พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 127

ต่อให้ยอมอ่อนข้อก็ยากจะรักษาการใหญ่

 

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงที่อยู่ร่วมลานบ้านกับมั่วชิงเฉิน ทั้งหมดมีสามคน นอกจากหูเยียนหรานที่ถูกนางฆ่าแล้ว อีกสองคนเพราะตบะไม่ถึง จึงไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบของหุบเขาโยวเล่อครั้งนี้

 

 

เพราะว่ามั่วชิงเฉินเลื่อนขึ้นมาจากศิษย์จิปาถะเมื่อก่อนสองคนนี้จึงมีใจดูถูก ไม่ค่อยคุยกับนางนัก

 

 

พอดีกับมั่วชิงเฉินก็ชอบที่ได้อยู่อย่างสงบ รักษาระยะห่างกับพวกนาง การพูดจาเสียงร้ายกาจแบบนี้ ในหลายปีนี้ยังถือเป็นครั้งแรก

 

 

มั่วชิงเฉินที่ผ่านการเข่นฆ่า เดินออกจากแดนลี้ลับตะโกนถามแบบนี้ จึงมีพลานุภาพที่มองไม่เห็น ทำให้สองสาวชะงักทันที

 

 

ผ่านไปชั่วครู่ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงที่ปล่อยยันต์ส่งสารถึงเอ่ยอย่างโมโหว่า “ข้าปล่อยอะไร เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”

 

 

เห็นปฏิกิริยาของนาง มั่วชิงเฉินยิ่งแน่ใจว่าต้องมีปัญหา

 

 

ตนไม่ได้กลับมานานถึงเพียงนี้ เพิ่งโผล่หน้ามานางก็ปล่อยยันต์ส่งสาร เช่นนั้นจะต้องแจ้งคนอื่นเป็นแน่ ดูจากสีหน้าของพวกนางแล้ว เห็นชัดว่าคนที่ถูกแจ้งไม่ใช่สหายของนาง ยิ่งกว่านั้นตั้งแต่มาอยู่พรรคเหยากวงนอกจากต้วนชิงเกอแล้ว นางก็ไม่มีสหายอะไรจริงๆ

 

 

นึกถึงตรงนี้มั่วชิงเฉินไม่พูดสักคำ หันหลังวิ่งออกไป

 

 

“เอ๊ะ เจ้าไปไม่ได้!” ผู้บำเพ็ญเพียรข้างหลังเรียกอย่างร้อนรน เห็นมั่วชิงเฉินไม่ยอมหยุดแม้แต่น้อย สองสาวจึงรีบไล่ตามไป

 

 

มั่วชิงเฉินวิ่งออกไปไม่กี่สิบจั้ง ก็มีแสงสายหนึ่งวาดผ่านขอบฟ้า ตามด้วยผู้บำเพ็ญเพียรหญิงคนหนึ่งกระโดดลงจากอาวุธเวท ขวางอยู่หน้ามั่วชิงเฉิน

 

 

มั่วชิงเฉินหยุดเท้าโดยพลัน มองดูผู้บำเพ็ญเพียรหญิงตรงหน้า

 

 

เห็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรหญิงผู้นี้เกล้าผมทรงเมฆาสูง ตารูปหงส์เป็นประกาย ใส่ชุดกระโปรงยาวชาววังสีแดง เผยคอระหงขาวดุจหิมะ กระดูกไหปลาร้าอันประณีตวับๆ แวมๆ ภายใต้ผ้าแพรบาง

 

 

“นางก็คือมั่วชิงเฉินคนนั้น?” ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงตาหงส์จ้องมั่วชิงเฉินเขม็ง คิ้วโก่งขมวดแน่น กลับถามผู้บำเพ็ญเพียรหญิงที่เร่งรีบวิ่งมาข้างหลังสองคน

 

 

“เรียนอาจารย์อา คือนางเจ้าค่ะ!” ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงหนึ่งในนั้นหอบหายใจว่า ในใจแอบว่าเหตุใดตบะพอๆ กันแท้ๆ นางกลับวิ่งเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก

 

 

ได้ยินคำพูดของผู้บำเพ็ญเพียรหญิง ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังส่ายสายตาจ้องมั่วชิงเฉินไว้อีกครั้ง หยุดอยู่บนใบหน้านางชั่วครู่ แล้วหัวเราะฟู่ว่า “หึ ข้ายังนึกว่าจะสวยหยาดฟ้ามาดินสักเพียงไหน ที่แท้ก็เป็นนางหนูกะโปโลคนหนึ่ง!”

 

 

มั่วชิงเฉินแน่ใจว่าตนไม่รู้จักผู้บำเพ็ญเพียรหญิงตรงหน้า ทว่านางอุตส่าห์วางแผนถึงเพียงนี้เพื่ออยากพบตน ตกลงเพราะอะไรกันแน่ ช้าก่อน คงไม่ใช่ความยุ่งยากที่คนคนนั้นนำมาให้หรอกนะ…

 

 

เห็นนางหนูน้อยที่ยังละอ่อนยืนตัวตรงสง่าต่อหน้าตน เสื้อเขียวที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไร กลับขับนางจนดูเหมือนต้นหลิวอ่อนที่เพิ่งแตกหน่อ ในใจผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังรู้สึกหงุดหงิดแวบหนึ่ง จึงเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “เป็นเช่นไร เห็นข้าก็ไม่ทำความเคารพเช่นนั้นหรือ ช่างเป็นนางหนูป่าเถื่อนที่ใช้หน้าตายั่วยวนคนตามคาดจริงๆ ไม่รู้ระเบียบ!”

 

 

คำพูดนี้ลบหลู่คนยิ่งนัก มั่วชิงเฉินที่ใจเย็นมาตลอดโมโหจนตัวสั่น หรือว่าหญิงแก่นี่กับเจ้าสารเลวนั่นเป็นพวกเดียวกัน เหตุใดต่างพูดกับตนเช่นนี้!

 

 

พอคิดเช่นนี้แล้ว อดยิ่งโมโหคนผู้นั้นขึ้นมาไม่ได้ บัดนี้นางแน่ใจได้แล้วว่า หญิงสาวนี่ต้องมาถามหาความรับผิดชอบตนเพราะเขาแน่นอน

 

 

ต่อให้เป็นเช่นนี้ มั่วชิงเฉินยังคงคำนับหนึ่งทีว่า “ท่านผู้อาวุโส”

 

 

ความแตกต่างของตบะวางอยู่ตรงนี้ นางไม่ก้มศีรษะไม่ได้

 

 

“ท่านผู้อาวุโส?” ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังทวนคำพูดซ้ำหนึ่งรอบ เอ่ยอีกว่า “เจ้าไม่ได้ยินพวกนางเรียกอย่างไรหรือ?”

 

 

มั่วชิงเฉินหลุบตาลง สายตาจ้องไปบนพื้น “เรียนท่านผู้อาวุโส มีเพียงสำนักเดียวกัน ผู้น้อยถึงกล้าเรียกอาจารย์อา”

 

 

กฎของพรรคเหยากวง ผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำกว่าก่อแก่นปราณจำเป็นต้องใส่ชุดของสำนัก ไม่ว่าใครจะฐานะพิเศษเพียงใดก็ไม่อาจละเมิดกฎได้

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงผู้นี้ตบะอยู่ระดับสร้างรากฐาน กลับแต่งตัวด้วยชุดชาววัง มั่วชิงเฉินกล้ามั่นใจว่านางไม่ใช่คนของพรรคเหยากวง เรียกว่าผู้อาวุโส อย่างไรก็ไม่ควรถูกหาข้อผิดพลาดได้

 

 

ทว่าหากสำนักที่ทั้งสองคนอยู่ความสัมพันธ์ดีต่อกัน ตบะก็ใกล้เคียงกันละก็ การเรียกศิษย์พี่น้องด้วยความเกรงใจก็ย่อมทำได้

 

 

ต่อให้มั่วชิงเฉินไม่สนใจเรื่องโลกภายนอกอย่างไร ความรู้พื้นฐานเรื่องมารยาทเช่นนี้อย่างไรก็ยังมี

 

 

พูดกลับมาแล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงผู้นี้ไม่ใช่ศิษย์พรรคเหยากวง เหตุใดสามารถเข้าออกอย่างอิสระ และยังโอหังถึงเพียงนี้?

 

 

ระหว่างที่มั่วชิงเฉินรีบใช้ความคิดอยู่ กลับรู้สึกมีลมสายหนึ่งซัดมา นางเสกคาถาเหยียบลมโดยไม่รู้ตัว ฝีเท้าก้าวถอยหลังไป กลับได้ยินเสียง ‘เพียะ’ เสียงหนึ่งดังขึ้น แก้มซ้ายเจ็บปวดแสบปวดร้อนในทันใด

 

 

“เหตุผลข้างๆ คูๆ วาจาคมคายนัก เจ้าก็คือใช้คำพูดไพเราะเสนาะหูพวกนี้ทำให้ศิษย์พี่เยี่ยหลงใหลใช่หรือไม่?” ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงเอ็ดเสียงดุดัน

 

 

ค่อยๆ มีศิษย์ที่เดินทางผ่านไปผ่านมาเริ่มมุงดู ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังกลับไม่แยแสแม้แต่น้อย เพียงแต่ปล่อยพลานุภาพของผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานกดดันมั่วชิงเฉิน

 

 

ดีที่มั่วชิงเฉินจิตสัมผัสค่อนข้างแข็งแกร่งมาแต่กำเนิด ตอนที่อยู่ในแดนลี้ลับก็เคยสู้เป็นสู้ตายกับอสูรปีศาจชั้นสองที่มีตบะเทียบเท่าระดับสร้างรากฐานระยะต้น จึงไม่ถึงกับคุกเข่าลงกับพื้นภายใต้แรงกดดันตามที่ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงผู้นี้คาดไว้ ในทางกลับกันกลับยืดหลังตรง

 

 

“ท่านผู้อาวุโส ผู้น้อยไม่ใกล้พูดจาข้างๆ คูๆ ยิ่งไม่ได้เกาะแกะท่านอาจารย์อาเยี่ยเหมือนที่ท่านว่ามาเช่นนั้น…”

 

 

มั่วชิงเฉินยังพูดไม่จบ เสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้นอีกที แก้มข้างขวาแดงบวมขึ้นมาเช่นกัน

 

 

“ศิษย์น้องผู้นี้เหตุใดจึงไปตอแยกับท่านอาจารย์อาระดับสร้างรากฐานล่ะ?” ศิษย์ที่มุงดูอยู่มีคนหนึ่งแอบถามขึ้น

 

 

“คนผู้นั้นไม่ใช่คนของพรรคเหยากวง” ศิษย์อีกคนหนึ่งกล่าว

 

 

คนที่ถามก่อนหน้าร้องอย่างตกใจว่า “อะไรนะ ไม่ใช่คนของพรรคเหยากวง คาดไม่ถึงเลยว่าจะโอหังเพียงนี้?”

 

 

อีกคนหนึ่งรีบกระตุกเขาทีหนึ่งว่า “เจ้าเสียงเบาหน่อย ถูกได้ยินเข้าจะโชคร้ายนะ แม้นางไม่ใช่คนของพรรคเหยากวง ทว่าฐานะไม่ธรรมดา อย่าว่าแต่อาจารย์อาพวกนั้น แม้แต่ท่านปรมาจารย์พบเข้าก็ต้องยอมให้สามส่วน”

 

 

“เพราะเหตุใดล่ะ?”

 

 

อีกคนหนึ่งค้อนเขาปราดหนึ่งว่า “ข้าถึงว่าเจ้าอย่าเอาแต่บำเพ็ญเพียรอย่างโง่ๆ คนผู้นี้เป็นหลานสาวของเจ้าหุบเขาเขารั่วสุ่ย ได้ยินมาว่าเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักรั่วสยา ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงที่ตามอาจารย์อาเยี่ยกลับมาเมื่อหลายปีก่อนก็คือนาง!”

 

 

“หา ที่มาใหญ่โตเพียงนี้ เช่นนั้นเหตุใดศิษย์น้องผู้นั้นยังกล้าไปตอแยด้วยล่ะ หรือว่าอยากตาย?” คนก่อนหน้าสูดลมเย็นเข้าอึดหนึ่ง

 

 

อีกคนหนึ่งเอ่ยอย่างจำใจว่า “เจ้านี่บำเพ็ญเพียรจนโง่แล้วจริงๆ ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินว่าอาจารย์อาเยี่ยชอบแม่นางน้อยเข้าคนหนึ่งหรือไร คิดว่าก็คือศิษย์น้องผู้นี้แล้ว ท่านผู้อาวุโสผู้นั้นร้ายกาจนักแล ได้ยินมาว่าผู้บำเพ็ญเพียรหญิงมากมายที่เกาะแกะอาจารย์อาเยี่ยล้วนถูกนางจัดการมาก่อน เอาล่ะ เจ้ารีบดูเถอะ”

 

 

“ท่านผู้อาวุโส หากท่านไม่เชื่อ เหตุใดไม่ไปถามอาจารย์อาเยี่ยเองเจ้าคะ เหตุใดต้องทำให้ศิษย์ระดับหลอมลมปราณเช่นผู้น้อยต้องลำบากใจด้วย?” มั่วชิงเฉินพยายามอดทนไว้ไม่ให้ลงมือ อย่าว่าแต่ตนไม่ใช่คู่มือของเขาเลย คำวิจารณ์ของคนที่มุงดูเมื่อครู่ ล้วนถูกนางได้ยินหมดแล้ว

 

 

ตนเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรหญิงตบะต่ำต้อยไม่มีที่พึ่งคนหนึ่ง หากสู้กับนางขึ้นมา ต่อให้นางฉวยโอกาสฆ่าตนเสีย ก็ไม่มีคนออกหน้าแทนตน ต่อให้นางไม่ลงมือฆ่าแกงกัน ขอเพียงประมือกัน เกรงว่าผลสุดท้ายคนที่ถูกลงโทษก็ยังคงเป็นตนเองอยู่ดี

 

 

หรือว่า นี่ก็คือแผนของนาง?

 

 

เสียงเพียะๆ ดังขึ้นอีกสองเสียง มั่วชิงเฉินรู้สึกเพียงเห็นดาวตรงหน้า ฝีเท้าโซเซไปทีหนึ่ง

 

 

“ข้าจะดูเจ้ายังจะปากแข็ง…”

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังขยับตัวอีก กลับได้ยินเสียงหนึ่งว่า “ศิษย์น้องหรวน ได้โปรดยั้งมือด้วย”

 

 

ทุกคนมองไป เห็นเพียงผู้ชายดูแล้วอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่งเดินเข้ามา ตาเล็กจนดูไม่ออกว่าลืมอยู่หรือหลับอยู่ คือศิษย์ผู้ดูแลที่ปีนั้นพามั่วชิงเฉินขึ้นเขาชิงมู่นั่นเอง

 

 

“เจ้าเป็นใคร?” ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังยกคิ้วว่า กลับไม่ได้เก็บงำพลานุภาพเพราะคนที่มามีตบะสูงกว่าตนอยู่ระดับสร้างรากฐานระยะกลาง

 

 

คนที่มาบ่นในใจว่า พรรคเหยากวงมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานหลายร้อยคน เจ้าเป็นคนนอกคนหนึ่งไม่รู้จักก็เป็นเรื่องธรรมดา กลับเป็นแม่เจ้าประคุณรุนช่องท่านนี่สิชื่อเสียงด้านความโอหังในพรรคเหยากวงข้ากลับไม่มีคนไม่รู้จัก ปากกลับเอ่ยอย่างเกรงใจว่า “ศิษย์น้องหรวน ข้าแซ่เฉียน เป็นศิษย์ผู้ดูแลของเขาชิงมู่ ไม่ทราบนางหนูที่ไม่รู้ความนี่ไปทำอะไรให้ศิษย์น้องโกรธ หากมีที่นางทำไม่ถูก ศิษย์น้องต้องบอกข้านะ ข้าต้องมอบนางให้ศิษย์พี่ที่โถงลงทัณฑ์ ให้ลงโทษอย่างสาสมแน่นอน”

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังถลึงตาหงส์ ฮึเสียงเย็นว่า “เป็นเช่นไรล่ะ ข้าก็คิดจะสั่งสอนนางหนูน้อยนี่กับมือ ไม่ได้หรืออย่างไร?”

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่เฉียนโกรธอยู่ในใจ ไม่คิดว่าหญิงผู้นี้ถือว่ามีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งจึงเอาแต่ใจเช่นนี้ ไม่ไว้หน้าตนแม้แต่น้อย ใบหน้ากลับไม่แสดงอาการใดๆ ว่า “ศิษย์น้องหรวนพูดอะไรเช่นนั้น นางเป็นเพียงนางหนูน้อยระดับหลอมลมปราณบังอาจกล้าทำให้เจ้าโกรธ ต่อให้ตีจนปางตายก็เป็นเรื่องสมควร เพียงแต่ศิษย์พี่ก็เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน จึงเตือนศิษย์น้องประโยคหนึ่ง ผู้ชายในโลกนี้มักทะนุถนอมอิสตรี ผู้บำเพ็ญเพียรก็ยากจะยกเว้น”

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังได้ยินคำพูดข้างหลังแล้ว สีหน้าเริ่มอ่อนไหวขึ้นมา กลับไม่ยอมที่จะปล่อยมั่วชิงเฉินไปทั้งอย่างนี้ ปากก็แข็งว่า “ฮึ ผู้ชายล้วนโง่เช่นนี้!”

 

 

“หึๆๆ ศิษย์น้องหรวน เช่นนั้นข้าก็จะพานางหนูนี่ไปแล้วนะ” ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่เฉียนพูดพลางส่งสายตาให้มั่วชิงเฉิน

 

 

มั่วชิงเฉินเพิ่งเดินได้ก้าวเดียว ก็ได้ยินผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังว่า “ช้าก่อน ข้าจะขอดูอย่างละเอียดหน่อยว่านางหนูนี่มีตรงไหนที่เหนือกว่าคนอื่นกันแน่”

 

 

พูดพลางเดินขึ้นหน้ามายื่นมือออก คาดไม่ถึงว่าคิดจะเปิดผมหน้าของมั่วชิงเฉินขึ้น

 

 

ต่อให้ถูกตบหน้าหลายที ใบหน้ามั่วชิงเฉินยังสุขุมอยู่ได้ ทว่าการกระทำของผู้บำเพ็ญเพียรหญิงนี้กลับทำให้นางตกใจสะดุ้งเฮือก

 

 

นางเข้าใจดีเหลือเกินว่าหน้าตาตนบัดนี้จะนำความยุ่งยากอะไรมาให้บ้าง หากวันนี้เปิดเผยต่อหน้าผู้คน นางที่ยังไม่มีความสามารถในการปกป้องตนเอง ต่อไปอย่าคิดจะมีชีวิตสงบสุขเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตั้งใจบำเพ็ญเพียรเลย!

 

 

“แค่กๆ ศิษย์น้องหรวน เจ้าจำต้องทำเช่นนี้หรือ มีเรื่องหนึ่งศิษย์พี่ลืมบอกไป ที่นี่เป็นสถานที่ที่อาจารย์อาเหอกวงดูแล อาจารย์อารักความสงบ ยิ่งไม่ชอบให้มีคนมาทะเลาะในที่ของท่าน ศิษย์พี่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์อาเหอกวง มาเตือนสติศิษย์น้องทีหนึ่ง ทว่าศิษย์น้องเจ้าวางใจได้ นางหนูนี่ข้าพากลับไป ต้องลงโทษให้เข็ดหลาบแน่นอน”

 

 

ไม่รู้ใช่เพราะชื่อเสียงของนักพรตเหอกวงทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังเกิดกลัวขึ้นมาหรือไม่ นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเบิ่งตาใส่มั่วชิงเฉินอย่างดุดันปราดหนึ่งว่า “สบายเจ้าแล้ว นางหนูบ้า ยกเว้นเจ้าอย่าออกจากเขาชิงมู่ ไม่เช่นนั้น…”

 

 

จนกระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรหญิงชุดชาววังไปไกล ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่เฉียนกวาดสายตาผ่านผู้คนที่มุงดูปราดหนึ่ง ตะคอกว่า “พวกเจ้าว่างขนาดนี้หรือ ไม่ต้องบำเพ็ญเพียรหรืออย่างไร?”

 

 

คนที่มุงดูกระจายไปทันที

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่เฉียนกวาดสายตาเย็นชามาที่ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงสองคนที่อยู่ร่วมลานบ้านเดียวกับมั่วชิงเฉิน สองสาวหดตัว เอ่ยอย่างว่าง่ายว่า “อาจารย์อาเฉียน…”

 

 

“หุบปาก พวกเจ้าไปโถงลงทัณฑ์ตอนนี้เลย!” ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่เฉียนเอ็ดว่า

 

 

“อาจารย์อาเฉียน พวกเราก็ทำเพราะความจำใจ…” ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงคนหนึ่งพูดอย่างน้อยใจ

 

 

แรงกดดันสายหนึ่งส่งผ่านมา สองสาวล้มลมกับพื้นพร้อมกัน ไม่กล้าเถียงอะไรอีก ลุกขึ้นมาแล้วรีบจากไปโดยไว

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่เฉียนมองมั่วชิงเฉินที่หน้าบวมมากปราดหนึ่ง ถอนใจว่า “เจ้ากลับไปเถอะ”

 

 

มั่วชิงเฉินย่อเข่า “ขอบคุณอาจารย์อาเฉียนเจ้าค่ะ”

 

 

“อย่าขอบคุณข้า จะขอบคุณก็ขอบคุณนักพรตเหอกวงเถอะ” อาจารย์อาเฉียนพูดพลางขี่กระบี่จากไป

 

 

มั่วชิงเฉินชะงักงัน หันหลังยกเท้ากำลังจะไป กลับต้องหยุดลงอีก

 

 

ไม่ไกลออกไป เยี่ยเทียนหยวนยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไร

พันธกานต์ปราณอัคคี

พันธกานต์ปราณอัคคี

สาวชนบทชีวิตอาภัพคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีจอมยุทธ์ผู้หนึ่งมารับตัวนางกลับไปยังตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรของบิดา ตั้งแต่นั้นชีวิตของนางจึงพลิกผันไปโดยพลัน ถึงกระนั้นพรสวรรค์ของนางกลับมิได้ล้ำเลิศเฉกเช่นบิดา ยังดีที่มี ‘สุราทิพย์’ คอยช่วยเหลือ และนำพานางไปสู่เส้นทางที่คนธรรมดาได้แต่วาดฝันถึง ในเส้นทางสายนี้ยังมีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่นางนั้นคาดไม่ถึง ทั้งออกผจญภัยปราบปีศาจสยบอสูร ปลูกสมุนไพรหลอมโอสถ โดนข่มเหงกีดกันเพราะความอ่อนด้อยจนไม่ต่างกับเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง และไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะพานพบกับรสรักที่ล้ำลึกเสียจนมิอาจถอน แรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานผูกนางกับเขาอย่างไร้หนทางแยกจากกันได้… หนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ช่างเปลี่ยนไปมาจนมิอาจคาดเดาได้ เขาจะเป็นคนรับใช้ที่โดดเด่นในโลก (อดีต) แห่งนี้ให้ดู!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset