพริบราวกับนกน้อยกระพือปีก ดวงตาสีเขียวมรกตข้างใต้นั้นดูไร้เดียงสาจริงๆ และไม่ได้มีเจตนาจะทำอะไรเธอ

“พี่ไม่รู้ว่าทำไมน้องถึงกลัวขนาดนั้น ลองคิดดูสิ พี่เคยไปทำร้ายน้องตอนนั้นกัน”

อาเรียพูดอีกครั้ง ใบหน้าที่ถามพร้อมกับรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั้นเป็นใบหน้าของพี่สาวที่ทำเพื่อน้องสาวจริงๆ

เธอจะทำบ้าอะไรกันแน่ ถึงอย่างนั้นมิเอลก็ไม่ได้ลดความระแวงลง แล้วนั่งลงอย่างระมัดระวัง ปากของเธอยังหุบแน่น

อาเรียจิบชาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากถามอีกครั้ง

“ลองคิดดูหรือยัง”

“…น้องไม่รู้ว่าจะให้น้อง คิดอะไรค่ะ”

มิเอลพูดเช่นนั้นด้วยความไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคำถามที่อาเรียถามเธอต่อ แล้วอาเรียก็อธิบายอย่างใจดีด้วยใบหน้าอ่อนโยน

“ที่พี่ถามว่าพี่ไปทำร้ายเธอตอนไหนน่ะ เห็นน้องกลัวขนาดนั้น ก็เลยสงสัยขึ้นมา แม้แต่ตอนที่น้องใช้เอ็มม่า แล้วพยายามทำให้เกิดอุติเหตุเอง พี่ก็ยังปล่อยผ่านไปเลยไม่ใช่หรือไง พี่บอกให้น้องใจเย็นลง แถมยังให้สร้อยคอแก่น้องด้วยนี่”

“…!”

ว่า อย่างไรนะ…

เมื่อจู่ๆ อาเรียก็หยิบยกความผิดพลาดในอดีตของเธอขึ้นมาพูด มิเอลตัวแข็งทื่อ ไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้

อาเรียจึงย้อนกลับไปในอดีตให้เธออีกเล็กน้อยอย่างใจดี

“แน่นอนว่าตอนวันเกิดฉัน แกก็โกหกว่าไม่ได้รับคำเชิญ แล้วทำให้ฉันอับอายต่อหน้าเลดี้ทั้งหลายไม่ใช่หรือ”

อาเรียพูดว่าตอนนั้นเธอตกใจมากทีเดียว พร้อมกับยิ้มให้เธอ

ตอนนั้นเธอชวนพวกเลดี้มากปาร์ตี้ที่สวนในร่มเป็นครั้งแรก เธออุตส่าห์พยายามดูถูกอาเรียที่แสร้งทำเป็นดีต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย หลังจากที่เธอไม่ได้โผล่หน้ามา โดยอ้างว่าป่วย

เรื่องมันก็ผ่านมาสักพักแล้ว และมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็เลยลืมไปแล้ว แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอยังจำมันได้อยู่…. อีกทั้งหลังจากนั้นที่ออสการ์มาเยี่ยม ฉันก็เกิดโมโหด้วยความหึงหวงขึ้นมาจนเสียสติไป ฉันก็เลยลืมไปแล้ว

“แล้วยังมีตอนที่เธอวางยาพิษในชาฉันอีกด้วยนะ เธอไม่ได้รับโทษอะไร แล้วก็แค่ปล่อยมันผ่านไปเฉยๆ ไม่ใช่หรือ คนที่เป็นคนบงการจริงๆ ก็คือเธอนี่”

เรื่องนั้นเธอก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้วอย่างนั้นหรือ…

ยาพิษ ยาพิษนั้นที่เอ็มม่าได้เสียสละตัวเอง

เหตุการณ์นั้นที่นังโง่เบอร์รี่ทรยศ แล้วทุกอย่างก็พังไปหมด

ถ้าเพียงแค่เบอร์รี่จัดการมันให้ดี มันก็น่าจะสำเร็จแท้ๆ แต่เธอทำทุกอย่างพังหมด เหมือนกับสามัญชนที่หลอกลวงชาติกำเนิดตัวเองไม่ได้ ถ้าในตอนนั้นเบอร์รี่ทำสำเร็จ ฉันก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้

แล้วก็เอ็มม่า… ก็คงจะยังมีชีวิตอยู่และคอยอยู่ข้างๆ ฉันแท้ๆ

มิเอลคิดว่าถ้าเวลาผ่านไปก็คงดีขึ้นเอง แต่พอเธอนึกถึงเรื่องเอ็มม่า ตาของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมา เธอเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างมิเอลที่จากไปเพราะถูกประหารอย่างไม่น่าเชื่อ

อารมณ์ของเธอเต็มไปด้วยจิตใจอันซับซ้อน อาเรียมองดูดวงตาอันเปียกปอนของมิเอล แล้วย้อนกลับไปคำถามแรกของเธอ ถามมิเอลอีกครั้ง

“ลองนึกดูสิ ฉันทำอะไรตอนที่เธอพยายามจะทำร้ายฉัน ฉันตอบโต้อะไรไปบ้างหรือไง”

“….”

ในตอนนั้นเองมิเอลก็เข้าใจคำถามของอาเรีย แล้วเบิกตาโพลง

…ตอบโต้ ไม่ใช่ เธอไม่ได้ทำอย่างนั้น ทุกอย่างผิดพลาด แล้วฉันก็ถูกจับได้ และถูกทำให้อับอาย แต่เธอไม่ได้แก้แค้นหรือตอบโต้อะไรเลย ฉันแค่ถูกตัดสินโดยกฎหมายที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น

“หรือว่าฉันพูดอะไรรุนแรงกับเธอหรือ”

“….”

นั่นก็ไม่ใช่ ถึงมันจะมีความรู้สึกเหมือนว่าเธอเหน็บแนมเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวโทษ สบถคำหยาบ หรือแสดงความแค้นออกมาเลย

เธอจำได้ว่าอาเรียแค่ปล่อยมันผ่านไปอย่างเงียบๆ เธอแค่รู้สึกแย่อยู่คนเดียวเท่านั้น

“ฉันได้ทำเรื่องชั่วๆ แบบที่เขาลือกันหรือ”

“….”

นั่นก็ไม่ใช่

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอดูราวกับเป็นขุนนางจริงๆ และเธอก็ไม่ได้ทำอันตรายใคร แต่เธอกลับสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเหล่าคนรับใช้ของคฤหาสน์ แล้วสร้างอิทธิพลอำนาจใหม่ขึ้นมาเสียอีก

แน่นอนว่าทั้งหมดนั่นก็เพื่อทำลายมิเอล แต่มิเอลก็ฟังอาเรียพูดด้วยความสับสนงุนงง เพราะเธอไม่รู้ตัวจริงข้างในนั้นของอาเรีย

“เหตุการณ์ที่เธอผลักท่านพ่อตกบันไดนั้นเป็นเรื่องใหญ่เกินไปจนช่วยไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่ได้ใช้เรื่องนี้แก้แค้นหรือทำให้เธอชดใช้ฉันคืนใช่ไหมล่ะ “

พออาเรียพูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของมิเอลก็ซีดเผือดลงทันทีด้วยความตกใจ มิเอลตกหลุมพรางของตัวเองและพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายอย่างที่เธอพูด แต่เธอก็ไม่ได้ถูกรังแกหรือรังควานอะไร

ยิ่งไปกว่านั้น เธอด่าและพูดหยาบคายกับอาเรียว่าเธอเป็นหญิงชั่วไปตั้งนับครั้งไม่ถ้วน แต่ความจริงเรื่องทั้งหมดนั่นมันก็เป็นเรื่องที่ถูกสร้างขึ้น หญิงชั่วจริงๆ ที่ทำตัวเหมือนกับข่าวลือที่คนเขาลือกันไปทั่วก็คือ…

อาเรียยื่นมือเข้าไปทันทีที่เห็นสีหน้าของมิเอลที่ซีดเผือดราวกับจะล้มลงไปทันใด มือของอาเรียยื่นไปสัมผัสแก้มของมิเอล โดยมีโต๊ะตัวเล็กคั่นกลางระหว่างทั้งสอง

“มิเอล เป็นอะไรไหม หน้าซีดมากเลย… ให้เรียกหมอมาไหม”

เธอตกใจกับมือของอาเรียที่จู่ๆ ก็มาสัมผัส แล้วถอยตัวไปข้างหลัง คำพูดอันอบอุ่นของอาเรียที่ถามด้วยความเป็นห่วงนั้น ทำให้เธอหยุดเคลื่อนไหว และค่อยๆ ส่ายหัวอย่างช้าๆ มันเป็นความอ่อนโยนจนแทบจะลืมชาติกำเนิดตัวเองที่เธอไม่ได้สัมผัสมานาน

“ถ้าอย่างนั้นก็โล่งอกไปที พี่มีความสุขที่ได้มีน้องสาวนะ แต่หัวใจของพี่ก็เจ็บปวดเหลือเกินที่น้องชอบเข้าใจพี่ผิด”

เธอพูดจริงหรือ ไม่ว่าจะมองย้อนกลับไปในอดีตสักแค่ไหน ก็มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่คอยจ้องแต่จะพยายามทำร้ายอาเรีย

อาเรียพูดต่อเมื่อเห็นแววตาที่เคลือบแคลงไปด้วยความสงสัย

“ฉะนั้นน้องไม่ต้องระแวงจนตัวสั่นขนาดนั้นก็ได้ ถึงพวกเราจะไม่ใช่พี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกัน แต่พี่ก็ไม่มีความตั้งใจจะทิ้งเธอที่เป็นน้องสาวของพี่หรอกนะ ก็เลยมาช่วยเธอแบบนี้ไงล่ะ”

ไม่เชื่อ เธอน่าจะมาเพื่อลงโทษฉันให้หนักกว่าเดิมมากกว่าให้ฉันตายนี่ เธอน่าจะทำอย่างนั้นแน่ๆ แต่ทำไม… เธอถึงเอาแต่พูดแบบนั้นอยู่ได้

“ถะ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าพี่จะช่วยน้องออกไปจากที่นี่จริงๆ หรือคะ…”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ พี่จะเสียน้องสาวเพียงคนเดียวของพี่ไปง่ายๆ ได้อย่างไร แล้วไหนๆ พี่ก็อุตส่าห์มีอำนาจมากพอที่จะช่วยน้องแล้ว พี่ก็ควรจะต้องทำสิ”

บนในหน้าที่มีรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั้น ไม่มีการโกหกหรือหลอกลวงใดๆ อยู่

“…เจ้าชายอนุญาตเรื่องนั้นด้วยหรือคะ…”

ทั้งที่เธอมองฉันด้วยสายตาดูถูกดูแคลนขนาดนั้นน่ะนะ… ทั้งที่เธอขายชาติและกระทำผิดร้ายแรงแบบนั้นน่ะนะ…

แถมเธอยังไม่แม้แต่จะสำนึกผิดเลยสักนิด คิดแค่ว่ากบฏมันล้มเหลวและรู้สึกไม่ยุติธรรมเท่านั้น

“ใช่แล้วล่ะ แล้วก็อนุญาตเรื่องที่มาเจอน้องและดื่มชาด้วยกันด้วยนะ โชคดีมากเลยล่ะที่เจ้าชายชอบพี่มาก ก็เลยปฏิเสธคำขอของพี่ไม่ลงน่ะสิ”

คำพูดนั้นนับได้ว่าเป็นคำพูดที่อวดดีจนเกินตัว แต่มันก็คงไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะเธอมานั่งดื่มชาอย่างสบายๆ แบบนี้กับตัวเองที่แทบจะโดนประหารชีวิตได้ทันทีอยู่แล้ว

และมิเอลก็ยังเคยเห็นความรักและเอ็นดูที่ไม่อาจควบคุมได้จากดวงตาของเจ้าชายที่มองไปยังอาเรียแล้วด้วย

“ฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปนะ น้องจะได้ออกจากคุกเร็วๆ นี้ล่ะ แน่นอนว่าก็จะได้รับบทลงโทษนิดหน่อย แต่มันก็จะไม่จบลงด้วยการประหารชีวิต”

มิเอลที่ได้ยินจนถึงตรงนั้น เธอกลับรู้สึกสงสัยมากเสียกว่ารู้สึกโล่งใจ

ทำไม ทำไมกัน เพราะอะไร… ฉันเอาแต่ตามรังควานอาเรียอย่างที่เธอบอกเองไม่ใช่หรือ

ดังนั้นเธอก็น่าจะหัวเราะเยาะใส่ฉันพอเห็นฉันถูกลงโทษและดิ้นรนตะเกียกตะกายในความเจ็บปวดสิ แล้วทำไมเธอถึงมากระซิบบอกว่าจะพาฉันออกไปจากขุมนรกนี้กันล่ะ

“…ทำไมคะ”

“หืม”

“น้องหมายถึงว่าน้องทำเรื่องแย่ๆ กับท่านพี่อย่างที่คุณพี่พูดจริงๆ… น้องเป็นนักโทษที่สมควรจะได้รับโทษสถานหนักแล้วแท้ๆ… แต่ทำไมท่านพี่ถึงตั้งใจจะช่วยน้องน่ะค่ะ”

พอมิเอลถามดังนั้น อาเรียก็ยิ้มกว้างราวกับรอคอยคำถามนั้นมานาน เธอจับมือมิเอล แล้วตอบกลับ

“มีหลายอย่างเลยที่พี่ยังไม่ได้ทำให้เธอน่ะ มันค้างคาอยู่ในใจฉันจนทนไม่ได้เลยล่ะ พี่คิดว่าเธอทำอย่างนั้นน่าจะเพราะว่าเธอยังเด็ก มากกว่าทำไปเพราะเธอไม่รู้เรื่องอะไร ฉะนั้นต่อจากนี้ฉันก็เลยตัดสินใจว่าจะคอยสอนอยู่ข้างๆ เธอทีละอย่างๆ อีกครั้งน่ะสิ”

ทันใดนั้นความไม่สบายใจและความกังวลในจิตใจของมิเอลได้หายไปเล็กน้อยกับคำตอบที่ฟังดูจริงใจนั้น มีบางส่วนที่เธอรู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่อาเรียก็ไม่เคยทำร้ายเธอจริงๆ สักครั้ง แล้วตอนนี้อาเรียยังพยายามจะช่วยเธออีก

แม้จะรู้สึกอึดอัดกับคำพูดของอาเรียที่กล้าจะมาสอนเธอทั้งที่ชาติกำเนิดต่ำต้อยแบบนั้น แต่อย่างไรก็ตามก่อนอื่นเธอก็ต้องมีชีวิตรอดออกไปก่อน เธอต้องได้รับการลดหย่อนโทษ เธอจะตายด้วยการกระทำโง่ๆ อย่างไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ได้

“…เข้าใจแล้วค่ะ”

และในที่สุดเธอก็พยักหน้ายินยอมอย่างสุภาพ ทันใดนั้นรอยยิ้มของอาเรียก็กว้างขึ้น

มิเอลถามเธอด้วยความระมัดระวัง

“แล้วท่านพี่ของน้องล่ะคะ…”

“…ท่านพี่ อ๋อ หมายถึงท่านพี่เคนน่ะหรือ”

“ค่ะ ท่านพี่ก็จะช่วยท่านพี่เคนด้วยใช่ไหมคะ”

เธอคิดว่าในเมื่ออาเรียช่วยเธอแล้ว อาเรียก็คงจะช่วยเคนด้วยอยู่แล้วแน่ๆ แต่อาเรียตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ไม่อาจหยั่งรู้ความหมายได้

“ท่านแม่ท่านหาทนายเก่งๆ มาได้แล้ว เพราะอย่างนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก เชื่อเถอะว่าท่านพี่เองก็ต้องได้รับการลดหย่อนโทษอย่างแน่นอน”

“ถ้าเช่นนั้นก็โล่งออกไปทีนะคะ…”

มิเอลที่ได้ยินว่าเธอจะช่วยเคนด้วยก็ดูโล่งใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาเรียจ้องใบหน้านั้นอยู่พักหนึ่งโดยไม่พูดอะไร

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงต้องขอตัวไปก่อนล่ะ รักษาตัวดีๆ จนกว่าวันที่จะเจอกันอีกครั้งนะ”

อาเรียลุกขึ้นอย่างไม่ลังเล มิเองเองก็ลุกตามเธอ เทียบกับในตอนแรกที่เธอเจออาเรียแล้ว สีหน้าของเธอนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“…สีหน้าคร่าตาดูสดใสขึ้นนะ”

พอกลับไปที่ห้องขังอีกครั้ง ไอซิสก็เอ่ยปากพูดกับมิเอลที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นสีหน้าโล่งใจ ซึ่งต่างจากตอนที่เธอออกไป มันเป็นคำถามแบบอ้อมๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ฉันคิดว่าฉันจะได้เดินไปในคนละทางกับดัชเชสแล้วล่ะค่ะ”

มิเอลตอบด้วยสีหน้าเวทนาพร้อมกับยกปลายคิ้วลงราวกับรู้สึกเวทนาเธอ ไอซิสไม่พอใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะโต้ตอบกลับไป

“นี่คิดว่าเธอจะช่วยเลดี้จริงๆ หรือ”

“ไม่รู้สินะคะ มันก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับดัชเชสที่จะถูกลงโทษสถานหนักในอนาคตหรอกใช่ไหมล่ะคะ”

“…โง่เขลาเสียจริงๆ นะ”

ไอซิสตอบกลับไปเช่นนั้น เธอไม่ได้ดูอิจฉาที่มิเอลจะมีชีวิตรอดออกไปคนเดียวสักนิด น้ำเสียงของเธอกลับฟังดูจริงใจเสียด้วยซ้ำ

“มันเป็นไปได้ที่เธอจะให้ความหวังเลดี้เช่นนั้น แล้วก็หักหลังในตอนท้ายไงล่ะคะ”

มิเอลที่รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้งกับความเป็นไปได้อย่างมากในอนาคต แต่เธอก็พยายามแสร้งทำเป็นไม่กังวล แล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็น

“…ถ้าจะมาขู่ให้ฉันกลัวล่ะก็ เลิกเสียเถอะค่ะ เพราะเธอบอกว่าทนายจะช่วยท่านพี่ด้วยเหมือนกันค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็พอรู้แล้วว่านังชั้นต่ำนั่นตั้งใจจะทำอะไร”

ไอซิสยิ้มเยาะ ทำให้มิเอลรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก

ทว่าทนายที่เคาน์ติสเลือกสรรมาอย่างดีก็มาหาเคนตามที่อาเรียบอก ราวกับจะหัวเราะเยาะไอซิสที่เย้ยหยันเธอ

“ได้ยินไหมคะ เรื่องที่ท่านพี่มีทนายไลอาร์น่ะค่ะ!”

ข่าวลือแพร่ไปอย่างรวดเร็ว เพราะทนายมาที่ห้องขังเพื่อปรึกษากับเคน เขาเป็นทนายโดดเด่นและมากความสามารถคนหนึ่งในอาณาจักรที่มีข่าวลือไปทั่วว่าเขาสามารถจัดการทุกเรื่องได้ตามความประสงค์ของผู้จ้าง และนั่นก็มากเพียงพอที่จะทำให้ความกังวลของมิเอลคลายลงไปได้

“…!”

ด้วยเหตุนี้ไอซิสที่ยิ้มเยาะมิเอลเองก็ไม่สามารถโต้ตอบอะไรกลับไปได้อีก

“ดูเหมือนว่าพี่ชายกับฉันจะรอดชีวิตออกไป ต่างจากดัชเชสนะคะ!”

“….”

มิเอลเชื่อใจอาเรียอย่างสมบูรณ์แบบราวกับไม่เคยดุด่าว่าเธอเป็นนังชั้นต่ำมาก่อน

ทว่าสายตาอันเย็นชายังคงจ้องมองเธออยู่ พอมิเอลรู้ตัวว่าตื่นเต้นมากเกินไป เธอก็แสร้งทำเป็นสงบลง แล้วลดมุมปากที่ยกขึ้นไปของเธอลงทันที

…………………………………………………

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์ อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่ ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…! “ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า” เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า! เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย! เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset