พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 356 คนจนกรอบ

“น้องพี่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ถังมู่เฉินสองมือแหวกน้ำ

 

 

มั่วชิงเฉินพิงระเบียงมองทิวทัศน์อย่างใจเย็น คนผู้นี้หรือว่าจะไม่มียามที่ไม่ปากเปราะ?

 

 

ถังมู่เฉินแบบปากอย่างหมดสนุกว่า “ช่างเถอะ คนสวยไม่มาช่วยวีระบุรุษ วีระบุรุษขึ้นมาเองแล้วกัน”

 

 

เขาพูดพลางกระโดดขึ้นข้างบน ใครจะรู้ว่ายามนี้เองบนผิวน้ำปรากฏลมหมุนสีดำขึ้น ใจกลางก็คือตำแหน่งที่เขาอยู่

 

 

“ช่วย…ช่วยด้วย…” ครั้งนี้ เสียงถังมู่เฉินเปลี่ยนไปหมดแล้ว

 

 

นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานกำลังเข้ามาเชิญทั้งสองคนไปดื่มชาทิพย์เพื่อแสดงความขอบคุณ เห็นลมหมุนสีดำนั่นเข่าก็อ่อนหมดแล้ว เอ่ยอย่างงกๆ เงิ่นๆ ว่า “ลมเซาะดำ ลมเซาะดำที่ฉีกทึ้งสรรพสิ่งได้…ไย ไยถึง น่านน้ำแห่งนี้เป็นไปไม่ได้…”

 

 

มั่วชิงเฉินไม่รอให้นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานพูดจบ เถาวัลย์ในมือก็บินออกไปพันเอวของถังมู่เฉิน ไว้จากนั้นกระชากมาข้างหลัง

 

 

แรงดูดมหาศาลสายหนึ่งขึ้นมาตามเถาวัลย์ มั่วชิงเฉินถูกพลังที่มาอย่างกะทันหันนี้ลากปุ๊บ ก็ตกลงน้ำดังจ๋อมอย่างไม่คาดคิด ก่อนที่นางจะรู้สึกตัว ก็ถูกลากเข้าไปในลมหมุนสีดำแล้ว

 

 

ความเจ็บปวดที่ทั่วทั้งร่างถูกฉีกทึ้งถาโถมมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน เสื้อวิเศษที่ใส่แนบตัวเปล่งลำแสงห้าสีออกทันที ถึงทำให้ความเจ็บปวดเช่นนั้นถอยไปเหมือนกระแสน้ำ

 

 

มั่วชิงเฉินยกมืออัญเชิญไหมเกล็ดน้ำแข็งออกมา ไหมเกล็ดน้ำแข็งแปลงเป็นแสงสีขาวสายหนึ่งหุ้มขาสองข้างของนางไว้ทันที กลายเป็นหางปลาสีเงินหางหนึ่ง

 

 

มีหางปลานี้แล้ว ดูเหมือนควบคุมความสมดุลในลมหมุนสีดำได้แล้ว มั่วชิงเฉินยื่นมือออก เถาวัลย์สองเส้นพุ่งออกพันเข้ากับโขดหินก้อนนั้นที่อยู่ใกล้ๆ

 

 

สิ่งเหล่านี้เล่าแล้วเรื่องยาว ความจริงเกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น

 

 

มั่วชิงเฉินส่ายหางปลาไม่หยุดกวนให้ลมหมุนสีดำสลายไป เถาวัลย์ในมือถูกพลังมหาศาลลากจนดังเอี๊ยดๆ ราวกับจะขาดได้ทุกเมื่อ

 

 

ในมือถังมู่เฉินก็ปรากฏกระบี่ยาวแสงทองแวววับเล่มหนึ่ง ปากร้องพลางร่ายรำไม่หยุด ปราณกระบี่ทะลวงที่ลมหมุนสีดำสายแล้วสายเล่า

 

 

ดีที่ลมหมุนระลอกนี้มาอย่างกะทันหันไปก็เร็ว ทั้งสองคนอดทนอยู่พักหนึ่งก็หมุนออกไปไกลแล้ว ออกไปไม่ถึงสิบจั้งก็สลายหายไปบนผิวน้ำ

 

 

ส่วนโขดหินที่ใช้เถาวัลย์ผูกไว้ก้อนนั้นกลับเพราะแรงดึงมหาศาลระเบิดออกดังปัง เศษหินกระเด็นไปทั่ว ทำปลาตกใจว่ายหนีไปนับไม่ถ้วน

 

 

มั่วชิงเฉินโล่งอก กลั้นใจกระโดดขึ้นไป กลับรู้สึกหนักที่เอว เมื่อก้มหน้าดู วุ่นวายอยู่ครึ่งค่อนวันถังมู่เฉินใช้มือข้างหนึ่งดึงเอวของนางไว้แน่นตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยามนั้นสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ทันได้สังเกต

 

 

นึกถึงเคราะห์ที่มาโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่เมื่อครู่ จึงยกเท้าขึ้นอย่างไม่ลังเล ถีบเขาออกไป

 

 

เงาร่างสีขาวนวลสายหนึ่งวาดเส้นโค้งอย่างสวยงามขึ้นกลางอากาศ ในขณะที่กำลังจะตกไปในน้ำทะเลถึงบิดตัวบินขึ้นบนไป ร่อนลงบนดาดฟ้าเรือด้วยท่วงท่าสง่างาม เทียบกับมั่วชิงเฉินแล้วยังเร็วกว่าก้าวหนึ่ง

 

 

มั่วชิงเฉินกระตุกมุมปาก ยกตัวกระโดดขึ้นไป

 

 

“ท่านผู้อาวุโสทั้งสองไม่เป็นไรนะขอรับ?” นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานสีหน้ายังคงซีดเซียว ถามด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ

 

 

ถังมู่เฉินโบกมือ

 

 

นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานถอนใจอย่างโล่งอกว่า “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เล่าลือกันว่าลมเซาะดำฉีกทึ้งสรรพสิ่ง เมื่อใดที่ปรากฏขึ้นสิ่งมีชีวิตรอบๆ ก็จะถูกพลังดูดมหาศาลดูดเข้าไป จากนั้นถูกกวนจนเป็นผุยผง โชคดีที่ท่านผู้อาวุโสทั้งสองเป็นนักบำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ พลังสูงส่ง เพียงแต่ที่นี่ไม่เคยมีลมเซาะดำปรากฏมาก่อน…”

 

 

มั่วชิงเฉินโบกมืออย่างหมดแรงว่า “เจ้าของเรือ เจ้าถอยลงไปก่อนเถอะ”

 

 

ลมเซาะดำที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน? นั่นเพราะพี่ชายท่านนี้ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นที่นี่มาก่อนอย่างไรล่ะ!

 

 

“ขอรับ เช่นนั้นผู้น้อยไปเตรียมน้ำชาร้อนๆ สักหน่อย” นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานโค้งตัวถอยลงไป ในใจรู้สึกตะลึงเล็กน้อย เล่าลือกันว่าเคยมีนักบำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณถูกลมเซาะดำม้วนเข้าไปมาก่อน จุดจบก็ถูกกวนจะเลือดเนื้อกระเด็นไปทั่ว สองท่านนี้สามารถรอดพ้นอันตรายมาได้ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ

 

 

หลังจากนั้นช่วงครู่ เสียงกรีดร้องราวกับเสียงหมูถูกเชือดลอยมา นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานวิ่งถลามาว่า “ท่านผู้อาวุโสทั้งสองเกิดอะไรขึ้น มีอสูรทะเลจู่โจมมาอีกใช่หรือไม่?”

 

 

ในใจสงสัยว่า เหตุใดการเดินเรือครั้งนี้ อสูรทะเลที่พบถึงมากเป็นพิเศษนะ

 

 

มั่วชิงเฉินสีหน้าบึ้งตึง โบกมือว่า “ไม่มีอะไร เจ้าของเรือไปทำงานเถอะ”

 

 

รอนักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานถอยลงไป มั่วชิงเฉินเบือนหน้าไป มองถังมู่เฉินอย่างเย็นชา

 

 

ถังมู่เฉินก้มหน้าลงไปอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย จากนั้นเงยหน้าขึ้นมาอีก แสยะยิ้มออกมาว่า “น้องพี่ เจ้าอย่าโกรธเลย…”

 

 

ยังพูดไม่จบก็ถูกมั่วชิงเฉินขัดขึ้นว่า “สหายเต๋าเชียนหาน เจ้าไม่ต้องพูดอีกแล้ว รอถึงเซิงโจวเกาะหมายเลขสามสิบห้าแล้ว เราก็ทางเต๋าใครทางเต๋ามัน”

 

 

พูดจบก็ไม่มองถังมู่เฉินอีก เบือนหน้าไป

 

 

ถังมู่เฉินรีบเขยิบไปที่ทิศทางที่สายตาของมั่วชิงเฉินมองไป เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “น้องพี่คนดี เจ้าอย่าอารมณ์เสีย นี่ นี่เป็นอุบัติเหตุมิใช่หรือ รอวันหลังพี่ใหญ่จะต้องชดใช้ให้เจ้าแน่นอน ชดใช้ให้เจ้า”

 

 

“อุบัติเหตุ อุบัติเหตุประเภทไหนสามารถทำให้ถุงเก็บวัตถุเสียหายไปด้วยหา? สหายเต๋าเชียนหาน เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ เจ้าไม่ต้องชดใช้อะไรทั้งนั้น ขอแค่อย่าอยู่ด้วยกันกับข้าอีก จะได้หรือไม่?” มั่วชิงเฉินแทบจะน้ำตานองหน้า

 

 

วัสดุของถุงเก็บวัตถุพิเศษยิ่งนัก นักบำเพ็ญเพียรมากมายดับสูญในระหว่างการต่อสู้ ถูกคาถาระเบิดจนร่างแหลกเหลว ถุงเก็บวัตถุก็ไม่เสียหาย

 

 

ทว่าเมื่อครู่ในลมเซาะดำ ถุงเก็บวัตถุของนางไม่คิดว่าจะถูกฉีกเสียละเอียด จนกระทั่งขึ้นเรือแล้วหลังจากนักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานจากไป ถึงเหลือบเห็นเชือกแดงที่เอวเส้นนั้นขาดไปครึ่งหนึ่ง

 

 

แม้วัตถุล้ำค่าของนางล้วนเก็บอยู่ในกำไลเก็บวัตถุ ทว่าเพื่อตบตาผู้คน วัตถุที่ใช้ในชีวิตประจำวันบางส่วนล้วนเก็บไว้ในถุงเก็บวัตถุ เช่นโอสถที่ใช้บ่อยๆ บางอย่าง เช่นหินวิญญาณ เช่นกระจกหลิงฮวาที่ยังไม่ค่อยได้สำแดงฤทธิ์เดชอะไรนั่น…

 

 

มั่วชิงเฉินคิดถึงอย่างหนึ่งก็รู้สึกว่าหัวใจเลือดไหล เมื่อมองถังมู่เฉินอีกครั้ง จึงมีความรู้สึกพลุ่งพล่านอยากหยิบก้อนอิฐอัดให้น่วมสักตั้ง

 

 

“น้องพี่ หากเจ้าโมโหจริงๆ ก็อัดข้าสักตั้งเถอะ” ถังมู่เฉินอ้อนวอนอย่างหน้าด้าน เหล่มองเชือกแดงครึ่งหนึ่งที่เอวมั่วชิงเฉิน แล้วเหล่มองเชือกเขียวที่เหลือเพียงครึ่งหนึ่งเช่นกันที่เอวตนเอง สีหน้ารันทด

 

 

ที่นี่ซวยแล้ว นอกจากสมบัติวิเศษเจ้าชะตาและกระบี่วิเศษที่ใช้ต่อต้านลมเซาะดำ อย่างอื่นล้วนหายไปหมดแล้ว…

 

 

มั่วชิงเฉินตัดสินใจแน่วแน่ ขอเพียงถึงเกาะหมายเลขสามสิบห้าปุ๊บ ก็จะรีบไปให้ไกลจากตัวซวยนี่ทันทีไปยิ่งไกลยิ่งดี เรียกกันเป็นพี่น้องสามารถลดปัญหาและอันตรายมากมายอะไรนั่น นางถือว่ามองออกแล้ว การที่อยู่กับเจ้าหมอนี่ ถึงจะเป็นอันตรายที่ใหญ่หลวงที่สุด

 

 

ก่อนหน้านี้สมัยที่นางพลังความสามารถต่ำต้อย ก็เคยถูกนักบำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณลักพาตัวมาก่อน ตลอดทางมาถึงบัดนี้ก็พบอันตรายมาไม่น้อย ทว่าเคยโชคร้ายถึงเขตแดนนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันล่ะ!

 

 

วันเวลาต่อจากนั้น มั่วชิงเฉินปิดประตูห้องสนิทวันๆ บำเพ็ญพียรอยู่ในห้อง ต่อให้จะผ่อนคลายสักทีก็ไม่ออกนอกห้องแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการพบถังมู่เฉิน แล้วเกิดเรื่องโชคร้ายอะไรขึ้นอีก

 

 

เพียงแต่ไม่มีหินวิญญาณแล้ว ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรก็เชื่องช้าลงอย่างมิมีอะไรเทียบได้ นางจึงได้แต่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการศึกษาคาถา

 

 

เมื่อยามที่นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานมารายงานว่า กำลังจะถึงเซิงโจวเกาะหมายเลขสามสิบห้าแล้ว มั่วชิงเฉินก็เชี่ยวชาญคาถา ‘ความชั่วร้ายทั้งปวงบังเกิด’ โดยสิ้นเชิงแล้ว คาถาอีกอันหนึ่ง ‘ผีร่ำพงไพร’ ก็ได้เคล็ดลับมาบ้างแล้ว

 

 

ประตูเปิดออกดังเอี๊ยด ถังมู่เฉินก็มุดเข้ามา เบียดนักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานไปไว้ข้างๆ ระบายยิ้มกว้างว่า “น้องพี่ จะถึงเกาะหมายเลขสามสิบห้าแล้ว เจ้ารีบมาดูสิ บนท่าเรือครึกครื้นดีจัง”

 

 

มั่วชิงเฉินถูกเขาตื๊อจนหมดอารมณ์แล้ว ต่อหน้าคนอื่นก็ไม่สะดวกทำให้เขาเสียหน้าอีก จึงได้แต่แสยะมุมปากยิ้ม ยกเท้าเดินออกไป

 

 

ยืนพิงระเบียบบนหัวเรือแล้วกวาดตามองไป ก็สามารถเห็นลำเรือที่ไปๆ มาๆ แล้ว บนท่าเรือมีคนไม่น้อยขนสินค้าอยู่ เสียงผู้คนอึกทึก ครึกครื้นมาก ดูแล้วก็ไม่แตกต่างอะไรกับท่าเรือของโลกฆราวาส ดูไม่ออกกแม้แต่น้อยว่าที่นี่คือเกาะของนักบำเพ็ญเพียร

 

 

กวาดจิตตระหนักรอบหนึ่งพบว่า คนที่ขนสินค้าพวกนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนธรรมดา ก็มีนักบำเพ็ญเพียรระดับหลอมลมปราณเช่นกัน ทว่าพวกเขาล้วนแต่งตัวด้วยชุดสั้นเหมือนคนพวกนี้ เสื้อผ้ารัดแน่นทำให้เห็นกล้ามเนื้อที่แน่นตึงได้อย่างชัดเจน เดินกระฉับกระเฉงดั่งบินได้ ดูแล้วท่าทางเหมือนผู้ที่มีวรยุทธติดตัวทีเดียว

 

 

ยามที่มั่วชิงเฉินอยู่ในตระกูลมั่วจำได้ว่าท่านอาสิบสี่เคยพูดถึงว่า ก่อนที่นักบำเพ็ญเพียรจะถึงระดับหลอมลมปราณระยะปลายร่างกายเพียงแค่แข็งแรงกว่าเล็กน้อยเท่านั้น ว่ากันด้วยวรยุทธแล้วยังสู้ผู้ฝึกวรยุทธในโลกฆราวาสไม่ได้จริงๆ

 

 

ทว่านักบำเพ็ญเพียรระดับหลอมลมปราณของที่นี่ดูแล้วก็บึกบึนมีพละกำลัง ไม่เหมือนนักบำเพ็ญเพียรส่วนใหญ่ทางดินแดนเทียนหยวนที่ดูแล้วเหมือนบัณฑิตอ่อนแอ

 

 

“เจ้าของเรือ นักบำเพ็ญเพียรเซิงโจว ส่วนใหญ่เป็นนักบำเพ็ญเพียรสายพละกำลังใช่หรือไม่?” มั่วชิงเฉินหันหน้าถามนักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความปิติข้างๆ

 

 

นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานยามนี้กำลังพึมพำเงียบๆ ในใจ ในที่สุดก็ถึงแล้วในที่สุดก็ถึงแล้ว ตลอดทางมานี้ช่างประสบอุปสรรคนานัปการจริงๆ เลย ได้ยินคำพูดของมั่วชิงเฉินแล้วชะงักทีหนึ่งถึงเอ่ยว่า “เรียนท่านเซียน นักบำเพ็ญเพียรเซิงโจวเรา ส่วนใหญ่เข้าทางเต๋าด้วยวรยุทธขอรับ”

 

 

มองดูความได้ใจของนักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานที่ยากจะปิดบังบนใบหน้า มั่วชิงเฉินยิ้ม ดูท่าทางการมาสิบทวีปภาคตะวันออกครั้งนี้คุ้มค่ายิ่งนัก ดินแดนเทียนหยวนนักบำเพ็ญเพียรที่เข้าทางเต๋าด้วยวรยุทธมีน้อยนัก อยู่ที่นี่จะได้พบปะกันดีๆ สักหน่อย

 

 

นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานดูเหมือนพบว่าตนได้ใจเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสม จึงรีบยิ้มว่า “สิบทวีปต่างมีจุดเด่น เพียงแต่ผู้น้อยพลังความสามารถต่ำต้อยไม่อาจเข้าใจลึกซึ้งได้ ช่างมองการณ์ตื้นเขินจริงๆ ขอท่านเซียนอย่าได้หัวเราะเยาะ”

 

 

มั่วชิงเฉินเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่หรอก ข้าก็ออกมาฝึกตนเป็นครั้งแรกเช่นกัน อยากดูวิวทิวทัศน์แต่ละที่ว่าแตกต่างกันเช่นไร ไม่ปิดเจ้าของเรือหรอกนะ ข้าและพี่ใหญ่มาถึงเซิงโจวด้วยโอกาสวาสนา ไม่คุ้นเคยกับทวีปใกล้ๆ นี้เลย”

 

 

นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานดูเหมือนอารมณ์ดีมาก เห็นมั่วชิงเฉินสีหน้าเป็นมิตรก็ยิ่งผ่อนคลาย จึงพูมากขึ้นมาว่า “ถ้าจะบอกว่าอยู่ใกล้เซิงโจวของเราที่สุด ก็คือหยวนโจวแล้ว ผู้น้อยแม้ไม่เคยไปมาก่อนกลับได้ยินผู้คนพูดถึง ที่นั่นส่วนใหญ่เป็นนักบำเพ็ญเพียรสายพละกำลัง แต่ละคนร่างกายกำยำ แม้แต่สตรีก็ไม่ยกเว้น…”

 

 

ได้ยินนักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานเล่ามาไม่หยุดหย่อน มั่วชิงเฉินไม่พูดขัดจังหวะ รอยามที่เรือใกล้เข้าฝั่งก็ได้ข้อมูลมาไม่น้อย

 

 

นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานหยุดลง คารวะอย่างจริงใจต่อทั้งสองคนว่า “ดีที่ได้รับความกรุณาจากท่านผู้อาวุโสทั้งสอง ผู้น้อยและทุกคนบนเรือถึงรอดจากเคราะห์กรรม ผู้น้อยของกราบขอบคุณ ณ ที่นี้”

 

 

“แหะๆ หากเจ้าของเรือคิดจะขอบคุณจริงๆ ไม่สู้…” ถังมู่เฉินอ้าปากปุ๊บ ก็ถูกมั่วชิงเฉินถลึงตาใส่ จึงเงียบเสียงทันที

 

 

มั่วชิงเฉินรู้ว่าเจ้าหมอนี่คิดจะพูดอะไร ต้องเพราะถุงเก็บวัตถุหายไป คิดจะเก็บหินวิญญาณกับคนเขาสักหน่อย เขาก็ช่างกล้าพูด!

 

 

ปลากินกระดูกนั่นเดิมทีก็ถูกเรียกมาเพราะดวงซวยของเขา คนอื่นโดนหางเลขไปด้วยโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ชัดๆ ส่วนการที่ถุงเก็บวัตถุหาย ยิ่งไม่เกี่ยวข้องด้วยแม้แต่น้อย ขึ้นเรือคนอื่นเปล่าๆ ไม่พูด ยังจะเก็บค่าคุ้มครองอีก เขาไม่กลัวขายหน้าแต่นางยังกลัวนะ!

 

 

“เจ้าของเรือ เราพี่น้องเพิ่งมาถึง ไม่คุ้นเคยกับเซิงโจวเท่าไรนัก ไม่ทราบลอกลายแผนที่ให้เราชุดหนึ่งได้หรือไม่?” มั่วชิงเฉินรับคำต่อว่า

 

 

“อ่ะ ได้ขอรับ ได้ขอรับ” นักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานพูดพลางยื่นแผนที่มาให้ชุดหนึ่ง ในใจแอบว่าโชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปว่าจะมอบหินวิญญาณให้ คนเขาเป็นถึงนักบำเพ็ญเพีรระดับก่อแก่นปราณผู้สูงส่ง จะเห็นแก่หินวิญญาณเล็กน้อยแค่นี้ได้เช่นไรกัน นี่มิใช่เป็นการลบหลู่หรอกหรือ!

 

 

ถังมู่เฉินเห็นหินวิญญาณบินไปหัวใจแตกละเอียดหมดแล้ว มองดูมั่วชิงเฉินลอกลายแผนที่ตาปริบๆ

 

 

ยามนี้เองเสียงแตรเขาดังขึ้น มีคนตะโกนโทนเสียงยืดยาวว่า “เข้าฝั่งแล้ว…”

พันธกานต์ปราณอัคคี

พันธกานต์ปราณอัคคี

สาวชนบทชีวิตอาภัพคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีจอมยุทธ์ผู้หนึ่งมารับตัวนางกลับไปยังตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรของบิดา ตั้งแต่นั้นชีวิตของนางจึงพลิกผันไปโดยพลัน ถึงกระนั้นพรสวรรค์ของนางกลับมิได้ล้ำเลิศเฉกเช่นบิดา ยังดีที่มี ‘สุราทิพย์’ คอยช่วยเหลือ และนำพานางไปสู่เส้นทางที่คนธรรมดาได้แต่วาดฝันถึง ในเส้นทางสายนี้ยังมีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่นางนั้นคาดไม่ถึง ทั้งออกผจญภัยปราบปีศาจสยบอสูร ปลูกสมุนไพรหลอมโอสถ โดนข่มเหงกีดกันเพราะความอ่อนด้อยจนไม่ต่างกับเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง และไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะพานพบกับรสรักที่ล้ำลึกเสียจนมิอาจถอน แรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานผูกนางกับเขาอย่างไร้หนทางแยกจากกันได้… หนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ช่างเปลี่ยนไปมาจนมิอาจคาดเดาได้ เขาจะเป็นคนรับใช้ที่โดดเด่นในโลก (อดีต) แห่งนี้ให้ดู!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset