พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – ตอนที่ 36

เนื่องจากที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น ซาร่าจึงเงยหน้าขึ้นและหันมองไปทางห้องของอาเรียเหมือนทุกที ทั้งสองมอบรอยยิ้มอันสดใสให้กันแสดงความดีใจที่ได้พบกันอีก

“ซาร่า!”

“เลดี้อาเรีย”

วันนี้อาเรียที่รีบวิ่งลงไปยังชั้นหนึ่งก็เจอกันเธออีกเช่นเคย ได้ทักทายกันที่โถงใหญ่พอหอมปากหอมคอ แต่พอไม่มีคนรับใช้ที่ปกติแล้วต้องตามติดอยู่ตลอดเวลา ก็นึกได้ว่าเจสซี่ออกไปข้างนอก

“อา จะทำอย่างไรดีล่ะคะ คนรับใช้ส่วนตัวของหนูออกไปข้างนอกอยู่พอดี”

เพราะไม่มีคนรินชาให้ทั้งซาร่าและเธอ เช่นนั้นเลยขอร้องให้คนอื่นคอยทำหน้าที่นี้แทน อาเรียไล่ดูบรรดาคนรับใช้ที่โค้งทักทายเธอตรงโถงใหญ่

‘ใครดีนะ‘

ไม่ว่าใครจะมาชงชาให้ก็ไม่มีผลสักเท่าไหร่ ถ้าจะให้เรื่องนั้นกลายเป็นเหตุผลล่ะก็ เธอคิดว่าควรจะเลือกคนที่ภายหลังจะมาเป็นพวกเดียวกับเธอน่าจะดี

ถ้ามันควบคุมตามอดีต ก็พอจะได้เวลาปล่อยคนรับใช้ของมิเอลแล้วล่ะมั้ง

‘เช่นคนรับใช้ที่คอยรอรับนายอยู่ทั้งวัน‘

 คนรับใช้ที่มีแต่ความโลภคนนั้นเป็นเป้าหมายแรกของอาเรีย เพราะแม้กระทั่งของขวัญที่เจ้านายตนเองได้รับแท้ๆ ก็ยังไม่สามารถปิดบังความอิจฉาริษยาของหล่อนได้ ถ้าเป็นหล่อนล่ะก็ น่าจะทำให้มากลายเป็นทาสของตนได้ง่ายๆเลยล่ะ

แต่ทว่าเธอไล่ดูทั้งโถงใหญ่แล้ว โชคร้ายที่ไม่พบสาวรับใช้คนนั้น  ดูท่าวันนี้จะไม่ใช่โอกาสของหล่อน

เธอก็ยังเดินวนในโถงใหญ่ไล่ดูคนรับใช้อยู่สักพัก จากนั้นจึงมุ่งความสนใจไปเมื่อได้เห็นคนรับใช้ของมิเอล

“พอดีว่าคนรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของฉันออกไปข้างนอกน่ะ เธอช่วยเอาชามาให้หน่อยได้ไหม”

“ได้ค่ะ เลดี้”

ไม่รู้ว่าเพราะไม่เต็มใจหรือเปล่า สาวรับใช้จึงตอบเธอด้วยสีหน้าที่แข็งกระด้าง แต่ถึงจะทำเช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะถึงแม้จะไม่ชอบใจแค่ไหน ก็ไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งเจ้านายได้ ทำได้เพียงแค่หุบปากแล้วทำตามคำสั่งไปเท่านั้น

เธอกับซาร่าขึ้นไปยังชั้นบน พลางถามไถ่เรื่องราวต่างๆ สักพักสาวใช้ก็นำชาและขนมมาเสิร์ฟ ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับการอบรมมาอย่างดี มันสมบูรณ์แบบไม่มีจุดด่างพร้อยใดๆ

“ชานี่กลิ่นหอมดีนะ ชาอะไรหรือ”

“ชาลาเวนเดอร์ค่ะ”

“งั้นหรือ น่าแปลกใจที่มันต่างจากชาลาเวนเดอร์ที่เจสซี่เคยชงให้ ถ้าเธอไม่ยุ่งอะไร ช่วยยืนรอรับคำสั่งเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะได้ไหม จนกว่าสาวใช้ส่วนตัวของฉันจะมาน่ะ”

เพราะระหว่างนี้ถ้าชาเย็นไปซะก่อนหรือขนมหมด จะได้รบกวนเอามาให้ใหม่เสียหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องขอความช่วยเหลืออะไรเพิ่มอีกหรือไม่ กลัวว่าถ้าอยู่คนเดียว มันเป็นเรื่องน่าอายเล็กน้อยถ้ามีแขกมาอยู่แล้วไม่มีสาวรับใช้ไว้คอยเรียกสักคน

คนรับใช้ของมิเอลจึงบอกเหตุผลของของเธอเองด้วยสีหน้าขอโทษ

“เอ่อ….. ที่จริงแล้วตอนนี้ดิฉันมีงานที่ต้องทำตามคำสั่งของเลดี้มิเอลด้วยค่ะ ส่งสาวใช้คนอื่นไปแทนได้หรือไม่คะ”

อาเรียยักไหล่ ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ มีอะไรที่ต้องทำอยู่แล้วงั้นเหรอ จะให้หยุดงานที่ทำอยู่แล้วมาเป็นสาวใช้ของเธอเองคงจะเป็นเรื่องยากเสียแล้วสิ

ในขณะที่กำลังจะตอบสาวใช้ ทันใดนั้นนาฬิกาทรายโผล่ขึ้นมาในความคิดของเธอ เป็นนาฬิกาทรายที่ไม่ได้จะใช้ในวันนี้ และจะไม่ใช้อีกเลย

‘ตอนนี้เวลากี่โมงแล้วนะ‘

อาเรียที่ได้คาดการณ์เวลาคร่าว ๆ ดื่มชาอย่างเงียบๆ จนกว่าซาร่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามจะเลิกแสดงสีหน้าสงสัย อาเรียใช้เวลาสักพักจึงพยักหน้า

“ได้สิ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ทำเช่นนั้นเลย แต่ฉันมีอะไรสงสัยอยู่นิดหน่อย”

“ค่ะ เลดี้”

“บรรดาสาวใช้ของมิเอลมีคนที่มีกระอยู่บนหน้าอยู่ใช่หรือไม่”

“อ๋อ ใช่ค่ะ”

“ชื่ออะไรเหรอ”

“ชื่อแอนนี่ค่ะ”

“อายุล่ะ”

“อายุสิบหกปีค่ะ”

“แล้วเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“จากที่ดิฉันทราบ เข้ามาได้ 5ปีแล้วค่ะ”

“นานกว่าที่คิดอยู่เหมือนกันนะ คงจะเข้ามาตั้งแต่ตอนเด็กๆ ล่ะมั้ง”

“…”

เธอไม่เข้าใจสถานการณ์เพราะถามคำถามซ้ำไปซ้ำมา ไร้สาระอยู่อย่างนั้น ทำให้คนรับใช้แสดงสีหน้าแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ

“งั้นก็เด็กที่สุดในบรรดาสาวใช้ของมิเอลสินะ”

“ใช่ค่ะ บรรดาสาวใช้ในคฤหาสน์นี้ เธออายุน้อยที่สุด”

“งั้นหรือ แล้วตอนนี้แอนนี่ว่างหรือเปล่า”

“…ดิฉันไม่อาจทราบได้ค่ะ”

“อืม เข้าใจละ ขอบใจเธอมาก ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยเอานาฬิกาทรายที่อยู่ตรงนั้นมาให้หน่อยได้ไหม หลังจากนั้นก็ออกไปได้เลย”

“ค่ะ เลดี้”

“ดูเหมือนว่าสาวใช้อยากจะออกไปจากที่นี่เร็วที่สุด จึงรีบไปหยิบนาฬิกาทรายให้เธอทันที” เมื่อเสร็จธุระของตนหล่อนก็โค้งคำนับอาเรียและออกจากห้องไป

เมื่ออาเรียทราบเวลาอย่างคร่าวๆ แล้ว จึงคว่ำนาฬิกาทรายนั้น ทันใดนั้นสาวใช้ที่เพิ่งออกจากห้องไปเมื่อกี้ก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าห้องของเธอในท่าทีที่สงบเสงี่ยม

อาเรียยกยิ้ม

“เธอบอกว่ายุ่งหรือ”

“…ค่ะ”

“งั้นก็ไปสิ ขอโทษนะ แต่ว่าช่วยหาสาวใช้มาแทนหน่อยได้ไหม หมายถึงสาวใช้ในคฤหาสน์ที่เด็กที่สุด ดูท่าจะไม่มีอะไรทำเท่าไหร่น่ะ”

พาเด็กที่ใบหน้ามีกระเต็มหน้าคนนั้นมาให้หน่อยสิ

* * *

“อากาศหนาวขึ้นเยอะเลยนะคะ อาจารย์”

“นั่นน่ะสิคะ ดูเหมือนว่าหิมะจะตกแล้วนะคะ”

“ถ้าหิมะตกต้องไปเดินเล่นแถวริมทะเลสาบแล้วล่ะค่ะ เพราะวิวทะเลสาบเวลาที่เต็มไปด้วยหิมะแล้วสวยมากเลยนะคะ”

“ไปด้วยกันไหมคะ”

“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ล่ะก็เยี่ยมไปเลยค่ะ”

ในขณะที่พูดคุยเรื่องราวเล็กน้อยกัน อาเรียและซาร่ามองหน้ากันแล้วก็หัวเราะเบาๆ

“เธอก็ดูหนาวมากเหมือนกันสินะ”

จู่ๆ อาเรียก็หันมาถามแอนนี่ ทำให้เธอตกใจพลางก้มหน้าลง

“มะ… ไม่ค่ะ ดิฉันไม่เป็นไรเลยค่ะ”

“งั้นเหรอ ดูท่าจะทนหนาวอยู่นะเนี่ย”

“ชะ ใช่แล้วค่ะ…”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่เธอไม่สวมอะไรเพิ่มเลย ฉันกลัวว่าเธอจะเป็นหวัดน่ะสิ”

“ดิฉันไม่เป็นไรเลยค่ะ…”

ดูเหมือนว่าหล่อนจะอึดอัดที่อยู่ตรงนี้ และนึกไม่ถึงที่อาเรียจะพาคนรับใช้ออกมาแบบนี้ด้วย

อาเรียก็เช่นกัน เธอคาดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสเช่นนี้ได้ ถ้าไม่มีนาฬิกาทรายนั้น เหตุการณ์นี้คงจะไม่เกิดขึ้น

ซาร่าที่เห็นอาเรียคอยใส่ใจแม้กระทั่งคนรับใช้ จึงเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล

“อาจารย์คะ วันนี้เรามาทำอะไรที่ต่างจากเดิมกันดีมั้ยคะ”

“อะไรที่ต่างจากเดิมเหรอคะ”

“ค่ะ ตอนนี้ใกล้จะสิ้นปีแล้ว อาจารย์ต้องเข้าสังคมด้วย เรามาลองฝึกซ้อมใหญ่ดูไหมคะ”

เช่นนั้นแอนนี่จะได้อิจฉาตนเองอย่างไรล่ะ หล่อนที่เต็มไปด้วยความโลภ ดูเหมือนว่าจะสนใจเรื่องนี้มากเลยนี่นา

“เป็นความคิดที่ดีมากเลยค่ะ”

เมื่อตกลงกันกับซาร่า อาเรียจึงเริ่มตั้งแต่การโค้งคำนับทักทายเล็กน้อย วิธีการใส่รองเท้าหัวแหลมและการเดินอย่างสง่า วิธีใช้พัดอย่างอ่อนโยน รวมไปถึงการปฏิบัติตัวต่อคู่เต้นรำ

ซึ่งแอนนี่คอยดูไม่คลาดสายตาตั้งแต่ต้นจนจบ นัยน์ตาที่เป็นประกายของหล่อน เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เพราะนั่นเป็นโลกที่เธอไม่เคยแม้แต่จะได้ลองเข้าไปอย่างไรล่ะ

แต่หากรีบยอมแพ้ไปซะก่อน ชีวิตคงจะจืดชืดเกินไป อีกทั้งหล่อนก็ไม่สามารถปิดบังความโลภของตนได้ หญิงร้ายต้องยื่นมือไปช่วยเธอไม่ใช่หรอกหรือ ตอนที่เช็กท่าเต้นครั้งสุดท้าย ซาร่าเบิกตากลมโตขึ้น

“ตายจริง เลดี้เก่งกว่าดิฉันอีกนะคะ”

“อาจารย์ชมเกินไปแล้วค่ะ อาจเป็นเพราะฝึกซ้อมคนเดียวบ่อยแน่เลย”

ท่าเต้นที่เคยได้เรียนจากซาร่าในอดีต เธอใช้มันเต้นรำในงานเลี้ยงอย่างสง่าอยู่เสมอสำหรับอาเรียแล้วมันง่ายมาก เพราะเธอคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนเห็นเสน่ห์ของเธอได้

แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะต้องการให้ตนเองดูสง่างาม แต่เพื่อจะให้ตนเองดูแตกต่างไปนั่นเอง เธอจึงต้องได้รับการอบรมจากซาร่าเป็นอย่างดี

โล่งอกที่มันไม่ใช่เรื่องยากเท่าใดนัก เพียงแค่เป็นท่าทางที่สามารถส่งรอยยิ้มยั่วยวนได้อย่างเป็นธรรมชาติก็เท่านั้น

ต่างฝ่ายต่างรับบทเป็นฝ่ายชายฝ่ายหญิง ฝึกฝนการเต้นรำด้วยกันจนกระทั่งการซ้อมเสร็จสิ้นเจสซี่ก็กลับมาพอดี

ดูเหมือนว่าจะวิ่งมาตลอดทางจนมาถึงชั้น 3 หล่อนหน้าตาแดงก่ำ มายืนตรงหน้าเธอและแอนนี่

เพราะจะไม่ได้ชมการเต้นต่อทำเธอรู้สึกเสียดายนิดหน่อย แอนนี่แสดงความเสียดายออกมาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจากห้องของอาเรียในตอนสุดท้ายเธอจ้องไปที่เข็มกลัดสัญลักษณ์ทองคำที่ติดอยู่ตรงอกของเจซซี่

‘ดูเหมือนว่าจะสงสัย ปล่อยเวลาให้สงสัยดีไหมนะ‘

อาเรียที่หัวเราะราวกับเด็กน้อย พลางบอกให้เจสซี่รินน้ำให้หน่อย

“เลดี้คะ”

“ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบอะไรเลยนี่นา…” ว่าพลางรินน้ำให้เธออย่างไม่รู้ตัว “รับไปสิ”

“ขะ.. ขอบคุณค่ะ”

“ไม่มีอะไรให้ทำแล้วล่ะ ไปพักผ่อนเถอะ”

“ได้เหรอคะ เลดี้”

“แน่นอนสิ ถ้าฝืนต่อเดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไป ฉันเป็นห่วงน่ะ”

ใบหน้าซีดเซียวแบบนั้น ถ้าเธอจะเป็นลมล้มไปก็ไม่มีอะไรน่าแปลก

เจสซี่ที่รับแก้วน้ำไป นำน้ำไปดื่มที่มุมห้องและยืนดูการสอนอย่างเงียบๆ  เนื่องจากแอนนี่กลับไปแล้วจึงไม่จำเป็นจะต้องเต้นรำที่น่าเบื่อแบบนั้นอีกต่อไป ท้ายที่สุดคาบเรียนก็เสร็จสิ้น

เมื่อซาร่าออกไปได้สักพัก อาเรียจึงถามเจสซี่เรื่องที่เธอวานให้ไปทำ

“จัดการเรียบร้อยไหม”

“เรียบร้อยค่ะ เลดี้  ตกลงกันว่าจะเอาตราประทับและตัวอย่างมาให้หลังจากนี้ค่ะ”

ตามคำที่เธอบอก ไม่กี่วันผ่านไป กล่องเก็บพลอยที่อาเรียอยากให้อยู่ในลายของนาฬิกา รวมถึงทั้งแบบตัวอย่างและตราประทับก็มาถึง เป็นชิ้นงานที่เจ้าของร้านอุตส่าห์สละเวลาเอามาให้ชมถึงที่

นาฬิกาที่ประดับด้วยเพชรพลอยที่ดูหรูหราทั้งหมดนั้น หากนำมาทำให้เส้นยาวกว่าเดิม ใช้เป็นสร้อยคอก็ดูน่าจะใช้ได้ดีทีเดียว แบบตัวอย่างทั้งหมดหกชิ้นที่อยู่ตรงหน้าอาเรีย ทำให้เธอคิดหนัก

“ดูดีหมดเลย คิดหนักนะเนี่ย เจสซี่ เธอว่าแบบไหนดูดี”

“ด…ดิฉันหรือคะ!”

เจสซี่ที่ถูกชี้ตัว ตกใจพลางตอบแบบอ้ำๆ อึ้งๆ

ทำไมถึงได้ใจแคบอย่างนั้นนะ อย่างไรก็ตามสาวรับใช้ที่ทำงานให้เธอมาตั้งนานแล้วควรจะรู้ว่าสิ่งที่ต้องระวังคือจุดไหนบ้าง แต่ถ้ายังตกใจอยู่เรื่อยๆ แบบนี้เธอก็ไม่ค่อยชอบใจนัก

“งั้นเอาตัวอย่างแบบแรกแล้วกัน งานฝีมือแบบนี้ดูแปลกใหม่ดี”

“เลดี้เลือกได้ดีมากเลยค่ะ”

มันเป็นนาฬิกาสีรุ้ง ประดับด้วยโอปอลล์ ลวดลายดอกลิลลี่ เพชรที่ตกแต่งภายในดูธรรมดา แต่การทำกรอบรูปก็ซับซ้อน ทำให้เห็นคุณค่ามากกว่าเพชรพลอยนั่น

แน่นอนว่าเพราะเป็นเพียงแบบตัวอย่าง อาจจะต่างจากชิ้นสำเร็จรูป เธอคิดว่ารายละเอียดอะไรต่างๆ ของชิ้นจริง อาจจะสวยงดงามกว่านี้

ตามที่เธอได้คาดการณ์ไว้ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ก็ได้รับชิ้นต้นแบบที่สมบูรณ์ ดูงดงามและหรูหรายิ่งกว่าแบบตัวอย่าง เป็นนาฬิกาที่สวยงดงามขนาดที่ปล่อยสายให้ยาว ทำเป็นสร้อยคอก็ดูไม่แปลก

‘จะเริ่มใช้ตอนไหนดีนะ‘

ทั้งความสามารถของนาฬิกาทราย และการที่จะใช้มันได้อย่างเหมาะสม เธอเตรียมพร้อมที่จะทำให้มิเอลตกอยู่ในห้วงแห่งความสิ้นหวังแล้วล่ะ

‘วันเกิดดีไหมนะ หรือว่าจะแย่งคนรับใช้มาก่อนดี‘

ไม่ว่าจะทางไหน เธอมั่นใจว่าต่อจากนี้ชีวิตของมิเอลจะไม่จืดชืดอย่างแน่นอน

……………………….

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์ อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่ ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…! “ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า” เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า! เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย! เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset