พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – ตอนที่ 92

* * *

สายตาของอาเรียหันไปมองเบอร์รี่ที่กำลังรินชาอยู่ แม้เธอจะชำนาญเรื่องการทำเป็นนิ่งเฉย แต่ไม่นานมานี้เธอเพิ่งได้รับความตึงเครียดและความวิตกกังวลอีกครั้ง บางครั้งก็ปิดบังความโกรธไว้ไม่ได้

ในวันงานหมั้นของซาร่า หลังจากได้พบกับมกุฎราชกุมารก็รู้สึกชอบใจและเหม่อลอยอยู่บ่อยๆ ตอนแรกยังสังเกตไม่ได้ด้วยซ้ำ และหลังจากวันนั้นเพราะชายชนชั้นสูงหลายต่อหลายคนต่างเอาของขวัญ ดอกไม้มาให้เธอได้ทุกวันทำให้เธอยุ่งมาก

แต่ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปราวกับบอกให้รู้แบบนี้ แน่นอนว่าต้องสนใจเธออยู่ไม่น้อย เพราะความรู้สึกที่เปลี่ยนไปกลับส่งผลเยอะขนาดนี้

หากเป็นเธอในอดีตจะคิดว่าในที่สุดก็ว่านอนสอนง่ายขึ้นแล้วสินะแล้วก็มองข้ามไป แต่ความจริงที่เธอรู้อยู่แล้วว่านิสัยของเบอร์รี่แน่มากแค่ไหนทำให้อดแปลกใจไม่ได้

‘ไม่หรอกน่า คงไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีไว้หรอก’

แต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะหล่อนฮึกเหิมขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะอยู่นิ่งเฉยได้แน่

ต้องทำอะไรไว้อยู่แน่นอน

เธอหยุดมองเบอร์รี่ที่กำลังรินชาและจัดขนมอยู่ครู่หนึ่ง แอนนี่ที่เพิ่งไปพบบารอนเวอร์บูมก็กลับมาด้วยใบหน้าที่สดใส พร้อมกับจดหมายที่เคยเห็นมาตลอดในมือของเธอ

แอนนี่ออกไปข้างนอกทีไรจะกลับมาก่อนอาทิตย์ตกดินเสมอ แต่ครั้งนี้กลับเร็วกว่าที่คิด หรือเพราะอย่างนั้นเบอร์รี่จึงแสดงสีหน้าตกใจ

“เลดี้! เอาจดหมายมาแล้วค่ะ! ด้านล่างมีขุนนางที่เพิ่งเจอครั้งแรกมาด้วยนะคะ ลองแอบฟังดูพวกเขาพูดเรื่องเลดี้อยู่ด้วยค่ะ! หากเลดี้กลายเป็นผู้ใหญ่แล้วจะเริ่มเข้าในแวดวงสังคม บรรดาคุณชายทั่วทั้งอาณาจักรอาจจะตรงมาหาเลดี้ที่คฤหาสน์ก็ไม่รู้นะคะ! ตอนนี้ก็งดงามอยู่แล้ว หากโตเป็นสาวจะยิ่งงดงามขนาดไหนกันคะเนี่ย!

“ไม่ต้องโวยวายใหญ่เลย เอามานี่เร็ว”

จดหมายที่แอนนี่เอามาเป็นจดหมายจากอาซ จะพูดให้ถูกมันคือจดหมายจากผู้ลงทุนนั่นเอง แต่เนื่องจากภายในมีเนื้อหาที่น่าสนใจอยู่เต็ม เธอจึงคาดหวังเป็นอย่างมาก

ทันทีที่รับก็เปิดจดหมายขึ้นมาอ่านทันที และแอนนี่ที่เห็นอาเรียอ่านจดหมายก็ยิ้มพลางพูดคนเดียว

“เขาเป็นใครกันนะ ที่ทำให้เลดี้อารมณ์ดีแบบนี้ได้”

“ไม่ใช่คนธรรมดาล่ะสิ”

ต่างจากในอดีต ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงทำลายกำลังฝั่งศัตรูได้

เพราะเธอเป็นคนที่สอนแค่หนึ่งอย่างแต่กลับทำได้ถึงสิบ จนชนชั้นสูงหายไปกว่าครึ่งแล้วอย่างไรล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น

‘จะมอบผลสำเร็จของธุรกิจตัวเองให้กับผู้ลงทุนอย่างเธอเนี่ยนะ’

แม้เงินทุนที่เธอให้เขาไม่ใช่จำนวนเงินที่เยอะมากเท่าไรนัก อาเรียที่อ่านเนื้อความว่าเขาจะตอบแทนจึงยิ้มออกมา

จะมีนักลงทุนคนไหนที่จะปฏิเสธข้อเสนอแสนหอมหวานแบบนี้ได้กันนะ เป็นการประจบขั้นสุดแล้วล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้นในจดหมายฉบับที่แล้วยังเขียนไว้ว่าพวกเขาจะดึงการลงทุนจากมกุฎราชกุมารและงบประมาณของวังมาอีกด้วย

แน่นอนว่าแทนที่จะเรียกว่าเป็นการดึงเงินมา แต่มันเป็นเพียงแค่การลงทุนสำหรับเงินที่หามาได้จากสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างไรก็ตามเธอได้รู้เป้าหมายของเขาแล้วล่ะ

‘หรือเขาต้องการจะปล่อยข่าวลือว่าแม้แต่นักธุรกิจรุ่นใหม่ กระทั่งผู้มีอำนาจต่างมาร่วมกับเขาด้วยอย่างนั้นเหรอ นักลงทุน A ที่ขโมยผลประโยชน์ทั้งหมดนั้นก็ไม่มีทางที่จะแสดงความไม่พอใจอยู่แล้ว’

เขาตั้งใจจะเรียกร้องถึงขั้นไหนกันนะ

หรือตั้งใจจะพังอำนาจของพวกขุนนางกัน เมื่อสังเกตจากการกระทำของเขาในอดีต ตอนนี้ก็เพียงพอที่จะสามารถทำได้แล้ว ทำไมเขาถึงโลภมากขนาดนั้นกัน ราวกับว่าจะชุบตัวใหม่เป็นผู้ที่ใครก็แตะต้องไม่ได้อย่างนั้น

ภาพนั้นทำให้เธอนึกถึงตัวเองที่พยายามไม่ย้อนกลับรอยเดิมอย่างอดีต ดิ้นรนสุดชีวิต

เมื่อตกอยู่ในห้วงความคิดอยู่ชั่วครู่ ก็สังเกตเห็นว่าแอนนี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามสั่งให้เบอร์รี่รินชาให้ แต่ทำไมจู่ๆเบอร์รี่ถึงได้ลังเลที่จะรินชา

“คราวนี้หูเธอเป็นอะไรอีกล่ะ ไม่ได้ยินที่พูดเหรอ”

“…”

แม้จะต่างจากปกติ อาเรียที่เฝ้าสังเกตสถานการณ์อยู่ก็เบิกตาโตขึ้นพลางเช็กเวลาในนาฬิกาทรายจากนั้นจึงพูดกับแอนนี่

“ฉันยังคอไม่แห้งเท่าไรนัก เธอเอาไปดื่มก่อนเถอะ”

“เลดี้คะ”

แอนนี่มองอาเรียด้วยสายตาแปลกๆเพราะในสถานการณ์นี้เบอร์รี่สมควรที่จะถูกตำหนิจึงจะเหมาะสมต่างหาก

หลังจากนั้นใบหน้าของเบอร์รี่ก็ถอดสีทันที

“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็… ขอบคุณนะคะเลดี้”

แอนนี่รับถ้วยชาที่อาเรียส่งมาให้อย่างเหม่อลอย

จนกระทั่งถ้วยชาที่อาเรียส่งมาก็เข้าปากของหล่อน เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

“ดะ เดี๋ยวก่อน…!”

เป็นอย่างที่คาดไว้ แอนนี่รีบยื่นมือมาอย่างรวดเร็ว

เหตุผลนั้นชัดอยู่แล้ว เพราะว่าคนที่สมควรจะดื่มชานั้นไม่ใช่แอนนี่อย่างไรล่ะ อาเรียที่สังเกตสถานการณ์ทั้งหมดจึงหรี่ตาลง

“ไม่นะ!”

ทว่าสายไปเสียแล้ว แอนนี่ดื่มชาไปแล้วสองสามอึก แอนนี่ที่ยื่นมือช้าไป ดันไปชนกับถ้วยชาทำให้ชุดของเธอเลอะเทอะไปหมด

“…ทำอะไรของเธอน่ะ!”

เสียงถ้วยชาที่หล่นแตกดังขึ้นพร้อมกับเสียงอาละวาดของแอนนี่ ดูมีสติต่างจากที่คิดไว้

“อะ แอนนี่…!”

เพราะแผนการณ์พังไปหมด เบอร์รี่จึงเรียกชื่อแอนนี่ทั้งที่หน้าซีดเผือด

แค่ชาถ้วยเดียวถึงกับต้องแสดงท่าทางแบบนั้น…

‘หรือว่ามันจะเป็นยาพิษ’

แม้จะรู้สึกเสียใจที่แอนนี่ต้องดื่มชาแทนตัวเอง แต่หากไม่แคลงใจคนที่ดื่มชานั้นอาจจะเป็นตัวเองก็ได้ แค่คิดริมฝีปากเธอก็แห้งผากไปหมด

‘ไม่เป็นไร แค่ย้อนเวลาด้วยนาฬิกาทรายก็ได้ ถ้าอย่างนั้นแอนนี่ก็จะกลับไปตามเดิม เป็นสถานการณ์ยังดีกว่าตัวเองต้องดื่มชานั่นแล้วตายไปเอง’

แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ในสถานการณ์ที่ยังไม่แน่ชัดดีนัก อาเรียที่ตื่นตระหนกจึงแอบพลิกนาฬิกาทรายทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากแอนนี่

แอนนี่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ยังคงตำหนิเบอร์รี่อยู่

“มัวทำอะไรอยู่ทำไมไม่รีบเช็ด!”

“มะ ไม่เป็นไรแน่เหรอ…!”

“ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าให้พูดแบบสนิทสนมได้กัน”

“อะ แอนนี่…!”

“เธอนี่ต้องโดนดุเสีย…!! อึก!”

ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงสถานการณ์รอบตัว แอนนี่ที่มัวแต่โมโหดุด่าเบอร์รี่ ทันใดนั้นก็เบิกตาขึ้นพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่าจะเป็นผลจากอะไรสักอย่าง

“…แอนนี่!”

“…!”

แต่จะว่าไปก่อนหน้านี้เธอที่ใช้ให้เบอร์รี่เช็ดโต๊ะกลับล้มฟุบไปเสียอย่างนั้น เพราะอย่างนั้นทำให้ของที่อยู่บนโต๊ะกระจัดกระจาย ตกลงบนพื้นเสียงดัง เป็นภาพที่พิลึกมาก

อาเรียและเบอร์รี่เฝ้ามองแอนนี่ที่นิ่งแทบจะกลายเป็นหินอยู่ ทันใดนั้นเบอร์รี่ก็ตัวสั่นจนล้มลงไปนั่งกองกับพื้น

“เธอ…! ใส่อะไรลงไปในชานั่นกันแน่”

เสียงของอาเรียยิ่งทำให้เบอร์รี่สติแตกจนเผลอพูดพึมพัมออกมาคนเดียว

“มะ ไม่ได้จะให้เป็นแบบนี้นี่นา…. ทำอย่างไรดีนะ… ฉันไม่คิดว่าแอนนี่จะดื่มมัน…”

“ฉันถามว่าเธอใส่อะไรลงไป!”

“ฉันจะทำอย่างไรต่อไปดี…”

อาเรียเหมือนจะสติหลุดไปครู่หนึ่งพลางจับผมของเบอร์รี่

ตั้งใจจะจับมาจ้องตา แต่ดูเหมือนหล่อนจะสติแตกจนตาลอยไปเสียแล้ว

หากแผนการล้มเหลวจนต้องหวาดระแวงขนาดนั้น ไม่ผิดแน่ว่าหล่อนใส่ยาพิษลงไปในชา

คิดแล้วว่าหล่อนต้องไม่เปลี่ยนนิสัยเดิมแน่นอน อาเรียจึงเปิดกล่องเอานาฬิกาทรายออกมา

เพราะล่าช้าไปแม้แต่วินาทีเดียวจะทำให้ไม่สามารถย้อนเวลาได้

“มัวทำอะไรอยู่ไม่รีบรินชาให้”

พริบตาเดียวภาพในสายตาของเธอก็เปลี่ยน กลับเห็นแอนนี่ในสภาพปกติ เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังดุที่เบอร์รี่ไม่ยอมรินชาให้ ดูท่าจะยังไม่ดื่มชานั้น

โล่งอกที่ยังไม่สายเกินไป แอนนี่ที่เห็นอาเรียยืนอยู่ข้างลิ้นชักทั้งที่ก่อนหน้ายังนั่งอยู่ที่โต๊ะจึงถามอาเรีย

“เอ๊ะ เลดี้ลุกจากที่นั่งตอนไหนคะ แล้วเอานาฬิกาทรายออกมาตอนไหนคะ สั่งฉันสิคะ”

หากสั่งเธอจะสามารถทำสำเร็จไหมนะ

อาเรียมองหล่อนที่เพิ่งฟื้นจากความตายไม่พูดอะไรพลางเดินกลับไปนั่งที่เดิม

“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ!”

“…ไม่ล่ะ”

ใครต้องเป็นห่วงใครกันแน่นะ

แอนนี่ที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตัวเองกำลังเป็นห่วงอาเรียอยู่

อาเรียยิ้มเฝื่อนพลางยกถ้วยชาขึ้นอย่างช้าๆ เบอร์รี่มองด้วยแววตาเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง

ใครจะเป็นแม่พระ ใครจะเป็นหญิงร้ายกันแน่

หญิงร้ายโดนแม่ชีคุกคามชีวิตตัวเองจะมีอย่างโลกที่ไหนกัน เมื่ออาเรียยกถ้วยชาขึ้นแตะปาก สีหน้าของเบอร์รี่ก็มองแปลกๆ

สีหน้าราวกับบอกให้รีบดื่มชาเข้าไปเสียอย่างนั้น ก่อนหน้านี้ยังหวาดระแวงจนน้ำตาไหลอยู่เลย

เมื่อไปถึงเป้าหมายสำเร็จ ทันใดนั้นแววตาของหล่อนก็ดูเป็นประกายขึ้นมาทันที

คิดว่าสมควรจะตัดคอหล่อนแล้วแขวนไว้ที่กำแพงเสียงจริง พลางยกถ้วยชาแตะริมฝีปาก ทำเป็นดื่มหนึ่งอึก แล้ววางแก้วลง ทันทีที่วางถ้วยชาลงก็เห็นสีหน้าเบอร์รี่สดใสจนปิดไม่มิด

‘นังสารเลวนั่นต้องฆ่าทิ้งไปน่าจะดีซะกว่า’

อาเรียจับผมของเบอร์รี่ขึ้นพลางถามอีกครั้ง

“เบอร์รี่… รสชาติชาแปลกไปนะ เธอใส่อะไร…”

ฟุบ

พูดยังไม่ทันขาดคำอาเรียก็ล้มฟุบลงบนโต๊ะ ทันใดนั้นแอนนี่ก็แผดเสียงดัง เบอร์รี่รีบวิ่งหนีออกไป

“เลดี้คะ!”

หลังจากที่หล่อนแผดเสียงดัง ข้ารับใช้คนอื่นจึงเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่าอาเรียล้มฟุบลงต่างแผดเสียงไม่ต่างกัน

 “ตายแล้ว…!  เลดี้อาเรีย!”

“เรียกหมอเร็วเข้า!”

“จะทำอย่างไรดี…!”

ทั้งที่ยังไม่กล้าแม้แต่จะจับหล่อนกระทืบเท้าพลางแผดเสียงออกมาช่างไร้มารยาทเสียจริงแต่เมื่อได้ยินเสียงเหมือนจะร้องไห้ทำให้เธอรู้สึกแปลกไป แม้จะนอนคว่ำอยู่จึงไม่เห็นอะไร แต่รู้สึกได้ว่าทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์นั้น

ในอดีตแม้จะถูกกลั่นแกล้งอย่างรุนแรงแต่ทุกคนต่างหัวเราะเยาะสมเพช

ได้ยินเสียงคนเข้ามาในห้องอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะมีแขกจากข้างนอกมาด้วย สถานการณ์จึงเริ่มร้ายแรงกว่าที่คิด

“อาเรีย!”

เคานติสที่แผดเสียงดังพลางโผกอดร่างบอบบางของอาเรีย เพราะเธอทิ้งตัวอยู่ทำให้ตัวเธอไร้เรี่ยวแรงเหมือนกับคนตายแล้ว ทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง

“มันทำอะไรกัน! ทำไมไม่รีบย้ายไปที่เตียง!”

จากนั้นก็ได้ยินเสียงรีบเร่งไม่สมกับเป็นท่านเคานต์ ทันใดนั้นทุกคนที่ก่อนหน้าไม่กล้าขยับตัวทำอะไรจึงรีบย้ายร่างของอาเรียไปนอนบนเตียง

“หมอล่ะ!”

“ออกไปเรียกแล้วค่ะ! อีกไม่นานก็จะถึงแล้วค่ะ!”

“ตายจริง… นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

เคานติสเปล่งเสียงราวกับจะร้องไห้พลางกุมมืออาเรียแน่น เพราะว่าไม่ได้โดนยาพิษจริงๆ จึงรู้สึกถึงไออุ่นจากมือของเธอ ดูเหมือนว่าจะโล่งใจขึ้นมาสักหน่อย จึงถามเสียงดังว่าใครเป็นคนก่อเรื่อง

“บะ เบอร์รี่ค่ะ!”

แอนนี่ตอบ เพราะแอนนี่เห็นสถานการณ์ทุกอย่างจึงตอบว่าผู้ร้ายคือเบอร์รี่อย่างไม่ลังเล

“เลดี้ดื่มชาที่เบอร์รี่รินให้แล้วก็ล้มลงไปค่ะ! ชานั่นค่ะ!”

ใช่แล้ว แอนนี่เป็นเด็กที่ใช้งานได้นี่นา ตั้งใจจะวางลงแล้วค่อยๆล้มแล้ว ดูเหมือนว่าหล่อนจะรู้เรื่องด้วยสินะ

หล่อนชี้ไปที่ถ้วยชาที่ยังเหลืออยู่บนโต๊ะ ท่านเคานต์จึงบอกข้ารับใช้ให้รีบจัดแจงเก็บไว้

“รีบตามหาเบอร์รี่เร็วเข้า! แล้วทำไมหมอถึงไม่มาสักทีล่ะ!”

เธอหลับตาลงท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวาย ก็รู้สึกง่วงอยู่เหมือนกัน เพราะว่าใช้นาฬิกาทรายก็น่าจะเป็นแบบนั้นอยู่

อาจจะทนไปได้อีกสักหนึ่งสองชั่วโมง แต่เวลาที่หมอมาตรวจอาจจะวุ่นวาย ดังนั้นนอนเสียตอนนี้น่าจะดีกว่า

โชคดีจริงๆ ที่มีนาฬิกาทรายอยู่ อาเรียคิดพลางผล็อยหลับไป

……………………….

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์ อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่ ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…! “ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า” เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า! เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย! เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset