พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 281 กระโดดเข้าบึงโคลน

มั่วชิงเฉินมองดูขวดหยกที่ว่างเปล่าแล้วถอนใจ จากนั้นขว้างขวดหยกออกไป

 

 

ขวดหยกกระทบถูกผาหิน ส่งเสียงดังก๊อง หล่นลงบนพื้นกลิ้งอยู่สองสามรอบ กลับไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย

 

 

นึกไม่ถึงจริงๆ เวลาหนึ่งปีก็ผ่านไปเช่นนี้แล้ว

 

 

มั่วชิงเฉินรัดสายรัดเอวแน่นขึ้นอีกหน่อย ก้มหน้าดูชุดเขียวที่นับวันยิ่งหลวมโคร่ง แล้วยิ้มเยาะตนเองทีหนึ่ง

 

 

ช่วงนี้ถูกโอสถของยายแก่บ้านั่นทรมานแทบตาย เป็นเช่นนี้ต่อไปยามนางชิงเปลือกเห็นสภาพหนังหุ้มกระดูกของตนเช่นนี้ ไม่รู้จะคิดเช่นไรนะ? นึกถึงตรงนี้ ไม่คิดว่าในใจจะเกิดความรู้สึกสะใจที่ได้เอาคืน

 

 

ไม่ได้ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปตนต้องวิปริตแล้ว

 

 

มั่วชิงเฉินรีบไล่ความคิดพวกนี้ไป โบกมือใส่หลังคาถ้ำ ค้างคาวสองสามตัวก็บินพรึบออกไป จากนั้นนั่งขัดสมาธิ เริ่มบำเพ็ญเพียรตามกิจวัตรประจำวัน

 

 

ในเมื่อกินยาหมดแล้ว ไม่แน่ยายแก่บ้านั่นก็จะมาแล้ว

 

 

ใครจะรู้ว่าครั้งนี้มั่วชิงเฉินกลับคาดการผิดแล้ว หนึ่งเดือนเต็มๆ หลังจากกินโอสถหมด ก็ไม่เห็นเงาของอูเย่ว์

 

 

หรือว่านางเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น หรือว่า กำลังหาโอสถนอกรีตให้ตนอีกแล้ว?

 

 

มั่วชิงเฉินแอบคาดคะเน ในใจเกิดตุ้มๆ ต่อมๆ ขึ้นมา

 

 

ตามการผ่านเลยไปของวันเวลา นางถูกกักอยู่ในถ้ำนี้ออกก็ออกไปไม่ได้อีก ตรงกันข้ามกลับแอบโหยหาให้อูเย่ว์ปรากฏตัวขึ้นในเร็ววัน

 

 

ในวันนี้ มั่วชิงเฉินที่นั่งขัดสมาธิบำเพ็ญเพียรลืมตาขึ้นกะทันหัน เพราะถูกกักอยู่ในถ้ำที่มืดมนมานาน ดวงตาดอกท้อคู่นั้นกลับนับวันยิ่งสุกใสแล้ว

 

 

มีความเคลื่อนไหว หรือจะเป็นยายแก่บ้านั่น?

 

 

นางลุกขึ้นยืนแนบผาเดินหน้าไปอย่างไม่กระโตกกระตาก จากนั้นก็ได้ยินเสียงต่อว่ารางๆ ดังมาจากทางปากถ้ำ

 

 

“ยัยเด็กบ้า เจ้าทำอะไรอยู่?” คือเสียงของยายแก่บ้านั่น

 

 

มั่วชิงเฉินขมวดคิ้ว หรือว่านางนับวันจะยิ่งวิปลาสขึ้นแล้ว เหตุใดบัดนี้ยังอยู่นอกถ้ำก็เริ่มด่าแล้ว

 

 

ทว่าจากนั้นกลับพบว่าตนคิดผิดแล้ว

 

 

เสียงหญิงสาวอายุน้อยที่แฝงด้วยความผยองหลายส่วนเสียงหนึ่งลอยมา “ข้าไม่ได้ทำอะไรนี่นา”

 

 

มั่วชิงเฉินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เป็นเสียงของมั่วหร่านอีอย่างคาดไม่ถึง ไยนางถึงมาที่นี่ได้?

 

 

เสียงของอูเย่ว์ยิ่งแหลมขึ้นว่า “ไม่ได้ทำอะไร ฮึ เจ้านึกว่าข้าแก่ตาฝ้าฟางจริงหรือ ยัยเด็กบ้า ในเมื่อเหยาเจียฉีคุมเจ้าไม่อยู่ เช่นนั้นก็ให้ข้าสั่งสอนเจ้าแทนนางแล้วกัน…”

 

 

จากนั้นก็ได้ยินเสียงเสื้อผ้าพลิ้วไหวกลางอากาศ เสียงของหญิงสาวอีกเสียงหนึ่งลอยมาว่า “พี่อู ได้โปรดยั้งมือด้วย…”

 

 

“เป็นอันใด เจียฉี อาลัยอาวรณ์บุตรสาวที่รักของเจ้าแล้ว?” เสียงของอูเย่ว์ยิ่งสยดสยองขึ้น

 

 

ข้างนอกเงียบกริบ

 

 

มั่วชิงเฉินฟังจนตกตะลึงพรึงเพริด ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น หรือว่ามั่วหร่านอีมาช่วยตนกลับถูกยายแก่บ้านั่นพบเข้า? นึกถึงตรงนี้ใจตุ้มๆ ต่อมๆ ขึ้นมา

 

 

จากนั้นได้ยินเสียงอูเย่ว์หัวเราะเย้ยอีกว่า “ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ เจียฉี สถานที่ล้ำค่าของเจ้านี้ข้าไม่กล้าอยู่แล้ว”

 

 

เพิ่งสิ้นเสียงก็เห็นแสงสว่างขึ้นแวบหนึ่งที่ปากถ้ำ จากนั้นอูเย่ว์โผล่เข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลงจับมือของมั่วชิงเฉินลากนางออกไป จากนั้นลากนางกระโดดขึ้นแมงป่องสีแดงเพลิงบินไปบนฟ้าแล้ว

 

 

“พี่อู พี่อู…” เสียงของเหยาเจียฉีดังมาจากด้านหลัง ทว่าอย่างรวดเร็วก็ไม่ได้ยินแล้ว มั่วชิงเฉินกระทั่งหน้ามั่วหร่านอีก็ยังเห็นไม่ชัด เห็นเพียงเงาร่างสีแดงเล็กลงอย่างรวดเร็วจากนั้นหายไปจากสายตา

 

 

“หร่านอี เรื่องอะไรกัน?” หญิงสาวชุดชมพูเข้มถามเสียงเข้ม ดูตบะ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดคนหนึ่ง!

 

 

มั่วหร่านอีที่ใส่ชุดสีแดงสดทั้งตัวยืดตัวตรง เม้มปากไม่พูด

 

 

เหยาเจียฉีแอบถอนใจอึดหนึ่ง ตั้งแต่ที่อูเย่ว์นิสัยเปลี่ยนไป เดิมทีทั้งสองคนที่สนิทกันเหมือนพี่น้องก็ยิ่งเดินยิ่งห่างเหินอยู่แล้ว บัดนี้นางงอนจากไป เกรงว่าความสัมพันธ์พี่น้องหยดสุดท้ายก็ขาดลงแล้ว

 

 

นึกถึงบุญคุณช่วยชีวิตที่อูเย่ว์มีต่อตนแต่เก่าก่อน สายตาของเหยาเจียฉีที่มองไปที่มั่วหร่านอีเย็นชาลงมา “หร่านอี เจ้าไปโถงเลี่ยนหมัวรับโทษเองเถอะ จากนั้นกลับห้องปิดประตูสำนึกผิด ภายในสามเดือนห้ามก้าวออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว หุบเขาลั่วเยี่ยนครั้งนี้ก็ไม่ต้องไปแล้ว”

 

 

มั่วหร่านอีกัดริมฝีปาก สุดท้ายเอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าค่ะ!” พูดจบหันหลังเดินออกไป เงาหลังกลับยังคงยืดตรงดังเดิม

 

 

แมงป่องสีแดงเพลิงแบกอูเย่ว์และมั่วชิงเฉินบินไปทางทิศตะวันตกอย่างเร็ว แก้มถูกลมตีจนเจ็บ ปราณมารที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มั่วชิงเฉินขมวดคิ้วอย่างไม่สบายตัว

 

 

ไม่รู้บินนานเท่าไร ในที่สุดแมงป่องสีแดงเพลิงก็ร่อนลงไป อูเย่ว์ใช้กำลังลากมั่วชิงเฉินกระโดดลงไป

 

 

มั่วชิงเฉินมองไป ถึงพบว่าไกลออกไปเป็นเทือกเขาเขียวขจี ส่วนที่ที่อยู่กลับรกร้าง มีแต่บึงโคลนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความตาย

 

 

“กระโดดลงไป!” อูเย่ว์สั่งว่า

 

 

“อะไรนะ?” มั่วชิงเฉินชะงัก

 

 

อูเย่ว์ออกแรงผลักมั่วชิงเฉินทีหนึ่ง ตะคอกว่า “อย่าพูดมาก ข้าให้เจ้ากระโดดลงไป!”

 

 

มั่วชิงเฉินมองบึงโคลนตรงหน้า ข้างในเต็มไปด้วยโคลนตมดำเมี่ยมโสมม มีฟองปะทุขึ้นมาเป็นพักๆ ส่งเสียงประหลาด

 

 

เช่นนี้กระโดดลงไปได้? นางใช้หางตากวาดอูเย่ว์ปราดหนึ่ง พบว่าใบหน้านางปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง ท่าทางเหมือนจะโกรธอาละวาด

 

 

เห็นมั่วชิงเฉินลังเล อูเย่ว์แย้มยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่กระโดด ยัยเด็กบ้า คนรักของเจ้าก็อยู่ข้างล่างนะ…”

 

 

ยังไม่สิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงต๋อมเสียงหนึ่ง มั่วชิงเฉินกระโดดลงไปแล้ว

 

 

“ฮึ ช่างรักกันลึกซึ้งเสียจริง!” อูเย่ว์ฮึเสียงเย็นเสร็จ ก็กระโดดลงไปในบึงโคลนเช่นกัน

 

 

“เขาอยู่ไหน?” มั่วชิงเฉินปาดเปือกตมดำเมี่ยมเหม็นคาวบนหน้าทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ ถามเสียงเย็นชาว่า

 

 

ไม่คิดว่าใต้บึงโคลนเป็นอีกโลกหนึ่ง เต็มไปด้วยปะการัง กุ้งมัจฉาหยอกล้อกัน ที่เหยียบอยู่คือทรายทองที่ละเอียดนุ่มนวล หินไข่ห่านหลากสีผสมปนเปอยู่ในนั้น ดูแล้วแปลกตาน่าสนใจ เหมือนวังบาดาลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างคาดไม่ถึง

 

 

“เจ้าตามข้ามา” อูเย่ว์พูดพลางเหยียบทรายทองเดินหน้าไป แต่พอเลี้ยวไปกลับทำให้มั่วชิงเฉินต้องเบิกตากว้าง

 

 

ตรงหน้าเหมือนที่นาผืนหนึ่งถูกแบ่งเป็นสี่ หนึ่งในนั้นเบียดเต็มไปด้วยแมงป่องสีแดง สระอีกสระหนึ่งคือคางคกนับไม่ถ้วนร้องอ๊อบๆ สระที่สามข้างในไม่ใช่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน กวาดมองอย่างไม่ตั้งใจปราดหนึ่ง ก็จะพบตะขาบ จิ้งจกและสัตว์มีพิษต่างๆ นานา ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกมันอยู่ร่วมกันได้เช่นไร

 

 

สระที่สี่เบียดแน่นไปด้วยงูน้ำขนาดต่างๆ กัน สีสันสดใส กระดืบๆ ไม่หยุด หัวงูนับไม่ถ้วนกระดกขึ้นมาขู่ฟ่อๆ เพ่งพิศไปทั่ว

 

 

ที่น่ากลัวที่สุดคือ ทางตัดกันเพียงเส้นเดียวก็อยู่ตรงกลางสระสี่สระนี้ ส่วนสัตว์มีพิษทั้งสี่สระนี้เต็มจนเกือบล้นออกมาแล้ว งูและสัตว์ไม่น้อยก็เตร็ดเตร่อย่างเอ้อระเหยอยู่บนทางตัดกันนี้

 

 

“นางหนู ดูสิบ้านของยายเป็นเช่นไร ครึกครื้นสินะ เจ้าดูสิมีเด็กๆ มากมายคอยต้อนรับพวกเรา” อูเย่ว์ยิ้มอย่างน่าสยอง

 

 

“วิปริต!” มั่วชิงเฉินพึมพำในใจ แล้วถามเสียงเย็นชา “เขาอยู่ไหน?”

 

 

“ใครน่ะ?” อูเย่ว์ยิ้มอย่างมีเลศนัย

 

 

มั่วชิงเฉินแอบกำหมัด

 

 

อูเย่ว์กลับไม่สนใจนางอีก ตบมือหนึ่งทีทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงซู่เสียงหนึ่ง แล้วก็เห็นสระที่เบียดเต็มไปด้วยงูน้ำจู่ๆ ก็มีแท่นหนึ่งโผล่ขึ้นมา บนแท่นสูงวางโลงผลึกแก้วไว้ใบหนึ่งตามแนวราบ ชายในโลงชุดเขียวเปื้อนเลือด ใบหน้าเย็นชา กลับดันสะดุดตาคนเหมือนดวงตะวัน

 

 

มองเพียงปราดเดียว มั่วชิงเฉินก็จำคนในโลงผลึกแก้วได้ทันทีว่าคือเยี่ยเทียนหยวน!

 

 

“เจ้า…เจ้าทำอะไรกับเขา?” เสียงพูดของมั่วชิงเฉินสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว กลับไม่รู้โดยสิ้นเชิง

 

 

เพ่งพิศสีหน้าซีดเซียวของมั่วชิงเฉิน อูเย่ว์กลับรู้สึกสะใจอย่างรางๆ ยื่นมือบีบใบหน้าของนางว่า “นางหนูคนดี เจ้าวางใจได้ เพื่อเจ้าแล้ว ยายก็ทำใจให้เขาตายไม่ได้เช่นกันนะ ฮ่าๆ…”

 

 

หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเสร็จโบกมือทีหนึ่ง แท่นสูงก็ลดลงไปอีก ในสระเบียดเต็มไปด้วยงูน้ำในพริบตา

 

 

“เยี่ย…” มั่วชิงเฉินตะโกนเรียกเสียงหนึ่ง กลับรีบหยุดปากโดยเร็ว แล้วมองอูเย่ว์ด้วยความโกรธ เอ่ยอย่างเคียดแค้นว่า “ยายแก่บ้า ตกลงเจ้าจะเอาเช่นไร เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้าจะทำลายโฉมหน้าเดี๋ยวนี้?”

 

 

พูดพลางกริชเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ จ่อแก้มตนไว้ตรงๆ

 

 

อูเย่ว์สีหน้าแข็งทื่อ จากนั้นกลับหนังหน้าสั่นพลางหัวเราะว่า “ยัยเด็กบ้า เจ้าลองกรีดดู ขอเพียงเจ้ากล้ากรีดทีหนึ่ง ข้าจะให้คนรักเจ้าตายไร้ดินกลบหน้า วิญญาณแตกสลายทันที!”

 

 

มั่วชิงเฉินมือสั่น กริชตกลงบนพื้น เอ่ยอย่างไม่มีเรี่ยวแรงว่า “ตกลงเจ้าจะเอาเช่นไร?”

 

 

อูเย่ว์เผยสีหน้าพอใจ ยื่นขวดหยกข้ามไปใบหนึ่งว่า “เข้าไปในห้องนั้น ดื่มของที่อยู่ข้างในลงไป จำไว้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าให้เจ้าทำอะไรก็ต้องทำ หากเจ้าไม่รู้สำนึก ข้าก็จะเอาชีวิตเจ้าเด็กนั่น!”

 

 

พูดถึงตรงนี้มองมั่วชิงเฉินแล้ว เอ่ยต่อว่า “นางหนูคนดี เจ้าวางใจได้ ขอเพียงเจ้าเชื่อฟัง วันหลังยายต้องดีต่อเจ้าเด็กนั่นแน่นอน ฮ่าๆ…” พูดพลางทิ้งมั่วชิงเฉินไว้ข้างหลัง แล้วเดินตรงไปยังห้องอีกห้องหนึ่งที่อยู่ฝั่งสระน้ำนั่น

 

 

มั่วชิงเฉินจ้องเงาหลังของอูเย่ว์ แสงเย็นชาพาดผ่านตาวาบหนึ่ง จากนั้นหลุบตาลง เดินไปทางด้านสระน้ำอย่างเงียบๆ กระทั่งเท้าเหยียบถูกงูและสัตว์มีพิษก็ไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิง ต่างกับท่าทางลนลานเมื่อครู่อย่างมาก

 

 

นางมองแผนการของยายแก่บ้านั่นออกแล้ว หลังจากชิงเปลือกแล้วคิดจะเอาเยี่ยเทียนหยวนทำหรูติ่งจะได้เพิ่มตบะอย่างรวดเร็วเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้จริงละก็ เช่นนั้นก่อนที่จะชิงเปลือกนางต้องไม่ฆ่าเยี่ยเทียนหยวนแน่!

 

 

นึกถึงตรงนี้มั่วชิงเฉินก็โล่งอก ไหนๆ บัดนี้ทางออกเพียงทางเดียวของตนก็คือยามชิงเปลือก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เป้าหมายของทั้งสองคนกลับตรงกัน

 

 

จะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด!

 

 

หากตนตายอยู่ที่นี่ นั่นคือชะตาไม่ดี ทว่าทำให้เยี่ยเทียนหยวนเดือดร้อนไปด้วย ต่อให้ไปถึงใต้เมืองบาดาลในใจก็ไม่อาจสงบสุขได้

 

 

มั่วชิงเฉินสีหน้ายิ่งสงบขึ้น ยื่นมือผลักประตูออก

 

 

ค้างคาวนับไม่ถ้วนแย่งกันออกไป เกือบผลักนางหงายหลังกับพื้น

 

 

มั่วชิงเฉินมุมปากกระตุก ยายแก่บ้า ตกลงเจ้าวิปริตปานใดกันแน่!

 

 

ก้าวเข้าห้องแล้วเพ่งพิศตามสบายรอบหนึ่ง ยังดีที่โล่งอกได้ ไม่คิดว่าห้องนี้ยังมีเตียงหินตัวหนึ่ง ปกติจนทำให้คนไม่อยากเชื่อ

 

 

มั่วชิงเฉินมาถึงข้างเตียงนั่งลง เปิดขวดหยกในมือออก กลิ่นคาวที่ทำให้คนคลื่นไส้สายหนึ่งลอยออกมา ต่อให้นางเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานระยะปลายแล้ว ก็พะอืดพะอมอยู่หลายทีอย่างยากจะควบคุมตนเอง

 

 

มองดูของเหลวดำข้นในขวดหยก มั่วชิงเฉินสีหน้าซีดเซียว นี่คืออะไรกันแน่ เป็นของที่คนดื่มได้จริงหรือ?

 

 

“ยัยเด็กบ้า เจ้ายังลังเลอะไรอยู่!” เสียงของอูเย่ว์ลอยมากะทันหัน

 

 

มั่วชิงเฉินใจเต้นแรง ที่แท้ยายแก่บ้านั่นไม่ได้ผ่อนคลายเลย คิดไปก็ถูก เกรงว่าคนที่รีบร้อนหวังให้ตนเลื่อนขั้นก่อแก่นทองที่สุดก็คือนางกระมัง

 

 

นึกถึงตรงนี้กลับวางใจลง กัดฟันหลับตา แหงนหน้าดื่มของเหลวขวดนั้นลงไป

 

 

“อ๊อก อ๊อก…” มั่วชิงเฉินพยุงเตียงอย่างคลื่นไส้

 

 

นางสาบาน ภายในสิบปีเกรงว่าคงไม่อยากอาหารอีกแล้ว!

 

 

ทว่าต่อจากนั้นสิ่งที่ทำให้คนยิ่งสยดสยองเกิดขึ้นแล้ว แล้วก็เห็นผิวที่ชุ่มชื้นดุจหยกในทีแรกกลายเป็นสีดำเมี่ยมในพริบตา ตามด้วยร่างกายส่งเสียงกร๊อบๆ แกร๊บๆ ทั้งตัว ผิวดำเมี่ยมร่วงลงเป็นแผ่นใหญ่ๆ ทั้งตัวร้อนวูบวาบไปหมด เจ็บเข้ากระดูก

พันธกานต์ปราณอัคคี

พันธกานต์ปราณอัคคี

สาวชนบทชีวิตอาภัพคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีจอมยุทธ์ผู้หนึ่งมารับตัวนางกลับไปยังตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรของบิดา ตั้งแต่นั้นชีวิตของนางจึงพลิกผันไปโดยพลัน ถึงกระนั้นพรสวรรค์ของนางกลับมิได้ล้ำเลิศเฉกเช่นบิดา ยังดีที่มี ‘สุราทิพย์’ คอยช่วยเหลือ และนำพานางไปสู่เส้นทางที่คนธรรมดาได้แต่วาดฝันถึง ในเส้นทางสายนี้ยังมีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่นางนั้นคาดไม่ถึง ทั้งออกผจญภัยปราบปีศาจสยบอสูร ปลูกสมุนไพรหลอมโอสถ โดนข่มเหงกีดกันเพราะความอ่อนด้อยจนไม่ต่างกับเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง และไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะพานพบกับรสรักที่ล้ำลึกเสียจนมิอาจถอน แรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานผูกนางกับเขาอย่างไร้หนทางแยกจากกันได้… หนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ช่างเปลี่ยนไปมาจนมิอาจคาดเดาได้ เขาจะเป็นคนรับใช้ที่โดดเด่นในโลก (อดีต) แห่งนี้ให้ดู!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset