พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – ตอนที่ 18

หลังจากกินไอศกรีมชาเขียวมินต์แล้วความเงียบก็เข้ามาปกคลุมลงห้องรับประทานอาหาร อาเรียถามออสการ์ในสิ่งที่สงสัยอยู่ก่อนที่ลุกจากที่นั่ง

“ตอนนี้เปิดเทอมอยู่ไม่ใช่หรือคะ น่าจะยุ่งมากเลยนี่นา มาไกลขนาดนี้ได้หรือคะ”

เพื่อที่จะหยุดเวลาของพวกเขา หากจะตอบคำถามก็ต้องทานอาหารที่อยู่บนโต๊ะให้เรียบร้อยก่อนจะเริ่มพูดคุย ถ้าจะไปที่อื่นต่อก็ต้องไปกับอาเรียด้วย ไม่ว่าจะเป็นหนทางไหนอาเรียก็จะได้เห็นสีหน้าไม่พอใจจากมิเอล และใบหน้าน่าชังที่จะทำให้ออสการ์มองเธอแย่ลง

ดูเหมือนว่าออสการ์ไม่อยากไปที่อื่นต่อ จึงโบกมือสั่งให้ข้ารับใช้นำชาอุ่นมารินให้ พลางตอบคำถามของอาเรีย

“ฉันอยู่แต่ในหอพัก กำลังอึดอัดอยู่พอดีเลยน่ะ พอดีกับที่เคนถามฉันว่าไม่ออกไปไหนบ้างเหรอ ก็เลยรับคำด้วยความยินดี”

“มาไกลเชียวนะคะ”

“นั่นน่ะสิ ฉันก็ไม่นึกว่าจะออกมาไกลขนาดนี้”

เขาพูดเหมือนตนเองก็ไม่รู้ว่าเคนจะพาตนมาไกลขนาดนี้เช่นกัน เคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยักไหล่ขึ้นมา

คิดว่าจะไม่เข้าร่วมในการสนทนาอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถอยู่เฉยๆ กับคำพูดของออสการ์ที่กำลังพูดถึงตัวเอง เขาทำสีหน้าเคร่งขรึมพลางเหลือบมองน้องสาวของตนด้วยความเกรงใจ

“มาทั้งๆ ที่ไม่รู้จุดหมายหรือคะ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

“อย่างนั้นหรือคะ ไม่ถามอะไรทั้งยังมาด้วยกันอีกเนี่ย ดูเหมือนว่าจะสนิทกับท่านพี่จริงๆ สินะคะ”

อ๋อ อย่างนั้นสินะ ไม่ได้ตั้งใจมาหาเธอเลย

อาเรียยิ้มให้มิเอลอย่างสง่ามิเอลจึงทำได้แค่ยิ้มหวานกลับไป แต่ดูเหมือนนอกจากใบหน้าแล้วอย่างอื่นก็ดูไม่สามารถปกปิดความรู้สึกตนเองได้ ภาพที่หล่อนซ่อนมือที่สั่นเทาของตนใต้โต๊ะอาหารช่างน่าเวทนายิ่งนัก แต่เพราะมิเอลนั่งอยู่ข้างๆ อาเรียจึงเห็นว่ามือของเธอนั้นสั่นระริกอย่างน่ากลัว เมื่อไม่มีที่ไหนให้หลบซ่อนมิเอลจึงหลับตาลงพลางกัดปากตัวเองแน่น

ถ้าแกล้งไปมากกว่านี้คงจะยิ่งยุ่งเหยิงสินะ แค่ทิ่มแทงให้เจ็บปวดพอประมาณ ทำให้ไม่มีความสุขก็เพียงพอแล้วล่ะมั้ง

“พักผ่อนให้สบายนะคะ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้บอกมาได้เลยค่ะ”

อาเรียส่งยิ้มเย้ายวนให้เด็กรุ่นเดียวกับเธอ ออสการ์มองดูภาพนั้นโดยไม่สามารถแสดงสีหน้าตอบกลับไปได้ มัวแต่หลงอยู่ในวังวนของอาเรียอย่างไม่ได้สติ เมื่อเรียกสติกลับมาได้พลางพยักหน้าตอบรับ

รถสำหรับสี่คนถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เวลาบอกลาที่มิเอลไม่อยากนึกถึงเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เธอดื่มชาไปอีกอึกหนึ่งแม้จะเหลือเวลาอีกไม่นานนัก ดูเหมือนเธออยากจะดูดีในสายตาของออสการ์จึงไม่ลืมที่จะส่งรอยยิ้มแสนหวานพร้อมกับกล่าวขอบคุณเขา

“ต้องขอบคุณเสื้อผ้าที่คุณออสการ์ส่งมาให้จริงๆ นะคะ มันสวยมากเลยต้องเก็บเอาไว้เพิ่งเอามาใส่วันนี้ครั้งแรกเลยค่ะ”

“สวยมากครับ”

“ฉันอยากตอบแทนด้วยการส่งชุดไปสักชุดเหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่ทราบเลยว่าคุณชอบแบบไหน”

มิเอลแสดงสีหน้าเขินอายยามที่เธอพูด “ฉัน… ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ไม่ทันพูดจนจบคำ ออสการ์เอียงคอมองเพราะไม่รู้ว่าเธอสื่อถึงอะไร เคนที่ดูสถานการณ์ออกจึงพยายามช่วยน้องสาวพูด

“เช่นนั้นไปซื้อด้วยกันเลยดีไหมล่ะ เพราะยังเหลือเวลาอีกเยอะเลยนะ ฉันเองก็ได้เวลาที่จะต้องตัดชุดใหม่แล้วเหมือนกัน”

ที่จริงแล้วคนที่ต้องการชุดมากที่สุดคืออาเรีย เพราะท่ามกลางพวกเขาที่สวมใส่ชุดหรูหราอลังการ แต่เธอเป็นคนเดียวที่สวมใส่ชุดที่ทำด้วยผ้าราคาถูก แถมดีไซน์ก็ยังเรียบง่ายอีกด้วย

จะมองว่าเป็นลูกเลดี้ตระกูลสูงส่งก็ช่างห่างไกลอยู่โข ต้องแต่งตัวให้ดูดีจึงจะถูกมองในแง่ดี เคนคิดเช่นนั้นจึงอยากพาอาเรียไปตัดชุดใหม่จึงเกลี้ยกล่อมออสการ์ไปด้วย

เขามองชุดของตัวเองที่ยังสวมใส่ได้ปกติพลางส่ายหัว

“ไม่ล่ะ ชุดของฉันมีคนจัดการให้อยู่แล้ว ไม่เป็นไร อีกอย่างในวิทยาลัยก็ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดพิธีอะไรมาก ถ้าแกอยากไปก็ไปกันสองคนพี่น้องน่าจะดีนะ”

ดูเหมือนมิเอลจะดูออกว่าหล่อนถูกปฏิเสธ จึงได้แต่กะพริบตาปริบๆ พลางดื่มชาในถ้วยเพื่อปกปิดริมฝีปากที่กำลังสั่นเทา ยังไม่ทันได้เดินหมากเลย พอเห็นสถานการณ์พังไม่เป็นท่าเช่นนั้นแล้วอาเรียก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้

“…ไม่ได้หรอกค่ะ จะทิ้งให้แขกอยู่คนเดียวแล้วออกไปก็ดูจะไม่สมควรนัก”

“ไม่ใช่คนเดียวสิ ยังมีเลดี้อาเรียอยู่ไม่ใช่เหรอ”

กึก มิเอลวางถ้วยชาที่หล่อนถืออยู่บนจานรองอย่างแรง หล่อนส่งสายตาเบิกโพลงไปยังออสการ์อย่างเจ็บแค้น ราวกับกำลังตั้งคำถามว่าทำไมถึงได้กล่าวถึงอาเรียแบบนั้น ทำไมต้องเป็นมัน!

แต่ไม่รู้ว่าจะยิ่งโล่งอกหรือยิ่งลำบากใจเพราะเขากลับส่งสายตาไปให้อาเรียไม่ใช่มิเอล หล่อนไม่สามารถปกปิดใบหน้าตกใจนั้นได้ รวมถึงทนมองใบหน้าที่น่าเกลียดน่าชังของอาเรียไม่ได้ เพราะอาเรียจึงทำให้มิเอลดูเหมือนเป็นปีศาจร้ายไปอีก

“แม้ฉันจะทำให้สนุกสนานไม่ได้ แต่ฉันจะพยายามทำให้ทุกคนไม่ลำบากใจนะคะ”

“ไม่ต้องกังวลไปเลย ฉันอดหลับอดนอนนั่งรถม้ามาทั้งคืนเลยเพลียนิดหน่อยน่ะ ได้นอนกลางวันเดี๋ยวก็หาย”

ถึงตอนนี้มิเอลก็อยากปฏิเสธการออกไปข้างนอก เพราะหล่อนเชิญออสการ์ออกไปตัดชุดข้างนอกแล้วแต่เขาบอกว่าจะไม่ออกไป ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่หล่อนต้องออกไปเช่นกัน

ส่วนเคนพี่ชายของหล่อน จะว่าไปชุดที่พอใช้ได้ยังมีอีกเยอะ ถ้าขืนยังดันทุรังออกไปอาเรียและออสการ์ก็จะได้อยู่ที่คฤหาสน์กันสองต่อสองอย่างไรล่ะ

ถึงแม้ว่ายังมีข้ารับใช้อีกหลายคนคอยดูแล แต่ทว่าตาและหูของเขาก็ไม่สามารถมองเห็นและได้ยินได้เองอยู่ดี

แน่นอนว่าเจ้านายที่ดูแลแต่ละคนอาจจะต่างกัน แต่หากเผลอพูดอะไรรุ่มร่าม ขั้นร้ายแรงที่สุดอาจจะต้องแลกด้วยชีวิต

“เช่นนั้นรีบไปพักผ่อนก็ดีนะคะ เพราะพรุ่งนี้คุณต้องเดินทางกลับคงจะเหนื่อยแย่เลย”

“ขอบคุณ”

ก่อนที่สองพี่น้องบอกว่าจะอยู่ที่คฤหาสน์ อาเรียก็เดินเกมก่อน ออสการ์ลุกขึ้นพลางขอโทษที่เสียมารยาท และอาเรียก็ลุกเช่นกัน เพราะเธอไม่ต้องการที่จะอยู่กับสองพี่น้องในระหว่างที่เขาไม่อยู่

มิเอลและเคนที่คลาดโอกาสปฏิเสธ จึงลุกขึ้นจากที่นั่ง อาเรียที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงโค้งคำนับพลางบอกลาทุกคนด้วยท่าทางสง่างามอย่างไม่รีรอแล้วตรงกลับเข้าห้องของเธอ

ปัง เมื่อประตูปิดลง อาเรียจับปลายกระโปรงพลางหมุนตัวเต้นรำด้วยความยินดีสำหรับวันนี้

‘วันดีๆ แบบนี้จะไม่ให้ฉันเต้นรำได้อย่างไร’

อาเรียที่ฮัมเพลงขึ้นจมูก พลางขยับกายเช่นผีเสื้อ ล้มตัวลงนอนบนเตียงเพื่อผ่อนคลาย เจสซี่ที่รออยู่หน้าประตู เปิดปากถามอย่างระมัดระวัง

“เลดี้คะ ผ้าเช็ดหน้าที่สั่งเอาไว้จะให้ทำอย่างไรคะ…?”

“เอามานี่หน่อย”

เป็นผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมไว้เผื่อ ผ้าเช็ดหน้าที่ปักลายกุหลาบสีทองอย่างงดงาม เลียนแบบตอนนั้นที่มิเอลหน้าโง่ ใช้วิธีทิ้งผ้าเช็ดหน้าในอดีต

เพราะเช่นนั้น อาเรียจึงเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ในอ้อมอก เพื่อเตรียมพร้อมอย่างไรล่ะ เพราะเจสซี่ไม่สามารถคอยตามเธอตลอดทุกช่วงเวลาสำคัญได้ หากเก็บเอาไว้ตลอดก็เบาใจขึ้น

เธอคาดหวังว่าจะใช้นี่เปลี่ยนแปลงอนาคตได้อย่างไร มิเอลพลาดโอกาสที่รอคอยเขามานาน จนถึงขนาดได้ยินว่าหลอกจะให้ท่านเคานต์มา

ดูท่าว่าช่อลิลลี่นั่น เคนก็เป็นคนจัดเตรียมให้ด้วยล่ะมั้ง

ดูเหมือนหล่อนก็อยากจะทำคะแนน ตอนนี้คะแนนพวกนั้นไปอยู่ที่อาเรียเสียหมด แม้กระทั่งสายตาของพี่ชายหล่อนด้วย

หรือจะมีรสนิยมชอบอะไรแบบยั่วยวนแทนแนวน่ารักแบบน้องสาวกันนะ น่าขยะแขยงจนแทบจะอ้วกออกมาเลยล่ะ

“เจสซี่ ฉันขอน้ำหน่อย เอาแบบเย็นจัดเลยนะ”

“ได้ค่ะ เลดี้”

อาเรียดื่มน้ำเย็นที่เจสซี่เตรียมไว้ให้พลางยิ้มมีความสุข ตอนนี้ข้างในจะเดือดแค่ไหนเชียวนะ

คงจะเตรียมตัวออกไปข้างนอก อย่างน้อยก็ต้องขว้างหมอนสักหน่อยล่ะสิ เป็นนิสัยที่อาเรียชอบทำในอดีต

ในระหว่างที่สองพี่น้องออกไป เธอและออสการ์อยู่ที่คฤหาสน์ พอทั้งคู่กลับมาจะเกิดอะไรขึ้นนะ ไม่มีอะไรสนุกไปกว่านี้แล้ว คฤหาสน์เฟรดเดอริกก็อยู่ใกล้นี่นา จำเป็นต้องอยู่ที่คฤหาสน์โรสเซนต์ด้วยหรือ

บางทีอาจจะยอมขายหน้าแล้วไม่ยอมออกไปข้างนอกก็ได้ จะยอมปล่อยให้ชายที่ชอบอยู่กับหญิงร้ายสองต่อสองที่คฤหาสน์ได้อย่างไร อาเรียส่งแก้วให้เจสซี่พลางสั่งการให้ไปสืบเรื่องของมิเอลมา

“ไปสืบแค่ว่าจะออกไปหรือไม่ก็พอ”

เพราะคำสั่งที่ไม่ยากเท่าไรเจสซี่จึงออกจากห้องทันที

แต่ทว่าไม่จำเป็นต้องได้คำตอบด้วยซ้ำ เพราะเธอได้ยินเสียงม้าร้องโหวกเหวกเสียงอยู่นอกหน้าต่างแล้ว เป็นเสียงม้าที่ทำหน้าที่เคลื่อนรถ

เสียงเกือกม้ากระทืบเท้าตึกตักเสียงดัง ดูเหมือนว่ามันจะยืดเส้นยืดสายก่อนออกเดินทาง

หลังจากนั้นชั่วครู่ อาเรียยกยิ้มเนื่องจากเจสซี่ที่รีบมาส่งข่าวบอกว่ามิเอลออกไปแล้ว

‘อย่างนี้สินะ เพราะเช่นนี้เธอถึงไม่ได้การไงล่ะมิเอล เพียงแค่มาจากต้นตระกูลชั้นสูง เลยยอมรับความละอายไม่ได้ เพียงแค่กลับคำมันง่ายมากเลยนะ

เพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเองไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ในเวลาเดียวกันก็ต้องทิ้งความหยิ่งยโส นั่นคือสิ่งที่เคาน์ติสพร่ำสอน และเป็นการตัดสินใจของอาเรียด้วยเช่นกัน

“ออกไปได้แล้ว ฉันต้องพักผ่อนสักหน่อย เธอก็ไปพักผ่อนสิ”

แค่ได้ทบทวนตำราที่เรียนกับบรรดาอาจารย์ทั้งหลายระหว่างที่รอมิเอลกลับมา เธอน่าจะจบวันนี้ด้วยอารมณ์ที่สุดยอดไปเลยล่ะ

หลังจากเจสซี่ออกไป อาเรียมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการทบทวนตำรา เนื่องจากเริ่มเรียนช้าและไม่จำเป็นต้องทบทวนบทเรียนจึงอ่านเนื้อหาที่จะต้องเรียนไว้ก่อน เนื้อหาที่ไวเคาน์ติสไวท์สอนนั้นช่างง่าย อ่านได้ชั่วครู่ก็จบเล่มแล้ว เธอจึงหยิบหนังสือประวัติศาสตร์ที่เน้นใช้ความจำขึ้นมา

อาเรียพลิกหน้าหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนาที่บันทึกประวัติคนที่เธอได้พบในงานเลี้ยงพลางย่นริมฝีปาก

บรรพบุรุษต้นตระกูลของพวกที่ทำได้แค่หัวเราะเยาะ นินทาคนอื่น ไม่มีทางเป็นคนปกติได้หรอก

ทว่าเรื่องราวของพวกเขาถูกเขียนบนหน้าประวัติศาสตร์นั้นช่างงดงามน่านับถือราวกับเทพนิยาย ถึงแม้จะมีเพียงบุคคลที่ฆ่าและปล้นและสะสมทรัพย์สมบัติ เขาก็ยังชื่นชมว่าเป็นเพียงหนทางเล็ก ๆ ในการปกครองประชาชนที่โง่เขลาอย่างชาญฉลาด

‘เบื้องหลังนั้นมีประชาชนอีกนับพันที่ต้องอดอยากคอยต่อสู้กับความหนาวอีกไม่รู้เท่าไร’

อดทนใช้ชีวิตแต่ละวันที่ความเป็นความตายเท่ากัน พวกเขามัวแต่ยุ่งกับการหาเลี้ยงปากท้องของตัวเอง

เมื่อย้อนคิดดูแล้ว อาเรียก็เหมือนกัน จู่ๆ ได้เลื่อนขึ้นมาอยู่ในชนชั้นสูงแถมยังลืมกำพืดตนเอง ใช้เงินอย่างกับน้ำ

‘ฉันก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างสินะ’

เมื่อย้อนนึกถึงอดีตที่โสมม ทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ไม่ดีทันที

อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนจะต้องออกไปเปลี่ยนบรรยากาศเสียหน่อย

……………………………………………

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์ อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่ ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…! “ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า” เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า! เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย! เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset