พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 521-3 การประลองอันถึงใจ

กระแสน้ำสีดำหมึกถูกไหมเกล็ดน้ำแข็งผ่าแหวก ตามด้วยเสียงดังอึกทึก ทันใดนั้นก็กลายร่างเป็นมังกรดำตัวหนึ่งพุ่งสู่ด้านบน หมายจะข้ามสิ่งกำบังที่กีดขวางอยู่ด้านหน้า  

 

 

ตาทั้งคู่ของมั่วชิงเฉินเป็นประกายใส ความรู้สึกหงุดหงิดอึดอัดอั้นในใจในตอนแรกได้สลายไปจนไม่เหลือร่องรอยผ่านการต่อสู้ที่ถึงอกถึงใจ เมื่อเห็นมังกรดำสีหน้าดุดัน ใกล้ก้าวข้ามไหมเกล็ดน้ำแข็ง มุมปากฉายยิ้มจางๆ แล้วกวักมือเปล่าหนึ่งที   

 

 

แสงวิญญาณที่สว่างไปทั่วฟ้าซึมแทรกลงในไหมเกล็ดน้ำแข็ง หมอกหนาที่ลอยหมุนบิดตัวขึ้นด้านบน ค่อยๆ กลายเป็นน้ำตกสายหนึ่งแขวนอยู่กลางอากาศ ความยาวที่เพิ่มขึ้น เร็วกว่าอีกฝ่ายไปหนึ่งขั้น  

 

 

“เยี่ยม!”  

 

 

เมื่อเห็นฉากอันเร้าใจ ผู้ชมก็ลืมตัวตะโกนขึ้นดัง  

 

 

นักพรตฉงกวนมองลึกไปยังมั่วชิงเฉินทีหนึ่ง เห็นหน้าอมยิ้มมุมปาก แววตาสว่างใส ก็เข้าใจทันทีว่าตนมองพลาดไป   

 

 

เสียแรงที่ปรกติเขาเป็นคนรอบคอบ แต่จำเพาะในเวลาพิเศษเช่นนี้กับถูกอารมณ์ด้านลบในใจที่เก็บซ่อนไว้สะกิดเข้า จึงได้ตกในสภาพลำบากเช่นนี้   

 

 

ยังดีที่นักพรตฉงกวนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก พบกับความยากลำบากมานับไม่ถ้วน จิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวอย่างมาก ถึงแม้จะเข้าใจดีว่าตนทำพลาด แต่ก็ไม่ได้หวั่นไหวแม้สักนิด นิ้วมือขยับร่ายยันต์วิญญาณอย่างรวดเร็ว ใต้เท้าของมังกรดำที่เกิดขึ้นจากกระแสน้ำนั้นก็มีเมฆปรากฏขึ้น ความเร็วเพิ่มขึ้นมาอีกมาก   

 

 

นักพรตฉงกวนในเวลานี้ยังไม่รู้ว่า การที่เขาไม่ได้ทำอย่างนิสัยปกติที่สันโดษรอบคอบนั้น อันที่จริงเป็นเพราะมีเหล่าผู้กล้าและผู้บำเพ็ญเพียรมารวมกันอย่างนับไม่ถ้วน สิ่งนี้ไปสะกิดมารในใจเข้า จึงทำให้เขาทำในสิ่งที่ปกติจะไม่มีทางทำเป็นอันขาด   

 

 

โชคลาภและหายนะเป็นของคู่กัน การลงมือในครั้งนี้แผดเผาเขา แต่จิตมารเองก็ได้สลายไปเช่นกัน และได้เป็นการกำจัดอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาการบำเพ็ญเพียรในอนาคต  

 

 

มั่วชิงเฉินไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายสบโอกาสอย่างแน่นอน นิ้วมือนางขยับพลิ้ว รวดเร็วจนเห็นเพียงเงา แสงวิญญาณอันเต็มเปี่ยมซึมลงสู่ไหมเกล็ดน้ำแข็ง ไหมเกล็ดน้ำแข็งเองก็ขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็กดทับมังกรดำจนมิด   

 

 

เหล่าบรรดาลูกศิษย์เหยากวงที่ไม่ชอบนักพรตฉงกวนและพวกผู้บำเพ็ญที่ดูแคลนมั่วชิงเฉินจงใจหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “หึๆ นักพรตฉงกวนผู้นี้คงชอบถูกทับกระมัง ทำไมสมบัติวิเศษออกมาหนึ่งครั้งสองครั้งก็ถูกสมบัติวิเศษของอาจารย์อามั่วทับไว้เสียทุกครั้ง”  

 

 

ผู้คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ชาย เวลาปกติจึงเลี่ยงจะไม่พูดเรื่องหยาบโลนยาก ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะคิกคักกันขึ้นมา  

 

 

มีคนพูดขึ้นต่อว่า “พวกเจ้าคงไม่รู้สินะ โบราณว่า วีรบุรุษจะพ่ายก็เพียงหญิงงาม สมบัติวิเศษของนักพรตฉงกวนนั้น ก็คือวีรบุรุษ สมบัติวิเศษของอาจารย์อามั่วก็คือหญิงงาม วีรบุรุษพบกับหญิงงาม คงตาตื่นเลยสินะ จากวีรบุรุษกลายเป็นหมีควายไปเสียได้”  

 

 

“ฮ่าๆ…”  

 

 

ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ความคิดที่ว่าความสามารถคือศักดิ์ศรีฝังลึกในจิตใจ ผู้บำเพ็ญเพียรที่ดูการประลองนั้นไม่ได้เกลียดชังมั่วชิงเฉินอย่างแท้จริง เมื่อได้เห็นนางในเวลานี้กำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ ก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับคำพูดกำเริบเสิบสานของลูกศิษย์เหยากวงแม้สักนิด ต่างเห็นพ้องแล้วหัวเราะกันขึ้นมา   

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงจำนวนหนึ่งส่งเสียงไม่เห็นด้วยอยู่เบาๆ แต่สายตาที่มองไปยังมั่วชิงเฉิน ค่อยๆ เปลี่ยนจากความอิจฉาริษยาในตอนแรกกลายเป็นความชื่นชม  

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเองจู่ๆ ก็มีเสียงตบโต๊ะดังแว่วเข้ามา นักพรตจื่อซีที่จัดการคู่ต่อสู้สำเร็จอย่างราบรื่นแล้วหัวเราะพลางด่าออกมาว่า “พวกเจ้าไอ้พวกลูกหมาทั้งหลายพล่ามเลอะเทอะอะไรกัน จะเหน็บแนมคนอื่นก็ช่างเถิด อย่าเอาเข้าไปเกี่ยวกับอาจารย์อามั่วของพวกเจ้า ระวังตอนที่นางลงจากเวทีจะเอาก้อนอิฐปาพวกเจ้า”  

 

 

เหล่าบรรดาลูกศิษย์ชายจากพรรคเหยากวงตวัดสายตามองไปยังนักพรตจื่อซีอย่างพร้อมเพรียงกัน แสดงความเคารพหนึ่งที แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าสอพลอ “ท่านราชินี ข้าน้อยมิบังอาจ!”  

 

 

สัดส่วนของผู้บำเพ็ญหญิงในโลกแห่งการบำเพ็ญน้อยมาแต่ไหนแต่ไร ที่บำเพ็ญเพียรได้ถึงระดับสูงยิ่งน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงระดับสูงหลายคนนอกจากฉายาแล้ว ยังจะถูกคนอื่นเรียกชื่อฉายาอย่างอื่นเพิ่มมาอีก อย่างเช่นเซียนน้ำแข็งมั่วเฟยเยียน  

 

 

และนักพรตจื่อซีผู้ทรงอำนาจเปี่ยมล้น ก็ถูกเหล่าลูกศิษย์จอมป่วนที่ว่างจากการฝึกบำเพ็ญเพียรเหล่านี้ แอบให้ฉายาว่าราชินี วันนี้ด้วยความตื่นเต้น จึงร้องออกไปพร้อมกันเช่นนั้น  

 

 

นักพรตจื่อซีถลึงตาหนึ่งที ในขณะที่ผู้คนต่างรู้สึกกระอักกระอ่วน จู่ๆ นางก็ยิ้มขึ้นมาหนึ่งที สะบัดแขนเสื้อนั่งลงช้าๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ฉายานี้ไม่เลว เรียกได้ถูกต้อง!”  

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรจากพรรคอื่นที่เข้าชมนั้นต่างพากันหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง แอบคิดในใจว่าได้ยินมานานแล้วว่าผู้บำเพ็ญเพียรหญิงของพรรคเหยากวงล้วนแต่ดุดัน วันนี้ได้เห็นกับตา สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เป็นเช่นนั้นจริงๆ   

 

 

ลูกศิษย์หญิงเหยากวงต่างเอามือป้องหน้า แล้วพูดพึมพำว่า “แย่แล้ว เช่นนี้ชื่อเสียงของผู้บำเพ็ญเพียรหญิงพรรคเหยากวงของเราคงฉาวโฉ่ยิ่งขึ้น คงออกเรือนยากยิ่งขึ้นไปอีก”  

 

 

“แค่กๆ เมื่อเทียบกับที่ยอดเขาชิงมู่ ยอดเขารั่วสุ่ยของเราคงน่าจะดีกว่าสักหน่อยกระมัง” มีลูกศิษย์หญิงนางหนึ่งพูดปลอบใจตัวเอง   

 

 

ลูกศิษย์ชายสองสามคนหัวเราะขึ้นมาคิกคัก “อย่าได้กังวลเลย อย่างอาจารย์อามั่วยังออกเรือนไปแล้ว ถ้าไม่ไหวจริงๆ อดทนแต่งพวกข้าก็ได้นะ”  

 

 

“ไสหัวไป!” ลูกศิษย์สำนักหญิงสองสามคนยกเท้าเตะออกไปพร้อมกัน  

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรจากสำนักอื่นเห็นเข้าก็เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงเหยากวงที่นิสัยพอจะเป็นกุลสตรีอยู่บ้างสองสามคนหันไปมองต้วนชิงเฉินเงียบๆ แล้วบอกกับตัวเองว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริงคงแย่ อาจารย์อาต้วน ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงแห่งเหยาคงต้องพึ่งพาท่านแล้ว เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายไม่ได้คิดถึงกันออกเรือน สนใจเพียงฝึกบำเพ็ญต่อไป  

 

 

หลายปีหลังจากนั้น ผู้บำเพ็ญเพียรที่สนใจศึกษาตำราโบราณส่วนหนึ่งก็พบว่า ท่ามกลางพรรคสำนักต่างๆ ในโลกบำเพ็ญ เหยากวงในช่วงเวลาหนึ่งปรากฏลูกศิษย์หญิงที่ดีเลิศขึ้นหลายคน แต่ละคนต่างมีความสามารถสูงส่งและไม่ได้ออกเรือนจนชั่วชีวิต ชื่อเสียงกิตติศัพท์โด่งดังเหนือกว่าลูกศิษย์หญิงจากสำนักพรรคอื่น ต่อให้ลูกศิษย์พรรคชายเหยากวงที่นับว่าไม่เลว เมื่อเวลานานไป ต่างก็ถูกกิตติศัพท์ของผู้บำเพ็ญเพียรหญิงเหยากวงโดดเด่นเกินหน้าจนเทียบไม่ติด  

 

 

เจ้านิกายเหอฮวนไม่รู้ว่ารุ่นที่เท่าไหร่ถึงกับเดินทางมาเพื่ออัญเชิญคัมภีร์โดยเฉพาะ ด้วยเหตุใดทั้งที่ลูกศิษย์ชายมีจำนวนมากกว่าอย่างเทียบไม่ติด อีกทั้งตำราเคล็ดลับวิชาจำนวนมากซึ่งเหมาะสมกับผู้บำเพ็ญเพียรชายของพรรคเหยากวงกลับฝึกฝนลูกศิษย์หญิงชั้นเลิศออกมาหลายคนเช่นนี้ แต่นิกายเหอฮวนซึ่งฝึกฝนผู้บำเพ็ญเพียรหญิงโดยเฉพาะกลับไม่รู้ว่าเดินผิดทางตั้งแต่เมื่อไร ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่เรื่องหญิงกระหายโลกีย์เรื่องเดียว สวรรค์เท่านั้นที่จะบอกได้ นิกายเหอฮวนเป็นสำนักขึ้นชื่อที่มีต้นกำเนิดดีแท้ๆ ปฐมาจารย์แห่งเหอฮวน เป็นถึงบุคคลผู้ซึ่งสูงส่งบริสุทธิ์ระดับเซียน  

 

 

แต่จนปัญญาด้วยประมุขสูงสุดของพรรคเหยากวงในเวลานั้นมัวแต่หมกมุ่นกับตัวเอง ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรอยู่นาน จึงสะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความโกรธ แต่นั้นมาก็ไม่ไปมาหาสู่กันโดยสิ้นเชิง  

 

 

นักพรตฉงกวนได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น ถึงแม้จะเข้าใจความรู้สึกของผู้ชม แต่สิ่งที่ผู้คนเหล่านั้นถกเถียงกันหากเป็นตนเองแล้ว มีหรือที่จะไม่รู้สึกคลอนแคลน  

 

 

ตอนนี้เขาสีหน้าบึ้งตึง ดวงตาซึ่งจ้องนิ่งไปยังมั่วชิงเฉินฉายประกาย  

Related

Comment

Options

not work with dark mode
Reset