พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – ตอนที่ 61

อาเรียได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมองเห็นว่าเจสซี่กำลังซื้อหนังสือพิมพ์ผ่านหน้าต่างรถม้า เพราะหน้าตาอันอัปลักษณ์ของฮานส์ผู้ให้เช่าหนังสือพิมพ์นั้นช่างดูมอมแมมเหลือเกิน ทำไมเขาถึงได้ดูเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนั้น ทั้งที่ครอบครัวก็ให้เงินเขามากพอจะประทังชีวิต

‘นี่หรือว่า เขาคงไม่ขายหนังสือพิมพ์อีกฉบับเพื่อไปขายของบนถนนหรอกใช่ไหม’

หลังจากนั้น คงมีเพียงบั้นปลายที่จะปลิดชีวิตเขาเท่านั้นที่รอคอยอยู่ และต่อให้มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เธอก็ไม่คิดจะมอบเงินพิเศษให้เขาเพื่อหยุดไม่ให้เขาทำแบบนั้นอยู่ดี

เพราะถึงเธอจะช่วย แต่หากนั่นเป็นอนาคตที่เขาได้เลือกแล้ว เธอก็ไม่มีสิทธิ์หรือหน้าที่ที่จะไปขัดขวาง

หลังจากเจสซี่ซื้อหนังสือพิมพ์มาเรียบร้อย พวกเธอก็รีบมุ่งหน้าไปยังคาเฟ่ฟลาวเวอร์เมาน์เทนทันที ฝั่งระเบียงยังคงว่างเปล่าเพราะเป็นส่วนที่มีแต่เหล่าขุนนางระดับสูงเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ซึ่งอาเรียสามารถเข้ามานั่งเล่นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะเธอเป็นถึงลูกสาวคนโตของท่านเคานต์แม้จะมีกำพืดเป็นเพียงสามัญชนก็ตาม

การรักษาความปลอดภัยของทางคาเฟ่นั้นเข้มงวดมากอยู่แล้ว อัศวินจึงคอยดูแลอยู่ที่รถม้าแทน อาเรียเลือกที่นั่งฝั่งระเบียงเพื่อจะได้เพลิดเพลินไปกับสายลมฤดูใบไม้ผลิไปพร้อมกับเจสซี่และแอนนี่

“โอ้โห…! ไม่อยากเชื่อว่าจะมองเห็นทั้งจักรวรรดิได้ในคราวเดียว! ดิฉันไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยค่ะว่าจะได้มาคาเฟ่นี้กับเขาด้วย!”

เธอมองดูแอนนี่ที่กำลังส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวพลางลิ้มชิมรสกาแฟแสนหวานถูกปาก หวานเสียจนเธอคิดว่าราคาของมันคงจะแพงหูฉี่

บนกาแฟรสหวานนั้นมีครีมอยู่ ดังนั้นหากเธอไม่ระวังอาจจะกลายเป็นตัวตลกได้ อาเรียเคยมีประสบการณ์เช่นนั้นมาแล้วในอดีต เธอจึงระมัดระวังตัวคอยหยิบกระดาษที่ถูกเตรียมไว้มาเช็ดปากขณะที่นั่งชมวิวทิวทัศน์ไปด้วย

ทันใดนั้น ความทรงจำที่เธอเคยมาเล่นสนุกอยู่ที่นี่บ่อยๆ เมื่อครั้งอดีตก็หลั่งไหลเข้ามา แม้แต่เรื่องบรรดาชนขั้นสูงผู้โง่เขลาที่มักจะขมวดคิ้วมองเธอมาจากที่ไกลๆ เพราะรูปโฉมภายนอกที่โดดเด่นสะดุดตาของเธอ

บางครั้งคนพวกนั้นก็แอบนินทาเธออยู่หลังม่านระเบียง ทั้งที่พวกเขาต่างมาใช้เวลาวันหยุดพักผ่อนที่รอคอยมาแสนนาน แต่กลับมากล่าวโทษพนักงานว่าเหม็นกลิ่นโคลนตมจากซ่องประเวณีเสียอย่างนั้น

แม้มันจะไม่ใช่เรื่องที่จะมากล่าวโทษกันก็ตาม และเรื่องนั้น พนักงานที่เอาแต่กล่าวขอโทษขอโพยอยู่ในตอนนั้นก็ดูจะรู้ดีเช่นกัน

ในตอนนี้ เพราะความพยายามตลอดเวลาที่ผ่านมา จึงมีข่าวลือมากมายแพร่สะพัดออกไปจนทั่ว อีกทั้งพฤติกรรมที่เหมาะสมถูกกาลเทศะและอายุอานามที่ยังเล็ก ทำให้แทบจะไม่มีใครตั้งวงพูดถึงเธอกันอย่างเปิดเผย แต่ตัวเธอในอดีตไม่ได้เป็นแบบนี้จึงเป็นได้เพียงตัวน่าสมเพชเท่านั้น

“เลดี้! กาแฟนี่ก็อร่อยมากเหมือนกันค่ะ!”

“ดิฉันเองก็เพิ่งเคยดื่มกาแฟหวานมันแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยล่ะค่ะ”

“บรรดาชนชั้นสูงที่ได้เพลิดเพลินไปกับของพวกนี้ทุกวันคงมีความสุขกันน่าดูสินะคะ”

ความสุขอย่างนั้นหรือ เธอเคยรู้สึกแบบนั้นด้วยหรือ

แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังจำไม่ได้ว่าเคยรู้สึกแบบนั้น แต่เหล่าชนชั้นสูงที่ได้รับสิ่งของล้ำค่าเหล่านี้มาตั้งแต่เกิดอาจจะคิดเช่นนั้นกระมัง มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการหายใจหรอก

อาเรียตอบคำถามของแอนนี่ด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเปิดหนังสือพิมพ์ออกอ่าน ไม่มีข้อมูลอะไรเป็นพิเศษมาสักพักหนึ่งแล้ว เธอจึงคิดว่าเรื่องสำคัญบางอย่างอาจจะถูกตีพิมพ์อยู่ในนี้

แล้วมันก็เป็นไปอย่างที่เธอคิด หัวข้อข่าวเล็กๆ หัวข้อหนึ่งเข้ามาในสายตาเธอพอดี

[ว่ากันว่ากองกำลังทางเหนือที่เหล่าขุนนางเป็นผู้จัดตั้งค่อยๆ แย่งลูกค้าของพวกเขาไปอย่างนั้นหรือ…!]

มันคือข่าวเรื่องเส้นทางการค้าของบรรดาขุนนางที่กำลังถูกตัดออกไปทีละนิดโดยกองกำลังนิรนาม สำหรับในกรณีนี้ มีขุนนางบางคนที่มาติดต่อธุรกิจกับท่านเคานต์ในภายหลังได้รับความเสียหาย ด้วยเหตุนี้ท่านเคานต์ถึงได้หัวเสียหนักหนา

แน่นอนว่าอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ปัญหานี้ยังสามารถแก้ได้ในภายหลัง แม้จะมากไปหากจะเรียกว่าผู้ร้าย แต่จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวต้นคิดจะต้องเป็นใครสักคนในพื้นที่ปิโนต์ นัวร์แน่นอน

และเธอยังจำได้โดยบังเอิญว่าเธอเคยดื่มไวน์ของภูมิภาคนั้นอย่างเอร็ดอร่อยตอนใกล้จะบรรลุนิติภาวะด้วย เขาคนนั้นเป็นเพียงขุนนางชั้นต้น หาใช่ขุนนางระดับสูงอย่างที่ทุกคนคิด

‘ฉันเคยบอกไปหรือยังนะว่าเขาทำเอกสารหล่นหายระหว่างเดินทาง แต่ยังไงก็ตาม เขาช่างโง่เขลาเสียจริง’

เขาแย่งลูกค้าจากเหล่าขุนนางคนอื่นๆ จนเมื่อถูกจับได้จึงหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ เขาจ้องจะผูกขาดสินค้าฟุ่มเฟือยที่เหล่าชนชั้นสูงมักจะใช้เป็นประจำ จากนั้นจึงนำมาขายในราคาที่สูงลิบลิ่ว ทำให้เขาสามารถหลบหนีไปแบบนั้นได้

แม้จะไม่รู้ตัว แต่เขาดูจะสะสมความมั่งคั่งร่ำรวยได้พอตัวทีเดียว จนมันกลายเป็นเรื่องน่าขำที่เขาถึงขนาดหนีไปอยู่ต่างประเทศทั้งยังล้างสถานภาพทุกอย่างของตนเอง

‘ในเมื่อฉันเจาะกลุ่มลูกค้าไม่ได้เหมือนขุนนางคนนั้น ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการซื้อมากักตุนไว้ล่วงหน้าแล้วล่ะ’

แต่คงต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก แล้วเธอจะซื้อมันได้อย่างไรกัน และคำตอบที่อาเรียได้หลังจากขบคิดมานานก็คือ ‘คาสิโน’ นั่นเอง หากใช้นาฬิกาทราย เงินจำนวนมหาศาลคงมาอยู่ในมือเธอได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

แม้จะสามารถใช้มันได้เพียงแค่วันละครั้ง แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วในเมื่อเธอสามารถเอาชนะในรอบที่มีการวางเงินจำนวนมหาศาลได้เพียงลำพัง และถ้าเธอทำแบบนั้นได้หลายครั้งเข้า เธอก็จะสามารถหาเงินก้อนโตให้กับตัวเองได้

‘หากเป็นเกมที่ฉันเอาชนะได้เพียงคนเดียว ก็จะไม่มีใครต้องสูญเสีย และต่อให้ฉันไม่หมุนนาฬิกาทรายกลับ คนพวกนั้นก็จะเสียเงินอยู่ดีนั่นล่ะ’

แม้จะเป็นสิ่งที่น่าสงสัย แต่ช่างโชคดีเหลือเกินที่ร่างกายของเธอเติบโตขึ้นมาบ้างแล้ว เพียงแค่เธอใส่หน้ากากเข้าไปก็ดูเป็นผู้ใหญ่แล้ว

และยิ่งถ้าองค์รัชทายาทผู้โง่เขลานำเข้าม้ามาจากต่างแดนเช่นเดียวกับเมื่อครั้งอดีต เธอก็ยิ่งจะหาเงินได้ภายในครั้งเดียว เพราะเขาจะต้องขาหักในระหว่างการแข่งม้าจากการควบคุมดูแลที่ผิดพลาดอย่างไรล่ะ

มันคือบั้นปลายชีวิตที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของเจ้าม้าที่มักจะกำชัยชนะมาเสมอ เรื่องนี้คือเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด ดังนั้นหากเธอลงทุนถูกเวลา เธอก็จะได้รับเงินก้อนโตมาจากการวางเงินเพียงหยิบมือเท่านั้น

‘เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่จำเป็นตอนนี้ก็คือคนที่จะช่วยขายหลังจากไปกักตุนมาแล้วสินะ’

มันเสี่ยงเกินไปที่เธอจะเป็นคนว่าจ้างเองโดยตรง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจ้างวานใครสักคนที่เธอจะสามารถเชื่อใจได้

ใครบางคนที่พอจะเชื่อใจได้อย่างนั้นหรือ… คนคนนั้นก็คือคนที่อยู่ข้างเธอตอนนี้ไม่ใช่หรือ ไม่ว่าจะมองทางไหนก็มีแต่แอนนี่หรือเจสซี่เท่านั้น และทั้งสองต่างก็เป็นสาวใช้ของเธอเองทั้งคู่ ดังนั้นพวกหล่อนจึงไม่มีทางหันไปมองทางอื่น

ถ้าอย่างนั้น หรือจะเป็นครอบครัวของพวกหล่อนดีล่ะ ทั้งการถ่ายทอดคำสั่งก็ง่าย และสามารถรับการรายงานได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

นอกจากนั้น ทั้งแอนนี่และเจสซี่ต่างก็อยู่ข้างเธอ ดังนั้นพวกหล่อนจึงไม่สามารถหักหลังหรือหนีไปจากเธอได้โดยง่าย หากถูกไล่ล่าเธอเองก็อาจจะติดร่างแหไปด้วยเช่นกัน แต่เธอจะไม่ถูกสงสัยเพราะทุกคนคงคิดว่าไม่มีทางที่นางร้ายโง่ๆ ในข่าวลืออย่างเธอจะบังอาจมาคาดเดาอนาคตได้ และหากเธอปัดความรับผิดชอบ ทุกอย่างก็จบ

อาเรียเอ่ยปากถามเจสซี่และแอนนี่ที่กำลังยื่นหน้าออกไปนอกระเบียงเพื่อชมวิวทิวทัศน์

“เจสซี่ แล้วก็แอนนี่ด้วย ความสัมพันธ์ในครอบครัวของพวกเธอเป็นยังไงกันบ้างหรือ”

จู่ๆ อาเรียก็ถามออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้เจสซี่นึกสงสัยแต่ก็ยอมตอบไปแต่โดยดี

“ดิฉันมีน้องชายฝาแฝดอยู่สองคนค่ะ ถึงจะยังเป็นเด็กอายุแค่สิบหก แต่ก็ช่วยพ่อแม่ทำงานทำการกันแล้วล่ะค่ะ”

“อย่างนั้นหรือ ว่าแต่งานอะไรล่ะ”

“ก็งานทำไร่เลี้ยงสัตว์นั่นล่ะค่ะ มันเป็นธุรกิจของครอบครัว พวกเขาเลยกำลังเตรียมตัวที่จะสานต่อค่ะ”

งานไร่อย่างนั้นสินะ ถ้าอย่างนั้น น้องชายทั้งสองของเจสซี่คงไม่เหมาะกับแผนของอาเรียเท่าใดนัก ถึงจะน่าเสียดายก็เถอะ

“อ้อ เพราะแบบนั้นบ้านเธอถึงขาดน้องไม่ได้สินะ แอนนี่ แล้วเธอล่ะ”

“ดิฉันมีพี่ชายอยู่แค่คนเดียวค่ะ ตอนนี้อายุยี่สิบสาม ทำงานอยู่ในโรงแรมจิ้งหรีดใกล้ๆ กับจัตุรัสค่ะ”

“โรงแรมจิ้งหรีดน่ะหรือ…”

“ได้ยินมาว่าได้ทำเกี่ยวกับการจัดการสมุดบัญชี แต่ความจริงดิฉันก็ไม่ค่อยทราบหรอกค่ะ พอดีดิฉันเข้ามาทำงานในคฤหาสน์ท่านเคานต์ก่อนจะได้ทราบว่าพี่ชายทำงานอะไรน่ะค่ะ”

อาเรียยกยิ้มพอใจเมื่อได้ฟังดังนั้น แอนนี่ช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้มาเจอเธอ หากหล่อนประพฤติตัวดีเธอก็ตั้งใจจะแนะนำหล่อนให้ขุนนางระดับต้นสักคนอยู่แล้ว แล้วนี่พี่ชายของหล่อนยังอาจช่วยทั้งครอบครัวได้ เพราะมีคุณสมบัติที่จะทำให้เขาได้มีงานการที่เหมาะสมอีกต่างหาก

ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยคิดจะทำถึงขนาดนี้ แต่ในเมื่อโชคชะตาของแอนนี่เป็นไปเช่นนี้ เธอก็คงต้องช่วยหล่อนแล้วล่ะ ดูเหมือนตอนนี้หล่อนจะไม่สามารถหลุดพ้นจากเธอได้อีกแล้ว

“อย่างนั้นหรือ ฮืม เข้าใจแล้วล่ะ”

สาวใช้ทั้งสองต่างก็งุนงงด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็ไม่มีใครถามกลับไปว่าเหตุใดเธอจึงถามเรื่องนี้ เธอไม่ได้สงสัยหรอก แต่แค่กำลังคิดต่างหากล่ะ

‘ฉันต้องคิดถึงรายการสินค้าที่จะซื้อมากักตุนไว้ล่วงหน้า และก่อนอื่นคงต้องลองแวะที่คาสิโนดูสินะ’

เมื่อถึงเวลานั้น เธอคิดว่าหากออกมากับแอนนี่เพียงลำพังคงจะดีกว่า เพราะเธอควรให้หล่อนได้รู้ได้เห็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งไปกว่านั้น สุดท้ายพี่ชายของหล่อนก็ต้องตกมาอยู่ในน้ำมือเธออยู่ดี

หลังจัดการความคิดทุกอย่างจนเรียบร้อย เธอจึงสามารถปล่อยตัวปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับสายลมฤดูใบไม้ผลิได้จริงๆ เสียที สายลมแห่งใบไม้ผลินั้นอบอุ่นจนทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

หากเธอสั่งสมความมั่งคั่งและสร้างฐานอำนาจจนใช้งานพวกเขาได้เหมือนทาส เธอน่าจะสามารถต่อกรกับเจ้าหญิงได้ ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเธอสามารถแย่งออสการ์กลับคืนมาอีกครั้งและทำให้มีเอลเจ็บปวดได้น่ะสิ

ไม่สิ ต่อให้เธอไม่แย่งออสการ์กลับมา เธอก็ยังจัดการกับมิเอลได้อยู่ดีไม่ใช่หรือ มันยังเป็นอนาคตอีกแสนไกล ดังนั้นจึงยากที่จะจินตนาการถึงมันได้อย่างง่ายดาย เหมือนมีหมอกปกคลุมเอาไว้อยู่

“เอ๊ะ เลดี้คะ! มีใครกำลังมองมาทางนี้หรือเปล่าคะ”

ตอนนั้นเอง แอนนี่ก็พูดขึ้นมา เจสซี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กำลังทำหน้าสงสัยพร้อมกับถามว่า ‘อะไร’ อยู่เช่นกัน

“ไม่ใช่เขากำลังมองรอบๆ คาเฟ่นี้อยู่หรือ”

มีคนแบบนั้นอยู่เยอะจนนับไม่ถ้วนด้วยซ้ำไป ตัวร้านก็ออกจะงดงาม หรือไม่ก็คงเพราะอิจฉาบรรดาชนชั้นสูงที่ได้พักอย่างสบายใจแบบนี้ อาเรียเองก็เคยมองตึกนี่อยู่หลายหนก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นชนชั้นสูง

“ไม่ใช่ค่ะ! เขากำลังจ้องตรงมาทางนี้ไม่วางตาเลยนะคะ”

เมื่อแอนนี่พูดออกมาแบบนั้น เจสซี่ก็เห็นด้วยทั้งยังบอกว่ามันแปลก จากนั้นไม่นาน หล่อนก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจ ราวกับเพิ่งนึกได้ว่าคนที่กำลังมองมาทางนี้นั้นเป็นใคร

“เลดี้! ผู้ชายคนนั้นนี่คะ!”

“ผู้ชายคนนั้นหรือ”

“ใช่ค่ะ! ผู้ชายคนนั้นที่เราเจอที่ร้านขายของชำกับจัตุรัสไงคะ!”

ถ้าเป็นที่ร้านขายของชำกับจัตุรัสล่ะก็… หรือว่า อาซอย่างนั้นหรือ

ชายนิรนามที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวเวทมนตร์วิเศษคนนั้น

อาเรียเงยหน้าขึ้นกวาดตามองออกไปนอกระเบียงจนทั่ว แต่เขาที่แอนนี่และเจสซี่พูดถึงกลับไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว

“อะไรกัน หายไปไหนแล้วล่ะ”

“เมื่อกี้เขายังอยู่ตรงนั้นอยู่เลยนี่นา…”

เธอยื่นตัวออกไปนอกระเบียงเพื่อมองหาร่องรอยของเขาพร้อมกับพวกหล่อนอยู่พักใหญ่ แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย

ทำไมเขาถึงคอยมาปรากฏตัวอยู่เรื่อยเลยนะ

อย่างมากที่สุดมันก็เป็นแค่ความสัมพันธ์ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นผ่านสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งม้า แต่สายใยบางๆ ที่อาซไม่ยอมปล่อยนี้กลับผูกมัดอาเรียเอาไว้

“แปลกจริง… ดิฉันมั่นใจว่าเห็นเขามองมาทางนี้แน่ๆ หรือว่าตรงนี้จะเป็นทางผ่านของเขาหรือเปล่าคะ”

แอนนี่ชะเง้อมองก่อนจะนั่งลงกับที่ตามเดิม

เธอรู้สึกไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้ เพราะแบบนั้นเธอจึงตั้งใจว่าจะทิ้งกาแฟที่ยังเหลืออยู่และลุกออกจากที่ไปสักพัก แต่ไม่ทันไรจู่ๆ ก็มีช่อดอกทิวลิปโผล่พรวดออกมาผ่านผ้าม่านที่อยู่ตรงระเบียง

“ว้าย!”

เจสซี่กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ แอนนี่เองก็จับเก้าอี้ตัวเองไว้แน่นสีหน้าซีดเผือด แขกไม่ได้รับเชิญจึงตัดสินใจเปิดเผยตัวเองเพื่อไม่ให้พวกหล่อนรวมถึงอาเรียต้องตกใจไปมากกว่านี้

“คือว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจเลย… ขอโทษที่เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงนะครับ ผมคิดว่าเลดี้ทราบว่าเป็นผมตั้งแต่ตอนอยู่ตรงข้ามระเบียงแล้ว ก็เลยทำตัวเสียมารยาทน่ะครับ”

“…อาซ”

“ไม่ได้เจอกันนานนะครับ เลดี้… อาเรีย โรสเซนต์”

“…”

เขาปรากฏตัวมาจริงๆ ด้วยสินะ

ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะมองหน้าเธอมาจากที่ไกลๆ แล้วเข้ามาหา เธอชักจะกลัวความบังเอิญที่เหมือนไม่บังเอิญและความมุ่งมั่นแปลกๆ ของเขาเสียแล้วสิ

เมื่อเห็นว่าอาเรียไม่ตอบ อาซจึงเร่งให้เธอรีบรับช่อดอกไม้ของเขาไป

“ผมเมื่อยแขนนะครับ ดอกไม้ช่อนี้ผมตั้งใจเตรียมมาเพื่อเลดี้ หวังว่าเลดี้จะช่วยรับมันไว้นะครับ”

“…เนื่องในโอกาสอะไรคะ”

“รับไปก่อนสิครับ แล้วผมจะบอก”

อาเรียถูกกักอยู่ในระเบียง ทำให้เธอจำต้องรับช่อดอกไม้ของเขามาอย่างช่วยไม่ได้

อาเรียเคยเห็นเจ้าทิวลิปที่เธอรับไว้พวกนี้มาก่อนแล้ว มันคือทิวลิปที่ถูกขายอยู่ในร้านดอกไม้แถวป้อมเก่า และเป็นทิวลิปที่เรนให้เธอเป็นของขวัญเมื่อครั้งก่อน เธอจำได้เพราะมันมีรูปร่างที่โดดเด่นต่างจากทิวลิปในร้านดอกไม้ทั่วๆ ไป

อาเรียก้มลงดมกลิ่นเพื่อความมั่นใจ ทันใดนั้นเจสซี่ก็เกิดสงสัยขึ้นมา

“แปลกจริง… เมื่อกี้ตอนที่เห็นเขา ฉันแน่ใจว่าเขาไม่ได้ถือช่อดอกไม้อยู่นี่นา…”

“เอ๊ะ จะว่าไปแล้ว ฉันก็ไม่เห็นเหมือนกัน”

เมื่อแม้แต่แอนนี่ยังพูดเช่นนั้น หัวใจของอาเรียก็เริ่มเต้นแรงจนแทบจะระเบิด

ผู้ชายคนนี้แปลกจริงๆ ด้วย เรื่องที่จัตุรัสครั้งก่อนก็ทีหนึ่งแล้ว เธอคิดว่าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ นี่เขาเป็นใคร เป็นตัวอะไรกันแน่นะ

“มันมืดเกินไปแล้ว ผมขอเข้าไปข้างในได้ไหมครับ”

“ไม่ได้ค่ะ! คุณบอกว่าจะบอกฉันถ้าฉันยอมรับดอกไม้ เพราะฉะนั้นก็พูดตรงนั้นให้จบเถอะค่ะ”

“เย็นชาจริงนะครับ”

เขาทำตัวเสียมารยาทก่อนที่เธอจะทันได้คิดเรื่องเย็นชาอะไรนั่นเสียอีก ไม่รู้ว่าเขาได้รับการศึกษามาแบบไหน ถึงได้มาทำตัวไร้มารยาทใส่เธอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

พอมาคิดดูดีๆ แล้ว ครั้งก่อนเขาถึงกับจูบหน้าผากเธอเลยทีเดียว เธอตกใจ และเขาก็หายตัวไปเฉยๆ ก่อนที่เธอจะสามารถเงยหน้าขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ

ขนาดเธอที่มีชาติกำเนิดเป็นเพียงสามัญชนยังรู้สึกว่าเสียมารยาท ฉะนั้นถ้าอยู่ในสังคมชนชั้นสูงล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึงเลย เธอคิดว่าบางทีเขาอาจรู้สึกเหมือนถูกแบ่งแยก เพราะอย่างนั้น อาเรียจึงปฏิเสธอย่างเด็ดขาดออกไปอีกรอบ

“ดิฉันกำลังจะกลับพอดี คงให้คุณเข้ามาไม่ได้หรอกค่ะ”

“…เรื่องนั้น ถึงผมจะบอกว่าผมรู้ความลับของเลดี้ เลดี้ก็ยังยืนยันคำเดิมหรือครับ”

เพราะคำนั้น หัวใจที่กำลังเต้นรัวของเธอจึงหล่นวูบลงทันที

……………………….

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์ อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่ ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…! “ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า” เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า! เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย! เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset