พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – ตอนที่ 65

หลังจากเรนนำจดหมายของเธอกลับไปประมาณสิบห้าวัน จดหมายตอบกลับจากอาซก็มาถึง

อีกฝ่ายส่งทั้งจดหมายและดอกไม้ผ่านมาทางคนอื่น เห็นทีที่เจ้าตัวเคยกล่าวไว้ว่าจะมาที่นี่เป็นครั้งสุดท้ายจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว ครั้งนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว นั่นคือดอกลิลลี่สำหรับมิเอลในขณะที่ดอกทิวลิปไปตกอยู่ในมือของอาเรีย

เมื่อตอนที่ยังไม่รู้ความจริงว่าผู้ที่ส่งมาคืออาซ เธอเคยคิดว่ามันคือการจงใจแบ่งแยกเพื่อเมินเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้คิดเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะฝ่ายที่ถูกแบ่งแยกนั้นคือมิเอลต่างหาก เธอไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นมาอย่างไร แต่อาซจะต้องมีเหตุผลที่ทำให้เขาดื้อดึงจะใช้แค่ดอกทิวลิปอย่างแน่นอน

ในจดหมายที่เขาส่งมามีวันที่ เวลา สถานที่ และข้อควรระวังเกี่ยวกับการประชุมเขียนไว้เพียงสั้นๆ อาเรียเก็บจดหมายไว้ในลิ้นชักอย่างดีไม่ให้หายไปไหน ก่อนจะหันไปฟังรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่เธอสั่งแอนนี่ไปเมื่อครั้งก่อน

“น่าขำจริงเชียว ก็ระหว่างที่ดิฉันกำลังแยกเด็กๆ อยู่ คุณเอ็มม่าดันมาเรียกดิฉันน่ะสิคะ ดูเหมือนคุณเอ็มม่าจะคิดว่าดิฉันยังฟังคำสั่งของเธออยู่ด้วยล่ะค่ะ! ทั้งที่ดิฉันก็ไม่ได้รายงานอะไรให้ทราบมาพักใหญ่แล้วนะคะ!”

หล่อนเริ่มนินทาเอ็มม่าแล้วค่อยยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง

“ดิฉันคงต้องรีบเลือกสาวใช้มารับภาระงานทุกอย่าง ดิฉันจะได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที ถ้าทำแบบนั้น คุณเอ็มม่าจะได้ไม่เรียกหาดิฉันอีกไงคะ”

“แล้วเธอตอบไปว่ายังไง”

“ก็…”

เหตุผลที่เอ็มม่าเรียกแอนนี่ไปนั้นง่ายนิดเดียว คือเพื่อโน้มน้าวอาเรียให้ได้ เพราะหล่อนจะส่งสาวใช้คนใหม่มาให้

“ก็ต้องตอบว่า ‘เข้าใจแล้วค่ะ’ น่ะสิคะ! ในเมื่อดิฉันก็จะเลือกสาวใช้คนใหม่อยู่แล้วนี่คะ ยังไงก็คงดีกว่าปฏิเสธไปแล้วต้องถูกเกลียดล่ะค่ะ”

“ดีแล้ว ฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เธอรับมือได้ดีทีเดียว”

หล่อนส่งสาวใช้มาให้เธอเพราะคิดว่าสาวใช้เหล่านั้นเป็นพวกตัวเอง แค่คิดว่าจะทำให้สาวใช้เหล่านั้นมาอยู่ข้างเธอทีละคนสองคน เธอก็ตื่นเต้นจนขนหัวลุกแล้ว

แอนนี่พูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้นหลังจากได้รับคำชม

“บางทีสาวใช้คนอื่นๆ ที่คอยดูแลเลดี้มิเอลอาจจะอิจฉาดิฉันกันหลายคนก็ได้นะคะ บางครั้งพวกเธอก็คอยมาถามเรื่องกิ๊บติดผมกับผิวพรรณของดิฉันอยู่เหมือนกันน่ะค่ะ”

“แล้วเธอตอบไปว่ายังไง”

อาเรียถามด้วยแววตาคาดหวังอยู่เล็กน้อย

“ทุกครั้งที่ถาม ดิฉันก็ต้องตอบว่าที่ดิฉันได้รับของขวัญก็เพราะเลดี้อาเรียเป็นคนใจดีมีเมตตากับบรรดาสาวใช้อยู่แล้วล่ะค่ะ เพราะถึงเลดี้มิเอลจะใจดีและอ่อนโยน แต่เลดี้ก็ไม่เคยให้อะไรแม้สักอย่างค่ะ ก็ชนชั้นสูงนี่นะ”

“ฮึ่ม จะบอกว่าฉันให้ได้อย่างสบายใจเพราะเป็นสามัญชนล่ะสิ ไม่สมกับเป็นเลดี้เอาเสียเลยด้วย”

“อ๊ะ! พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะเลดี้! ดิฉันก็หมายความว่าเลดี้มิเอลใจแคบ แต่เลดี้อาเรียใจดีมีน้ำจิตน้ำใจอยู่แล้วล่ะค่ะ!”

อาเรียหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นหล่อนเอ่ยแก่ตัวอย่างสุดชีวิตด้วยกลัวว่าหากเธอเข้าใจผิดจะทำให้ตัวเองลำบาก

“ฉันล้อเล่น”

“ดิฉันทราบค่ะ!”

แอนนี่เองก็หัวเราะตามได้หน้าตาเฉยเพราะตอนนี้หล่อนเองก็เคยชินกับการหยอกล้ออันน่าปวดเศียรเวียนเกล้าของอาเรียไปแล้วเช่นกัน

ไม่นานหลังจากนั้น แอนนี่ก็พาสาวใช้คนใหม่เข้ามา หล่อนคือสาวใช้ที่อาเรียจำได้ขึ้นใจ

‘นี่มันคนที่สั่งให้ฉันโยนขวดน้ำไม่ใช่หรือ’

สาวใช้ผู้นี้คือสาวใช้คนแรกที่มิเอลส่งมารับใช้เธอ และเป็นคนเดียวกับที่สั่งให้เธอทำแต่สิ่งแย่ๆ นอกจากนี้หล่อนยังเป็นสาวใช้ที่เปิดโปงความผิดของอาเรียอย่างหมดเปลือกจนทำให้เธอต้องเจอกับความตายในที่สุด

‘นางมารร้ายนั่นสั่งให้ดิฉันใส่ยาพิษลงไปในชาของเลดี้ค่ะ!’

‘เป็นคนทำเรื่องชั่วๆ กับเลดี้มิเอลมาตลอด…!’

‘ดิฉันแค่ทำไปเพราะไม่มีทางเลือกค่ะ! ดิฉันเจ็บปวด… เจ็บปวดมากจริงๆ นะคะ! ท่านเคน!’

นางคนที่ตะเบ็งเสียงจนคอแทบแตกคนนั้นนั่นเอง แล้วอย่างนี้เธอจะลืมได้อย่างไร อาเรียแย้มยิ้มกว้างให้กับบุคคลที่ไม่คาดคิดพลางเอ่ยต้อนรับหล่อน

“เข้ามาสิ เธอคือสาวใช้คนใหม่ของฉันสินะ ชื่ออะไรหรือ”

“เบอร์ เบอร์รีค่ะ เลดี้”

“เบอร์รีนี่เอง… เอาล่ะ รู้แล้ว เบอร์รี ชื่อเหมาะกับเธอดีนะ”

เหมาะมากไม่ใช่หรือไร ในเมื่อเธออยากจะกัดร่างอัปลักษณ์นั่นให้ขาดจนตาย เหมือนกับที่ได้ลิ้มรสน้ำผลไม้แสนสดชื่นเมื่อกัดลูกเบอร์รีอย่างไรล่ะ

อาเรียต้อนรับหล่อนด้วยใจจริง และคิดจะเปลี่ยนแผน เธอจะไม่ทำให้หล่อนกลายมาเป็นพวกเดียวกับเธอ แต่จะผลักหล่อนให้ตกลงไปในขุมนรกแทน

เมื่อสาวใช้ที่จะมารับภาระงานทั้งหมดมาถึง ทั้งแอนนี่และเจสซี่ต่างก็เป็นอิสระจากงานที่พวกหล่อนทำมาตลอด ทั้งสองจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเปลี่ยนโฉมเป็นสาวงาม

แอนนี่ที่กำลังดีใจพร่ำพูดว่าตนเหมือนเพิ่งหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเจอ เบอร์รีมองหล่อนด้วยสายตาแปลกประหลาด แน่นอน ภายในสายตาคู่นั้นมีความอิจฉาริษยาฉายอยู่มากกว่าครึ่ง

“ตอนนี้พวกเธอต่างก็มีสาวใช้อยู่ใต้อำนาจของตัวเองกันแล้ว เราก็ต้องให้ของขวัญสิ เข็มกลัดอันเดียวไม่น่าพอหรอกใช่ไหม”

อาเรียมอบเข็มกลัดสีทองที่เธอเก็บเอาไว้อย่างดีให้แอนนี่กับเจสซี่คนละอันเป็นของขวัญ

“พระเจ้า…! ขอบคุณมากค่ะเลดี้!”

“ดิฉันดีใจจริงๆ…”

ทันใดนั้นแอนนี่พร้อมเข็มกลัดสองอันบนหน้าอกก็เดินหายไปด้วยความภาคภูมิหลังประกาศว่าหล่อนจะไปเดินอวดให้รอบคฤหาสน์ ความริษยาฉายชัดอยู่ในแววตาของเบอร์รีที่กำลังมองตามหลังแอนนี่ไป

เจสซี่ถือกาน้ำชาขึ้นมาสีหน้ากระอักกระอ่วน อาเรียเห็นแบบนั้นจึงแตะที่หลังมือหล่อนเบาๆ แล้วเอ่ยเตือน

“เจสซี่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องทำอีกต่อไปแล้วนะ นั่งตรงข้ามฉันเถอะ รินน้ำชาน่ะ มันหน้าที่ของเบอร์รีต่างหาก ถ้าเธอมาแย่งหน้าที่ไปเสียหมด เบอร์รีคงเสียใจแย่ ใช่ไหมเบอร์รี”

“เอ๊ะ ค่ะ เลดี้”

จากนั้นกาน้ำชาก็เปลี่ยนไปอยู่ในมือของเบอร์รี เจสซี่ยกยิ้มประหม่าก่อนจะไปนั่งลงตรงข้ามเธอ ทั้งที่น่าจะเคยทำมาหลายร้อยครั้งแล้ว แต่มือของเบอร์รีที่กำลังรินน้ำชาลงในแก้วกลับสั่นระริกอย่างไม่น่าเป็นไปได้

การรินน้ำชาให้เจ้านายคนใหม่ที่แสนต่ำต้อยมันเป็นเรื่องน่าอัปยศอดสูนักหรือไร หรือเพราะต้องมารินน้ำชาให้เจสซี่ที่เป็นสาวใช้เหมือนตนมันทำให้หล่อนไม่พอใจกัน อาเรียเดาะลิ้นแล้วตำหนิการกระทำของหล่อน

“นี่เธอเจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า มือสั่นเสียขนาดนั้น ถ้าทำกาน้ำชาหลุดมือขึ้นมาจะทำยังไง”

“ขอ ขอโทษค่ะ เลดี้”

“ถ้าเธอไม่ทำสิ่งที่ต้องมาพูดขอโทษเสียตั้งแต่แรกก็ดีนะ”

การจับผิดเบอร์รีราวกับได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของหล่อนแล้วช่างสนุกและน่าเพลิดเพลินยิ่งนัก

“เธอเคยเรียนการเทน้ำชามาก่อนหรือเปล่า”

“แน่ แน่นอนค่ะ เลดี้ ดิฉันจะรินอีกครั้งค่ะ…”

แต่หลังจากได้รับคำตำหนิที่รุนแรง หล่อนก็ยังไม่มีทางรินน้ำชาได้อย่างเหมาะสมอยู่ดี มือของเบอร์รีสั่นอีกแล้ว

“เฮ้อ เธอทำไม่ได้จริงๆ สินะ ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามิเอลคิดอะไรอยู่ถึงได้ส่งเธอมา แต่ก็เอาเถอะ เธอไปต้มชาอื่นมาก็แล้วกัน เอาขนมใหม่มาเปลี่ยนด้วยนะ ของทุกอย่างตรงนี้มันดูน่าเบื่อชอบกล”

เบอร์รีรีบตอบรับก่อนจะออกไป เจสซี่มองอาเรียด้วยสีหน้าไม่สบายใจเมื่อเห็นเธอหัวเราะออกมาเสียงดังหลังจากที่หล่อนออกไปแล้ว

‘อ้อ จริงสิ ฉันจะให้เจสซี่เห็นด้านแย่ๆ ไม่ได้’

คิดได้ดังนั้น อาเรียจึงเอ่ยแก้ตัวที่เหมือนไม่ได้แก้สักเท่าไหร่

“ฉันคิดว่าฉันรู้เหตุผลที่มิเอลส่งเบอร์รีมาน่ะสิ ไม่ใช่สาวใช้ที่ทำงานมานานแล้ว แต่กลับเป็นสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างเธอตลอดเสียด้วยนี่ ฉันมั่นใจว่าต้องไม่ใช่เจตนาที่ดีแน่ เพราะฉะนั้นก็ต้องดัดนิสัยกันหน่อยไม่ใช่หรือ”

เจสซี่พยักหน้าพลางตอบรับราวกับเห็นด้วย แต่สีหน้าของหล่อนยังคงมีความเคลือบแคลงหลงเหลืออยู่

“และยิ่งถ้ามาดูถูกพวกเธอจะทำให้เจ็บใจเอาได้นะ ก็ดูตอนนี้สิ สิ่งที่เบอร์รีทำได้ดีเป็นปกติกลับกลายเป็นกระอักกระอ่วนไปเสียได้ ฉันคงต้องทำอย่างนี้ไปสักพัก เธอช่วยเข้าใจหน่อยนะ”

คราวนี้สีหน้าหล่อนดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เธอได้เล่าเรื่องนี้ให้แอนนี่ที่เพิ่งไปเดินรอบคฤหาสน์กลับมาฟังเช่นกัน หล่อนแสดงความตั้งใจจะร่วมมือกับเธออย่างกระตือรือร้นราวกับมันน่าสนใจเป็นอย่างมาก

การเตรียมการสำหรับกลั่นแกล้งนางคนที่เคยเล่นลิ้นดึงธาตุแท้ของนางมารร้ายในตัวเธอออกมาเมื่อครั้งอดีตได้เสร็จสิ้นลงแล้ว

ต้องขอบคุณเบอร์รีเป็นอย่างมากที่ใช้เวลาเตรียมชาและขนมใหม่เสียเนิ่นนาน จนทำให้การกลั่นแกล้งเริ่มขึ้นในทันทีที่หล่อนกลับมา

“ตายจริง เบอร์รี นี่ฉันนึกว่าเธอไปปลูกใบชามาเสียอีก”

แอนนี่แสดงความไม่พอใจด้วยท่าทางถือดี ส่วนเจสซี่เพียงเออออไปด้วยสั้นๆ แค่ว่า ‘นั่นน่ะสิ’ ราวกับยังไม่สบายใจจะตำหนิหล่อน

“เธอไปเตรียมมาตั้งนาน คงมีชากับขนมมาให้ฉันเยอะแยะเลยใช่ไหม ไหนรินให้ฉันทีสิ”

สายตาของอาเรียทำเอาเบอร์รีรินชาตัวสั่นงันงก แต่แล้วแอนนี่กลับตีที่หลังมือหล่อนเบาๆ ราวกับรออยู่ก่อนแล้ว ทำให้น้ำชาที่มีอยู่เต็มกากระฉอกออกมาบนโต๊ะหลายหยด

“นี่เธอหายไปนานขนาดนั้นเพื่อจะมาทำแค่นี้น่ะหรือ”

“…ขอ ขอโทษค่ะ”

“เธอทำชาหกด้วยนี่ มัวทำอะไรอยู่ทำไมไม่รีบเช็ดล่ะ ไม่เห็นหรือว่าโต๊ะเลอะหมดแล้ว”

“ดิ ดิฉันจะเช็ดเดี๋ยวนี้ค่ะ”

“แล้วชาล่ะ จะรินให้เมื่อไหร่”

“…เอ่อ คือว่า…”

หรือว่าแอนนี่เกลียดเบอร์รีมาตลอดอย่างนั้นหรือ เสียงหัวเราะคล้ายจะหลุดออกมา เธอจึงทำเป็นยกผ้าเช็ดหน้าของซาร่าขึ้นมาเช็ดปากเสีย

ไม่น่าเชื่อว่าสาวใช้ที่เด็กที่สุดในคฤหาสน์จะได้รับการปฏิบัติแบบนี้ ออกจะน่าดูไม่ใช่หรือ อาเรียยกยิ้มพอใจให้แอนนี่ที่รู้จักกลั่นแกล้งรังแกหล่อนเป็นอย่างดี พร้อมกับถอยออกมาจากสนามรบหนึ่งก้าว

หล่อนคงรู้สึกแย่ที่ถูกสาวใช้ด้วยกันอย่างแอนนี่ตำหนิติเตียนมากกว่าคนที่มีกำพืดเดียวกันแต่ได้เลื่อนสถานะขึ้นมาอย่างเธอ หล่อนจะต้องโกรธแน่นอน หากยังเป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเกลียดชังก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น และความเกลียดนั้นจะเปลี่ยนทิศไปทางอื่นเพราะหล่อนไม่สามารถแสดงมันออกมาได้นั่นเอง

อย่างเช่นเอ็มม่าที่ส่งหล่อนมาให้กับนางมารร้าย หรืออาจจะเป็นมิเอล ซึ่งหากเป็นคนหลังเธอคงมีความสุขเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทีเดียว

แต่หล่อนไม่อาจแสดงความไม่พอใจต่อคนทั้งสองที่เป็นเจ้านายที่แท้จริงของตนได้ ดังนั้นหล่อนจะต้องไประบายกับสาวใช้คนอื่นๆ ถึงอย่างนั้นหล่อนก็คงไม่ได้รับความเห็นใจอยู่ดี ทำไมน่ะหรือ

‘ก็เพราะฉันจะทำดีกับสาวใช้และคนรับใช้คนอื่นทุกคนยกเว้นหล่อนยังไงล่ะ’

ทุกคนจะต้องคิดว่าเบอร์รีแปลก หรืออาจจะโกรธจนพูดว่า ‘เธอพูดถึงเลดี้อาเรียผู้แสนใจดีแบบนี้ได้ยังกัน’ ก็ได้

แล้วเธอควรทำให้ชีวิตบั้นปลายของหล่อนจบลงอย่างไรดีล่ะ

‘ทำให้หล่อนใส่ยาพิษลงในชาฉันดีไหมนะ เพราะถ้าทำแบบนั้นหล่อนก็จะถูกบั่นคอต่อหน้าทุกคน’

ไม่ดีกว่า ใช้งานหล่อนให้หนักเยี่ยงทาสไปตลอดชีวิตก็ไม่เลวทีเดียว หรือจะสั่งให้ไปทำความสะอาดโรงม้าเหมือนอย่างที่เจสซี่เคยโดนตัดสินผิดไปก็ดีเหมือนกัน

ทางเลือกมีอยู่ตั้งมากมาย ฉะนั้นเธอจึงสามารถรังแกหล่อนได้ตามที่ใจต้องการ จนกว่ากระดูกของเบอร์รีจะสลายหายไปนั่นล่ะ

รอยยิ้มของอาเรียมีแต่จะเด่นชัดขึ้นทุกที

……………………….

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์ อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่ ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…! “ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า” เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า! เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย! เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset