พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 150 ผลเก็บเกี่ยวมหาศาล

มั่วชิงเฉินเดินวนรอบปลาประหลาดตัวนี้ ลองจากทุกตำแหน่ง ทำเช่นไรก็แทงไม่ทะลุหนังชั้นนอกของมัน ถึงท้ายสุดมาถึงตาปลาที่ใหญ่เท่ากะละมังนั่น ใช้พลังมหาศาลในที่สุดก็ควักตาปลาออกมาได้คู่หนึ่ง

 

 

ตาปลามหึมาสองข้างนั้นเมื่อหลุดออกจากตำแหน่งเดิม ส่วนตาขาวเหมือนลูกโป่งลมรั่วแห้งเ**่ยวขึ้นมาทันที สุดท้ายกลายเป็นหนังที่เ**่ยวย่นห่อหุ้มบนลูกแก้วสีดำขนาดเท่ากำปั้น

 

 

มั่วชิงเฉินใช้กระบี่บินกรีดหนังเ**่ยวสีเทาขาวออก แล้วล้วงลูกแก้วสีดำข้างในออกมา

 

 

ลูกแก้วสีดำคู่นี้มีขนาดเท่ากำปั้น จับแล้วเย็นเป็นเงาลื่น ดูแล้วงดงามเหมือนไข่มุกดำที่หายาก

 

 

นี่…กินได้หรือไม่?

 

 

มั่วชิงเฉินวางลูกแก้วสีดำคู่นี้ไว้บนฝ่ามือ ส่งไปถึงใต้จมูกลองดมดู ไม่คิดว่าจะไม่มีกลิ่นเหม็นคาวตามที่คิดไว้ แต่เป็นกลิ่นหอมหวานสายหนึ่ง ราวกับกลิ่นของผลไม้ทิพย์บางอย่าง

 

 

หรือว่าจะกินได้จริง?

 

 

มั่วชิงเฉินดิ้นรนทางจิตใจอยู่ครึ่งค่อนวัน ยังคงไม่กล้ากลืนลงไป หากแต่หยิบกล่องหยกใบหนึ่งออกมาเก็บขึ้น

 

 

จากนั้นนางจึงควักตามเบ้าตาปลาที่ว่างเปล่านั้นขึ้นมาทีละนิดๆ

 

 

หลังจากผ่านความยากเข็ญเมื่อแรกสุด หนังปลาบริเวณเบ้าตาถูกนางเปิดขึ้นมา ยามที่กรีดลงไปอีกครั้ง ก็ง่ายขึ้นแล้ว

 

 

ปลาประหลาดนี้ใหญ่เพียงนี้ เกรงว่าเหนื่อยจนตายก็เก็บกวาดไม่หมด มั่วชิงเฉินจึงกรีดไปตามบริเวณเบ้าตาไปสู่ท้องปลา

 

 

อสูรปีศาจเมื่อถึงชั้นห้าในร่างกายจะเกิดเป็นมุกปีศาจ นั่นถึงเป็นของดีที่มีทองหมื่นชั่งก็หาได้ยาก ตามความรู้พื้นฐาน มุกปีศาจของปลาประหลาดนี้ต้องอยู่ใกล้ๆ นี้เป็นแน่

 

 

ใช้เวลาสี่ชั่วยามเต็มๆ ในที่สุดมั่วชิงเฉินก็กรีดถึงตรงนั้น ฉีกบริเวณท้องปลาให้กว้างขึ้นกว้างขึ้นอย่างช้าๆ แล้วก็พบมุกสีฟ้าขนาดเท่ากำปั้นเม็ดหนึ่งในบริเวณลึกเข้าไปในท้องปลาตามคาด

 

 

มุกสีฟ้าเม็ดนั้นเปล่งแสงสุกสกาวจางๆ ต่อให้อยู่ในบริเวณไส้ปลาที่ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ กลับไม่เปรอะเปื้อน มั่วชิงเฉินที่ยื่นศีรษะเข้าไปค้นหาเด็ดออกมาอย่างไม่ลังเลแล้วมุดออกจากท้องปลา

 

 

มั่วชิงเฉินไม่มีโอกาสได้สัมผัสมุกปีศาจ รู้เพียงว่ามุกปีศาจนั้นล้ำค่ามาก มุกปีศาจส่วนใหญ่หลังจากผ่านการหลอมจะกลายเป็นโอสถวิญญาณที่สามารถเพิ่งตบะอย่างยิ่งยวด เป็นโอสถที่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณละเมอฝ่าหาถึง

 

 

นางถือมุกปีศาจสีฟ้าของปลาประหลาดไว้ในมือ พ่นลมหายใจที่ขุ่นมัวออกเตรียมจะเก็บขึ้นมาเช่นลูกแก้วสีดำ กลับไม่คิดว่ามุกปีศาจสีฟ้านั้นเมื่อสัมผัสแสงแดดข้างนอก ก็หดเล็กลงรอบหนึ่งอย่างไม่คาดคิด

 

 

เห็นมุกปีศาจสีฟ้ายังคงหดอยู่ มั่วชิงเฉินที่ตกใจหน้าถอดสีรีบยัดมันเข้าไปในปาก

 

 

มุกปีศาจนั่นลื่นยิ่งนัก นางเพิ่งวางเข้าไปในปากมันก็เหมือนว่ายน้ำได้ ลื่นเข้าไปตามคอหอย

 

 

เมื่อมุกปีศาจลงท้อง ปราณวิญญาณมหาศาลแผ่ออกดังพรึบ ทะลวงจนตันเถียนมั่วชิงเฉินเจ็บ เหงื่อเย็นไหลออกมาทันที

 

 

ดีที่ตันเถียนของนางค่อนข้างทนทาน ไม่ได้ถูกปราณวิญญาณมหาศาลนั้นทะลวงจนระเบิด ต่อให้เป็นเช่นนี้ มั่วชิงเฉินก็ไม่ทันได้ขยับที่แล้ว ทันเพียงตั้งค่ายกลซ่อนวิญญาณและค่ายกลป้องกันแล้วรีบเข้าสู่การบำเพ็ญเพียรทันที

 

 

พลังวิญญาณในกายหมุนเวียนไม่หยุด เปลี่ยนปราณวิญญาณที่มาจากข้างนอกเป็นของเหลววิญญาณทีละนิดๆ แล้วนำเข้าตันเถียน ทว่าความเร็วในการแปรเปลี่ยนไล่ไม่ทันความเร็วที่ปราณวิญญาณแผ่กระจายออกจากมุกปีศาจเอาเสียเลย

 

 

มั่วชิงเฉินรู้สึกเพียงว่าตันเถียนหดรัดทีหนึ่งโดยพลัน จากนั้นได้ยินเสียงอันน่าอัศจรรย์เสียงหนึ่งเบาๆ ในร่างกายราวกับมีสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นถูกทะลวงออกก็ไม่ปาน ชีพจรทั่วกายขยายกว้างขึ้นในทันใด ความเร็วในการเปลี่ยนปราณวิญญาณก็เร็วขึ้นมา

 

 

เข้าสู่ระดับสร้างรากฐานระยะกลางแล้ว!

 

 

ความคิดนี้แวบเข้ามาในสมองมั่วชิงเฉิน แต่นางกลับไม่ทันได้ยินดี รีบเข้าสู่การสู้รบทำให้ปราณวิญญาณที่มาจากภายนอกศิโรราบ

 

 

หนึ่งรอบอาทิตย์ใหญ่ผ่านไป อีกหนึ่งรอบอาทิตย์ใหญ่ผ่านไป

 

 

ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปฤดูหนาวมาเยือน พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งปีกว่าแล้ว

 

 

ในวันนี้อากาศหนาวเป็นพิเศษ หิมะเต็มท้องฟ้าโปรยปรายตกลงมาเหมือนขนห่าน หิมะบนพื้นทับถมจนสูงขนาดเท่าครึ่งตัวคนแล้ว

 

 

และบนพื้นหิมะโล่งโจ้งแห่งหนึ่งทันใดนั้นแสงวิญญาณเคลื่อนไหว เผยให้เห็นเงาร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่

 

 

ในที่สุดมั่วชิงเฉินก็ตื่นขึ้นจากการบำเพ็ญเพียร นางเก็บค่ายกลซ่อนวิญญาณและค่ายกลป้องกันขึ้น แล้วค่อยๆ ลึกขึ้นมา

 

 

มองไปเห็นแต่หิมะขาวโพลนทั่วทั้งผืน มั่วชิงเฉินตกใจ นี่ตนบำเพ็ญเพียรไปนานเท่าใดแล้ว เกรงว่าอย่างน้อยก็มีหลายเดือนกระมัง

 

 

รู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในกายไปพลาง มั่วชิงเฉินยิ้มละไม ที่แท้ความรู้สึกของระดับสร้างรากฐานระยะกลางเป็นเช่นนี้เอง มิน่าถึงพูดว่าเมื่อถึงระดับสร้างรากฐานแล้ว เขตแดนต่างกันเพียงเล็กน้อยความสามารถก็จะห่างกันราวฟ้าดิน

 

 

ไม่พูดถึงสิ่งอื่น ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานระยะต้นธรรมดา อย่างน้อยต้องร่วมมือกันสองสามคนถึงมีกำลังสู้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานระยะกลาง ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานระยะปลาย นั่นอย่างน้อยต้องเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานระยะต้นเจ็ดแปดคน

 

 

ไม่เพียงเท่านี้ มุกปีศาจสีฟ้าในกายมั่วชิงเฉินเม็ดนั้นยังดูดซับไม่หมด บัดนี้ได้หดเล็กเท่าขนาดลูกหลี่[1] ถูกเพลิงแก้วใจกระจ่างกลุ่มหนึ่งหุ้มไว้ลอยอยู่เหนือตันเถียน

 

 

หากมุกปีศาจนี้ถูกดูดซับจนหมด เป็นไปได้มากว่านางจะไปถึงยอดระดับสร้างรากฐานระยะกลางในทันที ไม่แน่ยังอาจทะลวงถึงระดับสร้างรากฐานระยะปลายในทีเดียว

 

 

ปีนั้นมั่วชิงเฉินรีบเร่งเข้าสู่ระดับสร้างรากฐาน กู้หลีทุ่มเทพลังกายพลังใจเพื่อทำรากฐานนางให้มั่นคง มั่วชิงเฉินย่อมเข้าใจแล้วว่าการบำเพ็ญเพียรเร็วเกินไปจะก่อให้เกิดผลร้ายแรงตามมาไม่จบไม่สิ้น

 

 

เห็นตบะเพิ่มขึ้นรวดเร็วมุกปีศาจในกายยังคงมอบปราณวิญญาณมหาศาลอย่างไม่ขาดสาย ระหว่างที่กำลังมีบุญสมองปลอดโปร่งนางจึงลองเคลื่อนย้ายเพลิงแก้วใจกระจ่างไปควบคุมมุกปีศาจ

 

 

เพลิงแก้วใจกระจ่างหุ้มมุกปีศาจได้อย่างราบรื่นปิดกั้นแห่งที่มาของปราณวิญญาณไว้ได้อย่างเด็ดขาด มั่วชิงเฉินถึงได้ใช้เวลาอีกครึ่งเดือนทำให้พลังวิญญาณในร่างมั่นคง แล้วออกจากการบำเพ็ญเพียร

 

 

ทว่านางรู้ว่า หากต่อไปตนต้องการปราณวิญญาณในมุกปีศาจ นั่นก็เพียงแค่สลายเพลิงแก้วใจกระจ่างออกก็ได้แล้ว บางที ในอนาคตหากตนคิดจะทะลวงระดับสร้างรากฐานระยะปลายก็จะได้มีหลักประกัน

 

 

มั่วชิงเฉินมองดูรอบๆ สิ่งที่เห็นล้วนเป็นพื้นหิมะขาวโพลน แม้แต่บนทะเลนั่นก็มีน้ำแข็งลอยเป็นแผ่นๆ

 

 

ส่วนนางเมื่อมองไปที่ตำแหน่งที่ปลาประหลาดอยู่นั้น เห็นส่วนใหญ่ของปลายักษ์ประหลาดนั้นไม่ได้ถูกหิมะปกคลุม ก้างปลามหึมาโครงหนึ่งปรากฏต่อหน้านาง หนังปลาคลุมอยู่ด้านบน เลือดเนื้อตรงกลางได้หายไปแล้ว

 

 

มั่วชิงเฉินเดินเข้าไป นางที่ร่างกายจิตใจล้วนอยู่ในสภาพเยี่ยมยอดเดินอ้อมปลาประหลาดรอบหนึ่งอย่างสบายๆ สุดท้ายหยุดอยู่ที่บริเวณกระเพาะของปลา

 

 

เลือดเนื้อในบริเวณนั้นหายไปนานแล้ว กลับมีสิ่งของตกกระจายอยู่เกลื่อน ในนั้นมีก้อนหินกระจ่างใสเปล่งแสงสีต่างๆ ออกมา นั่นคือหินวิญญาณ

 

 

มั่วชิงเฉินเกิดปีติ รีบเดินเข้าไป

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานธรรมของพรรคเหยากวง ในหนึ่งปีนอกจากโอสถแล้วจะได้รับแจกหินวิญญาณระดับล่างห้าร้อยก้อน หากเป็นศิษย์ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่บางสิ่งเช่นศิษย์ผู้ดูแล เช่นนั้นก็จะให้เพิ่มจากพื้นฐานตามความเหมาะสม

 

 

มั่วชิงเฉินแม้ไม่มีหน้าที่อันใด กลับเป็นศิษย์ก้นกุฏิของผู้เฒ่าระดับก่อแก่นปราณ หินวิญญาณที่ได้รับแจกในหนึ่งปีมีถึงแปดร้อยก้อน

 

 

แน่นอนหินวิญญาณสามร้อยก้อนที่เกินมานี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานคนอื่นอิจฉา หากแต่เป็นการชี้แนะจากผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ และสิ่งที่ได้รับมอบเป็นระยะ

 

 

ยกตัวอย่างเช่นมั่วชิงเฉิน เจ็ดปีนี้แม้กู้หลีไม่ได้ให้อาวุธเวทอะไรกับนาง โอสถที่ใช้ในการบำเพ็ญเพียรกลับไม่เคยขาด ของใช้ที่นางได้รับแจกแทบจะเก็บไว้ทั้งหมด

 

 

หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานธรรมดา โอสถและหินวิญญาณที่ทางสำนักแจกจ่ายยังไม่พอให้พวกเขาใช้ในการบำเพ็ญเพียรตามปกติเลย ดังนั้นยังคงขัดสนยิ่งนัก แน่นอนผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักก็ยิ่งน่าสงสารแล้ว ดังนั้นคนส่วนมากถึงติดอยู่ที่ระดับสร้างรากฐานระยะต้นไปทั้งชีวิต

 

 

มั่วชิงเฉินสะบัดแขนเสื้อเก็บหินวิญญาณที่ตกอยู่ขึ้นมาหมด แล้วค้นหาอย่างละเอียดอีก

 

 

ถุงเก็บวัตถุใบนั้นของนางไม่เห็นร่องรอยแล้ว ขวดมากมายก็ไม่เห็นเงาแล้วเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชุดคลุมเต๋าของสำนักสองชุดนั้นเลย

 

 

โชคดีที่อาวุธเวทรูปชามและก้อนอิฐอีกทั้งป้ายประจำตัวยังอยู่ หาของสามสิ่งนี้เจอ ใจของนางถึงนับว่าวางลงมาได้ จากนั้นเริ่มรื้อๆ เก็บๆ ดูว่าในของกองใหญ่นี้มีของดีอะไรหรือไม่

 

 

ใช้จิตตระหนักกวาดอยู่ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดมั่วชิงเฉินก็รื้อของที่ใช้ได้บางส่วนออกจากกองสิ่งของแตกหักเสียหายที่กองกันเป็นภูเขาเล็กๆ

 

 

เรือลำเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ มองดูก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นประเภทอาวุธเวทเหินหาว กระบี่ยาวเล่มหนึ่ง ที่มั่วชิงเฉินเก็บมันขึ้นมาจากกองของแตกหัก สาเหตุสำคัญเพราะนี่เป็นกระบี่บินทำจากไม้เล่มหนึ่ง เหมาะกับเคล็ดวิชาพันบุปผาแปลงไม้ที่นางใช้พอดี ทว่านางตระหนกว่าวันหลังควรคอยใส่ใจกระบี่บินไม้เหมาะๆ หรือไม้คุณภาพยอดเยี่ยมแล้ว ใช้กระบี่บินธรรมดาเช่นนี้ ยากจะไม่กระทบถึงอานุภาพของเคล็ดกระบี่

 

 

นอกจากของสองสิ่งนี้ จึงเหลือกำไลหยกสีเขียวใสอันหนึ่ง

 

 

อย่างไรเสียมั่วชิงเฉินก็เป็นหญิงสาว จิตใจก็ไม่ได้วิตถาร เห็นกำไลหยกใสมีน้ำมีนวลเช่นนี้ ย่อมเกิดใจรักใคร่เป็นธรรมดา

 

 

นางยื่นมือหยิบกำไลขึ้นมา ปล่อยจิตตระหนักสายหนึ่งออกไปสำรวจ จากนั้นเกิดความปีติยินดีอย่างยิ่งยวดในใจ

 

 

คิดไม่ถึงเลยว่านี่จะเป็นกำไลเก็บวัตถุอันหนึ่ง!

 

 

ต้องรู้ว่าในโลกบำเพ็ญเพียรอุปกรณ์เก็บวัตถุที่ใช้อย่างแพร่หลายล้วนเป็นถุงเก็บวัตถุ ถุงเก็บวัตถุก็แบ่งแยกตามคุณภาพดีเลวได้หลายระดับอีก จากระดับต่ำถึงสูงราคาต่างกันมากโข

 

 

จากนั้นอีกก็คืออาวุธเวทมิติบางอย่างที่ต่างออกไป เช่นสวนสมุนไพรพกพา เรือนพกพาต่างๆ

 

 

พวกนี้ล้วนไม่เท่าไร ในบรรดาอุปกรณ์เก็บวัตถุที่ล้ำค่าที่สุดกลับเป็นกำไลเก็บวัตถุและแหวนเก็บวัตถุ

 

 

สิ่งที่ทำให้พวกมันล้ำค่าไม่ใช่ว่าช่องว่างของมันต้องใหญ่มาก หากแต่เป็นการทำงานสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนใจอ่อนไหวที่สุด นั่นก็คือหยดเลือดรับนาย

 

 

เมื่อผู้บำเพ็ญเพียรหยดเลือดของตนบนกำไลเก็บวัตถุ กำไลเก็บวัตถุนี้ก็จะสามารถปรากฏหรือล่องหนตามที่ใจเขาปรารถนา ไม่ว่าคนอื่นจะมีตบะสูงสักเพียงไหนก็ไม่อาจพบได้ นอกจากผู้บำเพ็ญเพียรนี้เสียชีวิต กำไลเก็บวัตถุนี้ถึงปรากฏออกมาให้เห็น

 

 

มั่วชิงเฉินรู้สึกว่าตนช่างบุญหล่นทับจริงๆ อย่าพูดถึงประโยชน์ที่ได้รับก่อนหน้านี้ ต่อให้มีเพียงกำไลเก็บวัตถุนี้ การเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายครั้งนี้ของตนก็คุ้มค่าแล้ว

 

 

นางเคลื่อนย้ายพลังวิญญาณอย่างไม่ลังเล บีบเลือดออกจากปลายนิ้วกลางมือซ้ายหยดหนึ่ง หยดลงบนกำไล

 

 

สัมผัสถึงจิตและกำไลเชื่อมเข้าด้วยกัน มั่วชิงเฉินใจเต้นตึกตักขึ้นมา กำไลนี้น่าทะนุถนอมเช่นนี้ ไม่รู้ข้างในจะมีของดีเพียงไหนกันนะ!

 

 

ทว่าจากนั้นกลับต้องอึ้งไป ไม่นึกเลยว่าข้างในจะโล่งโจ้งไม่มีอะไรเลย!

 

 

มั่วชิงเฉินชะงักชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มเยาะตนเอง ตนจะละโมบเกินไปแล้ว เช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อสภาพจิตใจในการบำเพ็ญเพียรเลย

 

 

นางปรับปรุงตนเองเสียใหม่อย่างรวดเร็ว แล้วสำรวจกำไลทีหนึ่ง พบว่าช่องว่างข้างในไม่ต่างจากถุงเก็บวัตถุใบเล็กสุดของตนสักเท่าไร แต่กลับไม่ได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างไร กลับย้ายสมบัติพวกนั้นของตนเข้าไปในกำไลด้วยความดีใจ จากนั้นเพ่งจิต ก็เห็นกำไลบนข้อมือหายไปแล้ว

 

 

รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความเย็นที่ส่งผ่านมาจากกำไลบนข้อมือ แต่กลับเฉพาะเจาะจงมองไม่เห็น มั่วชิงเฉินทอดถอนใจอีกครั้งถึงความมหัศจรรย์ของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร

 

 

อาจเพราะผู้บำเพ็ญเพียรมนุษย์ที่ปลาประหลาดกลืนเข้าไปมีน้อย นอกจากของสามสิ่งนี้และอาวุธเวทจำนวนไม่มากที่แตกหักแล้ว สิ่งที่เหลือล้วนเป็นวัตถุดิบที่ย่อยได้ยากบนตัวของอสูรปีศาจประเภทปลากุ้ง

 

 

วัตถุดิบเหล่านี้ส่วนใหญ่แตกหักเสียหายจนใช้ไม่ได้แล้ว มั่วชิงเฉินเลือกคัดที่ยังสมบูรณ์อยู่ได้ไม่กี่ชิ้น แม้ยังไม่รู้ประโยชน์ใช้สอยชั่วคราวแต่ยังคงเก็บขึ้นมาไว้

 

 

นอกจากนั้นมีไข่มุกใหญ่บ้างเล็กบ้างนับไม่ถ้วน น่าจะเหลือจากหอยที่ปลาประหลาดกลืนกินเข้าไป มั่วชิงเฉินเก็บไว้บ้างตามอำเภอใจ แล้วจึงค้นหาที่อื่นต่อไป

 

 

 

 

——

 

 

[1] ลูกหลี่ หมายถึง ลูกพลัม

พันธกานต์ปราณอัคคี

พันธกานต์ปราณอัคคี

สาวชนบทชีวิตอาภัพคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีจอมยุทธ์ผู้หนึ่งมารับตัวนางกลับไปยังตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรของบิดา ตั้งแต่นั้นชีวิตของนางจึงพลิกผันไปโดยพลัน ถึงกระนั้นพรสวรรค์ของนางกลับมิได้ล้ำเลิศเฉกเช่นบิดา ยังดีที่มี ‘สุราทิพย์’ คอยช่วยเหลือ และนำพานางไปสู่เส้นทางที่คนธรรมดาได้แต่วาดฝันถึง ในเส้นทางสายนี้ยังมีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่นางนั้นคาดไม่ถึง ทั้งออกผจญภัยปราบปีศาจสยบอสูร ปลูกสมุนไพรหลอมโอสถ โดนข่มเหงกีดกันเพราะความอ่อนด้อยจนไม่ต่างกับเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง และไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะพานพบกับรสรักที่ล้ำลึกเสียจนมิอาจถอน แรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานผูกนางกับเขาอย่างไร้หนทางแยกจากกันได้… หนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ช่างเปลี่ยนไปมาจนมิอาจคาดเดาได้ เขาจะเป็นคนรับใช้ที่โดดเด่นในโลก (อดีต) แห่งนี้ให้ดู!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset