พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – ตอนที่ 39

อาเรียที่กลับมาในห้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะดันไปเห็นชุดเดรสของมิเอลก่อนงานเลี้ยงจะเริ่ม หล่อนรอวันนี้มานานเพื่อจะได้ใส่ชุดที่ออสการ์ให้เป็นของขวัญ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นวิธีแสนง่ายที่จะได้เห็นหล่อนตกอยู่ในความสิ้นหวัง

‘ถ้าใส่ชุดคล้ายกันไปงานเลี้ยง จะเป็นอย่างไรกันนะ’

ดูท่าว่าอย่างน้อยคงจะไม่ใช่การตอบสนองที่ดีสักเท่าไหร่ เหล่าบรรดาคนที่มาแสดงความยินดีให้มิเอลก็คงแปลกใจอยู่เหมือนกันล่ะมั้ง แค่คิดก็อารมณ์ดีขึ้นราวกับบินอยู่บนท้องฟ้าเลยล่ะ

งานเลี้ยงวันเกิดของมิเอลจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันเป็นต้นไป ชั้นหนึ่งจะถูกใช้สำหรับรับแขกเหมือนอย่างทุกครั้ง

แขกที่เชิญมาจะเป็นญาติสนิทตระกูลชั้นสูงและหุ้นส่วนทางธุรกิจของท่านเคานต์ รวมไปถึงเหล่าบรรดาเลดี้เพื่อนสนิทของมิเอลที่เข้าร่วมงานเต็มทุกพื้นที่

อาเรียที่มองเหตุการณ์เหล่านั้นผ่านทางหน้าต่างอย่างเงียบๆ เมื่องานเลี้ยงเริ่มเข้าที่เข้าทางเธอจึงปรากฏตัวขึ้น

ในมือของเธอถือช่อดอกไม้ที่แสนหายาก เดินลงบันไดไปยังชั้นหนึ่งเพียงคนเดียว บรรดาแขกที่กำลังปริ่มเปรมกับงานเลี้ยงต่างพุ่งความสนใจไปยังเธอ

เนื่องจากทุกคนต่างได้ยินแค่ข่าวลือ แต่ไม่เคยได้เจออาเรียจริงๆ เด็กสาวสละสลวยถือช่อดอกไม้ที่งดงามช่างเป็นภาพที่ดูเหมาะสมยิ่งนัก

แขกเข้าร่วมงานต่างสนใจอาเรียที่กำลังเดินเข้าใกล้มิเอลอยู่

“มิเอล! สุขสันต์วันเกิดนะ!”

“…พี่คะ”

มิเอลหันมองรอบๆ พลางปิดบังความกังวลและความประหม่าของตัวเองไม่ได้ เหมือนกับคราวที่แล้วที่หาเรื่องกับเธอ ดูเหมือนว่าอาเรียจะเผลอพูดคำหยาบออกมามากขึ้น

อีกสักพักเอ็มม่าสาวรับใช้ของหล่อนก็ตามมาติดๆ หล่อนที่ยืนอยู่หลังมิเอล แสดงสีหน้าแข็งกระด้างเนื่องจากโดนดุ

หล่อนจะไปรู้อะไร ช่างน่าเวทนาเสียจริง

แน่นอนว่าอาเรียจะเริ่มแผนการกลั่นแกล้งมิเอล เธอจะทำให้มิเอลอับอายไปชั่วชีวิต เหมือนในความทรงจำที่หล่อนเคยโดนตัดหัวจนทำให้ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างปกติอีกเลย

ทำให้เธอเป็นเหมือนในอดีตที่อาเรียเคยโดน

“ไม่ชอบช่อดอกไม้เหรอ พี่อุตส่าห์ตั้งใจเตรียมให้เลยนะ”

“ไม่เลยค่ะ… ขอบคุณนะคะ พี่”

คนในห้องโถงหลังจากได้ยินมิเอลเรียกว่า ‘พี่’ ก็เข้าใจว่าคืออาเรียหญิงสาวที่งดงามนั่นเอง

สมกับเป็นลูกสาวนางโสเภณีที่ท้ายสุดแล้วล่อลวงท่านเคานต์ได้ คำเล่าลือว่าเธอมีเสน่ห์มากราวกับปีศาจร้ายนั้นช่างแตกต่างจากที่เห็นด้วยตาจริงๆ ทำให้ใครหลายคนต่างตกใจ

อาเรียสนุกกับสายตาเหล่านั้นพลางรับบทเป็น’สองพี่น้องที่รักกันดี’ หวังจะให้พวกเขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับมิเอล เช่นนั้นเมื่อตนทำให้มิเอลต้องอับอายทุกคนจะได้ไม่สงสัยว่าตนเป็นคนทำอย่างไรล่ะ

หลังจากมิเอลได้รับช่อดอกไม้ ทันใดนั้นก็เห็นชุดของอาเรียที่ถูกปิดเอาไว้ มิเอลที่เห็นก่อนได้แต่ชะงักอยู่อย่างนั้นจนบริเวณรอบๆ เงียบสงัด อาเรีงดงามราวกับเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมาเผยยิ้มอ่อนโยนพลางจุดเปลวไฟ

“…โอ๊ะ เดรสนั่น… เหมือนกับเดรสของพี่เลย หรือว่าน้องได้รับของขวัญจากคุณออสการ์เหรอ”

“…”

“พี่ดูแค่ชุดตัวเองก่อนจะออกมาเลยไม่รู้น่ะ แต่จะว่าไปก็เข้ากันมากเลยนะ”

มิเอลแทบจะมอดไหม้ไปกับเปลวไฟนั้น แม้จะพูดไปแค่ไม่คำเท่านั้น ตอนนี้ในหัวมิเอลเต็มไปด้วยความคิดและคำถามต่างๆ

‘เป็นของขวัญที่ได้รับจากออสการ์นี่นา ทำไมหล่อนถึงไปมีชุดแบบเดียวกันกับเธอนะ’ ต้องถามคำถามนี้แน่นอน

อาเรียที่ปิดริมฝีปากด้วยพัดพลางมองคนในห้องโถงที่กระซิบกระซาบกันอยู่ กลุ่มคนพวกนั้นที่สนิทกับมิเอลอยู่ข้างๆ นั่นอย่างไรล่ะ

ส่วนใหญ่พวกนั้นจะคอยหนุนหลังมิเอลในภายหลัง  เป็นพวกเจอแต่ละครั้งมีแต่จะให้อาเรียรู้สึกขายหน้า

อาเรียมองกลุ่มพวกนั้นอยู่สักพักก็หันไปสบตากับเลดี้คนหนึ่ง หลังจากส่งรอยยิ้มอย่างสง่างามเธอก็เบิกตาตกใจเหมือนกับกระต่ายแล้วหลบตาเธอ

‘อ๋อ ใช่แล้ว เธอนั่นเอง ถึงจะจำชื่อไม่ได้ก็ตามแต่ฉันก็จำใบหน้านั่นได้อย่างดีเลยล่ะ’

เพราะว่ายังอยู่ในวัยเด็กจึงหลงเหลือความไร้เดียงสาอยู่บนใบหน้าอยู่บ้าง หลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นปีศาจร้าย

‘แล้วก็จะหันมาต่อกรกับฉันสินะ’

เธอย้อนนึกวันที่ผ่านมาเหมือนกับคำสาป ‘พวกสาวๆ พวกนั้นที่เดินสะบัดสะโพกไปมาคงเหมาะที่จะอยู่ในถ้ำมืดสลัว ‘

คำพวกนั้นที่ออกมาจากปากของหล่อนเองจะรู้หรือไม่ว่าตนก็ไม่ได้ดีกว่านางโสเภณีสักเท่าไหร่ หัวเราะคิกคักพลางคิดว่าจะใจดำหล่อนได้สินะ

“ทำไมถึงได้… ดูแย่ยิ่งว่าที่ฉันคิดอีกนะ”

“ท่าจะดูสถานการณ์ก็ไม่ออกด้วยนะเนี่ย”

“ดูเหมือนว่าหล่อนพยายามจะทำลายบรรยากาศใช่มั้ยล่ะ”

“หรือหล่อนคิดว่าตัวเองเป็นคนตระกูลชั้นสูงจริงๆ อย่างนั้นหรือ”

“ถ้าใช่ล่ะก็คงจะดูหน้าไม่อายและไม่ตลกเลยสักนิด”

“ชุดเดรสนั่นก็ด้วย ไม่ใช่ว่าอิจฉาจนไปซื้อมาใส่ตามหรอกเหรอ”

“ดูจะเป็นไปได้นะเนี่ย”

แค่ไม่ได้เอ่ยชื่อเท่านั้น แต่เป็นบทสนทนาที่ทุกคนต่างรู้ว่ากล่าวถึงใคร ดูเหมือนว่าจะพยายามจงใจทำให้ได้ยินไม่เบาเสียงอีกด้วย

หล่อนพวกนั้นคอยคำนับทักทายแขกที่มากับท่านเคานต์พลางกล่าวถึงท่านเคาน์ติสอย่างไม่รีรอ ยังมีเลดี้อีกคนหนึ่งที่บอกว่ามิเอลช่างน่าสงสารพลางแสร้งทำท่าปิดตาด้วยผ้าเช็ดหน้า

เจสซี่สงสัยว่าเลดี้ของตัวเองสร้างเรื่องด้วยตนเองรึเปล่า จึงได้แต่มองอย่างเงียบๆ

แต่อาเรียก็ไม่ได้สนใจอะไร หล่อนพวกนั้นทำได้แค่พ่นสิ่งเหม็นเน่าออกมาบรรเลงคลอกับดนตรี เพื่อจะให้ตนเองมีที่ยืนเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากเกิดเรื่องเพราะชุดเดรสที่ใส่ คนที่จะเสียใจก็มีแต่มิเอล

อาเรียทานขนมที่เจสซี่เอามาให้พลางแสดงความงดงามออกมาอย่างเงียบๆ รักษามารยาทตามที่เคยได้อบรมมากับซาร่าไม่มีจุดด่างพร้อยใดๆ

สภาพต่างจากข่าวลือว่าเธอดูแย่ พวกเขาที่เคยนินทาด่าทอสารพัดก็เริ่มลดคำพูดลง อาเรียมองพวกนั้น

ภาพมิเอลที่กำลังยิ้มทักทายกับบรรดาแขกที่มาช่างดูน่าเวทนา

‘น่าจะได้เวลาแล้วสินะ’

เมื่อถึงตอนนี้น่าจะพอที่จะทำลายข่าวลือพวกนั้นแล้วล่ะ ลูกสาวนางโสเภณีที่ต่างว่ากันว่าชั่วร้ายโสมม คำว่า ‘ปลดปล่อยความชั่วร้าย’ ก็คงจะหายไปแล้วสินะ เพราะเรื่องหลังก็ล้วนเป็นความจริงเลยไม่อยากแก้ตัวอะไรนัก อีกทั้งไม่มีวิธีอื่นด้วย ประมาณนี้ก็คงจะพอแล้ว

‘ตอนนี้ก็ทำให้มิเอลอับอายแล้วออกจากงานดีไหมนะ’

เพียงครู่เดียวเธอหันไปหาเจสซี่ที่ถือกล่องนาฬิกาทราย เธอสัมผัสนาฬิกาพกแสนสวยที่คล้องคออยู่พลางคิดว่าจะทำอย่างไรให้มิเอลอับอายดีนะ

มิเอลน่าโง่ที่ไม่รู้ว่าหญิงร้ายพยายามกับแผนการชั่วร้ายนี่เช่นไรจึงไม่เก็บเกี่ยวรอยยิ้มราวกับนางฟ้านั่น

ทันใดนั้นเอง เพราะแขกที่มาถึงช้าทำให้จู่ๆ สีหน้ามิเอลดีขึ้นมาทันที

ใครมากันนะ ที่ที่เธอหันไปมองทันใดนั้นอาเรียก็หลบสายตาลง ทั้งตัวสูงและรูปลักษณ์ที่ดูดี รูปลักษณ์ที่คุ้นเคยกันดี เคน ลูกชายคนโตของท่านเคานต์

‘อย่างไรก็ได้เจอกันอีกทั้งชีวิต ทำไมถึงได้ดีใจขนาดนั้น’

อาเรียไม่เข้าใจว่ามิเอลจะดีใจขนาดนั้นไปทำไมพลางส่ายหน้า ทันใดนั้นก็เห็นอีกคนที่ตามหลังท่านเคนมา จึงเข้าใจได้ว่าทำไมมิเอลถึงดีใจออกนอกหน้าขนาดนั้น

‘ออสการ์…?!’

แล้วยังไงต่อ ไหนบอกว่ามัวยุ่งกับงานในวิทยาลัยจนไม่เข้าร่วมงานนี่นา!

แม้กระทั่งจดหมายของเธอยังไม่ตอบกลับด้วยซ้ำ แต่กลับร่วมงานวันเกิดของมิเอล ต่างกับในอดีตแม้จะสานสัมพันธ์กับตนก็ตามทำไมถึงได้เอาใจใส่มิเอลเป็นอย่างนี้อย่างนั้นล่ะ!

“ตายจริง ทายาทแห่งเฟรดเดอริกนี่เอง”

“เขาสนิทกับมิเอลหรอกเหรอ”

“ดูเหมือนว่าจะมีข่าวขอหมั้นกันนี่นา แน่นอนว่าต้องมาร่วมงานสิแม้จะเปิดเทอมอยู่ก็ตาม”

มือที่จู่ๆ ก็กำหมัดแน่นเองจนรู้สึกแสบตรงฝ่ามือ มองออสการ์และมิเอลพูดคุยกันอย่างรักใคร่ก็เกิดความอิจฉาขึ้น แม้จะอยู่ไกลจึงไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่แต่โสตประสาทกลับลุกชันขึ้นพลางกัดริมฝีปากตัวเอง

ไม่ใช่เพียงแค่อาเรีย แต่คนในห้องโถงกลับรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เพราะภาพของชายหญิงที่ดูอบอุ่นเท่านั้น หากไม่นับราชวงศ์ล่ะก็ ออสการ์จะเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจเพราะเป็นทายาทแห่งเฟรดเดอริกนั่นเอง

ยิ่งไปกว่านั้นมิเอลที่มั่งคั่งเนื่องจากเป็นบุตรสาวของท่านเคานต์โรสเซนต์อีกด้วย หากทั้งสองคนรวมกันคาดว่าจะมีอำนาจส่งผลมากมายแน่นอนจึงได้รับความสนใจอยู่มาก

แน่นอนว่าบุตรสาวคนโตแห่งเฟรดเดอริกก็มีข่าวลือถึงการหมั้นกับมกุฎราชกุมาร ทุกคนจึงยิ่งให้ความสนใจ

หากพวกเขาหมั้นและสมรสด้วยกัน จะหมายถึงการรวมอำนาจทั่วทั้งราชอาณาจักรอยู่ในจุดเดียวนั่นเอง

อย่างไรก็ตามทางเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็คือการผูกมิตรไว้เป็นสิ่งสำคัญมาก และสิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะคลุกคลีด้วยก็คือมิเอล

“ดูเหมาะสมกันมากเลยทีเดียว”

“กิ่งทองใบหยกต้องใช้ในสถานการณ์แบบนี้ไงล่ะ”

มัวแต่สนใจออสการ์แต่กลับพ่นคำประจบสอพลอใส่มิเอลที่ไม่แม้แต่จะได้หันไปมองด้วยซ้ำ

อาเรียที่ไม่คิดว่าออสการ์จะปรากฏตัวขึ้นกลายเป็นผู้รับชมในงานได้แต่เฝ้ามองตัวเอกของวันนี้

ในอดีตเขาที่ไม่แม้แต่จะให้ใจกับมิเอล ทำไมตอนนี้ถึงได้ให้ไปนะ

“หรือฉันทำอะไรผิดหรือเปล่านะ”

แม้จะลองคิดดูแต่ก็ไม่รู้ว่าตนได้ทำอะไรผิดไป เธอคิดว่าตลอดมาทำดีมากแล้ว เหตุใดถึงได้กลายเป็นเช่นนี้

ในสถานการณ์นั้นดูท่าจะก่อเรื่องให้ขายหน้ายากซะแล้ว เธอได้แต่ยืนอยู่เฉยๆ พลางคิดเรื่องในอดีต เคนที่เพิ่งทักทายมิเอลไปแล้วมองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็ได้สบตากับเธอพอดี

“……!”

เขาแสดงสีหน้าตกใจพลางมองมิเอลตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับดูให้แน่ใจว่าใช่สาวน้อยที่ตนเคยรู้จักหรือเปล่า

ไม่ได้เจอกันนานดูแตกต่างจากเคยได้พบไม่น้อยทั้งสูงขึ้นและมีน้ำมีนวล

สายตาที่ได้เห็นทำให้อาเรียอดกะพริบตาหัวเราะตามนิสัยของเธอไม่ได้

เพราะเคนไม่ใช่เป้าหมายของเธอจึงไม่มีความคิดที่จะล่อลวงใดๆ เหมือนกับที่พ่อของเขาก็พ่ายแพ้ต่อความงามของผู้หญิง เขามองอาเรียโดยไม่กะพริบตา

“…เคน”

หลังจากสนทนากันเสร็จสิ้นต้องย้ายที่แล้วแต่เคนที่อยู่ด้านข้างไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดออสการ์จึงเรียกชื่อเขา ไม่รู้ว่าเพราะไม่ได้ยินหรือเปล่า เคนก็ยังไม่ขยับตัวอีกเหมือนเดิม

มิเอลเห็นเช่นนั้นก็สงสัยเลยเรียกชื่อเคนด้วยเช่นกัน ออสการ์ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเคนถึงตั้งสติไม่ได้จึงหันไปมองตามสายตาเคน

“……!”

แน่นอนว่าออสการ์ก็ถูกช่วงชิงสายตาไปให้กับอาเรียเช่นเดียวกับเคน

แม้จะเจอกันเมื่อเดือนที่แล้วแต่รูปลักษณ์ของเธอที่โตเป็นสาวขึ้นนั้นก็เพียงพอที่จะครอบงำจิตใจของออสการ์ได้ พวกเขาสนุกกับสายตานั้นพลางยิ้มด้วยความพออกพอใจ

‘ใช่แล้ว ไม่มีผิดเพี้ยนไปเลย’

แววตาที่คุ้นเคย สายตาที่คุ้นเคย สถานการณ์ที่คุ้นเคย นั่นเป็นเหตุผลที่เธอสามารถใช้ชีวิตในแวดวงสังคมแบบนี้ได้แม้จะมีดีแค่รูปลักษณ์

อาเรียที่รู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยในสถานการณ์เหล่านี้ทำให้หมดความมั่นใจและยิ่งกังวลหนัก

‘ใช่สิ ทุกครั้งที่สบตาแค่เพียงชั่วครู่ แววตานั้นยังคงเด่นชัดอยู่ ไม่มีทางจะเปลี่ยนแปลงไปได้

แม้จะตกอยู่ท่ามกลางสายตามากมายก็ไม่ตกใจพลางเผยยิ้มอย่างผ่อนคลาย ทันใดนั้นอาเรียก็ลุกจากที่นั่งพลางเดินไปหาพวกเขาที่ยังเป็นเด็ก

“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ท่านพี่เคน แล้วก็…คุณออสการ์”

ท่าทางของเธอที่จับชายกระโปรงพลางโค้งคำนับช่างอ่อนหวานจนทำให้บรรดาหนุ่มๆ พูดไม่ออก

เมื่อมองไปที่มิเอลที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดอยู่นั้น ทำให้เธอพยายามจะกลั้นไม่ให้หัวเราะเยาะออกมา

……………………………………….

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์ อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่ ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…! “ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า” เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า! เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย! เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset