พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 516 จิตลุ่มหลงบริสุทธิ์

ไม่ผิดตามที่มั่วชิงเฉินคาด สามวันให้หลัง ก็ฝึกหัดวิชาควบทองสำเร็จ สระสีทองเล็กๆ แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นในกาย

 

 

บนสระมีหมอกวิญญาณลอยวน แน่นหนาจนไม่อาจแยก ควบแน่นเป็นหยดของเหลวสีทองหล่นร่วงสู่กลางสระ รวมตัวกันกลายเป็นคุ้งน้ำ

 

 

มั่วชิงเฉินเอาศรแหลมคมทองคำและก้อนอิฐโยนลงไปเพื่อหล่อหลอม แล้วเริ่มหลอมไข่มุกแห่งความเคียดแค้น 

 

 

ฝึกบำเพ็ญมาไม่รู้นานเท่าไร เมื่อไข่มุกแห่งความเคียดแค้นหลอมขึ้นสำเร็จ การประลองเฟิงอวิ๋นก็ใกล้เข้ามาเต็มที 

 

 

เมื่อมั่วชิงเฉินเดินออกนอกห้อง ก็มียันต์ส่งสารแผ่นหนึ่งลอยมากลางมือ ใช้จิตสำรวจดู ก็พบว่ามาจากโถงปฏิบัติงานยอดเขาโหวเต๋อ จึงได้ตัดสินใจเปิดอ่าน 

 

 

นอกจากเข้าคู่บำเพ็ญในวันแต่งงานจึงได้อยู่ที่ยอดเขาหลิวหั่วเป็นเวลาครึ่งเดือน หลังจากนั้นนางก็ชอบใจที่จะอยู่ที่ยอดเขาลั่วเถาของตน และเยี่ยเทียนหยวนไม่ได้ใส่ใจคำโอดครวญวิงวอนของเสวียนหั่วเจินจวิน หอบผ้าห่มมาอยู่ที่ยอดเขาลั่วเถาไม่ไปไหน 

 

 

สิ่งที่มั่วชิงเฉินไม่รู้ก็คือ เป็นเพราะเยี่ยเทียนหยวนทำเช่นนี้ หู่โถวจึงได้เริ่มครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง ว่าจะขอให้เขาแต่งเข้าตระกูลมั่วหรือว่าขอให้บุตรคนแรกใช้แซ่มั่วดีไหม

 

 

ทันทีที่เดินพ้นประตู ก็เห็นถังมู่เฉินเดินเข้ามา ใบหน้าบวมเป่งจมูกเขียวช้ำ 

 

 

มั่วชิงเฉินประหลาดใจ “พี่ใหญ่ นี่ท่านเป็นอะไรหรือ”

 

 

ถังมู่เฉินกะพริบตา ทันใดนั้นก็กอดขาข้างหนึ่งของมั่วชิงเฉิน “น้องสาว เจ้าต้องช่วยพี่ใหญ่นะ”

 

 

มั่วชิงเฉินเหยียดมุมปาก อดใจไม่ให้เตะเขาออก นางขบฟันแล้วพูดว่า “ปล่อยมือ”

 

 

“ไม่ปล่อย” ถังมู่เฉินส่ายหน้าไปมาราวกับลูกป๋องแป๋ง 

 

 

มั่วชิงเฉินกำลังจะลงมือตามความคิดเมื่อครู่ เซียวเหยาก็ไม่รู้ว่าออกมาจากที่ใด เกาะขาอีกข้างของนางเอาไว้ แล้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “คนสวย รอจนเจ้าออกมาในที่สุด!”

 

 

มั่วชิงเฉินหน้าเขียวปัด เตะออกไปหนึ่งที แต่เป็นเพราะว่าขาอีกข้างหนึ่งถูกถังมู่เฉินกอดไว้แน่นจนออกแรงไม่ได้ แกว่งมือหนึ่งทีก้อนอิฐก็ปรากฏขึ้นนางเหวี่ยงออกไปที่หน้าอันหล่อเหลาทั้งสองอย่างไม่เกรงใจ ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเลยแม้สักนิด 

 

 

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกท่านทั้งสองปล่อยได้แล้ว แล้วเล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” มั่วชิงเฉินพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ 

 

 

เมื่อเห็นถังมู่เฉินและเซียวเหยากำลังจะอ้าปากพูด มั่วชิงเฉินก็พูดตัดบทว่า “พี่ใหญ่ ท่านพูดก่อน!”

 

 

ถังมู่เฉินชำเลืองไปยังเซียวเหยาปราดหนึ่งอย่างสะใจ ลืมความเจ็บปวดบนใบหน้าจนหมด หรี่ตายิ้มแล้วพูดว่า “น้องสาว อย่างไรเจ้าก็ดีกับข้าจริงๆ”

 

 

“ถ้าไม่พูดก็ไสหัวไป!” มั่วชิงเฉินพูดอย่างไม่เกรงใจ 

 

 

รู้จักกันมานาน นางเข้าใจอย่างดี เจ้าคนผู้นี้หากเกิดไร้ยางอายขึ้นมา ย่อมไม่มีเรื่องดีแน่ 

 

 

ถังมู่เฉินรีบปั้นหน้าโศกเศร้า แล้วพูดอย่างระมัดระวัง “น้องสาว เจ้ากับแม่นางต้วน รักกันเหมือนพี่น้องมิใช่หรือ”

 

 

“แล้วอย่างไร” มั่วชิงเฉินถามขึ้นช้าๆ 

 

 

ถังมู่เฉินจะกระโดดเข้าไปกอดขาอีกครั้ง แต่ด้วยสีหน้าโหดเหี้ยมมั่วชิงเฉินถึงได้แต่ยืนอยู่กับที่โดยไม่เต็มใจ ค่อยๆ ย่อเข่านั่งลง เงยหน้าขึ้นไปแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอย่างเอาใจ “ข้าอยากจะแต่งงานกับนาง น้องสาว เจ้าช่วยพี่ด้วยเถิด”

 

 

รอยยิ้มนั้นภายใต้แสงอาทิตย์ ส่องสว่างจ้าตา ราวกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งรู้จักความรัก

 

 

มั่วชิงเฉินสลัดความคิดเหลวไหลนั้นออก แล้วตอบกลับอย่างกะทัดรัดชัดเจน “ไม่ได้”

 

 

“น้องสาว!” ถังมู่เฉินแสดงสีหน้าเจ็บปวด มองไปยังนางอย่างน่าเวทนา 

 

 

มั่วชิงเฉินไม่ได้ใส่ใจ นางพูดต่อว่า “พี่ใหญ่ หากท่านชอบชิงเกอจริง ท่านก็ต้องพยายามด้วยตัว อย่าคาดหวังกับข้า”

 

 

ถังมู่เฉินพูดขึ้นอย่างน้อยใจ “น้องสาว พี่ใหญ่พยายามมากแล้ว ไม่เห็นรอยบาดเจ็บบนหน้าข้าหรือ นี่เป็นเพราะตามจีบแม่นางต้วน ไม่รู้ว่าถูกคนชั่วร้ายคนไหนลอบทำร้ายเข้า หึๆ เจ้าช่วยพูดแทนพี่หน่อยเถิด”

 

 

มั่วชิงเฉินเบิกตามองหนึ่งที หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “พูดเรื่องอะไร หรือท่านจะให้ข้าบอกชิงเกอ ว่าท่านมีผู้หญิงยังไม่ถึงหมื่นก็ถึงแปดพันเลยอย่างนั้นหรือ หรือให้บอกชิงเกอว่า การอยู่กับท่านพบเรื่องหายนะนั้นปกติ วันสองวันไม่โชคร้ายสักครั้ง เป็นอันออกบ้านไม่ได้ดีไหม!”

 

 

ถังมู่เฉินเอามือกุมอก “น้องสาว เจ้า…เจ้าช่างทำร้ายจิตใจพี่ใหญ่เหลือเกิน”

 

 

มั่วชิงเฉินถอนหายใจ แล้วดึงตัวถังมู่เฉินเข้ามา พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “โดยหลักแล้ว ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทชิงเกอ ข้าไม่ชอบใจที่ว่าที่สามีของนางในอนาคตจะเป็นชายมากชู้ แต่เรื่องของหัวใจนั้นพูดยาก ไม่ใช่เพราะคนอื่นเห็นว่าดีแล้วก็จะดีตาม คนอื่นเห็นว่าไม่เหมาะแล้วจะต้องเป็นตามนั้น รองเท้าหนึ่งคู่จะใส่เหมาะหรือไม่มีเพียงเท้าเท่านั้นที่จะรู้ ดังนั้น พี่ใหญ่ ข้ารับปากได้มากสุดก็เพียงไม่ขัดขวางท่าน คิดจะตามจีบชิงเกอ ก็พยายามด้วยตัวเองเถิด”

 

 

ได้ยินว่ามั่วชิงเฉินจะไม่ขัดขวางเขา ถังมู่เฉินก็ยิ้มหรา พูดขึ้นด้วยความปีติยินดี “ฮิๆ น้องสาว เจ้าพูดเช่นนี้ข้าก็วางใจ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไปก่อนล่ะ”

 

 

มั่วชิงเฉินหน้าเขียวปัด เจ้าคนผู้นี้ช่างรู้จักต่อรองเสียจริง เป้าหมายในตอนแรกของเขา ที่จริงก็คือต้องการให้นางไม่เข้าไปขัดขวางสินะ อยู่ที่เหยากวง ก็มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้เรื่องราวเหลวไหลเหล่านั้นของเขา 

 

 

มองไปยังถังมู่เฉินที่กำลังเดินจากไปอย่างลิงโลด มั่วชิงเฉินตะโกนขึ้นอีกหนึ่งทีว่า “พี่ใหญ่”

 

 

ถังมู่เฉินเหลียวกลับ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มมา “อะไรหรือ น้องสาว”

 

 

มั่วชิงเฉินท่าที่ดูเหมือนยิ้ม “พี่ใหญ่ ชิงเกอเป็นคนฉลาด แผนแกล้งเจ็บตัวให้เห็นใจนั้น ใช้ไม่ได้กับสตรีทุกนางหรอกนะ ความยืนหยัดและจริงใจต่างหาก ที่เป็นแผนที่ดี”

 

 

ถังมู่เฉินอึ้ง แล้วก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “น้องสาว ขอบคุณเจ้ามาก”

 

 

มองไปยังแผ่นหลังอันเหยียดตรงของถังมู่เฉิน มั่วชิงเฉินก็พูดขึ้นช้าๆ ว่า “ไม่เป็นไร ในหมู่ผู้บำเพ็ญชายที่ตามขอความรักชิงเกอ ทำได้ถึงขั้นนี้ไม่ถึงหนึ่งพันก็แปดร้อยแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสำเร็จสักคน” 

 

 

ถังมู่เฉินตัวเซ เกือบล้มทิ่มกับพื้น 

 

 

มั่วชิงเฉินเหยียดมุมปาก แล้วหันไปมองเซียวเหยา “เอาล่ะ สหายเซียว ตอนนี้ท่านพูดเรื่องของท่านเถิด”

 

 

เซียวเหยาสะบัดมือหนึ่งทีพู่กันด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้น แล้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “คน…”

 

 

มั่วชิงเฉินตัดบท “ได้โปรดเรียกข้าว่าสหายมั่ว หาไม่แล้วก้อนอิฐของข้าก็คงอดไม่ได้จะลอยออกไป”

 

 

เซียวเหยาขมวดคิ้ว แล้วพูดออกไปอย่างไม่เต็มใจ “สหายมั่ว ข้าขอวาดรูปเจ้าได้หรือไม่”

 

 

จิ๊ๆ เรียกสหายแล้วลิ้นแข็งจริงเลย ไม่คุ้นเสียเลยจริงๆ

 

 

“ถ้าข้าบอกว่าไม่ได้ เจ้าจะไม่วาดหรือไม่” มั่วชิงเฉินถาม

 

 

เซียวเหยารีบตอบ “ข้าแต่ไหนแต่ไรไม่บังคับให้ใครต้องลำบากใจ หญิงสาวที่ไม่ยินยอม รูปที่วาดออกมาก็ดูหมดความงามไปไม่น้อย นี่คือสิ่งที่ข้ายอมไม่ได้เป็นอันขาด”

 

 

มั่วชิงเฉินถอนใหญ่หายใจอย่างโล่งอก นางยิ้มอย่างอ่อนหวานแล้วพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นผู้น้อยก็ขอลาก่อน”

 

 

เห็นมั่วชิงเฉินเดินไปด้วยความดีใจ เซียวเหยาก็รีบเดินตามเข้าไป “คน…เอ่อ…ไม่สิ…สหายมั่ว สำหรับหญิงสาวที่ไม่ยินยอม ผู้น้อยก็จะใช้ความจริงใจอันใหญ่หลวงทำให้นางประทับใจ จนกระทั่งนางยินยอม…”

 

 

เจ้าคนพวกนี้เป็นอะไรกันนี่!  ตัวตนเล็กๆในใจมั่วชิงเฉินกู่ร้อง นางหยุดฝีเท้าลงทันที ขบฟันแล้วพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนท่านช่วยวาดให้เสร็จเร็วๆ ด้วย”

 

 

เซียวเหยาสีหน้าตื่นเต้น “ได้ๆ”

 

 

ครั้นแล้วก็สงบอารมณ์ลง พูดขึ้นอย่างระวังว่า “สหายมั่ว ผู้น้อยวาดภาพ จะอ้างอิงจากลักษณะนิสัยของหญิงสาวแต่ละนาง ขอให้นางวางท่าที่เหมาะสมที่สุด เจ้าดู…”

 

 

มั่วชิงเฉินโบกมือยังอ่อนแรง “แล้วแต่ท่าน ช่วยใช้เวลาให้น้อยด้วย”

 

 

“ขอรับ!” เซียวเหยาท่าทีเปลี่ยนไปเป็นการใหญ่ สีหน้าไร้อารมณ์ แววตาส่องสว่าง จ้องนิ่งไปยังมั่วชิงเฉิน ราวกับจะจ้องลึกลงไปในใจลึกๆ ของนาง

 

 

สภาพน่าประหลาดนี้ดำเนินอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงเซียวเหยาพูดขึ้นดัง “เร็วเข้า รีบนั่งบนชิงช้าใต้ต้นดอกท้อสองต้นนั้นเร็ว”

 

 

มั่วชิงเฉินเดินไปตามคำสั่ง แล้วโยกชิงช้า 

 

 

ชุดสีครามหลวมโคร่งทั้งตัวของนางปลิวพริ้ว ขยับไหวไปตามจังหวะฉิ่งช้าราวกับสายลมหนาว ดอกท้อที่อยู่บนต้นร่วงพรูลงมา ทำให้ชุดสีครามกลายเป็นแต้มแดงเย้ายวนเป็นจุดๆ

 

 

ชุดคลุมสีคราม ดอกท้อสีชมพู ผิวขาวดั่งหิมะ สีหน้าอันงามประณีตรวมกันเป็นเสน่ห์ความงามที่ยากจะบรรยายออกมา

 

 

ผีเสื้อหลายตัวบินเข้ามา เกาะลงบนไหล่ที่มีผมประบ่าของมั่วชิงเฉิน

 

 

ความเร่าร้อนพาดผ่านแววตาเซียวเหยา แต่ยังคงจับพู่กันไว้อย่างมั่นคง พัดขยายตัวขึ้นแล้วลอยขึ้นกลางอากาศ ในขณะที่กำลังจะจรดพู่กันก็หยุดทันที “ไม่ใช่ ยังขาดอะไรบางอย่าง!”

 

 

ครั้นแล้วก็เงยหน้าทันที มองนิ่งไปยังมั่วชิงเฉิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสัย “เร็วเข้า รีบคลายคอเสื้อออก”

 

 

มั่วชิงเฉินชะงักเล็กน้อย เห็นท่าทีจริงจังของเขา ก็ไม่ได้พูดอะไร นางดึงคอเสื้อออกไปด้านข้าง 

 

 

“ไม่ได้ๆ ดึงออกไปอีก” เซียวเหยาราวกับเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง พูดออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุดัน 

 

 

มั่วชิงเฉินกัดฟัน แล้วดึงคอเสื้อออกอีกเล็กน้อย 

 

 

เซียวเหยาสีหน้าไม่พอใจ “โอยๆ หญิงงามเพียงนี้ ไยจึงไม่มีพลังวิญญาณเลยสักนิด ไม่ได้ยินข้าบอกให้ดึงคอเสื้อออกให้เยอะหรือ”

 

 

เส้นเลือดบนหน้าผากของมั่วชิงเฉินปูดขึ้น นางฝืนใจดึงออกอีกเล็กน้อย ขบฟันพูดขึ้นว่า “สหายเซียว อย่างนี้ได้หรือไม่”

 

 

เซียวเหยาไม่รู้ว่าคนที่อยู่บนชิงช้ากำลังโกรธแทบระเบิด กำลังหมกมุ่นในโลกแห่งภาพเขียนอันไร้ขอบเขตในใจของตน ได้ยินดังนั้นก็ตอบไปว่า “ไม่ได้แน่นอน เจ้าปิดไว้มิดชิดขนาดนี้ เอาไว้กันโจรหรือไรกัน วางใจเถิด มีข้าอยู่ไม่มีโจรที่ไหนกล้าเข้ามาหรอก เร็วเข้า ดึงคอเสื้อออกจนให้เห็นไหล่ทั้งสองและไหปลาร้า เอาให้เหมือนกับอารมณ์เมามายจนลืมเสื้อผ้าอาภรณ์หลุดลุ่ย เผยลักยิ้มบนแก้ม งามเย้ายวนไร้ที่ติ งามดึงดูดแม้ทีเผลอ บุรุษในโลกล้วนลุ่มหลง แม้แต่ผีเสื้อก็อดใจไว้ไม่อยู่ นอนลงเกาะอยู่บนเนินอกคนงามที่เผยออกมาครึ่งหนึ่ง…”

 

 

มั่วชิงเฉินสาวเท้าเดินจากไปเร็วราวกับผีพุ่งใต้ แล้วเตะเซียวเหยาหนึ่งที “ไปตายเสีย!”

 

 

พูดจบก็บินจากไปยังยอดเขาลั่วเถาโดยไม่หันกลับมามอง

 

 

เซียวเหยาลุกขึ้นอย่างมึนงง สติค่อยกลับมาชัดเจนอีกครั้ง แล้วบ่นพึมพำแทบจะร่ำไห้ “ทำไมถูกเตะอีกแล้ว ข้าเพียงต้องการจะวาดนางออกมาให้สวยที่สุดเท่านั้น…”

 

 

มั่วชิงเฉินร่อนลงที่ยอดเขาโหวเต๋อแล้วตรงไปยังโถงปฏิบัติงาน

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่อู๋กำลังนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ มือถือพู่กันไม่รู้ว่ากำลังเขียนอะไรอยู่ สีหน้าสงบนิ่ง มุมปากมีรอยยิ้มอบอุ่นอยู่จางๆ แสงวสันต์อันสว่างลอดผ่านม่านหน้าต่างลงมาสาดกระทบกาย เป็นเงาริ้ว ก่อเป็นภาพที่ดูเงียบเหงาอันสวยงามและยาวนานของกาลเวลา 

 

 

มั่วชิงเฉินตัดใจไม่ได้ที่จะรบกวน ในความทรงจำปรากฏภาพผู้บำเพ็ญเพียรใบหน้าอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งกำลังต่อล้อต่อเถียงกับเขา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้ม ดูเร่าร้อนมีชีวิตชีวา 

 

 

ผู้บำเพ็ญแซ่อู๋เงยหน้าขึ้น วางพู่กันลงเดินเข้ามา “อาจารย์อามั่ว ท่านมาแล้วหรือ”

 

 

มั่วชิงเฉินผงกศีรษะ “หัวหน้าโถงอู๋ ข้าได้รับจดหมายจากท่าน เกี่ยวข้องกับการประลองเฟิงอวิ๋นหรือ”

 

 

“ถูกต้อง” ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่อู๋พูดไปพลางหนังสือเล่มเล็กเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางมือ เขายื่นออกไป “อาจารย์อามั่ว นี่คือข้อมูลเกี่ยวข้องกับการประลองเฟิงอวิ๋นที่รวบรวมได้ในสำนัก รวมไปถึงสถานที่แข่งขัน วิธีการ จำนวนผู้เข้าร่วม รวมไปถึงลักษณะพิเศษในการบำเพ็ญเพียรของผู้เข้าร่วมแข่งขันส่วนใหญ่”

 

 

มั่วชิงเฉินกวาดสายตามองปราดหนึ่ง แอบคิดในใจว่าในเรื่องนี้ผู้บำเพ็ญเพียรในสำนักได้เปรียบผู้บำเพ็ญไร้สำนักและผู้บำเพ็ญเพียรจากตระกูลสามัญกว่ามากจริงๆ เพียงแค่หนังสือน้อยๆ เล่มนี้ เพียงแค่เอาออกไปสู่ภายนอกก็เกรงว่าเงินทองมากมายเพียงใดก็ไม่อาจจะหาซื้อได้ 

 

 

“ขอบคุณหัวหน้าโถงอู๋”

 

 

เมื่อกล่าวลาผู้บำเพ็ญเพียรแซ่อู๋แล้ว มั่วชิงเฉินก็กลับไปยังยอดลั่วเถา เห็นเซียวเหยากำลังตามเข้ามาอย่างระวัง ก็กลอกตาหนึ่งที แล้วเดินไปยังที่ซึ่งหลัวเตี๋ยวจวินพำนักอยู่ชั่วคราว

Related

Comment

Options

not work with dark mode
Reset