พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 543 การต่อสู้กับราชามัจฉา

เป็นเสียงอ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบชัดๆ แต่ในใจของมั่วชิงเฉินและนักพรตจื่อซีกลับรู้สึกเย็นยะเยือก  

 

 

บุรุษเช่นนี้ ไร้ยางอายอย่างถึงที่สุดจริงๆ  

 

 

ปากของสุ่ยหลิงหลงมีโลหิตโปร่งใสทะลักออกมาไม่หยุด มองเฮ่ออีหลังด้วยความโกรธเกรี้ยว ร่างทั้งร่างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโปร่งใส  

 

 

เฮ่ออีหลังยกมือปล่อยปราณมารออกมาสายหนึ่ง มุ่งโจมตีไปทางหัวใจของสุ่ยหลิงหลง แต่กลับหน้าเปลี่ยนสีอย่างใหญ่หลวง ร่างกายถอยร่นไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว  

 

 

เสียงหัวเราะของสตรีดังมา สุ่ยหลิงหลงหายไป กระแสน้ำไหลวนอย่างรวดเร็ว ทุกแห่งล้วนเป็นฟองน้ำโปร่งใส  

 

 

เฮ่ออีหลังกระโดดหนีไปแล้วหันกลับมามอง ดาวห้าแฉกสีทองบินวนไปมากลางอากาศอย่างรวดเร็ว เสียงแหลมดังขึ้น ดาวสีทองค่อยๆ อาบย้อมไปด้วยสีเขียว  

 

 

นักพรตจื่อซีมีสีหน้าเคร่งขรึม ถ่ายทอดเสียงไปเงียบๆ “ชิงเฉินเจ้าดูสิ มีพิษ”  

 

 

มั่วชิงเฉินพยักหน้าตอบกลับว่า “ดูแล้วสุ่ยหลิงหลงคงเป็นอสูรปีศาจที่มีพิษร้ายแรงโดยกำเนิด…แย่แล้ว!”  

 

 

นางดึงนักพรตจื่อซีให้ถอยร่นไปอย่างรีบร้อน ฟองน้ำทะลักออกมาจากกระแสน้ำเย็นเยียบ ม้วนเอาทั้งสองคนเข้าไป  

 

 

เฮ่ออีหลังพลันเงยหน้าขึ้น มองมั่วชิงเฉินและนักพรตจื่อซีที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันด้วยความโกรธเกรี้ยว กระบี่ยาวที่ห่อหุ้มไปด้วยปราณมารเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ ทิ่มแทงไปยังจุดที่ว่างเปล่าอย่างแรง ชั่วขณะนั้นตรงนั้นพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ฟองน้ำทะลักออกมาไม่หยุด   

 

 

กระบี่มารต้านทานระลอกคลื่นอยู่ตรงใจกลาง เฮ่ออีหลังโบกมือ ปราณมารที่แฝงไว้ด้วยเปลวเพลิงปรากฏ ฟองน้ำเหล่านั้นกระจายตัวรอบด้าน เกิดเป็นช่องว่าง  

 

 

เฮ่ออีหลังม้วนตัว กระโจนออกไปทางช่องว่างนั้น กระโดดขึ้นลงสองสามครั้งก็หายวับไป   

 

 

เพราะการหนีของเขาในครั้งนี้ กระแสน้ำดูเหมือนจะบ้าคลั่งขึ้นมา ระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ในที่สุดมั่วชิงเฉินและพวกทั้งสองคนก็มองเห็นระลอกคลื่นอันรุนแรง มีหนวดโปร่งใสจำนวนนับไม่ถ้วนยื่นออกมา ล้อมรอบลำธารผืนนี้  

 

 

ฟองน้ำโปร่งใสเหล่านั้นก็คือสิ่งที่ล้นออกมาจากปลายหนวดไม่หยุด   

 

 

นักพรตจื่อซีสะบัดแขนเสื้อ คันฉ่องหมื่นปรากฏการณ์ปรากฏขึ้นตรงหน้า จากนั้นก็กัดนิ้ว ทาไปบนบานกระจก  

 

 

รอยสีแดงที่คดเคี้ยวไปมาจมหายเข้าไปในบานกระจก บานกระจกมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น จากนั้นก็เผยร่างแมงกระพรุนขนาดใหญ่มหึมาออกมา นั่นก็ช่างเถิด สิ่งที่ทำให้ทั้งสองตกตะลึงที่สุดก็คือ หัวของแมงกระพรุนยังมีใบหน้างดงามไม่เป็นสองรองใครของสุ่ยหลิงหลงปรากฏอยู่  

 

 

“สุ่ยหลิงหลง ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า ศัตรูของเจ้าหนีไปแล้ว ยังจะมาจัดการพวกเราเพราะเหตุใดกัน ยามนี้เจ้าเป็นลูกธนูที่สุดแรงบิน[1]แล้ว จากกำลังของพวกเราสองคน จะจัดการเจ้าได้ก็เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าก็เร็ว เจ้าไม่เหลือแรงไปรักษาแผลเพื่อแก้แค้นหรือ หรือว่าอยากพินาศย่อยยับเป็นเถ้าธุลี” นักพรตจื่อซียกคันฉ่องหมื่นปรากฏการณ์ขึ้นแล้วร้องตะโกนออกไป  

 

 

เมื่อสิ้นเสียงตะโกน คลื่นน้ำสายหนึ่งก็พวยพุ่งขึ้นมา ทั้งลำธารสั่นคลอนไปมาไม่หยุด   

 

 

แววตาเคียดแค้นจนเข้ากระดูกของสุ่ยหลิงหลงในคันฉ่องหมื่นปรากฏการณ์บิดเบี้ยวแล้วค่อยๆ สลายหายไป ฟองน้ำที่มีอยู่ทั่วทุกแห่งในกระแสน้ำสลายหายไป  

 

 

นักพรตจื่อซีเก็บคันฉ่องหมื่นปรากฏการณ์ ผ่อนลมหายใจอกมา หันหน้าไปเอ่ยกับมั่วชิงเฉิน “โชคดีที่นางยังพอมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง หากระเบิดแก่นปีศาจอกมา เช่นนั้นพวกเราก็จัดการได้ยากแล้ว”  

 

 

อสูรปีศาจระเบิดแก่นปีศาจตนเองนั้นก็เหมือนกับที่มนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรระเบิดแก่นทองคำของตนเอง ล้วนจะสูญเสียโอกาสในการเข้าสู่วัฏสงสาร เทียบกันแล้วอานุภาพเองก็ยิ่งใหญ่ ทว่าสิ่งมีชีวิตผู้มีสติปัญญา นอกเสียจากว่าจะจำใจถึงจะเลือกทางสายนี้  

 

 

สุ่ยหลิงหลงได้รับบาดเจ็บหนัก จึงตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง หากไม่ใช่เพราะนักพรตจื่อซีใช้คันฉ่องหมื่นปรากฏการณ์เผยร่างที่แท้จริง แล้วตะโกนใส่จิตวิญญาณของนาง ไม่แน่ว่าก็อาจจะเดินมาถึงปลายทาง เช่นนั้นต่อให้ทั้งสองหนีได้ ก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนัก  

 

 

ในยามนี้มีพืชปีศาจอยู่เต็มไปหมด อสูรปีศาจอยู่ทั่วดวงดาว ผลจากการได้รับบาดเจ็บ ไม่ต้องพูดก็เห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ที่มั่วชิงเฉินเกือบจะถูกเซี่ยหรันย่ำยี ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว  

 

 

เมื่อพ้นจากอันตรายได้ ทั้งสองถึงได้มองไปยังปทุมหยกอริยะหอม  

 

 

คาดไม่ถึงว่าราชามัจฉาสายรุ้งที่ปกป้องปทุมหยกอริยะหอมจะยังไม่ตาย ยามนี้มันกำลังปกป้องดอกบัวอยู่ด้านข้าง ดวงตาแข็งทื่อทั้งสองจ้องเขม็งมายังทั้งสองคน  

 

 

“ศิษย์พี่จื่อซี อสูรพิทักษ์มัจฉาอยู่ตรงนี้น่าจะถูกพิษของสุ่ยหลิงหลง” มั่วชิงเฉินเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา   

 

 

นักพรตจื่อซีเหลือบตามา “แล้วจะรออะไรอีก ถือโอกาสที่มันได้รับบาดเจ็บคร่าชีวิตมันเสีย!”  

 

 

เอ่ยไปพลางหอกยาวเล่มหนึ่งก็ออกมาจากฝ่ามือ ยกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไป   

 

 

“โฮก..” ราชามัจฉาสายรุ้งกระโจนขึ้น อ้าปากกว้าง พ่นลูกศรน้ำออกมาสายหนึ่ง  

 

 

นักพรตจื่อซีไม่ใส่ใจ ปลายหอกยาวเปล่งแสง จากนั้นก็กลายเป็นโล่แสงทรงกรวยต้านทานลูกศรให้พุ่งกลับไป ปลายหอกยาวแทงเข้าไปในปากของราชามัจฉาสายรุ้งอย่างรวดเร็ว  

 

 

ราชามัจฉาสายรุ้งร้องคร่ำครวญออกมา หอกยาวสีเขียวในปากหมุนวนอย่างรวดเร็ว หางยาวตบไปบนคลื่นน้ำ   

 

 

มั่วชิงเฉินสลัดแส้เถาวัลย์ รัดไปบนร่างของราชามัจฉาสายรุ้ง ชั่วครู่ก็มีโลหิตปรากฏขึ้นเป็นสาย  

 

 

ดวงตาของราชามัจฉาสายรุ้งค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต หางมัจฉาสะบัด กระแสน้ำไหลไปทางทั้งสองอย่างรวดเร็ว  

 

 

มั่วชิงเฉินและพวกทั้งสองไหลไปตามน้ำ ถูกพัดออกไปไกลสองสามจั้ง  

 

 

ฉับพลันนั้นราชามัจฉาสายรุ้งก็ตั้งหลักได้ หมุนตัวเกล็ดสีต่างๆ เปล่งแสงสว่างวาบ จากนั้นก็เห็นลำแสงหลากสีแผ่ออกมาจากหางมัจฉา เชื่อมเข้ากับกระแสน้ำ กลายเป็นประตูโค้งเจ็ดสี  

 

 

ราชามัจฉาสายรุ้งเปล่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา ร่างกระโจนขึ้นสูง  

 

 

มั่วชิงเฉินหน้าเปลี่ยนสี “แย่แล้ว มัจฉาย่ำประตูมังกร ศิษย์พี่จื่อซี ไม่อาจปล่อยให้มันทำสำเร็จได้!”  

 

 

เอ่ยไปพลางก็สะบัดแส้สองสามครั้ง ใช้เถาวัลย์รัดหางเจ้ามัจฉาเอาไว้ แล้วโยนตาข่ายแมงมุมสีแดงเพลิงออกมา ต้านทานอยู่ด้านหน้าประตูโค้งเจ็ดสี  

 

 

ราชามัจฉาสายรุ้งสะบัดหาง ม้วนแส้ยาวตรงหางมัจฉาชั่วขณะนั้นพลันลื่นไถล มั่วชิงเฉินที่คาดเดาเอาไว้ตั้งนานแล้วสะบัดแส้ยาว รัดหินใต้ลำธารเอาไว้ ร่างกายอาศัยพลังกลุ่มนี้กระโจนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว สลัดเถาวัลย์อีกสายที่มัดปมเสร็จแล้วไป รัดหัวของมัจฉาอย่างพอดิบพอดี  

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกันนิ้วก็ร่ายคาถาอย่างต่อเนื่อง ตาข่ายแมงมุมสีแดงเพลิงแผ่คลุมลงมาหาราชามัจฉาสายรุ้ง   

 

 

นักพรตจื่อซีเองก็ไม่สนใจ ริมฝีปากร่ายคาถา ระแนงไม้เขียวแถวหนึ่งปรากฏขึ้นมาพื้นดิน ต้านทานอยู่ด้านหลังตาข่ายแมงมุม กลายเป็นการป้องกันสองชั้น จากนั้นก็โยนหอกยาวสีเขียวออกไป แทงไปที่ประตูโค้งเจ็ดสีอย่างแรง  

 

 

ประตูโค้งเจ็ดสีถูกหอกยาวแทงเข้าไป ราชามัจฉาสายรุ้งดูเหมือนจะถูกแทงจนได้รับความเจ็บปวด มันดิ้นอย่างบ้าคลั่ง  

 

 

มั่วชิงเฉินดึงเถาวัลย์อย่างแรง ถูกราชามัจฉาสายรุ้งรั้งเอาไว้จนไม่อาจเคลื่อนไปข้างหน้าได้ สองขาจมอยู่ในโคลน กลายเป็นรอยลึก   

 

 

นักพรตจื่อซีสลัดแถบแพรสีขาวออกมา รัดหางของราชามัจฉาสายรุ้งเอาไว้   

 

 

ดวงตาของราชามัจฉาสายรุ้งค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เปล่งเสียงร้องคำรามออกมา ฉับพลันนั้นแรงที่ดิ้นรนพลันเพิ่มขึ้นสองสามเท่า  

 

 

แรงที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันทำให้ทั้งสองที่ไม่ทันได้ป้องกันตัว ถูกผลักจนกระเด็น  

 

 

มั่วชิงเฉินดีดเปลวน้ำแข็งเหมันต์ไปเหนือตาข่ายแมงมุม ร่ายคาถาด้วยนิ้วมือเก็บตาข่ายแมงมุม  

 

 

ราชามัจฉาสายรุ้งกระโจนเข้ามาในตาข่ายแมงมุมและดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เปลวเพลิงสีฟ้าน้ำแข็งห่อหุ้มมันเอาไว้ ชั่วขณะนั้นการกระโจนไปข้างหน้าพลันเชื่องช้าลง  

 

 

นักพรตจื่อซีผ่อนลมหายใจลง หอกยาวแหลมคมจนไม่อาจต้านทานได้ ชั่วครู่ก็แทงไปที่สะพานสายรุ้ง ทุกการทิ่มแทงสะพานสายรุ้งพลันเกิดสายรุ้งชนิดหนึ่ง ตกลงบนราชามัจฉาสายรุ้งในตาข่ายแล้วเปล่งเสียงร้องคำรามอย่างน่าเวทนาออกมา  

 

 

จิตใจที่ตึงเครียดของทั้งสองคนพลันผ่อนคลายลง  

 

 

ในยามนั้นปทุมหยกอริยะหอมที่เอาแต่หลับใหลก็เปล่งแสงเจ็ดสีออกมา ส่งเสียงร้องออกมาเป็นระลอกๆ  

 

 

มั่วชิงเฉินพลันแขนขาอ่อนยวบ แรงที่ดึงเถาวัลย์ลดลง  

 

 

ราชามัจฉาสายรุ้งกลับดูเหมือนจะมีเทพลงมาช่วยเหลือ ร่างมัจฉาดีดออก กระโจนออกจากตาข่ายแมงมุม ระแนงไม้เขียวแถวนั้นแตกออกเป็นชิ้นๆ  

 

 

ในเวลาเดียวกันที่หัวของราชามัจฉาสายรุ้งกระโจนผ่านสะพานสายรุ้งไป ก็ค่อยๆ กลายเป็นหัวมังกร ขั้นตอนนั้นดูเหมือนว่าจะถูกดึงให้ช้าลง ผู้ที่รับชมอยู่ด้านข้างก็สามารถเห็นราชามัจฉาตั้งแต่หัวจรดหางที่กลายเป็นมังกรทีละนิดๆ ได้อย่างชัดเจน  

 

 

มัจฉามังกรยังไม่ทันถือกำเนิด ก็สัมผัสได้ถึงพลังแรงกดอันไร้ขอบเขตแผ่ออกมา  

 

 

นักพรตจื่อซีรู้สึกตกตะลึง ร้องว่าแย่แล้วในใจ ราชามัจฉากลายร่างเป็นมังกร เกรงว่าทั้งสองคนคงต้องจบชีวิตลงที่นี่  

 

 

แต่นางกลับพบว่าแข้งขาอ่อนแรงจนออกแรงไม่ได้ ศีรษะก็วิงเวียน ไม่อาจกระตุ้นจิตสังหารได้เลยสักนิด  

 

 

เห็นหางมัจฉาค่อยๆ กลายเป็นหางมังกร นักพรตจื่อซีถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง จากนั้นก็กัดฟันกดลงไปตรงจุดตันเถียน  

 

 

“ศิษย์พี่จื่อซี ไม่ได้นะ!” มั่วชิงเฉินร้องตะโกนออกมา  

 

 

นักพรตจื่อซีมองไป เห็นมั่วชิงเฉินดึงเถาวัลย์จนลอยขึ้น หมุนวนกลางอากาศ เถาวัลย์รัดเอวของนางชั้นแล้วชั้นเล่าอย่างรวดเร็ว ชั่วครู่ก็มาอยู่ข้างกายของราชามัจฉาสายรุ้ง  

 

 

หางของราชามัจฉาสายรุ้งยังมีประตูโค้งเจ็ดสีไม่ถึงหนึ่งจั้งอยู่อีกด้าน ยังคงมีรูปร่างเป็นหางมัจฉา   

 

 

มั่วชิงเฉินสวมถุงมือเส้นไหม โอบกอดหางปลาแล้วดึงกลับมา   

 

 

ราชามัจฉาสายรุ้งสะบัดหาง สลัดมั่วชิงเฉินจนกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า เปล่งเสียงร้องคำรามอย่างดูแคลนของมังกรออกมา  

 

 

เดิมทีมั่วชิงเฉินไม่ได้คิดจะใช้สองแขนห้ามราชามัจฉาสายรุ้ง ทำเช่นนี้เป็นแค่การทำให้อีกฝ่ายสับสน ถือโอกาสที่หางมัจฉาออกแรง ร่างทั้งร่างกระโจนไปด้านบนอย่างรวดเร็ว ขาขวายกขึ้น จากนั้นก็ถีบไปด้านล่างอย่างแรง  

 

 

ราชามัจฉาสายรุ้งที่เกือบจะกลายเป็นมังกรร้องคร่ำครวญออกมา ร่างอันใหญ่ยักษ์ตกลงสู่ด้านล่างอย่างรวดเร็ว เสียง  ปัง  ดังขึ้น จมหายเข้าไปในโคลน  

 

 

มั่วชิงเฉินที่อยู่กลางอากาศพลิกตัว ร่อนลงมาด้านล่างอย่างสง่างาม  

 

 

นักพรตจื่อซีราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ขยี้ตาไปมาอย่างอดไม่ได้แล้วเอ่ยว่า “ชิงเฉิน ข้าไม่ได้ตาฝาดไปสินะ”  

 

 

มั่วชิงเฉินถึงได้รู้สึกอาการทรุดลง ฝืนยิ้ม “ยังหอบอยู่เลย ไม่ได้ตาฝาด”  

 

 

ยามนี้นักพรตจื่อซีทำเรื่องที่ผู้คนคาดเดาได้ กระโจนเข้ามา เลิกกระโปรงชิงเฉินขึ้น จากนั้นก็เลิกขากางเกงขึ้น แล้วเอ่ยชื่นชม “ชิงเฉิน เจ้ามีขาพลังเทพมหาศาลจริงๆ ถีบมังกรตายได้!”  

 

 

มั่วชิงเฉินมุมปากกระตุก เอ่ยทีละคำๆ ว่า “ศิษย์พี่จื่อซี ท่านปล่อยกระโปรงขาลงได้หรือไม่”  

 

 

นักพรตจื่อซีเอ่ยอย่างไม่พอใจ “จะรีบอะไร ดูนิดดูหน่อยเนื้อก็ไม่หายไปหรอก”  

 

 

มั่วชิงเฉินเอ่ยอย่างจนปัญญา “ดูนิดดูหน่อยเนื้อก็ไม่หายไปหรอก สิ่งสำคัญก็คือหากท่านดูต่อไป ราชามัจฉาสายรุ้งก็จะตื่นขึ้นมา มันแค่ถูกถีบจนสลบ ไม่ได้ตาย”   

 

 

นักพรตจื่อซีตกใจจนสะดุ้งโหยง “อะไรนะ เจ้าไม่บอกเร็วๆ ล่ะ!”  

 

 

เอ่ยจบก็กระโจนไปด้านหน้าราชามัจฉาอย่างรวดเร็ว หยิบหอกยาวสีเขียวออกมาแทงไปมั่วซั่ว  

 

 

มั่วชิงเฉินรีบเดินเข้าไปห้ามสตรีผู้ห้าวหาญ “ศิษย์พี่จื่อซี อย่าทำให้เนื้อปลาเสีย ข้าต้องเลี้ยงอสูรวิญญาณนะ”  

 

 

ราชามัจฉาสายรุ้งที่เหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายร่างกายแข็งทื่อ กลืนลมหายใจเฮือกสุดท้ายลงไป  

 

 

ทั้งสองคนหยิบแก่นปีศาจออกมา ถอนเกล็ดออก เลาะกระดูกหั่นเนื้อ เอาสิ่งที่มีมูลค่าในตัวของราชามัจฉาสายรุ้งไปจนเกลี้ยง แล้วเดินไปหาปทุมหยกอริยะหอม   

 

 

นักพรตจื่อซีพิจารณาปทุมหยกอริยะหอมอย่างละเอียด แล้วอดไม่ไหวเอ่ยถามว่า “ชิงเฉิน เมื่อครู่เจ้าหลุดจากผลกระทบของดอกบัวนี้ได้อย่างไร  ข้ารู้สึกว่าดอกบัวนี้ชั่วร้ายมาก”   

 

 

 

 

 

 

 

 

——  

 

 

[1] ลูกธนูที่สุดแรงบิน  หมายถึง กำลังอันเข้มแข็งเกรียงไกรนั้นเสื่อมทรุดจนเป็นม้าตีนปลายแล้ว  

พันธกานต์ปราณอัคคี

พันธกานต์ปราณอัคคี

พันธกานต์ปราณอัคคี
Status: Ongoing
สาวชนบทชีวิตอาภัพคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีจอมยุทธ์ผู้หนึ่งมารับตัวนางกลับไปยังตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรของบิดา ตั้งแต่นั้นชีวิตของนางจึงพลิกผันไปโดยพลัน ถึงกระนั้นพรสวรรค์ของนางกลับมิได้ล้ำเลิศเฉกเช่นบิดา ยังดีที่มี ‘สุราทิพย์’ คอยช่วยเหลือ และนำพานางไปสู่เส้นทางที่คนธรรมดาได้แต่วาดฝันถึง ในเส้นทางสายนี้ยังมีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่นางนั้นคาดไม่ถึง ทั้งออกผจญภัยปราบปีศาจสยบอสูร ปลูกสมุนไพรหลอมโอสถ โดนข่มเหงกีดกันเพราะความอ่อนด้อยจนไม่ต่างกับเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง และไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะพานพบกับรสรักที่ล้ำลึกเสียจนมิอาจถอน แรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานผูกนางกับเขาอย่างไร้หนทางแยกจากกันได้… หนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ช่างเปลี่ยนไปมาจนมิอาจคาดเดาได้ เขาจะเป็นคนรับใช้ที่โดดเด่นในโลก (อดีต) แห่งนี้ให้ดู!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset