พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – ตอนที่ 40

“ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่านะ…”

อาเรียที่ทักทายพวกเขาแล้วแต่พวกเขาไม่ตอบกลับใดๆ ออสการ์ที่ได้สติจึงกล่าวตอบ ดูเหมือนว่าเคนยังไม่สามารถคุ้นชินกับรูปลักษณ์ของอาเรียได้

“ขออภัยที่ไร้มารยาท ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”

“ขออภัยอะไรกัน พูดแบบนั้นได้อย่างไรกันคะ”

หลังจากออสการ์ทักทายแล้วก็หลบสายตาไป สายตาที่หันกลับไปทำให้อาเรียเข้าใจว่าเขาไม่ได้ไม่อยากเห็นหน้าหรือเกลียดเธอหรอก เห็นสายตาที่มองอยู่ที่เดิมแบบนั้น ก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน ขนาดยังไม่ได้เริ่มทำอะไรด้วยซ้ำ งานเลี้ยงวันเกิดของมิเอลก็พังลงซะแล้ว อาเรียจึงเผยยิ้มหวานตามอารมณ์ของเธอ

“ท่านพี่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ”

เคนยังคงจ้องมองอาเรียที่เปลี่ยนไปโดยไม่พูดอะไร แม้จะโดนเรียกตั้งสองครั้งแต่ก็ยังไม่คิดจะขยับตัว ยังคงจ้องมองอาเรียอยู่สักพัก

“…ท่านพี่คะ”

เมื่อเรียกชื่ออีกครั้ง เคนจึงได้สติพลางกะพริบตาถี่ น้องสาวในนามที่ไม่ได้เจอกันนานคิดว่าจะทักทายอย่างรักใคร่ แต่กลับตอบอย่างสั้นๆว่า ‘ไม่’ พลางหันหน้ากลับ

อาเรียที่เห็นเช่นนั้นจึงยิ้มแหย

เหมือนเด็กเลยนะว่าไหม หากคิดเป็นอายุผู้หญิงล่ะก็ใกล้จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะกลัวอะไรกัน ขนาดพูดตอบยังตอบได้ไม่ดีทั้งยังหลบสายตาอีก

ในอดีตที่เคยหวาดกลัวและยอมจำนนให้กับคนเช่นนั้น แม้กระทั่งโดนพรากชีวิตไป… เมื่อลองคิดดูตอนนี้แล้วไม่ใช่เรื่องน่าตลกเลยทีเดียว

มีแค่ท่วงทำนองของบรรดาเครื่องดนตรีเท่านั้นที่เติมเต็มห้องโถงไว้ ทันใดนั้นอาเรียก็หลบตามองต่ำ คิ้วโก่งโค้งลงดูน่าสงสารบริเวณขอบตาเริ่มแดงก่ำ ริมฝีปากชมพูถูกกัดแน่น

ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะทำให้มิเอลขายหน้า เพราะยิ่งกว่าคำด่าทอธรรมดานั้นเธอเจอเป้าหมายที่จะทำให้หล่อนเจ็บปวดได้มากกว่าแล้ว

“เอ่อ… ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่ว่างให้ฉันได้ร่วมพูดคุยด้วยเลย …งั้นฉันขึ้นไปนะคะ”

อาเรียแสดงสีหน้าเศร้าพลางเดินไหล่ตกไปช่างดูน่าสงสาร ออสการ์แทบจะลืมช่วงเวลาและที่ตรงนั้น จนเกือบจะยื่นมือไปหาเธอ

เพราะอาเรียรีบโค้งคำนับพลางหายตัวไป ทำให้ออสการ์ที่ยื่นมือไปไม่ถึงตัวเธอรีบชักมือกลับทันที

หลังจากอาเรียออกจากห้องโถงไปเหลือออสการ์ เคน และมิเอลที่ยังคงสับสนกับความรู้สึกต่างๆ จึงเงียบอยู่อย่างนั้น

* * *

อาเรียไม่ได้กลับเข้าห้องไป แต่ทว่าเธอเดินไปยังสวนในร่มชั้นสอง

สวนอยู่ในสภาพที่ถูกตกแต่งงดงามรอรับแขกไว้เรียบร้อยแล้วแต่มิเอลเจ้าของงานวันนี้ยังอยู่ตรงชั้นหนึ่งจึงไม่มีใครขึ้นมาบนนี้

อาเรียตั้งนาฬิกาทรายบนโต๊ะพลางทานขนมที่เจสซี่นำมาให้อย่างเพลิดเพลิน คาดหวังเผื่อว่าออสการ์จะมาที่นี่หรือไม่

เมื่อย้อนนึกถึงบรรดาชายหนุ่มที่เคยอยู่ในกำมือหลอกล่อมาเล่นในอดีต ท่าทางและสายตาของออสการ์ทำให้เธอมั่นใจว่ากำลังสนใจตนเองแน่นอน

เพราะนิสัยที่เย็นชาดูท่าจะสับสนว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร  แต่ก็สามารถรับรู้ได้ด้วยสายตาและท่าทางเหล่านั้น

ดูเหมือนว่าตัวเองก็คงลำบากใจเพราะแม้จะมีมิเอลอยู่แล้วยังควบคุมใจเต้นของตัวเองไม่ได้

‘เพราะอย่างนั้นเลยมางานวันเกิดสินะ’

เพื่อจะได้ลดความรู้สึกผิดลงน่ะเหรอ น่ารักเหมือนกันนะ ชาเขียวที่แม้ไม่ได้ใส่น้ำตาลไปแม้แต่ก้อนเดียวช่างหวานเสียจริง

อาเรียลิ้มรสหวานนั้นพลางนั่งพิงอยู่บนโซฟา การล่อลวงคนที่ตนเองไม่ได้ชอบทำไมถึงได้สนุกเช่นนี้นะ

จะคิดถึงใบหน้าฉันทุกคือไหมนะ จนไม่สามารถตอบกลับจดหมายที่ได้รับได้ แล้วก็คงรู้สึกล่ะสิ ลักษณะออสการ์เมื่อครู่ทำให้อาเรียคิดอย่างนั้น

จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ มันดีแล้วล่ะ หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ระหว่างออสการ์และมิเอลก็จะพังลงอย่างไม่เป็นท่า

อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้สนใจเขาด้วยซ้ำ แค่ทำเรื่องให้มันยุ่งเหยิงก็เพียงพอแล้ว หลังจากนั้นมิเอลก็จะได้ลิ้มรสความสิ้นหวังในชีวิตเธอ

เจสซี่ที่คอยฟังคำสั่งอยู่ข้างๆ อาเรียได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆ ก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ ในงานเลี้ยงเลดี้ของตัวเองดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ในที่สุดก็ยิ้มได้เสียที

แน่นอนว่าด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำเอาตกใจอยู่ไม่น้อย แต่มันก็เป็นเรื่องดี เพราะหากเจ้านายมีความสุขเธอก็จะมีความสุขด้วยเช่นกัน

อาเรียรอออสการ์อยู่ในสวนพักใหญ่ จนเปลี่ยนชาไปถึงสามครั้ง ขนมที่เตรียมไว้ก็เริ่มชื้น เบื่อถึงขนาดบอกให้เจสซี่ไปหยิบหนังสือมาให้หน่อย

แล้วก็โชคดีที่ออสการ์เข้ามาช่วงที่อาเรียกำลังพลิกหน้าหนังสืออยู่พอดี

“…ไม่ทราบว่าผมเข้ามารบกวนรึเปล่า”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ สวนนี้ใครๆ ก็สามารถเข้ามาได้นี่นา”

สีหน้าของเขาดูสับสน ดูเหมือนจะรู้สึกผิด

แต่จะว่าไปก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิม เพราะตอนนี้เขาได้เข้ามาอยู่ในสวนที่ก่อนหน้าอาเรียได้พักผ่อนอย่างเพลิดเพลินอย่างไรล่ะ

ออสการ์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามหยิบอะไรบางอย่างตรงอกของเขาออกมา

“อะไรหรือคะ”

“จดหมายตอบกลับน่ะ อย่างน้อยวันนี้ก็จะได้พบกัน ผมเลยนำมันมาด้วย”

เป็นจดหมายตอบกลับที่อาเรียเฝ้ารอมาแสนนาน เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนนำมาด้วยตัวเอง อาเรียรับจดหมายฉบับนั้นมาทั้งที่ยังซ่อนความรู้สึกไม่ได้ หรือว่าเพราะเก็บจดหมายไว้ในอกก็เลยอุ่นสินะ

“…ขอบคุณนะคะ”

คงไม่ใช่เพราะอย่างนั้นหรอก แต่เพราะไม่ได้รับจดหมายตอบกลับทำให้เธอคิดว่าคงจะไม่ตอบซะแล้ว เมื่อได้รับจดหมายอุ่นๆ เช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกไป

มีแต่เรื่องราวที่ไม่พอใจในแต่ละวันเท่านั้น แต่การมาหาถึงที่ทั้งยังเอาจดหมายมาให้ยิ่งทำให้อาเรียรู้สึกแปลก

เธอกะพริบตาอยู่สามสี่ครั้งเพื่อคลายอารมณ์พลางสวมหน้ากากอีกครั้ง

“งานเลี้ยงสนุกไหมคะ”

“ไม่รู้สิ ผมเองก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”

“อ๋อ ฉันเข้าใจค่ะ”

งานเลี้ยงไม่ใช่สถานที่สำหรับความเพลิดเพลิน แต่น่าจะใกล้เคียงกับสถานที่ที่ต่างคนต่างทดสอบ ต่างดูหมิ่นกัน

ในอดีตเธอรักในการร่วมงานเลี้ยงมาก แต่จะว่าไปเธอกลับไม่ได้ชอบงานเลี้ยงจริงๆเพราะบรรดาคนที่มอบความรักให้กับเธออยู่ในงานนั้นต่างหาก

แน่นอนว่าพวกเขาก็เพียงแค่หลงในรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น

“ผมไม่มีญาติสนิทในงานเลี้ยงเท่าไหร่ เลยรู้สึกแปลกๆ น่ะ”

“ฉันเองก็ไม่มีคนรู้จักในงานเลี้ยงเช่นกัน พอเข้าใจความรู้สึกนั้นอยู่ค่ะ”

“งั้นถ้ามีคนรู้จักก็คงจะสามารถเพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงได้ใช่ไหม”

“ไม่รู้สิ ส่วนตัวแล้วการได้พบเจอกันที่อื่นคงจะดีกว่าการเจอกันในงานเลี้ยงล่ะมั้งคะ”

ทั้งสองคนรู้สึกเช่นเดียวกันจึงสามารถพูดคุยกันได้อย่างราบรื่น ออสการ์ที่แสดงสีหน้าไม่ค่อยดี จู่ๆ ก็เริ่มคลายความกังวลขึ้น

“ถ้าอย่างนั้น จะบอกว่าเจอตรงสวนในร่มนี้รู้สึกสบายกว่าตอนที่เจอกันตรงชั้นหนึ่งอย่างนั้นเหรอ”

“…จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”

ออสการ์หยุดชะงักเนื่องจากคำตอบของอาเรียชั่วครู่

ไม่ใช่เพราะว่านั่งอยู่ในสวนนี้หรอก สถานที่ไม่ได้เป็นเหตุผลหลัก จะว่าไปเป็นเพราะที่นี่ไม่มีมิเอลอย่างไรล่ะ

ในสถานที่ที่มีเธออยู่การที่จะพูดคุยกับอาเรียเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำความผิดอยู่นิดหน่อย

‘ทำไมถึงเป็นแบบนี้’

ออสการ์รู้สึกกังวลใจอยู่ชั่วขณะ

ถ้าเป็นแค่คนรู้จักกันส่งจดหมายให้กันในฐานะเพื่อน ทำไมจะต้องสนใจว่ามิเอลจะอยู่หรือไม่กัน

ทำไมเขาถึงไม่กล้าในสถานที่ที่มิเอลอยู่กันนะ แม้กระทั่งความจริงที่รับส่งจดหมายกันยังไม่กล้าบอกเธอเลย

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบส่งจดหมายหรอก กลับกันจดหมายของอาเรียที่แบ่งปันเรื่องราวในแต่ละวัน ทำให้เขารู้สึกยินดีอยู่ไม่น้อย

บ้างก็นึกภาพเธอกำลังเขียนจดหมายก่อนเข้านอนด้วย แม้จะไม่มีเรื่องอะไรของมิเอลให้นึกถึงเลยก็ตาม

“จะกลับตอนไหนเหรอคะ”

“น่าจะกลับช่วงเย็นๆ น่ะ”

“ทานอาหารเย็นก่อนแล้วค่อยเดินทางกลับเหรอคะ”

ไม่สิ ไม่ได้ความคิดแบบนี้เลย ต่างจากครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ดยุกเคยพูดไว้ จะกลับไปพักที่บ้านเก่าอยู่ใกล้ๆละแวกนี้ นั่นน่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดี

ยิ่งไปกว่านั้นงานเลี้ยงนี้เป็นงานเลี้ยงสำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ น่าจะจบลงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพราะฉะนั้นไม่ถึงกับต้องรบกวนเสียเวลาอยู่ในคฤหาสน์ท่านเคานต์ถึงดึกดื่นหรอก เธอไม่ได้คิดแผนแบบนั้นไว้เลย

“…ครับ”

“ดีเลยค่ะ! ไม่ได้เจอคนรู้จักตั้งนานเลย ถ้าได้คุยนานกว่านี้อีกนิดก็ดีไม่น้อย”

แต่ทว่าไม่สามารถตอบกลับเช่นนั้นได้

ทำไมน่ะหรือ แล้วยังไงต่อล่ะ หรือเพราะเห็นแววตาของอาเรียที่คาดหวังกันนะ แม้จะต้องทนไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่อยากจะทำให้เธอผิดหวัง ยิ่งไปกว่านั้นเพราะออสการ์อยากพูดคุยกับอาเรียเพิ่มอีกหน่อยด้วย

“ช่วงนี้ฉันต้องทานข้าวในร้านอาหารคนเดียวบ่อยๆ เลยรู้สึกเหงาอยู่บ้างน่ะค่ะ ท่านพ่อก็ไม่อยู่ ท่านแม่ก็ยุ่งๆ ส่วนมิเอล…ป่วยจนไม่ยอมลงมาเลยค่ะ วันนี้ดูเหมือนจะเสียงดังโหวกเหวกอยู่บ้างเลยอารมณ์ดีขึ้นมาน่ะค่ะ”

รอยยิ้มที่แสนดีใจของอาเรียถูกเก็บไว้ในตาคู่นั้นอย่างแจ่มชัด แม้เวลาจะผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ แต่เด็กสาวคนนั้นได้เติบใหญ่กลายเป็นหญิงสาวที่โตขึ้น เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ออสการ์ใจเต้น

เห็นว่าชอบขนาดนี้ดูเหมือนว่าจะอยากอยู่จนถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยกลับล่ะมั้ง แต่จะเป็นแบบนั้นไปไม่ได้ พรุ่งนี้มีคาบเรียนที่ต้องเข้าร่วมจะเลื่อนไม่ได้

บทสนทนาที่หยุดชะงักทำให้ออสการ์พยายามคิดเรื่องที่จะพูดต่อแล้วสายตาของเขาก็หันไปเห็นเดรสที่อาเรียใส่อยู่ เป็นชุดเดรสที่เขาให้เป็นของขวัญเมื่อครั้งก่อน

คิดว่าหากส่งชุดเดรสชั้นสูงไปก็คงจะดีกว่านี้ แม้จะไม่ใช่ชุดเดรสราคาถูกก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ชุดเดรสที่เขาตั้งใจเลือกอย่างถึงที่สุด เป็นเพียงชุดเดรสที่เลี่ยงไม่ให้ไม่ได้จึงเลือกแบบพอเหมาะไป นั่นทำให้เขารู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที

แต่เพราะใบหน้าที่สง่าของอาเรียรับกับชุด ทำให้ชุดนั้นดูเหมือนชุดแสนงดงามที่มีแค่ชิ้นเดียวในโลก ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย

“ชุดสวยมากเลยนะครับ”

เขาไม่ใช่คนจำพวกที่พูดไปเรื่อย แต่ได้เจอกับความงามของอาเรียก็อดเอ่ยปากชมไม่ได้

กลัวว่าจะกังวลเรื่องที่ตัวเองเอ่ยปากชมไป แต่เธอก็ดูยินดีที่ได้รับคำชมนั้น

“คุณพูดแบบนั้น ฉันก็ต้องขอบคุณสินะคะ”

เปลือกตาของอาเรียที่กะพริบอย่างช้าๆ ราวกับผีเสื้อกระพือปีก รับกับรอยตัดริมฝีปากที่ดูนุ่มนวล

เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้

รูปลักษณ์ของเธอช่างงดงามกว่าที่เขาเคยนึกอยู่ตัวคนเดียว ทำให้เขาพูดไม่ออกอยู่บ่อยๆ

ออสการ์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ แม้จะดื่มชาไปเท่าไหร่ก็ยังไม่สามารถแก้กระหายได้สักทีในปากเขาแห้งผาก แค่คำถามที่ไม่พิเศษอะไรเช่น อากาศเย็นลงหรือไม่ หรือคาบเรียนยากไหมแต่เขากลับรู้สึกว่าเป็นบทสนทนาที่พิเศษ แล้วเวลาก็ผ่านไปดั่งสายน้ำไหล

“ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันมื้อเย็นนะคะ”

ออสการ์พยักหน้าไม่พูดอะไร แม้จะเป็นเช่นนั้นเหตุผลที่เขาไม่เสียมารยาทก็เนื่องจากสีหน้าของเขาผ่อนคลายขึ้นเพราะอาเรีย

ทันใดนั้นอาเรียก็เผยยิ้มสดใสราวกับพระอาทิตย์แล้วลุกขึ้นออกจากตรงนั้น ราวกับภาพลวง แม้พยายามจะเอื้อมมือไปสัมผัส อาเรียก็หายตัวไปเสียแล้ว

‘นี่มันความรู้สึกอะไรกัน…’

ทันใดนั้นหัวใจก็สั่นไหว ช่วงเวลาที่ผ่านไปนั้นช่างแปลกประหลาด สมองของเขาที่ได้รับคำชมอยู่เสมอกลับทำหน้าที่ของมันได้ไม่เหมือนเดิม

ออสการ์อยู่ในสวนที่เงียบสงัดคนเดียวพลางมองมือว่างเปล่าของตัวเองอยู่พักใหญ่

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์ อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่ ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…! “ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า” เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า! เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย! เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset